เวสิเมียร์ (Vesemir)

เวสิเมียร์ เป็นอาจารย์วิทเชอร์สำนักหมาป่า นอกจากจะคอยสั่งสอนวิชาดาบให้กับพวกวิทเชอร์ฝึกหัดแล้ว เขาก็มักจะเล่านิทานให้พวกเด็ก ๆ ที่เหนื่อยล้าจากการฝึกได้ฟังก่อนนอนอีกด้วย แต่หลังจากมีชาวบ้านที่ถูกปลุกปั่นไปปิดล้อมปราสาทแคร์ มอร์เฮน และรุมสังหารเหล่าวิทเชอร์ สำนักหมาป่าก็เหลือแค่เวสิเมียร์และวิทเชอร์ฝึกหัดเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รอดชีวิตไปได้ หน้าที่แกรนด์มาสเตอร์ของสำนักจึงตกเป็นของเขาไปโดยปริยาย

สิ่งที่เวสิเมียร์ยังพอทำได้ก็คือ การอบรมสั่งสอนวิทเชอร์ฝึกหัดกลุ่มสุดท้ายของสำนักหมาป่า เขาไม่สามารถสร้างวิทเชอร์รุ่นใหม่ ๆ ขึ้นมาได้อีก เพราะการจะเปลี่ยนเด็กธรรมดาให้กลายเป็นวิทเชอร์จะต้องอาศัยองค์ความรู้ของพวกนักเวทและสารก่อการกลายพันธุ์ซึ่งถูกทำลายไปจนหมดในเหตุสังหารหมู่ครั้งนั้น

นอกจากพวกวิทเชอร์สำนักหมาป่า เวสิเมียร์ก็รู้จักจอมเวทหญิงอย่างทริส เมริโกลด์ มาตั้งแต่ตอนเธอยังเป็นเด็ก ๆ และยังช่วยเกรอลท์สอนวิชาความรู้เกี่ยวกับมอนสเตอร์และการใช้ยาของพวกวิทเชอร์ให้กับซีรีอีกด้วย ด้วยอายุที่มากขึ้นเวเสิเมียร์จึงไม่ได้ออกไปรับงานล่าปีศาจอีก และใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในปราสาทแคร์ มอร์เฮนเพียงลำพัง

เวสิเมียร์เป็นคนที่รักและห่วงใยลูกศิษย์มาก แต่เขามักแสดงออกด้วยการฝึกฝนอย่างเข้มงวด เกรอลท์และเอสเกลเคยถูกเขาฟาดด้วยเส้นหนังเพราะความซนที่จับแมลงมาทรมานเล่น ส่วนแลมเบิร์ทนั้นก็มักจะถูกหมาป่าเฒ่าสั่งให้หุบปากอยู่เป็นประจำ แต่เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจแก้ปัญหาที่มีความสำคัญ เวสิเมียร์จะรับฟังความคิดเห็นของบรรดาลูกศิษย์เสมอ เช่น เมื่อตอนที่ซีรีแสดงอภินิหารโดยการพูดคำทำนายออกมาแบบไม่รู้ตัว และเกิดเหตุการณ์แบบนี้ถี่ขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็เลือกทำตามคำแนะนำของเอสเกลที่เสนอให้เชิญคนที่มีความรู้ด้านเวทมนตร์มาช่วยกันแก้ปัญหา และตอนที่ทริสเห็นว่าพวกเขากำลังเลี้ยงดูซีรีแบบผิดๆ เวสสิเมียร์ก็รับฟังและยอมให้ทริสได้ดูแลเด็กสาวตามวิธีของเธอเอง

ในนิยายต้นฉบับ เวสิเมียร์ปรากฏตัวในเล่ม Blood of Elves ช่วงที่ซีรีฝึกวิชาอยู่เท่านั้น และแทบไม่มีการพูดถึงเรื่องราวในอดีตของเขาเลย CD Projekt Red จึงเริ่มเติมช่องว่างนี้ด้วยวีรกรรมจีบหญิงของเขาใน DLC Hearts of Stone (ตุลาคม 2015) ต่อด้วยประวัติแบบคร่าว ๆ ใน reward book ของเกม Gwent (Season of the Wolf เดือนมกราคม 2021) และล่าสุด Netflix ได้เปิดเผยเรื่องราววัยหนุ่มของเวสิเมียร์ในอนิเมชัน Nightmare of the Wolf (สิงหาคม 2021) ซึ่งถูกนับเป็นจักรวาลเดียวกันกับซีรีส์ด้วย

