เรื่องสั้น "เส้นทางที่ไม่อาจหวนคืน" Part 1 (ความเป็นมา + บทที่ 1)
วิเซนนาและโคริน ภาพประกอบโดย Denis Gordeev |
เส้นทางที่ไม่อาจหวนคืน (The Road With No Return)
ความเป็นมา
อันด์เชย์ ซัพคอฟสกี (Andrzej Sapkowski) เขียนเรื่องสั้นเรื่องนี้ในปี 1988 หลังจากเรื่องสั้น Wiedźmin (The Witcher) ตีพิมพ์ในนิตยสาร Fantastyka ได้ 1 ปี 9 เดือน ในตอนนั้นหนังสือรวมเรื่องสั้นยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง และเขาก็ยังไม่มีไอเดียที่จะให้ตัวละครหลักในเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับเกรอลท์ เพียงแต่ต้องการเขียนเรื่องราวในบริบทและบรรยากาศทีแตกต่างออกไป ต่อมาเขาเกิดเสียดายชื่อตัวละคร “วิเซนนา” ซึ่งเป็นชื่อที่เขารู้สึกว่าไพเราะมาก จึงกำหนดให้วิเซนนาเป็นแม่ของเกรอลท์ในเรื่องสั้น Something More
แม้เรื่องสั้นเรื่องนี้จะไม่ได้ถูกประกาศอย่างเป็นทางการว่าเป็นเนื้อเรื่องหลัก (canon) แต่วัตถุดิบในเรื่องนี้ยังคงถูกซัพคอฟสกีหยิบขึ้นมาอ้างถึงในภายหลัง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่อย่างเมืองมาเยนาในเทเมเรีย สิ่งมีชีวิตโบราณอย่าง “วราน” และ “แวร์บับบ์” รวมไปถึงเรื่องราวของจอมเวท “อัลซูร์” นอกจากนี้ยังมีการดัดแปลงเป็นคอมิกส์ Droga bez powrotu (ถนนไร้ทางหวนกลับ) ในปี 1993 ซึ่งมีรายละเอียดที่แตกต่างออกไปจากเรื่องสั้นเล็กน้อย
หลังจากตีพิมพ์ในนิตยสาร Fantastyka เรื่องสั้นเรื่องนี้ก็ถูกจับไปรวมเล่มในหนังสือ Wiedźmin ที่ตีพิมพ์ในปี 1990 แต่ต่อมาหนังสือเล่มนี้ถูกปรับปรุงใหม่และตีพิมพ์ในชื่อ Ostatnie życzenie (The Last Wish) และตัดเอาเรื่องสั้นเรื่องนี้ออกไป ก่อนจะถูกนำมาตีพิมพ์ในหนังสือรวมเรื่องสั้นสัพเพเหระของซัพคอฟสกีที่ใช้ชื่อว่า Coś się kończy, coś się zaczyna (Something Ends, Something Begins) ในปี 2000 และ Maladie i inne opowiadania (Malady and other stories) ในปี 2012 ซึ่งไม่มีการแปลเป็นภาษาอังกฤษจนถึงปัจจุบัน (แม้สำนักพิมพ์ Gollancz จะออกหนังสือที่ใช้ชื่อว่า Malady and other stories แต่เนื้อหาภายในเล่มกลับไม่เหมือน Maladie i inne opowiadania เป็นเพียงการนำเรื่องสั้น Malady มารวมกับเรื่องสั้น 2 เรื่องจากเล่ม The Last Wish และตัวอย่างบางบทจากนิยายเท่านั้น)
แฟน ๆ เดอะวิทเชอร์ทั่วโลกต่างโหยหาเรื่องสั้นเรื่องนี้ แต่ก็ถูกจำกัดด้วยกำแพงภาษา จนกระทั่งมีแฟนตัวยงคนหนึ่งที่ใช้ชื่อบนอินเตอร์เน็ตว่า Tina B. ได้แปลเรื่องสั้นเรื่องนี้จากภาษาเยอรมันเป็นภาษาอังกฤษ และหลังจากนั้นได้มีแฟน ๆ อีกหลายคนช่วยกันขัดเกลาจนเกิดเป็นเวอร์ชัน fan-translated ขึ้นมา สิ่งนี้เป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ผู้แปลตัดสินใจแปลเรื่องสั้นเรื่องนี้ออกมาเป็นภาษาไทยบ้าง
