Vampire อสุรกายดูดเลือด

รายชื่อสัตว์ประหลาดกลุ่มแวมไพร์

- การ์เคน และอัลฟาการ์เคน   - คาตาคัน   - บรุกซา
- ผู้เฒ่าเร้นลับ   - พลูมาร์ด   - เฟลเดอร์ และโปรโตเฟลเดอร์
- มูล่า และนอสเฟอรัต   - แวมไพร์ชั้นสูงที่แท้จริง   - เอคคิมมาร่า
- แอลป์


แวมไพร์
เป็นสิ่งมีชีวิตจากต่างมิติที่ปรากฏตัวขึ้นหลังเกิดการเชื่อมต่อกันของพหุจักรวาล (Conjunction of the Spheres) ลักษณะเด่นของเผ่าพันธุ์นี้คือความว่องไวชนิดที่มนุษย์ไม่อาจเทียบได้ มีประสาทสัมผัสที่ยอดเยี่ยมทั้งการมองเห็น การได้ยิน และการรับกลิ่น มีเนื้อเยื่อที่สมานตัวและฟื้นฟูสภาพได้อย่างรวดเร็วจนดูเหมือนกับว่าพวกมันเป็นอมตะ นอกจากนี้แวมไพร์แต่ละชนิดยังมีลักษณะที่ดูเหมือนกับค้างคาวและชื่นชอบการดื่มเลือดเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าแวมไพร์บางชนิดจะสามารถดำรงชีวิตได้โดยไม่จำเป็นต้องดื่มเลือดก็ตาม

ในนิยายต้นฉบับของ Andrzej Sapkowski แวมไพร์มีทั้งหมด 8 ชนิด ได้แก่ แวมไพร์ชั้นสูง, บรุกซา, แอลป์ (อัลปอร์), คาตาคัน, มูล่า, นอสเฟอรัต (เนคูรัต), เอคิมม่า (เอคิมมาร่า) และเฟลเดอร์ ไม่มีการจัดประเภทอย่างชัดเจน เพียงแต่แบ่งคร่าว ๆ ตามพฤติกรรมการล่าเหยื่อและความจำเป็นในการดื่มเลือดเพื่อดำรงชีวิต ได้แก่

  • กลุ่มที่ไม่จำเป็นต้องดื่มเลือดและไม่ฉีกร่างเหยื่อ ได้แก่ แวมไพร์ชั้นสูง
  • กลุ่มที่จำเป็นต้องดื่มเลือดและไม่ฉีกร่างเหยื่อ ได้แก่ แอลป์, บรุกซา, มูล่า, คาตาคัน และนอสเฟอรัต
  • กลุ่มที่จำเป็นต้องดื่มเลือดและฉีกทึ้งร่างเหยื่อ ได้แก่ เอคิมมา และเฟลเดอร์

ซึ่งจะเห็นได้จากบทสนทนาระหว่างเรจิส แดนดีไลออน และเกรอลท์ในเล่ม Baptism of Fire ด้านล่างนี้

“ไม่ต้องเยาะเย้ยข้าเลย เจ้าต้องคุ้นกับรอยเขี้ยวของแวมไพร์ดีอยู่แล้ว เคยมีสักครั้งไหมล่ะที่แวมไพร์ฉีกร่างเหยื่อเป็นชิ้น ๆ แบบนี้?”

“ไม่ ไม่เคยเกิดขึ้นหรอก”

“ในกรณีของแวมไพร์ชั้นสูงย่อมไม่เกิดขึ้นอยู่แล้ว ข้าเห็นด้วย” เอมิล เรจิส ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เท่าที่ข้ารู้มา อัลปอร์, คาตาคัน, มูล่า, บรุกซา และนอสเฟอรัต จะไม่ฉีกร่างเหยื่อของพวกมัน ในทางตรงกันข้าม เฟลเดอร์และเอคิมม่าค่อนข้างจะรุนแรงกับเศษซากเหยื่อ”