 

Original Novel

The Last Wish (The Voice of Reason 4)

แคร์ มอร์เฮน… เป็นสถานที่ที่คนแบบข้าถูกสร้างขึ้นมา แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแบบนั้นอีกแล้ว ไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นั่นนอกจากเวสิเมียร์ ใครน่ะหรือ? เขาเป็นพ่อของข้า ทำไมเจ้าจึงทำหน้าประหลาดใจแบบนั้นล่ะ? มีอะไรแปลกนักรึไง? ใคร ๆ ก็ต้องมีพ่อด้วยกันทั้งนั้น และพ่อของข้าก็คือเวสิเมียร์ ต่อให้เขาไม่ใช่พ่อบังเกิดเกล้าของข้า… แล้วไงล่ะ? ข้าไม่เคยรู้จักพ่อแท้ ๆ ของข้า… ไม่รู้จักแม่แท้ ๆ ของตัวเองเลยด้วยซ้ำ ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า และข้าก็ไม่สนใจเรื่องนั้นเท่าไรหรอก


Sword of Destiny

พวกนางไม้รุ่นเยาว์กระหายที่จะได้ฟังนิทานต่าง ๆ เหมือนพวกวิทเชอร์ฝึกหัดที่แคร์ มอร์เฮน เพราะนาน ๆ ทีเด็ก ๆ เหล่านี้ถึงจะมีโอกาสได้ฟังนิทานก่อนนอนกับเขาบ้าง ดรายแอดตัวน้อยอาศัยนอนฟังเสียงลมโชยผ่านแมกไม้ ส่วนพวกวิทเชอร์ตัวกระเปี๊ยกก็มีเสียงร้องระงมของกล้ามเนื้อแขนขาที่บอบช้ำคอยกล่อมยามเข้านอน ตอนที่ได้ฟังเรื่องเล่าของเวสิเมียร์ที่ปราสาทแคร์ มอร์เฮน ดวงตาของพวกเราก็เป็นประกายไม่ต่างอะไรกับดวงตาของเบรนน์ในตอนนี้เลย


Blood of Elves

‘ทริส… หนูน้อยของปู่!’
‘เวสิเมียร์!’
เวสิเมียร์นั้นแก่มาก ๆ … ใครเลยจะรู้ เขาอาจมีอายุมากกว่าแคร์ มอร์เฮนก็เป็นได้ แต่เขาเดินเหินตรงเข้าไปหานางด้วยย่างก้าวที่คล่องแคล่ว เปี่ยมพลัง และร่าเริง มือที่เอื้อมมาจับก็แนบแน่นและมีกำลังวังชา
‘ข้าดีใจที่ได้เจอท่านอีกนะ ท่านปู่’
‘จูจุ๊บข้าหน่อยสิ ไม่… ไม่… ไม่ใช่ที่มือ ยายแม่มดน้อย เจ้าจะจูบมือข้าตอนที่ข้าลงโลงไปแล้วเท่านั้นแหละ ไม่ต้องกลัว อีกไม่นานนักหรอก โอ้… ทริส ดีจริง ๆ ที่เจ้ามา… ใครจะรักษาข้าได้ล่ะ ถ้าไม่ใช่เจ้า’
‘รักษาท่านรึ? ให้หายจากอะไรล่ะ? หายจากนิสัยเด็ก ๆ เป็นแน่! เอามือของท่านไปไกล ๆ จากบั้นท้ายข้าเลย ท่านปู่! หรือจะให้ข้าเผาเคราหงอก ๆ ของท่านทิ้งซะ!’