ฉบับภาษาไทยนี้แปลจากต้นฉบับภาษาโปแลนด์ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ sapkowskipl.wordpress.com ควบคู่ไปกับเวอร์ชันภาษาอังกฤษที่แฟน ๆ ทั่วโลกช่วยกันแปลขึ้นมา โดยพยายามคงรูปประโยค วรรคตอน และการเว้นบรรทัด ให้ใกล้เคียงกับต้นฉบับภาษาโปแลนด์มากที่สุด โดยชื่อตัวละครและสถานที่จะใช้การทับศัพท์จากภาษาโปแลนด์โดยตรง (รายละเอียดอยู่ในภาคผนวกท้ายเรื่อง) ส่วนภาพประกอบนำมาจากคอมิกส์ Droga bez powrotu ตัวละครบางตัวจึงอาจมีรูปลักษณ์ไม่ตรงกับที่บรรยายไว้ในเรื่องสั้น หากมีข้อผิดพลาดประการใด ผู้แปลขอน้อมรับและจะปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องโดยเร็วที่สุด
เผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาโดยไม่แสวงผลกำไร จนกว่าจะมีการซื้อลิขสิทธิ์เรื่องสั้นเรื่องนี้เข้ามาแปลและจัดจำหน่ายในประเทศไทย
เส้นทางที่ไม่อาจหวนคืน
แปลจากเรื่องสั้น Droga, z której się nie wraca
โดย อันด์เชย์ ซัพคอฟสกี
แปลไทยโดย อาอี๊จับจอย
อ่านฉบับภาษาอังกฤษ โดย Tina B. | ฉบับปรับปรุง
- I -
นกน้อยขนสีเหลือบรุ้งบินมาเกาะบนบ่าวิเซนนา ส่งเสียงเจื้อยแจ้วพลางกระพือปีกก่อนโผร่อนลงผ่านแนวพุ่มไม้ วิเซนนารั้งสายบังเหียนม้าเพื่อหยุดฟังอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินทางต่อไปอย่างระแวดระวังบนเส้นทางที่ทอดผ่านผืนป่า
ชายคนหนึ่งนั่งเอนหลังพิงเสาอยู่ตรงทางแยก ดูเผิน ๆ คล้ายกำลังงีบหลับ แต่เมื่อวิเซนนาเข้าไปใกล้ ๆ นางก็เห็นว่าเขายังลืมตาอยู่ ก่อนหน้านี้เล็กน้อยนางสังเกตเห็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บ ไหล่ซ้ายและท่อนแขนส่วนบนมีเศษผ้าพันไว้อย่างลวก ๆ เลือดที่ไหลชุ่มโชกยังไม่ทันเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ
“สวัสดี พ่อหนุ่มน้อย” ชายผู้บาดเจ็บกล่าวก่อนถ่มน้ำลายใส่พงหญ้า “ขอถามสักหน่อยเถอะ เจ้าจะไปไหนรึ?”
วิเซนนาไม่ชอบใจคำว่า ‘พ่อหนุ่มน้อย’ นางจึงสะบัดหมวกฮู้ดออกจากศีรษะ
“เจ้าถามข้าได้” นางตอบ “แต่ก็ต้องถามเฉพาะเรื่องที่ควรสงสัย”
“ข้าต้องขออภัยด้วย ท่านหญิง” ชายผู้นั้นตอบพร้อมกับหรี่ตาลง “ท่านสวมเสื้อผ้าของบุรุษ และสิ่งที่ข้าสงสัยนั้นก็เป็นเรื่องที่ต้องสงสัยอยู่แล้ว ทางแยกนี้มันเปลี่ยว และการผจญภัยอันน่าทึ่งก็ทำให้ข้าต้องมานอนอยู่ตรงนี้....”
“เข้าใจแล้ว” วิเซนนาขัดจังหวะเขา มองไปยังร่างที่บิดงออย่างผิดธรรมชาติซึ่งโผล่มาจากพุ่มไม้ให้เห็นเพียงครึ่งเดียว ร่างนั้นนอนแน่นิ่งห่างจากต้นเสาไม่ถึงสิบก้าว
ชายผู้บาดเจ็บมองไปทางเดียวกับนาง แล้วสายตาของทั้งคู่ก็ประสานกัน วิเซนนาแสร้งปัดปอยผมออกจากหน้าผากก่อนจะแตะรัดเกล้าที่ซ่อนอยู่ใต้แถบคาดศีรษะที่ทำมาจากหนังงู
“อ้าาา… ใช่แล้วล่ะ” ชายผู้บาดเจ็บกล่าวอย่างใจเย็น “ตรงนั้นมีศพอยู่ด้วย ท่านน่ะตาดีเลยทีเดียว คงคิดว่าข้าเป็นโจรล่ะสิ ข้าเดาถูกไหม?”