“บราโว่” เกรอลท์เอ่ยปากพร้อมกับมองเขาด้วยสายตายอมรับนับถืออย่างจริงใจ “เจ้าเอ่ยชื่อแวมไพร์ได้อย่างไม่ตกหล่นเลยสักชนิด แถมยังไม่กล่าวถึงชนิดที่ผู้คนจินตนาการขึ้นมา ซึ่งมีแต่ในเทพนิยายเท่านั้น ช่างเป็นความรู้ที่น่าประทับใจจริง ๆ เจ้าคงต้องรู้ด้วยว่าไม่เคยมีใครพบเห็นเอคิมม่าและเฟลเดอร์ในสภาพอากาศแบบนี้เลย”

นอกจากนี้มนุษย์ยังมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับแวมไพร์อยู่มากมาย อันที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นกระเทียม, น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์, สัญลักษณ์ทางศาสนา หรือกระแสน้ำ ล้วนไม่สามารถป้องกันแวมไพร์ได้ แสงแดดไม่เป็นอันตรายต่อแวมไพร์ แต่แวมไพร์บางชนิดจะหลีกเลี่ยงแสงด้วยเหตุผลอย่างอื่น รวมไปถึงเรื่องที่ว่าแวมไพร์ชั้นสูงไม่สามารถสัมผัสโลหะเงินได้ ก็ไม่เป็นความจริงเช่นกัน เนื่องจากเรจิสสามารถสัมผัสส้อมเงินด้วยมือเปล่าโดยไม่เกิดการระคายเคืองใด ๆ ระหว่างที่เขาเล่าเรื่องอสุรกายต่าง ๆ ต่อหน้าพวกขุนนางทูซองต์

เรจิสโบกส้อมเงินไปมา และแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่จะต่อกรกับแวมไพร์ได้ดีที่สุดคือโลหะเงิน ซึ่งจะเป็นอันตรายถึงตายหากพวกมันสัมผัสกับโลหะมีค่านี้โดยตรง และเรื่องกระเทียม ลองถามพวกผู้หญิงดูสิ? เรจิสเคยยอมรับว่ากระเทียมมีผลต่อเขามาก ๆ แต่เป็นปัญหาเรื่องการเข้าสังคมมากกว่า เพราะกลิ่นของมันช่างเหม็นฉุนอย่างร้ายกาจ

 

ฮิวเบิร์ต และ โอริอานนา สองตัวละครที่สร้างความสับสนให้กับแฟน ๆ


ส่วนแวมไพร์ในจักรวาลเกมของ CD Projekt Red นั้นมีความแตกต่างกับแวมไพร์ในนิยายต้นฉบับอยู่หลายอย่าง (เช่น แพ้ไฟ แพ้โลหะเงินอย่างมาก) นอกจากนี้ตัวเกมหลักและเทรลเลอร์ของเกม The Witcher 3 ยังทำให้แฟน ๆ เกิดความสับสนด้วยการใช้โมเดลตัวละครที่ขัดแย้งกับข้อมูลในเกม ไม่ว่าจะเป็นการสร้างตัวละคร “ฮิวเบิร์ต ไรค์” (Hubert Rejk) ให้เป็นแวมไพร์ชั้นสูง แต่กลับใช้โมเดลของคาตาคันเมื่อเขากลายร่างเป็นแวมไพร์ และตัวละคร “โอริอานนา” (Orianna) ที่เป็นแวมไพร์ชั้นสูงแต่กลับกลายร่างเป็นบรุกซาในเทรลเลอร์ A Night to Remember โดยสาเหตุมาจากการที่ทีมงานยังไม่ได้สร้างเรื่องราวและโมเดลร่างที่แท้จริงของเผ่าพันธุ์แวมไพร์ชั้นสูงออกมาในตอนนั้น เมื่อมีการออก DLC Blood and Wine ตามมาจึงยิ่งทำให้แฟน ๆ สับสนมากขึ้นเพราะข้อมูลที่ขัดแย้งกันเองระหว่าง DLC กับตัวเกมหลัก