The Lady of the Lake

‘เวรเอ๊ย!’ เอสเกลโพล่งออกมา เขาลุกขึ้นแล้วเปิดประตูตู้เก็บของ ‘จะเอา “ยานางนวล” หรือเหล้าว็อดก้า?’
‘ว็อดก้า’ โคเอนกับเกรอลท์ตอบเป็นเสียงเดียวกัน
‘เอาสิ...’ เวสิเมียร์แดกดันจากใต้เงามืด ‘เอาเลย... สันดานพวกเจ้าก็เป็นเสียอย่างนี้ พอจนปัญญาเข้าก็พาเมาหัวราน้ำ ไอ้พวกเด็กโง่!’
‘มันเป็นแค่อุบัติเหตุน่า…’ แลมเบิร์ทพึมพำ ‘นางเอาตัวรอดจากสนามขวากได้แล้วกัน’
‘หุบปากไปเลยเจ้างั่ง! ข้าล่ะหน่ายจะฟังเจ้าพล่ามแล้ว! จะบอกให้นะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับยายหนูนั่นละก็—’
‘นางไม่เป็นไรแล้ว’ โคเอนขัดคออย่างสุภาพ ‘นางกำลังนอนหลับอยู่ หลับลึกและหลับสบายด้วย พอตื่นขึ้นมานางก็จะระบมแค่นิดหน่อย นางจะจำเรื่องที่ตกอยู่ในภวังค์หรือสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย’
‘พวกเจ้าอย่าลืมก็แล้วกัน!’ เวสิเมียร์ถอนหายใจ ‘เจ้าพวกทึ่มเอ๊ย! รินให้ข้าด้วย เอสเกล’

 

The Witcher 3 Wild Hunt


มันเกิดขึ้นในฤดูหนาวของปี 1234 มีสัตว์ร้ายออกมาเพ่นพ่านตามถนนของเมืองอ็อกเซนเฟิร์ต ข้าคิดว่ามันคือเฟลเดอร์ มีการออกสัญญาว่าจ้างและติดประกาศไปทั่ว และแล้ววิทเชอร์คนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น เวสิเมียร์แห่งสำนักหมาป่า เขาตามแกะรอยเจ้าสัตว์ร้ายและลัดเลาะมาถึงคฤหาสน์ของตระกูลข้า เราสบตากัน แล้วบางสิ่งก็ปะทุขึ้นภายในหัวใจ ข้าเขียนความในใจถึงเขา ขอร้องพี่เลี้ยงส่วนตัวของข้าให้ช่วยส่งจดหมายนี้ แล้วเขาก็มาพบข้ากลางดึกในคืนหนึ่ง และคืนต่อ ๆ ไปด้วย แต่แล้วบิดาข้าก็ได้ยินอะไรบางอย่างเข้า เวสิเมียร์จึงต้องหนีไปอย่างรีบร้อนและทิ้งเสื้อเกราะนวมเอาไว้ [...] ใช่แล้ว แต่นั่นก็เป็นจุดจบความรักของเราด้วย บิดาข้าออกประกาศจับตัวเขาและบังคับให้ข้าแต่งงานหลังจากนั้น โชคดีที่สามีของข้าตายไปตั้งแต่ยังหนุ่ม เขาเลยทิ้งมรดกก้อนโตไว้ให้ข้า

- ท่านหญิงมินโญล นักสะสมสิ่งของเกี่ยวกับวิทเชอร์ 

 

Character Entry

เวสิเมียร์เป็นวิทเชอร์ที่อายุยืนที่สุดของสำนักหมาป่าที่ยังคงมีชีวิตอยู่ และน่าจะเป็นวิทเชอร์ที่อายุมากที่สุดในมหาทวีปอีกด้วย

อาจารย์วิทเชอร์ไม่ได้มีชีวิตหลังเกษียณที่ดีนัก เขาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังของแคร์ มอร์เฮน และบ่นกระปอดกระแปดทุกครั้งที่กระดูกลั่น แม้จะแก่จนผมหงอกแต่เขายังคงแข็งแรงพอที่จะออกล่าสัตว์ประหลาดได้เช่นเดียวกับสมัยยุคทองของเขา และจัดการพวกมันได้อย่างเรียบร้อย เขาเคยเจอกับสัตว์ประหลาดมานับไม่ถ้วน มากกว่าจำนวนที่พวกลูกศิษย์ของเขาได้เจอรวมกันเสียอีก

จากครูฝึกจอมโหดผู้มีมาตรฐานสูงที่คอยสั่งสอนเกรอลท์ในวัยเด็ก หลายปีต่อมาเขาก็เป็นทั้งอาจารย์และเป็นเสมือนพ่อแม่บุญธรรมของเหล่าวิทเชอร์ คอยช่วยเหลือพวกเขาด้วยคำแนะแนะนำอันชาญฉลาดและสุขุมรอบคอบอยู่เสมอ

ในฤดูใบไม้ผลิของปี 1272 เมื่อเรื่องราวเริ่มต้นขึ้น เวสิเมียร์ร่วมทางไปกับเกรอลท์เพื่อออกตามหาเยนเนเฟอร์ ตามแกะรอยเส้นทางของเธอผ่านดินแดนเทเมเรียที่ย่อยยับจากสงคราม

