เรื่องสั้น "เส้นทางที่ไม่อาจหวนคืน" Part 6 (บทที่ 7)
เส้นทางที่ไม่อาจหวนคืน
แปลจากเรื่องสั้น Droga, z której się nie wraca
โดย อันด์เชย์ ซัพคอฟสกี
📜 อ่าน Part 1 (บทที่ 1) | Part 2 (บทที่ 2-3) | Part 3 (บทที่ 4)
Part 4 (บทที่ 5) | Part 5 (บทที่ 6)
วิเซนนา โคริน และเฟรเกนอล ภาพจากคอมิกส์ Droga bez powrotu |
- VII -
ศพแรกที่พวกเขาพบนั้นอยู่ไม่ไกลจากปากถ้ำ ถูกทุบจนล้มลงระหว่างกองกระสอบข้าวโอ๊ตและกองกิ่งไม้ ทางเดินแยกออกเป็นสองทาง จากจุดนี้พวกเขามองเห็นอีกสองศพถัดไป ศพหนึ่งอยู่ในสภาพหัวเกือบขาดจากแรงปะทะของสันคทาหรือไม่ก็สันขวาน อีกศพมีเลือดเกรอะกรังไปทั่วจากแผลฉกรรจ์หลายแห่ง ศพทั้งสองเป็นมนุษย์
วิเซนนาดึงแถบผ้าคาดศีรษะออกจากหน้าผาก แสงที่เปล่งประกายออกมาจากรัดเกล้านั้นสว่างไสวยิ่งกว่าแสงจากคบเพลิง อัญมณีส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิดในโพรงถ้ำ ทางเดินนำพาพวกเขาไปสู่โถงถ้ำที่ใหญ่ขึ้น โครินผิวปากเบา ๆ ผนังถ้ำข้างหน้านั้นเต็มไปด้วยหีบ ถุง และถังไม้จำนวนมาก กองบังเหียนม้า ม้วนก้อนขนแกะ อาวุธ และเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ หีบส่วนใหญ่ยังมีข้าวของอยู่เต็ม มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่แตกชำรุดหรือว่างเปล่า โครินเดินผ่านไปเห็นกองหินมีค่ากองใหญ่ที่มีทั้งหินเลือดสีเขียวเข้ม เศษหยกที่แตกหัก หินอะเกต [9] โอปอล [10] หินคริโซเพรส [11] และอัญมณีอื่น ๆ ที่เขาไม่รู้จัก ตามพื้นถ้ำหินมีประกายสะท้อนจากเหรียญเงิน เหรียญทอง และเหรียญทองแดงที่กระเด็นตกไปทั่ว มัดหนังสัตว์ชนิดต่าง ๆ กระจัดกระจายออกจากกอง มีทั้งหนังมาร์มอต [12] หนังแมวลิงซ์ หนังจิ้งจอก และหนังวูล์ฟเวอรีน [13]
วิเซนนารีบเดินโดยไม่หยุดพัก นางเร่งรุดเข้าไปยังส่วนลึกของถ้ำที่มืดมิดและแคบลงเรื่อย ๆ โครินตามนางไปติด ๆ
“ข้าอยู่นี่…” เสียงหนึ่งดังออกมาจากเงาตะคุ่ม ๆ ซึ่งนอนอยู่บนกองพรมและหนังสัตว์บนพื้น
พวกเขาเดินเข้ามาดูใกล้ ๆ ชายหัวล้านที่ถูกจับมัดเอาไว้นั้นทั้งอ้วนและเตี้ยม่อต้อ มีรอยช้ำขนาดใหญ่กินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของใบหน้า
วิเซนนาแตะรัดเกล้า ระหว่างนั้นหินแคลเซโดนีก็ส่องสว่างยิ่งกว่าเดิม
“ไม่จำเป็นเลย” ชายที่ถูกมัดเอ่ยขึ้น “ข้ารู้จักเจ้า ข้าลืมไปแล้วว่าพวกเขาเรียกเจ้าว่าอะไร ข้ารู้จักสิ่งที่อยู่บนหน้าผากเจ้า ข้าจะบอกว่ามันไม่จำเป็นเลย เจ้าพวกนั้นมันเล่นงานข้าตอนกำลังหลับ ทำลายคทาและเอาแหวนของข้าไป ข้าไม่เหลือพลังอำนาจใด ๆ อีกแล้ว”
“เฟรเกนอล” วิเซนนากล่าวตอบ “เจ้าเปลี่ยนไปนะ”