แนวคิดเรื่องสายพันธุ์ย่อยของแวมไพร์ในเกมนั้นเทียบได้กับการจัดประเภทสิ่งมีชีวิตในตระกูลไพรเมตที่แบ่งเป็นชั้นต่ำและชั้นสูง โดยแวมไพร์ชั้นต่ำ (lesser vampire) จะมีสัญชาตญาณป่าเถื่อน มีสติปัญญาเทียบได้กับสัตว์ทั่ว ๆ ไป ดำรงชีวิตด้วยการกินเลือดเป็นอาหาร และไม่สามารถกลายร่างได้ ส่วนแวมไพร์ชั้นสูง (higher vampire) นั้นมีสติปัญญาเทียบได้กับมนุษย์ มีรูปร่างใกล้เคียงกับมนุษย์หรือแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าการจัดประเภทของ CDPR จะทำให้แฟน ๆ สับสนอยู่เสมอเมื่อมีการกล่าวถึง “แวมไพร์ชั้นสูง” เพราะในความเข้าใจของแฟน ๆ คำว่า “แวมไพร์ชั้นสูง” จะหมายถึงแวมไพร์ชั้นสูงที่แท้จริงแบบเรจิสหรือเด็ตลาฟ แต่คำว่า “แวมไพร์ชั้นสูง” ของทีมงานจะหมายถึงกลุ่มแวมไพร์ที่มีสติปัญญาสูงทั้งหมด (sapient vampire) และเรียกแวมไพร์แบบเรจิสว่า “แวมไพร์ชั้นสูงที่แท้จริง” แทน

 

The World of the Witcher

คำบรรยายลักษณะต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตประเภทนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องเหลวไหล เป็นเพียงแค่เรื่องเล่าของกลุ่มคนที่เชื่อเรื่องไสยศาตร์ ข้อเท็จจริงนั้นแตกต่างไปจากเรื่องราวที่คนส่วนใหญ่รับรู้ เนื่องจากแวมไพร์นั้นไม่ใช่คนตายที่ฟื้นคืนชีพหรือศพที่ถูกสาปให้ลุกขึ้นมาจากหลุม แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรากฏขึ้นหลังการเชื่อมต่อของพหุจักรวาล

เรื่องลี้ลับเกี่ยวกับแวมไพร์ที่ลือต่อ ๆ กันมาก็ไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น แม้พวกมันจะหลีกเลี่ยงแสงแดดในเวลากลางวัน แต่แสงแดดก็ไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรงต่อแวมไพร์ส่วนใหญ่ การกัดก็ไม่ได้เปลี่ยนเหยื่อให้กลายเป็นแวมไพร์ กระเทียมหรือน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถขับไล่พวกมันได้ ส่วนตราสัญลักษณ์ทางศาสนานั้นไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง เวสิเมียร์เคยบอกเอาไว้ว่า มันก็เป็นแค่การดูหมิ่นความเชื่อทางศาสนาของพวกแวมไพร์เท่านั้น ในกรณีที่แวมไพร์มีศาสนาจริง ๆ

การใช้ไม้แหลมเหลาเป็นลิ่มตอกร่างแวมไพร์ก็สามารถหยุดยั้งมันได้เพียงชั่วคราว แต่ถ้าหากมนุษย์โดนตอกกลางอกแบบนั้นก็คงลาโลกไปเลยใช่ไหม? ในทางตรงกันข้าม แวมไพร์สามารถฟื้นฟูร่างกายและสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ได้ ว่ากันว่าคงต้องใช้ลิ่มอันใหญ่ ๆ แทงให้โดนอวัยวะภายในของมัน นั่นแหละถึงจะทำให้มันบาดเจ็บได้ ดังนั้นตำนานเรื่องการตอกลิ่มเข้าที่หัวใจของพวกมันจึงพอมีมูลอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม ถ้าเลือกได้ วิทเชอร์ก็คงเลือกใช้ดาบเงินมากกว่า

โดยทั่วไปนิยมแบ่งแวมไพร์ออกเป็นสองกลุ่ม ได้แก่ แวมไพร์ชั้นสูง และแวมไพร์ชั้นต่ำ เป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่าใครเป็นคนต้นคิดเรื่องการจัดประเภทนี้ แต่คนส่วนใหญ่ก็คิดว่ามันถูกต้องแม้จะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง

แวมไพร์ชั้นสูง

ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากจัดให้แอลป์, มูล่า, คาตาคัน, บรุกซา และเนคูรัตอยู่ในกลุ่มนี้ สายพันธุ์เหล่านี้มีลักษณะเฉพาะตัวร่วมกันหลายอย่าง ซึ่งญาติ ๆ ในอันดับที่ต่ำกว่าของพวกมันไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว แวมไพร์กลุ่มนี้จึงถูกเรียกรวม ๆ ว่า แวมไพร์ชั้นสูง พวกมันทนทานต่อแสงอาทิตย์ สามารถซ่อนเร้นสัญชาตญาณดิบของตัวเองและสวมรอยเป็นมนุษย์ได้ ซึ่งช่วยให้พวกมันออกล่าและหลบหนีได้อย่างง่ายดาย แวมไพร์ส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์และมีพลังจิต ทำให้พวกมันเป็นศัตรูที่น่าเกรงขาม แต่ถึงแม้จะมีความสามารถดังกล่าว พวกมันก็ยังไม่ใช่แวมไพร์ชั้นสูงที่แท้จริงอยู่ดี

แวมไพร์ชั้นสูงที่แท้จริงคือสายพันธุ์ที่แยกออกมาต่างหาก พวกมันทรงพลังที่สุด บางตนมีอำนาจสั่งการและควบคุมแวมไพร์ตนอื่น ๆ ได้ แวมไพร์สายพันธุ์นี้คือเจ้าแห่งการอำพรางตัว ซึ่งส่วนใหญ่ก็ดูเหมือนกับมนุษย์จนแทบแยกไม่ออก นอกจากลักษณะฟัน สิ่งที่ใช้แยกแวมไพร์เหล่านี้ออกจากมนุษย์ก็คือ พวกมันไม่มีเงาทอดออกมาจากร่างกายและไม่มีเงาสะท้อนในกระจก ข้าเคยพบแวมไพร์ชั้นสูงตนหนึ่งซึ่งตราประจำสำนักของข้าไม่อาจตรวจจับได้เลย นอกจากจะมีความว่องไวและความเร็วเหนือธรรมชาติแล้ว แวมไพร์ชั้นสูงยังสามารถแปลงร่างเป็นค้างคาวยักษ์ หายตัวล่องหน และใช้พลังจิตผ่านสายตาเพื่อควบคุมเหยื่อหรือสะกดให้พวกเขาหลับ พวกมันไม่ค่อยถูกกับแสงแดด เปลวไฟ และโลหะเงิน แต่มีพลังในการฟื้นฟูสภาพอย่างรวดเร็วเหลือเชื่อ ซึ่งทำให้พวกมันยังคงมีชีวิตอยู่ได้แม้จะถูกตัดหัว ถูกแยกร่าง หรือถูกเผาจนแทบไม่เหลือซาก เพียงแต่อาจต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูสภาพยาวนานหลายทศวรรษ

แวมไพร์ชั้นต่ำ

อย่างที่ข้าเคยกล่าวไว้ การจัดประเภทของแวมไพร์กลุ่มนี้ไม่ค่อยถูกต้องนัก แต่โดยทั่วไปจะหมายถึงแวมไพร์สามสายพันธุ์* ได้แก่ เฟลเดอร์ เอคิมมาร่า และการ์เคน สองชนิดแรกไม่ทนทานต่อสภาพอากาศหนาวเย็น แต่เมื่อหลายสิบปีมานี้พวกมันก็ค่อย ๆ ขยายถิ่นอาศัยข้ามแม่น้ำยารูก้าขึ้นมาทางเหนือเรื่อย ๆ