เวสิเมียร์มักพูดอยู่เสมอว่า ไม่มีวิทเชอร์คนไหนที่นอนแก่ตายบนเตียง มีแต่ความตายจากการต่อสู้เท่านั้นที่รอเขาอยู่ การรอคอยนั้นจบลงเมื่อพวกไวลด์ฮันท์บุกมายังปราสาทแคร์ มอร์เฮน เพื่อจับตัวซีรี เวสิเมียร์ทุ่มเททุกสิ่งเพื่อปกป้องลูกศิษย์ตัวน้อยผู้เป็นเสมือนหลานสาวบุญธรรมของเขา เขาจากโลกนี้ไปเยี่ยงวีรบุรุษด้วยมือของอิมเลอริธ แม่ทัพผู้เหี้ยมโหดแห่งกองทัพไวลด์ฮันท์

 

Gwent (Year of Wererat,Season of the Wolf Reward Tree)

บันทึกม้วนที่ 1: แม้ตอนนี้จะฟังดูเหลือเชื่อก็ตาม แต่ครั้งหนึ่งเวสิเมียร์ก็เคยเป็นหนุ่มน้อยมาก่อน หลังจากเขาผ่านบททดสอบแห่งต้นหญ้า เขาก็ยังคงมุ่งมั่นกับการไว้หนวดมาโดยตลอด โชคดีที่เขาผ่านการฝึกอันหฤโหดมาได้แบบไร้รอยขีดข่วน ไม่มีแม้แต่ความพิกลพิการหรือรอยแผลเป็น มีเพียงสีของดวงตาเท่านั้นที่เปลี่ยนไประหว่างขั้นตอนการกลายพันธุ์

บันทึกม้วนที่ 2: เวสิเมียร์ในวัยหนุ่มออกรับงานเป็นครั้งแรกโดยมีอาจารย์บาร์มินร่วมทางไปด้วย เขาพบว่าการแอบหลบไปจากสายตาของอาจารย์นั้นไม่ใช่เรื่องยาก แค่หาหมวกปีกกว้างมาสวมเอาไว้เพื่ออำพรางใบหน้าเท่านั้น ต่อมาหมวกใบนี้ก็กลายเป็นหมวกในตำนานอันเลื่องชื่อของ “ป๊ะป๋าเวสิเมียร์” ที่ไม่อนุญาตให้วิทเชอร์คนไหนสวมมันทั้งนั้น… โดยเฉพาะแลมเบิร์ท

บันทึกม้วนที่ 3: เมื่อสวมผ้าคลุมผืนใหญ่กับหมวกคู่ใจแล้ว เจ้าหนุ่มเวสิเมียร์ก็พร้อมจะหลบเร้นสายตาของอาจารย์บาร์มินออกไปข้างนอก เพื่อทำทุกอย่างที่อาจารย์ของเขาห้ามปราม พูดสั้น ๆ ก็คือ เขาตระเวนไปทุกที่และทุกครั้งที่มีงานรื่นเริงไม่ว่าจะเป็นโรงเหล้าหรืองานแต่งงาน หรือแม้แต่ปีนระเบียงแมนชั่นขึ้นไปหาสาว ๆ ถึงห้องนอน โดยเฉพาะบ้านหลังที่มีข่าวฉาวโฉ่... ถ้าเทียบกับเกรอลท์ แลมเบิร์ท และเอสเกลแล้ว เวสิเมียร์ไปเยี่ยมเยือนพวกสาว ๆ มากกว่าที่ลูกศิษย์ทั้งสามคนเคยทำไว้รวมกันเสียอีก

บันทึกม้วนที่ 4: แต่ใช่ว่าอาจารย์ของเขาจะไม่รู้เรื่องนี้เลย บางครั้งอาจารย์บาร์มินก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับความเถลไถลของลูกศิษย์ตัวเอง แต่เมื่อมันล้ำเส้น อาจารย์ก็จะทำโทษเขาด้วยงานที่น่าเบื่อ ซ้ำซาก และกินเวลาอย่างมาก อย่างการขัดถูทำความสะอาดดาบเป็นต้น