“วิเซนนา” ชายอ้วนพึมพำ “ข้าจำได้แล้ว ข้าคิดว่าพวกเขาจะส่งผู้ชายมา ก็เลยส่งเมนิสซาไปรอที่นั่น เมนิสซาของข้าสามารถจัดการพวกผู้ชายได้”
“นางจัดการไม่ได้” โครินตะคอกขณะมองดูไปรอบ ๆ “แต่เพื่อให้ความเป็นธรรมกับนาง ข้าคงต้องบอกว่านางพยายามอย่างสุดฝีมือแล้ว”
“แย่จริง ๆ”
วิเซนนากวาดสายตามองไปรอบ ๆ นางเดินตรงเข้าไปที่ซอกผนังถ้ำอย่างมั่นใจแล้วใช้ปลายรองเท้าเขี่ยหินก้อนหนึ่งขึ้นมา ในช่องลับใต้ก้อนหินมีโถดินเผาที่ถูกหุ้มไว้ด้วยแผ่นหนัง วิเซนนาใช้มีดโค้งสีทองของนางตัดสายรัดแล้วดึงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา
เฟรเกนอลจ้องมองนางด้วยสายตาอาฆาตแค้น “เหอะ...” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือจากความโกรธเกลียด “เก่งเหลือเกิน ยินดีด้วยนะ เจ้าตามหาสิ่งของที่หายไปจนเจอ แล้วเจ้ายังทำอะไรได้อีกล่ะ? ทำนายอนาคตจากเครื่องในสัตว์ไหม? หรือรักษาวัวสาวที่กำลังท้องอืด?”
วิเซนนาอ่านข้อความบนหน้ากระดาษโดยไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย
“น่าสนใจดีนี่” นางกล่าวหลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง “สิบเอ็ดปีก่อน ตอนที่เจ้าถูกขับออกมาจากอาศรม มีคนฉีกกระดาษบางหน้าของตำราต้องห้ามติดมือไปด้วย น่ายินดีที่มันถูกค้นพบแล้ว เต็มไปด้วยอรรถาธิบายจริง ๆ เพราะอย่างนี้เจ้าถึงได้กล้าใช้คาถากางเขนซ้อนของอัลซูร์ แหม... ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะลืมเรื่องจุดจบของอัลซูร์ไปแล้วหรอกนะ ยังมีคนพบเห็นสัตว์ประหลาดของเขาเพ่นพ่านไปทั่ว รวมทั้งผลงานชิ้นสุดท้ายอย่างวีย์ มันสังหารเขาพร้อมกับถล่มเมืองมาริบอร์จนราบไปครึ่งเมือง ก่อนจะหนีเข้าไปในป่าแถบริเวอร์เดล” นางม้วนแผ่นกระดาษสองสามแผ่นแล้วสอดเข้าไปในกระเป๋าใต้แขนเสื้อที่พองออก ก่อนจะคลี่แผ่นกระดาษม้วนต่อไป
“อ่าฮ่า” นางอุทานพร้อมกับขมวดคิ้ว “คาถาแขนงรากไม้ แต่มันดูแตกต่างไปนิดหน่อย ส่วนนี่ก็คาถาสามมุมในสามเหลี่ยม หนึ่งในวิธีกระตุ้นให้เกิดการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มขนาดของร่างกายให้ใหญ่โตมโหฬาร แล้วเจ้าเลือกใช้สัตว์ชนิดไหนมาเป็นตัวตั้งต้นกันล่ะ เฟรเกนอล? ตัวอะไร? ดูเหมือนจะเป็นแมงมุมแส้ [14] สินะ เฟรเกนอล มีบางอย่างหายไป เจ้ารู้ใช่ไหมว่าข้าหมายถึงสิ่งใด?”
“ดีใจจริงที่เจ้าสังเกตเห็นด้วย” จอมเวทยิ้มเยาะ “เจ้าบอกว่ามันเป็นแค่แมงมุมแส้อย่างนั้นรึ? เมื่อใดที่เจ้าแมงมุมแส้ตัวนั้นลงมาจากช่องเขาล่ะก็… โลกทั้งใบจะเงียบงันด้วยความหวาดกลัว แต่เพียงครู่เดียวความเงียบก็จะถูกแทนที่ด้วยเสียงกรีดร้อง”
“เอาล่ะ… เจ้าซ่อนอีกคาถาหนึ่งไว้ที่ไหน?”
