ผู้เฒ่าเร้นลับ (The Unseen Elder)
ผู้เฒ่าเร้นลับ คือ แวมไพร์ชั้นสูงที่แท้จริงซึ่งมีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนานจนเข้าสู่ช่วงวัยสุดท้าย โดยทั่วไปยิ่งแวมไพร์ชั้นสูงที่แท้จริงมีอายุมากเท่าไร ก็จะยิ่งมีความสามารถที่หลากหลาย รวมไปถึงมีพละกำลังและความเร็วมากยิ่งขึ้น ทำให้แวมไพร์อื่น ๆ ยิ่งเคารพยำเกรงและเชื่อฟังคำสั่ง ไม่มีใครรู้ว่าพลังที่แท้จริงของเหล่าผู้เฒ่าเร้นลับนั้นมีพลานุภาพมากมายแค่ไหน รู้เพียงแต่ว่าพวกเขาแทบจะมีสถานะเทียบเท่ากับเทพเจ้าของเหล่าแวมไพร์ทุกชนิด
ผู้เฒ่าเร้นลับที่หลุดมายังมหาทวีปหลังจากเกิดปรากฏการณ์ Conjunction of the Sphere นั้นมีมากกว่าหนึ่งตน แต่มีผู้เฒ่าเร้นลับแห่งเผ่าการาแชมในถ้ำเฮนเกดธ์เพียงตนเดียวเท่านั้นที่ยังปักหลักอยู่บนผืนแผ่นดินทูซองต์ แวมไพร์ทุกตนในแคว้นนี้จึงตกอยู่ใต้การปกครองของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนสาเหตุที่เขาไม่ยอมออกไปนอกถ้ำนั้นเป็นเพราะว่าเขารังเกียจมนุษย์และโลกใบใหม่ จึงเฝ้ารอวันที่พรมแดนระหว่างสองโลกจะเชื่อมต่อกันอีกครั้ง นอกจากนี้ภายในถ้ำยังมีอากาศและสสารปริมาณเล็กน้อยจากมิติเดิมของพวกแวมไพร์สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้เป็นบางครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยบรรเทาความรู้สึกอึดอัดรำคาญของผู้เฒ่าตนนี้ได้
ลำตัวช่วงบนของผู้เฒ่าเร้นลับที่มีรอยสักแผลเป็น (3D Art โดย Sebastian Bakala ภาพจาก ArtStation) |
ในยามปกติผู้เฒ่าเร้นลับแห่งทูซองต์จะอยู่ในร่างกึ่งอสูรที่ดูคล้ายกับชายชราศีรษะล้าน ผิวที่ขาวซีดนั้นเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น รอยสักแผลเป็น (scarification) และยังมีรอยสักอักขระในภาษาแวมไพร์อยู่ตรงบริเวณหน้าท้องด้วย เครื่องแต่งกายของเขามีเพียงผ้านุ่งที่ขาดวิ่นและสร้อยคอประดับรูปหัวไคเมรา (chimera) ส่วนร่างอสูรของผู้เฒ่าเร้นลับอาจเป็นร่างที่มีปีกค้างคาว 4 ปีกเหมือนกับภาพวาดบนผนังถ้ำก็เป็นได้
(ซ้าย) ภาพวาด Unseen Elder บนผนังถ้ำในเกม The Witcher 3 (ขวา) มิเนเจอร์ Unseen Elder ในบอร์ดเกม The Witcher : Old World |