หีบใบที่ 1: สำนวนที่ว่า “ปัญญามาพร้อมกับอายุ” อาจใช้ไม่ได้กับคนบางคน แต่ไม่ใช่กรณีของเวสิเมียร์ อย่างไรก็ตามสิ่งที่หยุดความเกกมะเหรกเกเรของเขาลงได้นั้นไม่ใช่บทลงโทษครั้งแล้วครั้งเล่าของอาจารย์บาร์มิน แต่เป็นความจริงอันโหดร้ายที่สืบเนื่องมาจากการกระทำของเขาเอง โดยเฉพาะเมื่อคนอื่นต้องชดใช้บาปที่เขาก่อขึ้น เมื่อความสนุกชั่วข้ามคืนต้องแลกมาด้วยชีวิตของใครบางคนที่เขาสาบานว่าจะปกป้อง... แค่นั้นก็มากพอที่จะทำให้เขาเริ่มสำนึกและกลับมาทำหน้าที่ของวิทเชอร์ ความจริงจังของเขาเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ได้พบเห็นโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าทั้ง ๆ ที่มันสามารถป้องกันได้ ปีแล้วปีเล่าที่เวสิเมียร์มุ่งมั่นฝึกฝนฝีมือตัวเองจนได้เป็นอาจารย์สอนวิชาดาบแห่งปราสาทแคร์ มอร์เฮน เขาสั่งสอนบรรดาลูกศิษย์อย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถปกป้องชีวิตของคนที่พวกเขารักเอาไว้ได้

 

 

           SPOILER ZONE           

 

  ⚠ คำเตือน: มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของอนิเมชัน Nightmare of the Wolf  

 

 

 

Netflix: Nightmare of the Wolf

Vesemir Timeline

ปี 1095 กำเนิดเวสิเมียร์

เวสิเมียร์ไม่เคยจินตนาการว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้นำของเหล่าวิทเชอร์ แต่เขาถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องเป็น เมื่อบรรดาผู้คนที่เขารักล้วนแต่กำลังตกอยู่ในอันตราย

ก่อนที่เดแกลนจะพาเวสิเมียร์เข้าสู่วิถีแห่งวิทเชอร์ เขาก็เป็นแค่เด็กธรรมดา ๆ ที่เกิดมาเป็นคนรับใช้ เช่นเดียวกับพ่อของเขา แต่เด็กน้อยมักจะเพ้อฝันถึงอนาคตที่ยิ่งใหญ่อยู่เสมอ เมื่อเขาได้ลองลิ้มรสชาติของการผจญภัยแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะหวนคืนไปใช้ชีวิตธรรมดา ๆ ได้อีก

 

ปี 1107 เวสิเมียร์พบเดแกลน

“วิทเชอร์ไม่เคยลังเล” - เดแกลน

เมื่อท่านหญิงที่เวสิเมียร์รับใช้อยู่เกิดล้มป่วยจนคุ้มคลั่ง เขาก็ได้รับมอบหมายให้ไปซื้อสมุนไพรในตลาด ภาระเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ทำให้เขาได้เผชิญหน้ากับเดแกลน ซึ่งเป็นวิทเชอร์ที่กำลังหางานอยู่พอดี อันที่จริงแล้วท่านหญิงเห็นภาพหลอนเพราะถูก “มาห์” [1] ตนหนึ่งสิงร่าง การค้นพบความจริงข้อนี้ทำให้เดแกลนได้เงินเป็นกอบเป็นกำจากพิธีกรรมไล่ปีศาจ ความตื่นเต้นที่ได้จับปีศาจและวิธีการทำงานของเดแกลน รวมไปถึงเงินทองที่เขาได้จากงานนี้ ทำให้เวสิเมียร์เริ่มวาดฝันถึงการเป็นวิทเชอร์

แต่การจะเป็นวิทเชอร์นั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายเลย ทุกคนล้วนต้องเจอกับกระบวนการกลายพันธุ์ที่อาจทำให้ตายได้ อย่างไรก็ตามลึกลงไปในจิตใจของเวสิเมียร์ก็ยังรู้สึกว่าเขาถูกชะตากำหนดให้เป็นบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าการเป็นคนรับใช้ตามที่พ่อของเขาอยากให้เป็น เขายังพร้อมที่จะตัดใจจาก “อิลลียาน่า” เด็กสาวที่เขาหลงรักและคำมั่นสัญญาที่พวกเขามีต่อกัน สำหรับเวสิเมียร์แล้วชะตากรรมของเขาถูกตัดสินด้วยเหรียญทองสองเหรียญที่เดแกลนโยนให้ เขาเริ่มต้นการเดินทางที่แสนอันตรายเพื่อค้นหา “แคร์ มอร์เฮน” บ้านของเหล่าวิทเชอร์ ที่ซึ่งความยากลำบากและการผจญภัยรอเขาอยู่