“ที่ไหนสักแห่งนี่แหละ ข้าไม่อยากให้มันตกไปอยู่ในมือของคนที่ไม่คู่ควร โดยเฉพาะในมือของเจ้า ข้ารู้ว่าทั่วทั้งอาศรมน่ะเฝ้าใฝ่ฝันถึงอำนาจที่มันจะมอบให้ แต่ฝันไปเถอะ เจ้าไม่มีทางสร้างสิ่งที่น่ากลัวได้แม้แต่เพียงครึ่งเดียวของเจ้าโคชชีย์”
“ดูเหมือนเจ้าจะถูกตีเข้าที่หัวอย่างแรงเลยนะ เฟรเกนอล” วิเซนนากล่าวอย่างใจเย็น “เพราะอย่างนี้เจ้าจึงไม่สามารถกอบกู้สติปัญญาของตัวเองให้กลับคืนมาได้ ใครพูดถึงเรื่องการสร้างสิ่งมีชีวิตกันล่ะ? สัตว์ประหลาดของเจ้าต่างหากที่ต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก วิธีที่ง่ายที่สุดคือการย้อนคาถาสร้างพันธะด้วยคาถากระจกสะท้อน แน่นอนว่าคาถาสร้างพันธะเชื่อมโยงกับคทาของเจ้า ดังนั้นก็ต้องเปลี่ยนมันให้เชื่อมโยงกับหินแคลเซโดนีของข้าแทน”
“เอาแต่พูดว่า ‘ต้องทำนั่น ต้องทำนี่’ อยู่ได้” ชายอ้วนคำราม “เจ้าจะนั่งอยู่ที่นี่และ ‘ต้องรอ’ จนกว่าจะถึงวันสิ้นโลกเลยแหละ ท่านหญิงผู้ฉลาดล้ำของข้า คิดว่าข้าจะยอมมอบคาถาสร้างพันธะให้เจ้าอย่างนั้นรึ? น่าขันสิ้นดี เจ้าไม่มีวันได้สิ่งใดไปจากข้า ไม่ว่าจะข้าจะอยู่หรือตายก็ตาม ข้าป้องกันเอาไว้หมดแล้ว อย่ามองข้าแบบนั่นสิ เดี๋ยวหินบนหน้าผากเจ้าได้ลุกเป็นไฟแน่ รีบแก้มัดเร็ว ๆ เข้า ข้าชาไปหมดทั้งตัวแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะช่วยเตะให้สักทีสองทีก็ได้นะ” โครินยิ้ม “ช่วยกระตุ้นเลือดลมให้ไหลเวียนไง ดูเหมือนเจ้าจะไม่เข้าใจสถานะของตัวเองเลยล่ะสิ เจ้าหมูตอนหัวล้าน ชาวบ้านที่อยู่ข้างนอกนั่นจะเข้ามาที่นี่เมื่อไรก็ได้ พวกชาวบ้านที่เจ้าเคยไปปล้นฆ่ามานั่นแหละ พวกเขาจะจับเจ้าไปขึงพืดให้ม้าแยกร่าง เคยเห็นไหมล่ะ? ท่อนแขนจะหลุดออกมาเป็นอย่างแรกเลย”
เฟรเกนอลถลึงตาแล้วเงยหน้าขึ้น เขาตั้งใจจะถ่มน้ำลายใส่รองเท้าของโคริน แต่ดูเหมือนมันจะยากเกินไปเนื่องจากเขาถูกมัดอยู่ในท่านอน ดังนั้นน้ำลายจึงไปได้ไม่ไกลกว่าคางของเขาเอง
“โถ่” เขาทำเสียงฮึดฮัด “เจ้าก็ได้แต่ขู่เท่านั้นแหละ! จะทำอะไรได้! คงคิดว่าตัวเองกำลังทำสิ่งที่ยิงใหญ่อยู่ล่ะสิ เจ้าคนจรจัด เจ้าน่ะคิดผิดไปไกลเลยล่ะ! ถามนางสิว่าทำไมนางถึงมาที่นี่! วิเซนนา! ชี้ทางสว่างให้เขาหน่อย เหมือนเขาจะเข้าใจว่าเจ้าคือสตรีผู้สูงส่งที่จะมาช่วยปลอดปล่อยเหล่าผู้คนที่ถูกกดขี่ข่มเหง เป็นนักสู้ของเหล่าผู้ตกทุกข์ได้ยาก เจ้าโง่! นี่มันเป็นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ทั้งนั้น! เงินมหาศาลเลยด้วย!”