ผู้เฒ่าเร้นลับพูดภาษามนุษย์ได้ แต่ทุกครั้งเขาจะพูดอย่างช้า ๆ ราวกับต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการพูดแต่ละคำ เรจิสได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่าการพูดน่าจะทำให้ร่างกายของผู้เฒ่ารู้สึกเจ็บปวด จึงเป็นสาเหตุที่เขาไม่ชอบสนทนากับใคร พวกแวมไพร์เผ่าการาแชมจึงรู้ดีว่าไม่ควรเข้าไปรบกวนการพักผ่อนของผู้เฒ่า เว้นแต่จะเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสังคมแวมไพร์จริง ๆ เท่านั้น
พลังของผู้เฒ่าเร้นลับเท่าที่ปรากฏใน DLC Blood and Wine ได้แก่
- พละกำลังและความเร็วเหนือแวมไพร์ทั้งปวง แม้แต่เรจิสที่เป็นแวมไพร์ชั้นสูงที่แท้จริงก็ยังตั้งตัวไม่ทันเมื่อถูกผู้เฒ่าเร้นลับใช้พลังจิตสะกดให้หลับไปในสภาพตัวแข็งทื่อ และถ้าหากเราเลือกให้เกรอลท์ถามคำถามทุกข้อ เกมจะตัดเข้าฉากที่ผู้เฒ่าเร้นลับโฉบลงมาสังหารเกรอลท์ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวในชั่วพริบตา แสดงว่าแม้แต่วิทเชอร์ที่มีปฏิกิริยาตอบสนองเหนือมนุษย์ก็ยังไม่สามารถโต้ตอบหรือหลบหลีกได้เลย
- สั่งการแวมไพร์อื่น ๆ ผู้เฒ่าเร้นลับสามารถออกคำสั่งแวมไพร์ทุกชนิดทุกตนในทูซองต์ผ่านการสื่อสารทางโทรจิต และคำสั่งของเขาคือสิ่งที่ไม่สามารถขัดขืนได้
The Witcher 3: Wild Hunt (Blood and Wine)
Bestiary
เกรอลท์ก็ช่างสงสัยเช่นเดียวกับข้า และข้าคิดว่าเจ้าก็คงอยากรู้เช่นเดียวกัน สังคมของแวมไพร์ชั้นสูงนั้นมีการแบ่งลำดับชั้นที่เข้มงวดตามลำดับความอาวุโส: ยิ่งอายุมากเท่าไร สิ่งที่เขาพูดก็จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเท่านั้น และใครที่ไม่ยอมปฏิบัติตามคำพูดนั้นก็จะต้องถูกลงโทษ ในเมืองโบแคลร์มีแวมไพร์ที่อาวุโสมาก ๆ อยู่ตนหนึ่ง อาศัยอยู่ในถ้ำที่เขาพลัดหลงมาเมื่อพหุจักรวาลเกิดเชื่อมต่อกัน เกรอลท์และเรจิสจึงตัดสินใจว่าพวกเขาจะไปขอความช่วยเหลือจากผู้เฒ่าเพื่อตามหาตัวเด็ตลาฟ
ปัญหาเดียวก็คือสมาชิกอาวุโสของเผ่าพันธุ์แวมไพร์ผู้นี้ไม่ค่อยจะ…จะพูดอย่างไรดี…ไม่ค่อยจะยอมรับฟังผู้อื่นนัก โดยเฉพาะผู้เฒ่าผู้นี้ที่ไม่ชอบให้ใครมาเข้าพบเลย เรจิสถึงกับตัวสั่นเมื่อคิดว่าเขาต้องไปรบกวนการพักผ่อนอันสงบสุขของผู้เฒ่า ส่วนเกรอลท์ก็ต้องตัดสินใจอย่างยากลำบาก ว่าเขาควรจะเสี่ยงชีวิตไปพบกับผู้เฒ่าเร้นลับ หรือเขาจะลองไปตามหาซียานนาเอง?