“เจ้าเดาผิด” วิเซนนาตอบเขาโดยที่มือยังคงสัมผัสกับรัดเกล้า
“อาา…” ชายผู้นั้นครวญคราง “นั่นสินะ…”
“แผลเจ้ายังเลือดไหลไม่หยุดเลย”
“แผลส่วนใหญ่ก็มีคุณสมบัติพิเศษแบบนี้แหละ” ชายผู้บาดเจ็บส่งยิ้ม ฟันของเขาดูดีทีเดียว
“พันแผลด้วยมือข้างเดียวแบบนี้ เลือดคงไหลไปอีกนาน”
“ท่านจะให้เกียรติช่วยสงเคราะห์ข้าหน่อยได้ไหมล่ะ?”
วิเซนนากระโดดลงจากหลังม้า ส้นรองเท้าของนางฝังรอยลึกไว้บนพื้นดินอ่อนนุ่ม
“ข้าชื่อวิเซนนา” นางกล่าว “ข้าไม่ให้เกียรติใครทั้งนั้น แล้วข้าก็ไม่ชอบการถูกปฏิบัติด้วยมารยาทแบบนั้นด้วย แต่ข้าก็จะช่วยทำแผลให้เจ้าอยู่ดี เจ้ายืนไหวไหม?”
“ไหว แต่ข้าต้องยืนด้วยหรือ?”
“ไม่”
“วิเซนนา” เขากล่าวขณะเหยียดตัวออกเล็กน้อยเพื่อให้นางคลายผ้าพันแผลออกได้สะดวกขึ้น “ชื่อเพราะดี วิเซนนา เคยมีใครบอกท่านบ้างหรือเปล่าว่าท่านมีเส้นผมที่งดงามมาก แบบนี้เรียกว่าสีทองแดงใช่หรือเปล่า?”
“เปล่า สีแดงอิฐ”
“อ่าฮะ ถ้าท่านทำแผลเสร็จแล้ว ข้าจะไปเก็บดอกลูปินช่อใหญ่ ๆ มาให้เลย... ที่ขึ้นอยู่ข้างคูน้ำตรงนั้นน่ะ ระหว่างท่านลงมือทำแผล ข้าจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังเป็นการฆ่าเวลาก็แล้วกัน รู้ไหม… ข้าน่ะมาทางเดียวกับท่านเลย แล้วข้าก็เห็นทางแยก เห็นต้นเสา ใช่... เสาต้นนั้นเลย มันมีแผ่นกระดานติดอยู่ด้วย... เจ็บจัง”
“แผลส่วนใหญ่ก็มีคุณสมบัติแปลก ๆ แบบนี้ด้วยกันทั้งนั้น” วิเซนนาฉีกผ้าพันแผลชั้นสุดท้ายออกโดยไม่พยายามเบามือเลยแม้แต่น้อย
“จริงด้วย ลืมไปเลย ข้าเล่าถึงตอนที่… ใช่แล้ว ข้าก็เลยเข้าไปดูใกล้ ๆ ว่ามันเขียนอะไรเอาไว้ แต่ตัวหนังสือมันยึกยือไปหมด ข้ารู้จักมือธนูอยู่คนหนึ่ง ตัวหนังสือที่เขายืนฉี่ใส่หิมะยังสวยกว่านี้เลย พอข้าลองอ่านดู… แล้วนั่นมันคืออะไรล่ะท่านหญิง? นั่นมันก้อนหินอะไร? ตายละวา ไม่ยักรู้ว่ามันใช้ทำแบบนั้นได้ด้วย”
วิเซนนาใช้ก้อนหินฮีมาไทต์ [1] ลูบไปบนปากแผล เลือดหยุดไหลทันที นางหลับตาลงและใช้มือทั้งสองข้างจับท่อนแขนของชายผู้บาดเจ็บเอาไว้แล้วออกแรงกดปากแผลให้ชิดติดกัน เมื่อนางปล่อยมือ เนื้อเยื่อก็ประสานเข้าหากันจนสนิท จากบาดแผลฉกรรจ์เหลือเพียงเส้นหยึกหยักสีแดงบนผิวหนังเท่านั้น
ชายผู้ได้รับการรักษาหยุดพูดและจ้องมองอย่างตั้งใจ ในที่สุดเขาก็ค่อย ๆ ยกแขนขึ้นอย่างระมัดระวัง เหยียดมันออกและนวดคลึงรอยแผลเป็นพร้อมกับส่ายหัว เขาจัดเสื้อเชิ้ตที่เปื้อนเลือดและเสื้อตัวนอกให้เข้าที่ ลุกขึ้นยืนแล้วหยิบเข็มขัดที่มีทั้งดาบ กระเป๋าเงิน และขวดใส่น้ำขึ้นมาจากพื้น หัวเข็มขัดมีรูปร่างคล้ายหัวมังกร