วิเซนนานิ่งเงียบ เฟรเกนอลเหยียดตัวทำให้เชือกเสียดสีกันจนเกิดเสียง เขาพลิกตัวตะแคงข้างด้วยการงอเข่าดันกับพื้น
“บอกมาสิว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง!” เขาตะคอก “อาศรมส่งเจ้ามาเปิดทางสู่บ่อเงินบ่อทองที่กำลังแห้งเหือดใช่ไหม?! อาศรมน่ะทำเงินจากการค้าหยกและหินเลือด เรียกเก็บเงินจากพวกพ่อค้าและกองคาราวานเพื่อแลกกับเครื่องรางคุ้มภัยกระจอก ๆ ที่ไม่มีผลต่อโคชชีย์ของข้าเลยสักนิด!”
วิเซนนาไม่ตอบ นางไม่ได้หันไปมองชายผู้ถูกพันธนาการ หากแต่จรดสายตาไปยังโคริน
“อ่าฮ่า!” จอมเวทตะเบ็งเสียง “เจ้าไม่กล้าปฏิเสธล่ะสิ! ก็เท่ากับยอมรับกับคนทั้งโลกแล้ว สมัยก่อนมีแต่พวกผู้อาวุโสที่รู้เรื่องนี้ และคนไร้เดียงสาอย่างเจ้าก็เชื่ออย่างสนิทใจว่าอาศรมถูกก่อตั้งมาเพื่อต่อสู้กับสิ่งชั่วร้ายเท่านั้น ข้าไม่แปลกใจเลย โลกมันกำลังเปลี่ยนไป ผู้คนเริ่มเข้าใจว่าพวกเขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเวทมนตร์และผู้วิเศษ เจ้าไม่มีวันเข้าใจหากเจ้าไม่เคยถูกขับไล่ไสส่ง ไม่เคยต้องประทังชีวิตด้วยอาหารที่ขโมยมา สิ่งใดก็ล้วนไม่มีความหมายทั้งนั้น นอกจากผลประโยชน์ พวกเจ้าจึงต้องแก้มัดให้ข้าเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าจะไม่สังหารข้าหรือปล่อยให้ข้าตาย เพราะมันหมายถึงผลประโยชน์ที่อาศรมจะต้องสูญเสียไป และอาศรมจะไม่มีวันให้อภัยเจ้าอย่างแน่นอน”
“ไม่หรอก” วิเซนนากล่าวอย่างเย็นชาพร้อมกับยกแขนขึ้นมากอดอก “เจ้าก็เห็นแล้วนี่ เฟรเกนอล ว่าคนไร้เดียงสาอย่างข้าไม่ค่อยสนใจเรื่องทรัพย์สมบัติ แล้วทำไมข้าจึงต้องสนใจว่าอาศรมจะได้หรือเสียผลประโยชน์ด้วย อาศรมจะอยู่หรือไปก็ช่าง อย่างไรเสียข้าก็หาเลี้ยงชีพได้ด้วยการรักษาวัวสาวท้องอืด หรือรักษาอาการนกเขาไม่ขันให้ตาเฒ่าไร้น้ำยาแบบเจ้าก็ยังได้ แต่มันไม่สำคัญหรอก สิ่งที่สำคัญคือเจ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ เฟรเกนอล… และเจ้าก็ต้องฝืนใจตัวเองบ้าง ใคร ๆ ก็อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปทั้งนั้น เจ้าจึงต้องบอกที่ซ่อนของคาถาสร้างพันธะให้ข้ารู้เดี๋ยวนี้ ตอนนี้เลย และต่อจากนี้เจ้าก็จะต้องช่วยข้าตามหาโคชชีย์และสังหารมัน ไม่อย่างนั้นล่ะก็… ข้าคงต้องเข้าไปเดินเล่นในป่าสักหน่อย จากนั้นจึงค่อยรายงานอาศรมไปว่าข้าไม่ทันเห็นพวกชาวบ้านที่กำลังโกรธแค้น”
“เจ้ามันน่าสมเพชไม่เปลี่ยน” จอมเวทขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เหมือนสมัยก่อนในมาเยนา โดยเฉพาะเรื่องอย่างว่ากับพวกผู้ชาย เจ้าเพิ่งจะอายุแค่สิบสี่ แต่ใคร ๆ ก็พากันร่ำลือถึง....”