 

ปี 1108 บททดสอบแห่งบึงสีแดง

ทุกบททดสอบของวิทเชอร์ย่อมมีการสูญเสีย แต่ไม่มีบททดสอบใดที่โหดร้ายไปกว่าการเอาชีวิตรอดจากบึงสีแดง

เวสิเมียร์และวิทเชอร์ฝึกหัดคนอื่น ๆ ถูกนำมาปล่อยทิ้งไว้กลางสถานที่รกร้างอันน่าสะพรึงกลัว ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม “บึงสีแดง” พวกเขาไม่มีอะไรติดตัวนอกจากเหรียญของวิทเชอร์ เด็ก ๆ ทุกคนต่างพากันหวาดกลัว แต่ระหว่างที่เวสิเมียร์กำลังพูดปลอบใจเพื่อน ๆ อยู่นั้น เหรียญวิทเชอร์ของทุกคนก็เริ่มสั่นเป็นสัญญาณเตือนว่ามีสัตว์ประหลาดฝูงใหญ่ตามกลิ่นพวกเขามา

ฝูงเจตภูต กูล และครอลลัค [2] ได้รุมฉีกทึ้งร่างเพื่อน ๆ ของเวสิเมียร์ในขณะที่ทุกคนกำลังวิ่งหนีเอาตัวรอด สเวนเสียแขนไปข้างหนึ่ง ส่วนลูก้าก็เกือบตายเพราะถูกกูลจับตัวได้ ยังดีที่เวสิเมียร์ใช้ท่อนไม้เสียบทะลุร่างของมันเสียก่อน และมันก็เป็นสัตว์ประหลาดตัวแรกที่เขาสังหาร เด็กชายทั้งสองวิ่งหนีตามโทมัสซึ่งโดนกูลอีกตัวกระโจนใส่และลากเขาลงไปในบึงที่เต็มไปด้วยเลือด

เวสิเมียร์ที่สติกระเจิดกระเจิงสามารถหนีรอดออกมาได้ แต่ปลายทางที่เขาวิ่งไปคือหน้าผา และถูกฝูงครอลลัครุมล้อมในที่สุด ที่เขารอดมาได้นั้นเป็นเพราะโชคช่วยแท้ ๆ

 

ปี 1165 เวสิเมียร์สังหารเลเชน

เวสิเมียร์ปะทะดาบกับเถาวัลย์ของเลเชนที่ออกอาละวาดฆ่าคน แต่เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นอย่างที่ตาเห็น

ในป่าลึกที่ล้มรอบเมืองอาร์ด คาร์เรจ์ แถว ๆ ที่มีรูปปั้นเอลฟ์ตั้งอยู่ ล้อรถม้าของครอบครัวขุนนางผู้หนึ่งเกิดไปติดเข้ากับเถาวัลย์หนาม ลอร์ดคาร์ไลล์กับลูก ๆ อีกสี่คนเริ่มโต้เถียงกันด้วยความสับสนและกล่าวโทษอีกฝ่ายว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้พวกเขาหลงทาง โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีเวทมนตร์สร้างภาพลวงตาที่ชักนำพวกเขาให้ออกนอกเส้นทาง

เถาวัลย์สีเขียวสดถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ท่านลอร์ดและเหล่าลูกสาวถูกพรากไปจากดินแดนของคนเป็น มีเพียง “ซูโก้” บุตรชายผู้น่าสงสารที่ยังมีลมหายใจท่ามกลางความหวาดกลัวเลเชน ปีศาจร้ายเจ้าของอาณาเขตที่พวกเขาล่วงล้ำเข้าไป

แต่แล้วเวสิเมียร์ก็ปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อรับเงินค่าจ้าง กระบวนท่าอันเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ที่เขาใช้ต่อสู้กับเลเชนช่างน่าตื่นตายิ่งนัก ไม่นานเขาก็พบว่ามันแตกต่างจากเลเชนทั่ว ๆ ไป หลังจากที่ใช้คาถาอิกนีปิดฉากการต่อสู้ เลเชนตนนี้ก็พูดออกมาเป็นภาษาเอลฟ์โบราณ ซึ่งเป็นเบาะแสอันล้ำค่าให้เขาสืบสาวราวเรื่องต่อไป

 