ถ้าเกรอลท์เลือกไปพบผู้เฒ่าเร้นลับ
ดูเหมือนว่าการเข้าพบผู้เฒ่าเร้นลับของเรจิสจะไม่เป็นที่ปรารถนานัก แต่ถึงกระนั้นเกรอลท์ก็สามารถโน้มน้าวให้ผู้เฒ่ายอมช่วยเหลือจนได้ แม้ว่ามันเกือบจะต้องแลกมาด้วยชีวิตของเขาและเรจิสก็ตาม โชคดีที่ทุกอย่างสำเร็จลุล่วงและเกรอลท์กับเรจิสสามารถรอดชีวิตออกมาจากถ้ำได้อย่างปลอดภัย (ถึงแม้จะตัวสั่นอยู่บ้างก็ตาม) และยังการันตีได้ว่าเด็ตลาฟจะต้องออกมาพบพวกเขาที่เทแชม มุทนา อย่างแน่นอน
Concept Art ผู้เฒ่าเร้นลับ (ศิลปิน Marta Dettlaff ภาพจาก ArtStation) |
Journal Entry: What Lies Unseen
ตอนนี้เกรอลท์รู้วิธีหาที่ซ่อนของผู้เฒ่าเร้นลับแล้ว เขาจึงไปหาเรจิสและรีบรุดออกไปพบกับอสุรกายดูดเลือดโบราณด้วยกัน ข้าพอจะจินตนาการได้ว่าเรจิสต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเพียงใด แต่ในที่สุดเรจิสก็ตัดสินใจช่วยเพื่อนรักวางกับดักเพื่อจัดการกับสหายของเขาอีกคน…
เรจิสแสดงความกังวลบางอย่างในการเข้าพบกับผู้เฒ่าเร้นลับ ซึ่งความกังวลของเขานั้นมีที่มาที่ไปและไม่ได้เกินเลยไปจากความเป็นจริง คำพูดที่ว่าผู้เฒ่าเร้นลับจะปฏิบัติต่อแขกอย่างหยาบคายนั้นยังดูน้อยไป สิ่งที่เกิดขึ้นคือผู้เฒ่าเร้นลับได้ทำให้ร่างกายของเรจิสขยับเขยื้อนไม่ได้ ในขณะที่ทำกับเกรอลท์ราวกับเป็นตุ๊กตาโดยการโยนเขาลงไปยังก้นถ้ำ แม้วิทเชอร์จะบาดเจ็บค่อนข้างหนัก แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังอยากเจรจากับแวมไพร์อาวุโสให้รู้เรื่อง…
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าผู้เฒ่าเร้นลับนั้นคู่ควรกับกิตติศัพท์ในแง่ลบของเขา เขาไม่สามารถอดทนต่อแขกที่มาเข้าพบอย่างกระทันหันได้เลย และยังเป็นมฤตยูเดินได้อย่างแท้จริง ในท้ายที่สุดเกรอลท์สามารถโน้มน้าวให้ผู้เฒ่าเร้นลับยอมช่วยเหลือได้สำเร็จ แต่ก็เกือบจะต้องแลกมาด้วยชีวิตของเขาเอง ข้าไม่แปลกใจเลยหากเกรอลท์จะถอนหายใจอย่างโล่งอกหลังจากการพบปะครั้งนี้ และพอจะสบายใจขึ้นมาบ้าง เพราะอย่างน้อยแวมไพร์ที่เขากำลังจะเผชิญหน้า ณ ป้อมปราการเทแชม มุทนา ก็ไม่ใช่ผู้เฒ่าเร้นลับก็แล้วกัน
โมเดล 3 มิติของ Unseen Elder (ศิลปิน Sebastian Bakala ภาพจาก ArtStation) |
Gwent: The Witcher Card Game
ในเกม Gwent มี leader skin ของผู้เฒ่าเร้นลับที่สวมชุดเกราะแบบเดียวกับชุดเฮนเกดธ์ในเกมภาค 3 แต่ในเกม Gwent จะเรียกว่าชุด Blood Armor (สีแดง) และชุด Dark Blood Armor (สีดำ-แดง) จึงเป็นไปได้ว่าชุดเกราะเฮนเกดธ์ที่พบในถ้ำอาจเป็นของผู้เฒ่าเร้นลับ นอกจากนี้ผู้เฒ่าในชุดเกราะก็ยังมีเส้นผมสีเทาอีกด้วย
Reward Tree