“หุบปาก เฟรเกนอล” ดรูอิดหญิงสวนทันควัน “สิ่งที่เจ้ากำลังจะพูดมันไม่ระคายข้าหรอก เขาก็เหมือนกัน เขาไม่ใช่คนรักของข้า พูดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ทำตามที่ข้าบอกแล้วจบเรื่องกันเสียที อย่ามัวแต่พูดพล่าม!”
เฟรเกนอลกรอกตาแล้วหันมามอง “ก็ได้” เขากระฟัดกระเฟียด “คิดว่าข้าโง่นักหรือไง? ใคร ๆ ก็รักตัวกลัวตายอยู่แล้วนี่”
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
📜 อ่าน Part 7 (บทที่ 8) ที่นี่
หมายเหตุ
[9] หินอะเกต (Agate) หรือหินโมรา เป็นหินมีค่าที่มีส่วนประกอบของผลึกควอตซ์ มีสีสันหลากหลาย ลักษณะเด่นคือเนื้อหินจะมีแถบสีเรียงซ้อนกันเป็นชั้น ๆ นิยมนำมาเจียระไนทำเป็นเครื่องประดับ (ที่มา Wikipedia)
[10] โอปอล (Opal) เป็นหินรัตนชาติที่มีส่วนประกอบของซิลิกอนไดออกไซด์เรียงต่อกันแบบโพลีเมอร์ มีความมันวาวเหมือนแก้วและยางสน มีสีสันหลากหลาย แต่ลักษณะเด่นคือสามารถเกิดสีเหลือบรุ้งเมื่อแสงตกกระทบ (ที่มา Wikipedia)
[11] หินคริโซเพรส (Chrysoprase) เป็นหินรัตนชาติที่มีส่วนประกอบของผลึกควอตซ์และโลหะนิกเกิล เนื้อหินมีลักษณะคล้ายหยกแต่โปร่งแสงมากกว่า ส่วนใหญ่มีสีเขียว สามารถเจียระไนเป็นรูปทรงต่าง ๆ ได้ (ที่มา mindat.org)
[12] มาร์ม็อต (Marmot) เป็นสัตว์ฟันแทะขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายกระรอกแต่ตัวใหญ่กว่ามาก น้ำหนักตัวประมาณ 3 - 7 กิโลกรัม อาศัยอยู่ในแถบอเมริกาเหนือและยูเรเชียที่มีอากาศหนาวเย็น อาศัยอยู่ในโพรงใต้ดินและจำศีลในฤดูหนาว (ที่มา Encyclopedia Britannica)
[13] วูล์ฟเวอรีน (Wolverine) เป็นสัตว์ในวงศ์เพียงพอนที่มีขนาดใหญ่ที่สุด รูปร่างคล้ายหมีแต่ตัวเล็กกว่ามาก มีน้ำหนักตัว 10 - 18 กิโลกรัม อาศัยอยู่ในเขตหนาวเย็น มีขนยาวสีน้ำตาลซึ่งกันน้ำได้ มีนิสัยดุร้ายและมักต่อสู้กับศัตรูจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง (ที่มา National Goegraphic)
[14] แมงมุมแส้ (Amblypygi) เป็นแมงที่มีรูปร่างคล้ายแมงมุม แต่ลำตัวแบนและมีขายาวแก้งก้าง มีรยางค์คู่หนึ่งเป็นก้ามหนีบ (pedipalps) ซึ่งยาวกว่าขาคู่อื่น ปลายก้ามหนีบมีหนามเรียงเป็นแถวเหมือนซี่หวี ไม่มีต่อมพิษและต่อมสร้างใย อาศัยอยู่ตามซอกหินหรือเปลือกไม้ในบริเวณที่มีความชื้นสูง (ที่มา กลุ่มอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อม)
ไม่มีความคิดเห็น