ปี 1165 ฟิลาวันเดรลขอให้เวสิเมียร์ช่วยเหลือพวกเอลฟ์

“ลองจินตนาการดูว่าวิทเชอร์อย่างพวกเจ้าออกไปล่าปีศาจด้วยเหตุผลอื่นนอกจากความตื่นเต้นกับเงินค่าจ้าง” - ฟิลาวันเดรล เอน ฟิเดล

ณ โรงเหล้าเก่าแก่แห่งหนึ่งในเคดเวน เวสิเมียร์ได้ติดต่อ “ฟิลาวันเดรล” ผู้เป็นสหายเก่าให้ช่วยแปลความหมายของสิ่งที่เลเชนพูดไว้ก่อนตาย พวกเขาพูดถึงการเผชิญหน้าที่เกิดขึ้นอย่างผิดธรรมชาติ และมีพลังงานเวทมนตร์บางอย่างที่อาจเกี่ยวข้องด้วย ก่อนที่ฟิลาวันเดรลจะแปลความหมายของภาษาเอลฟ์โบราณที่เลเชนพูดไว้: “จงระวังรังแห่งความตาย”

เขาคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะเกี่ยวกับภัยคุกคามที่พวกเอลฟ์กำลังพบเจอ จึงเล่าให้เวสิเมียร์ฟังว่ามีเอลฟ์เด็กผู้หญิงจำนวนมากถูกลักพาตัวไปในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา และผู้ต้องสงสัยของเขาก็คือจอมเวทเอลฟ์ที่ชื่อว่า “คิทสึ” ที่สามารถพูดภาษาเอลฟ์โบราณได้ ในฐานะผู้นำทั้งโดยตำแหน่งและจิตวิญญาณ ฟิลาวันเดรล เอน ฟิเดล ไม่ใช่ผู้ที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากใครง่าย ๆ โดยเฉพาะจากพวกวิทเชอร์ แต่น่าเสียดายที่วิทเชอร์คิดว่าการช่วยเหลือพวกเอลฟ์ไม่เป็นผลดีต่อธุรกิจ เวสิเมียร์จึงปฏิเสธคำขอร้องของเพื่อนเก่า และทั้งสองก็แยกย้ายกันไปตามทาง

 

ปี 1165 เวสิเมียร์และเตตราสำรวจโบราณสถานของพวกเอลฟ์

“ถ้าคิทสึใช้เวทมนตร์เพื่อทำให้พวกเอลฟ์เด็กหญิงกลายพันธุ์ แล้วใครกันที่ทำให้นางกลายพันธุ์” - เวสิเมียร์

เวสิเมียร์และลูก้าถูกทหารยามเคดเวนจับกุมตัวหลังจากที่พวกเขาทะเลาะวิวาทกับอัศวินจนมีผู้ถึงแก่ความตาย เวสิเมียร์จึงต้องออกไปทำภารกิจเพื่อเป็นการไถ่โทษ โดยเขาถูกมอบหมายให้ไปสืบสวนเรื่องปีศาจที่ออกอาละวาดในป่าของเคดเวน ส่วนผู้ที่จะร่วมทางไปด้วยน่ะหรือ? ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก “เตตรา กิลเครสท์”

แต่ความยากลำบากก็ทำให้คู่หูที่แสนประหลาด ในระหว่างที่ต่างฝ่ายต่างดูหมิ่นซึ่งกันและกัน ไม่นานพวกเขาก็เริ่มชื่นชมพลังของอีกฝ่าย เตตราพบความผิดปกติบางอย่างบริเวณรูปปั้นเอลฟ์ จึงใช้เวทมนต์ทำลายภาพลวงตาที่ปกคลุมผืนป่าในละแวกนั้น ภาพลวงตาที่ซ่อนโบราณสถานของพวกเอลฟ์เอาไว้ และแล้วพวกเขาก็เจอตัวคิทสึที่มาพร้อมกับบาสิลิสก์กลายพันธุ์ของเธอ

หลังจากที่ทั้งคู่ล้มบาสิลิสก์ลงได้ เวสิเมียร์และเตตราก็เข้าไปสำรวจภายในโบราณสถาน พวกเขาพบศพของเอลฟ์เด็กหญิงจำนวนมากที่เสียชีวิตจากการถูกนำตัวมาทดลอง และยังพบฟิลาวันเดรลถูกจับมัดเอาไว้ด้วย พวกเขาสนทนากันอย่างตึงเครียด แต่สุดท้ายฟิลาวันเดรลก็พาตัวเอลฟ์เด็กหญิงที่รอดชีวิตเพียงคนเดียวกลับไป ดูเหมือนว่าความคลางแคลงใจจะจบลงด้วยดี แต่ไม่ใช่สำหรับเตตราที่แผนของเธอเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น