บันทึกม้วนที่ 1: ในถ้ำลึกใต้แผ่นดินทูซองต์ มีแวมไพร์ผู้เฒ่าที่มีชีวิตผ่านกาลเวลาอันเนิ่นนานตนหนึ่งยังคงเฝ้ารอให้พหุจักรวาลเชื่อมต่อกันอีกครั้ง เผ่าพันธุ์แวมไพร์ขนานนามเขาว่า "ผู้เฒ่าเร้นลับ" ส่วนเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้น…คงไม่อาจขนานนามสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ว่ามีตัวตนอยู่ได้
บันทึกม้วนที่ 2: ผู้เฒ่าเร้นลับมิได้ปรารถนาพลังอำนาจ ความมั่งคั่ง หรือแม้แต่โลหิต สิ่งเดียวที่เขาปรารถนาคือการได้หวนกลับไปยังโลกใบเดิมที่จากมา เป็นเวลาหลายศตวรรษที่เขาเฝ้ามองประตูเชื่อมต่อมิติทั้งสอง ซึ่ง ณ บัดนี้ได้ปิดสนิทอยู่ตรงหน้า
บันทึกม้วนที่ 3: ผู้เฒ่าเร้นลับห้อยร่างลงมาจากผนังถ้ำจนดูราวกับว่าเขาจำศีลอยู่ในห้วงลึกแห่งนิทรา แต่สิ่งที่แตกต่างไปจากค้างคาวในฤดูหนาว คือ การที่เขาสามารถโฉบลงมาและมอบภยันตรายอันน่างสะพรึงกลัวให้แก่ผู้ใดก็ตามที่บังอาจรบกวนการพักผ่อนของเขา หรือใครก็ตามที่เป็นภัยต่อประตูมิติ
บันทึกม้วนที่ 4: เพียงพูดแค่คำเดียว…ก็มากพอที่จะทำให้เหล่าแวมไพร์เชื่อฟังผู้เฒ่าเร้นลับ เพียงการเคลื่อนไหวเดียว…ก็มากพอที่จะเฉือนร่างศัตรูขาดเป็นสองท่อน กฎทั่ว ๆ ไปที่ควรปฏิบัติตามก็คืออยู่ให้ห่างจากถ้ำใต้ผืนแผ่นดินทูซองต์ไว้จะดีกว่า
ไพ่ Unseen Elder จากเกม Gwent (ศิลปิน Diego de Almeida Peres ภาพจาก gwent.one) |
หีบใบที่ 1: ถึงแม้จะแยกตัวอยู่แต่ในที่ซ่อนมานานหลายศตวรรษ แต่ผู้เฒ่าเร้นลับก็พูดภาษามนุษย์ได้ มีเพียงไม่กี่คนที่รอดชีวิตหลังจากได้พบกับผู้เฒ่าและได้กล่าวเตือนถึงอันตรายจากการที่เขาไม่สามารถอดทนต่อการสนทนาได้เลย หากถามคำถามโง่ ๆ หรือโกหกแม้แต่ครั้งเดียว… คมเขี้ยวของผู้เฒ่าก็จะฝังลงบนคอเจ้าทันที ไม่ว่าใครก็ตามล้วนหมดหนทางสู้ในสถานการณ์เช่นนั้น แม้แต่ผู้ที่มีปฏิกิริยาตอบสนองฉับไวเหนือมนุษย์อย่างวิทเชอร์ก็ตาม
หีบใบที่ 2: ด้วยเกียรติแห่งชาวทูซองต์ พวกเขาสาบานว่าในบางค่ำคืนผืนน้ำสงบนิ่งในทะเทสาบแลคเซลาวีก็นำพาเสียงกระซิบแปลกประหลาดมาด้วย เป็นคำพูดในภาษาอื่นที่ทำให้ขนหัวลุกและสันหลังเย็นวาบ มันคือเสียงของผู้เฒ่าเร้นลับที่บอกกล่าวบรรดาพี่น้องแวมไพร์ให้อดทนรอ เพราะในวันหนึ่งประตูที่กั้นขวางระหว่างสองโลกจะเปิดขึ้นอีกครั้ง และพวกเขาจะได้หวนกลับไปยังโลกเดิม
หีบใบที่ 3: เหล่าแวมไพร์ต่างเคารพนบนอบต่อผู้เฒ่าเร้นลับ พวกเขาจะโค้งคำนับและมอบของบรรณาการให้เมื่อเขาปรากฏกาย หากผู้เฒ่าเร้นลับปรารถนาสิ่งใด เหล่าแวมไพร์ก็จะทำตามความปรารถนาของเขาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ลองคิดดูว่าหากวันหนึ่งผู้เฒ่าเร้นลับออกมาจากที่ซ่อนและระดมพลเหล่าแวมไพร์เพื่อประกาศสงครามกับมวลมนุษยชาติ แค่คิดก็น่ากลัวแล้วใช่ไหม? แต่อย่างน้อยเหตุการณ์นี้ก็ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน… ใช่ไหมล่ะ?
ชุดเกราะ Blood Armor ในเกม Gwent |
ไม่มีความคิดเห็น