เมื่อเปรียบเทียบกับแวมไพร์กลุ่มก่อนหน้านี้ แวมไพร์ชั้นต่ำจะมีความดิบเถื่อนและโหดร้ายอย่างแท้จริง พวกมันใช้สัญชาตญาณมากกว่าสติปัญญา แวมไพร์เหล่านี้ไม่สามารถอยู่ท่ามกลางแสงแดดได้และจะออกล่าเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น นอกจากดื่มเลือดแล้วพวกมันยังฉีกร่างเหยื่อเพื่อกินเนื้ออุ่น ๆ อีกด้วย เฟลเดอร์กินแม้กระทั่งเหยื่อที่เจ็บป่วย ซึ่งเป็นสิ่งที่แวมไพร์ส่วนใหญ่หลีกเลี่ยง และเมื่อมันหิวโซ เฟลเดอร์ยังกินซากศพที่เพิ่งตายใหม่ ๆ อีกด้วย ทำให้มันดูดีกว่าพวกเนโครเฟจอยู่เพียงนิดเดียว

 

หมายเหตุ: ในปี 2015 ที่หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ออกมา เกม Thronebreaker ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา จึงยังไม่มีการเอ่ยถึงแวมไพร์ชนิดที่เรียกว่าพลูมาร์ด

 

 

The Witcher Role-Playing Game: A Witcher’s Journal

แม้แต่แวมไพร์ที่ตัวเล็กกว่าคาตาคันก็ยังคู่ควรกับการเตรียมตัวรับมือ พวกมันว่องไวและฉลาดพอที่จะพลิกสถานการณ์แม้ต้องต่อสู้กับวิทเชอร์ แต่ก็ถูกสังหารได้อย่างง่ายดายหากเจ้าหาทางตรึงร่างมันไว้ได้ ส่วนพวกที่มีพละกำลังมากกว่าการ์เคนนั้นยากต่อการตามล่า พวกมันจะหลบซ่อนประสาทสัมผัสของเจ้า ปั่นหัวให้สับสน และยังรวดเร็วกว่าเกินกว่าที่มนุษย์คนใดจะทำเช่นนั้นได้

- เออร์แลนด์ แห่งลาร์วิค วิทเชอร์หนึ่งในห้าคนแรกของมหาทวีป

 

แวมไพร์มีหลายชนิดเกินกว่าจะจดจำได้ทั้งหมด โดยเฉพาะในยามที่เราไม่อยากนึกถึงตัวดูดเลือดพวกนี้ เผ่าพันธุ์แวมไพร์ข้ามมาจากมิติของพวกมันเมื่อเกิดการเชื่อมต่อกันของพหุจักรวาล เรารู้ว่าพวกแวมไพร์ชั้นสูงมีตัวตนอยู่จริงและอาจใช้ชีวิตปะปนอยู่กับพวกเรา แต่ข้าคิดว่าผู้คนไม่อยากรับรู้มากกว่า พวกเรายังสร้างความเชื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับจุดอ่อนของมันขึ้นมาเพื่อความสบายใจของเราเอง เรื่องแวมไพร์กลัวกระเทียมหรือผิวหนังลุกไหม้เมื่อสัมผัสสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ รวมไปถึงความเชื่อที่ว่าพวกมันไม่สามารถข้ามกระแสน้ำได้นั้นไม่เป็นความจริงเลย ทั้งหมดล้วนเป็นความพยายามอย่างสิ้นหวังเพื่อหลอกตัวเองว่าพวกเรายังปลอดภัยดี

แวมไพร์ในลำดับชั้นสูงสุดเป็นอสุรกายที่แม้แต่วิทเชอร์ก็ไม่สามารถกำจัดได้ พวกมันเป็นอมตะและเห็นพวกเราเป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่มีอายุขัยเพียงน้อยนิด แนวคิดที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่า เราสามารถเป็นอมตะแบบแวมไพร์ได้หากยอมละทิ้งจิตวิญญาณของตัวเองและยอมให้พวกมันดูดเลือดก็ไม่เป็นความจริงเช่นกัน แวมไพร์มีเผ่าพันธุ์เป็นของตัวเองและไม่สามารถเปลี่ยนมนุษย์ให้เป็นแวมไพร์ได้ นอกจากนี้แวมไพร์ชั้นสูงที่แข็งแรงก็ไม่จำเป็นต้องดื่มเลือดเลย และสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกมันคือความสามารถในการฟื้นสภาพร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ว่ากันว่าแวมไพร์ที่ทรงพลังที่สุดสามารถฟื้นสภาพตัวเองให้สมบูรณ์เหมือนเดิมได้ แม้จะถูกตอกลิ่ม ถูกแยกร่าง และถูกตัดหัวก็ตาม แต่ก็อาจต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง ช่างเป็นเรื่องที่ทำให้ค่ำคืนอันเงียบสงัดน่าสยดสยองขึ้นมาทันที