 

ปี 1165 การสังหารหมู่ที่แคร์ มอร์เฮน

เหล่าวิทเชอร์ทำได้แค่รอตั้งรับ ในขณะที่กิลเครสท์ได้รับการสนับสนุนจากทางการเพื่อถล่มแคร์ มอร์เฮน ให้พินาจ

มีบางช่วงที่สัตว์ประหลาดลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วจนแทบไม่มีใครจ้างวิทเชอร์ ผู้นำของวิทเชอร์อย่างเดแกลนจึงเริ่มสร้างสัตว์ประหลาดลูกผสมข้ามสายพันธุ์แบบลับ ๆ เพื่อให้ “เหล่าลูกชาย” ของเขาสามารถเลี้ยงชีพได้อย่างมีเกียรติ แผนการของเดแกลนทำให้ราชาเดแกรดทรงกริ้ว เตตราจึงราดน้ำมันลงบนกองไฟด้วยเรื่องราวของคิทสึ ซึ่งเป็นหนึ่งในผลการทดลองอันล้มเหลวของเดแกลน

พวกชาวบ้านและฝูงสัตว์ประหลาดได้มุ่งหน้าสู่แคร์ มอร์เฮน และทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า เหล่าวิทเชอร์ถูกสังหาร ห้องทดลองใต้ดินทุกทำลาย ความหวังที่จะสืบทอดบททดสอบแห่งต้นหญ้าได้มลายหายไป แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีความหวังเล็ก ๆ เพราะยังมีวิทเชอร์นามว่าเวสิเมียร์ที่สามารถช่วยเหลือพวกวิทเชอร์ฝึกหัดเอาไว้ได้ แม้ในตอนนี้ทุกคนจะปลอดภัยแล้ว แต่ว่าพวกเขาจะกลายเป็นวิทเชอร์กลุ่มสุดท้ายของมหาทวีปอย่างแน่นอน

 

ปี 1165 วิทเชอร์กลุ่มสุดท้าย

“นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะอนุญาตให้พวกเจ้าลังเล จงเลือกซะ” - เวสิเมียร์

อนาคตของเหล่าวิทเชอร์ดูมืดมัวหลังจากเกิดเหตุสังหารหมู่ที่ปราสาทแคร์ มอร์เฮน ห้องทดลองถูกทำลาย พี่น้องของพวกเขาถูกสังหารอย่างโหดร้าย และทรัพยากรก็มีอยู่อย่างจำกัด ชะตากรรมของพวกเขากำลังเข้าใกล้จุดจบอย่างรวดเร็ว แต่เวสิเมียร์เลือกที่จะสืบสานมรดกตกทอดของเหล่าวิทเชอร์ ด้วยการฝึกฝนเด็ก ๆ กลุ่มสุดท้ายที่รอดชีวิตมาได้ แน่นอนว่าพวกเขาคือวิทเชอร์กลุ่มสุดท้ายของมหาทวีป และหนึ่งในนั้นก็มีเด็กชายที่ชื่อว่า “เกรอลท์”

 

หมายเหตุ:

[1] มาห์ (Mahr) เป็นสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายแมงมุมที่มีใบหน้าคล้ายสุนัขจิ้งจอกและมีขา 6 ข้าง พวกมันสามารถเข้าไปอาศัยในร่างเหยื่อ ซึ่งจะทำให้คนผู้นั้นล้มป่วยและเห็นภาพหลอน นอกจากนี้มันยังสามารถสร้างภาพลวงตาจากจิตใต้สำนึกและความทรงจำของผู้ที่มันพบเห็นได้

[2] ครอลลัค (Krallach) เป็นสัตว์ประหลาดที่เกิดจากการทดลองทางพันธุกรรม มีลักษณะคล้ายแมลงขนาดใหญ่ รูปร่างหน้าตาเหมือนแมลงสาบที่มีขาเป็นแมงมุม ขาหน้าของมันเป็นตะขอใบมีดที่คมกริบ

 

ที่มา: Map of the Continent www.witchernetflix.com (สิงหาคม 2021)



2 ความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.