“นี่ล่ะนะ ที่เรียกว่าโชคช่วย” เขากล่าวโดยไม่ละสายตาไปจากวิเซนนา “ข้าพบผู้วิเศษที่ช่วยรักษาแผลให้กลางป่าตรงที่แม่น้ำยารูก้าไหลมาบรรจบกับแม่น้ำอินา ในขณะที่คนอื่นมักจะเจอมนุษย์หมาป่าหรือสิ่งที่เลวร้ายกว่าอย่างคนตัดไม้ขี้เมา แล้วค่ารักษาพยาบาลล่ะ? ช่วงนี้ข้ากำลังขัดสนเงินทองอยู่ด้วย จ่ายเป็นดอกลูปินสักช่อจะพอไหมนะ?”
วิเซนนาไม่สนใจคำถาม นางเดินเข้าไปใกล้ ๆ เสาต้นนั้นแล้วเงยหน้าขึ้น เนื่องจากแผ่นกระดานถูกตอกตรึงไว้ในระดับสายตามนุษย์เพศชาย
“‘ใครที่มาจากทางตะวันตก’” นางอ่านออกมาดัง ๆ “‘หากเลี้ยวซ้ายเจ้าจะได้กลับมา หากเลี้ยวขวาเจ้าจะได้กลับไป หากตรงไปข้างหน้าเจ้าจะไม่อาจหวนคืน’... ไร้สาระ”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น” ชายผู้นั้นกล่าวขณะปัดใบสนออกจากขากางเกง “ข้ารู้จักแถวนี้ดี หากตรงไปก็แปลว่ากำลังมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออก ท่านจะผ่านไปยังช่องเขาคลามัทอันเป็นเส้นทางของพวกพ่อค้า แต่เหตุใดเมื่อไปแล้วจึงหวนกลับไม่ได้ล่ะ? หรือว่า...หากสาวงามผ่านไปแล้วจะได้คู่ครอง? หรืออาจมีเหล้าถูก ๆ ? หรือตำแหน่งเทศมนตรีจะว่างลงแล้ว?”
“เพ้อเจ้อไปใหญ่แล้ว โคริน”
ชายผู้นั้นอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจสุด ๆ “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าชื่อโคริน?”
“ก็เจ้าเพิ่งจะพูดออกมาเองนี่ เล่าต่อสิ”
“ข้าพูด? เขามองนางอย่างไม่ไว้วางใจ “อย่างนั้นหรือ? ก็… อาจจริงของท่าน ข้าเล่าถึงไหนแล้วเนี่ย? อ่าฮ่า… พอข้าอ่านป้ายนั่นก็นึกในใจว่าข้อความเหล่านั้นช่างโง่เง่าเหลือเกิน ทันใดนั้นข้าก็ได้ยินเสียงใครบางคนกำลังพูดพึมพำอยู่ข้างหลัง พอหันไปก็เจอแม่เฒ่าผมขาวหลังค่อมถือไม้เท้ายืนอยู่ ข้าเลยถามนางอย่างสุภาพว่าอยากให้ช่วยอะไร นางตอบพึมพำกลับมาว่า ‘ข้าหิวเหลือเกินท่านอัศวิน ตั้งแต่เช้ามายังไม่ได้กินอะไรเลย’ ข้าเห็นว่านางเหลือฟันอยู่แค่ซี่เดียว ก็เลยเกิดสงสารขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ข้าจึงเปิดกระเป๋าสัมภาระหยิบเอาขนมปังกับปลาจานรมควันที่ได้มาจากชาวประมงตรงแม่น้ำยารูก้าออกมาแล้วยื่นให้กับนาง นางนั่งกินอย่างตะกรุมตะกรามแล้วถ่มก้างปลาออกมา