กฎแห่งสิ่งเหนือความคาดหมาย (Law of Suprise)

ภาพจากซีรีส์ The Witcher ทาง Netflix

กฎแห่งสิ่งเหนือความคาดหมาย (Law of Suprise) เป็นปรากฏการณ์ทางเวทมนตร์ที่สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้หากอยู่ในสถานการณ์ที่เอื้อต่อการใช้กฎนี้ เริ่มจากผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือต้องเอ่ยคำสัญญาว่าจะให้สิ่งตอบแทนแก่ผู้กระทำคุณให้ตามความปรารถนาทุกอย่าง หากผู้นั้นเลือกสิ่งตอบแทนเป็นทายาทของผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือ และอีกฝ่ายตกลงรับปากก็จะเป็นการผูกมัดโชคชะตาของเด็กคนนั้นไว้กับผู้กระทำคุณให้ แต่ถ้าหากผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือไม่ยอมมอบทายาทของตนเองให้ตามที่สัญญาไว้ ชีวิตของเขาจะต้องประสบกับหายนะอันใหญ่หลวงจนถึงแก่ความตาย

ผู้คนมักเข้าใจว่าสิ่งตอบแทนนั้นหมายถึงสิ่งใดก็ได้ ขอแค่เป็นสิ่งแรกที่พบเห็นเมื่อกลับถึงบ้าน เพราะตามตำนานผู้ที่ขอรับสิ่งตอบแทนจากการใช้กฎนี้มักจะเอ่ยว่า “เจ้าจะต้องมอบสิ่งแรกที่พบเมื่อกลับถึงบ้านให้แก่ข้า” หรือ “เจ้าจะต้องมอบสิ่งแรกที่ออกมาทักทายเจ้าเมื่อกลับถึงบ้าน” แต่ความจริงแล้วสิ่งตอบแทนนั้นหมายถึงบุตรที่ถือกำเนิดขึ้นระหว่างที่บิดาออกเดินทางไกลหรือติดภารกิจอื่น ๆ เป็นเวลานาน จนแม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าภรรยานั้นได้ให้กำเนิดทายาทแล้ว เมื่อกลับมาถึงบ้านเขาเองก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้เห็นเด็กน้อยวิ่งออกมาทักทายด้วยความตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้าบิดาเป็นครั้งแรก นี่จึงเป็นที่มาของคำว่า unexpected child หรือ ทายาทที่นอกเหนือความคาดหมาย ซึ่งบางครั้งก็เรียกว่า เด็กแห่งโชคชะตา (child of destiny)

เด็กแห่งโชคชะตาจากการใช้กฎ Law of Surprise จะมีหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่หรือบทบาทสำคัญในอนาคตเสมอ ดังเช่นตำนานของซาเทร็ต โวรูทา (Zatret Voruta) วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ในยุคแรกของมนุษย์ เขาคือเด็กแห่งโชคชะตาที่ถูกบิดายกให้แก่คนแคระที่เคยช่วยเหลือเขาเอาไว้ หรือตำนานของ ซูพรี (Supree) บุตรของนักเดินทางที่ถูกยกให้แก่แมด เดอี (Mad Deï) ซึ่งเมื่อเขาเติบโตขึ้นก็ได้ช่วยเหลือแมด เดอี ให้พ้นจากคำสาปชั่วร้ายได้สำเร็จ

ในทางตรงกันข้าม หากผู้ที่ถูกช่วยเหลือไม่ยอมมอบเด็กแห่งโชคชะตาให้ ก็จะต้องประสบหายนะอันใหญ่หลวง ดังเช่น ตำนานของซิเวลินา (Zivelina) แห่งอาณาจักรเมทินนา (Metinna) ที่ก่อนหน้านี้เคยสัญญาว่าจะมอบบุตรคนโตให้กับโนมที่ชื่อว่ารัมเพิลสเตลท์ (Rumplestelt) หากเขาช่วยให้นางได้เป็นราชินี แต่ต่อมานางกลับไม่รักษาคำพูด แล้วยังใช้เวทมนตร์คาถาขับไล่โนมจนต้องหนีเตลิดไป ไม่นานหลังจากนั้นก็เกิดโรคระบาดขึ้น ทำให้นางและบุตรชายป่วยหนักจนตายไปด้วยกันทั้งคู่

เหล่าวิทเชอร์จะใช้กฎนี้ในยามที่ต้องการหาเด็กชายมาฝึกฝนเป็นวิทเชอร์รุ่นใหม่ เพราะเชื่อว่าเด็กแห่งโชคชะตาจะรอดชีวิตจากการฝึกและการกลายพันธุ์ไปได้เสมอ ในกรณีของเกรอลท์ หลังจากที่เขาช่วยเหลือดูนี่ (Duny) ให้รอดพ้นจากคมมีดของเรนฟาร์นแห่งอัทเทร (Rainfarn of Attre) จนกระทั่งดูนี่สามารถถอนคำสาปอสูรเม่นได้สำเร็จ เขาจึงเสนอให้เกรอลท์เลือกสิ่งตอบแทนเป็นสิ่งใดก็ได้ ซึ่งเกรอลท์ก็ตอบว่า

ดูนี่ เจ้าจงมอบสิ่งที่เจ้ามีอยู่ แต่เป็นสิ่งที่เจ้ายังไม่รู้ตัวว่ามี แล้วข้าจะกลับมาที่ซินทราในอีก 6 ปีข้างหน้าเพื่อดูว่าโชคชะตาจะเป็นใจให้ข้าหรือไม่

ซึ่งในตอนนั้นองค์หญิงพาเว็ตตา (Pavetta) ได้ตั้งครรภ์กับดูนี่โดยที่เธอเองก็ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร เด็กในท้องจึงกลายเป็นเด็กแห่งโชคชะตาของเกรอลท์นับตั้งแต่ตอนนั้น แต่หลังจากซีรีเกิดได้ไม่กี่ปี องค์หญิงพาเว็ตตาและดูนี่ก็หายสาบสูญไปจากเหตุเรือล่ม ซีรีจึงอยู่ในความดูแลของราชินีคาลันเธ (Calanthe) ซึ่งพระองค์ก็ไม่ยอมทำตามคำสัญญาที่ดูนี่รับปากไว้ ผลที่ตามมาคือการล่มสลายของอาณาจักรซินทรา และพระองค์ก็โดดลงมาจากหอคอยจนสิ้นพระชนม์ไปในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย


หมายเหตุ:

  • หนังสือคำอธิษฐานสุดท้าย (The Last Wish ฉบับแปลไทย พิมพ์ครั้งที่ 1 เดือนเมษายน 2021 ) ใช้คำว่า “บัญญัติแห่งความไม่คาดคิด”
  • ซีรีส์ The Witcher ของ Netflix (ออกอากาศ 20 ธันวาคม 2019) พากย์ไทยว่า “กฎการแทนคุณไร้เงื่อนไข”

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.