มีแวมไพร์บางชนิดที่ไม่จำเป็นต้องดื่มเลือดเป็นอาหาร บางชนิดมีสติปัญญาและรูปร่างคล้ายมนุษย์จนแทบแยกไม่ออก พวกมันมักปรากฏกายเป็นหญิงสาวทรงเสน่ห์เพื่อหลอกล่อเหยื่อ และมักใช้ชีวิตในแหล่งชุมชนเพื่อที่จะได้ดื่มเลือดสด ๆ ตลอดเวลา บางชนิดสามารถล่องหนหรือกลายร่างเป็นกลุ่มควันได้และยังว่องไวอย่างเหลือเชื่อ

แต่ยังพอโชคดีอยู่บ้าง เพราะลำดับชั้นยิ่งต่ำลงเท่าไร พวกแวมไพร์ก็ยิ่งมีลักษณะห่างไกลจากมนุษย์มากเท่านั้น บางชนิดมีรูปร่างเหมือนค้างคาวยักษ์ แต่พวกมันยังคงมีความเฉลียวฉลาดแม้ว่าลักษณะภายนอกจะดูเหมือนสัตว์ประหลาดก็ตาม อาจเป็นเพราะว่าพวกมันดูแตกต่างจากมนุษย์อย่างชัดเจน แวมไพร์เหล่านี้จึงมักซ่อนตัวอยู่ในเงามืดและออกหากินในเวลากลางคืน

ยังมีแวมไพร์อีกจำพวกในลำดับชั้นล่างสุด พวกมันไม่ได้มีสติปัญญาเหมือนแวมไพร์ชั้นสูง และยังมีรูปร่างแตกต่างจากมนุษย์อย่างสิ้นเชิง พวกมันเป็นเหมือนกับสัตว์ป่าที่มีแต่ความดุร้าย ข้าก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าควรจะจัดให้มันเป็นแวมไพร์ด้วยหรือเปล่า พวกมันชอบฉีกกระชากเหยื่อเป็นชิ้น ๆ เพื่อกินเลือด ออกหากินเป็นฝูงและไร้ซึ่งความหวาดกลัว

เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าแวมไพร์ชนิดใดน่ากลัวที่สุด แม้ร่างกายของพวกมันไม่สามารถทนทานต่อโลหะเงินได้เช่นเดียวกับสัตว์ประหลาดจากต่างมิติทุกชนิด แต่ด้วยการฟื้นสภาพที่รวดเร็วก็ทำให้บาดแผลเหล่านั้นเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ แน่นอนว่าเจ้าสามารถสังหารแวมไพร์ชั้นต่ำได้โดยการเผาให้เป็นจุลแล้วตีขี้เถ้าให้แตกกระจายออกจากกัน อย่างไรก็ตามพึงระลึกไว้อยู่เสมอว่าความเชื่อและตำนานต่าง ๆ ไม่อาจช่วยปกป้องเราได้ และมันยังทำให้เราถูกจู่โจมได้ง่ายขึ้นเพราะความเชื่อเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องจริงเลย มีเหล่าอัศวินจำนวนมากที่ถือธงทิวประทับตราศาสนจักรอัคคีนิรันดร์ระหว่างเผชิญหน้ากับแวมไพร์ แต่แล้วธงสัญลักษณ์นั้นก็ถูกพวกมันฉีกกระจุยต่อหน้าต่อตา

- ศาสตราจารย์แบรนดอน หัวหน้าภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอ็อกเซนเฟิร์ต

 

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.