ในขณะที่ข้ายังไม่หายข้องใจกับป้ายประกาศนั่น จู่ ๆ นางก็พูดขึ้นมาว่า ‘ท่านช่างเป็นคนดีเหลือเกิน ท่านอัศวิน จงมารับสิ่งตอบแทนที่ท่านช่วยเหลือข้า’ จริง ๆ ข้าก็อยากให้นางวางสินน้ำใจเอาไว้ แต่แม่เฒ่ากลับพูดว่า ‘มาใกล้ ๆ สิ ข้ามีอะไรจะกระซิบบอกเจ้า มันเป็นความลับที่สำคัญยิ่ง ความลับที่จะทำให้เหล่าสาธุชนพ้นจากความทุกข์ยากและมีชื่อเสียงเงินทอง’”
วิเซนนาถอนหายใจและนั่งลงข้าง ๆ ชายผู้บาดเจ็บ นางชอบเขาที่ตัวสูงโปร่ง มีผมสีบลอนด์กับใบหน้าเรียว ๆ และลูกคางนูนเด่น เขาไม่มีกลิ่นตัวเหม็นโฉ่เหมือนชายอื่น ๆ ที่นางเคยพบ นางไม่อาจปฏิเสธได้ว่าตัวเองเดินทางรอนแรมผ่านป่าเขาและเส้นทางกันดารอย่างไร้จุดหมายมานานเกินไปแล้ว
โครินเล่าเรื่องของเขาต่อ “ฮ่า... ข้าคิดว่านี่คือโอกาสทองอย่างที่รู้ ๆ กัน ถ้าหากว่าแม่เฒ่าไม่แก่จนหลังแข็งและมีอย่างอื่นที่น่ามองมากกว่าไม้เท้า นางก็คงพอจะช่วยเหลือนักรบผู้อับโชคได้บ้าง ข้าโน้มตัวไปหานาง ยืดคอออกไปหาอย่างโง่เง่า และถ้าข้าไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองที่ว่องไวพอ นางคงปาดคอข้าไปแล้ว ข้ากระโดดถอยหลังไปจากนาง เลือดทะลักออกมาจากแขนเหมือนน้ำพุ แต่ยายแก่นั่นยังโวยวายควงมีดและถ่มน้ำลายไม่หยุด ตอนนั้นข้าคิดว่ามันยังไม่ถึงขั้นคอขาดบาดตาย ข้าเลยชิงจังหวะเข้าประชิดตัวและสังเกตว่านางไม่ได้แก่หง่อมอย่างที่เห็นในตอนแรก หน้าอกนางอวบแน่นอย่างกับก้อนหินเลยล่ะ....”
โครินเหลือบมองวิเซนนาเพื่อดูว่านางหน้าแดงขึ้นบ้างหรือเปล่า วิเซนนาฟังด้วยท่าทางสุภาพและแสดงสีหน้าสนอกสนใจ
“ถึงไหนแล้วนะ… อ้า! ข้าคิดว่าควรตรึงนางลงกับพื้นและปลดอาวุธ แต่ข้าหาจังหวะไม่ได้เลย นางแข็งแรงอย่างกับแมวลิงซ์ [2] ข้าเห็นว่ามือของนางที่ถือมีดอยู่สามารถลื่นหลุดไปจากมือข้าได้ทุกเมื่อ แล้วข้าควรจะทำอย่างไรล่ะ? ข้าผลักนางแล้วชักดาบออกมา… นางวิ่งเข้ามาหามันเอง”
วิเซนนานั่งเงียบ มือของนางแตะที่หน้าผากราวกับไม่ได้ตั้งใจจะขยับแถบคาดศีรษะหนังงู
“วิเซนนา? ข้าเล่าตามที่มันเกิดขึ้นจริงทุกอย่าง ข้ารู้ว่านางเป็นผู้หญิง และข้าเองก็โง่เหลือเกิน แต่ถ้านางเป็นผู้หญิงธรรมดา ๆ ล่ะก็ ข้าจะยอมตายตามไปเลย พอขาดใจตายนางก็กลายร่างกลับไปเป็นยายแก่ ก่อนหน้านั้นนางยังเป็นสาวอยู่แท้ ๆ ”
“ภาพลวงตารึ?” วิเซนนากล่าวอย่างครุ่นคิด
“อะไรนะ?”
“ไม่มีอะไร” วิเซนนายืนขึ้นแล้วเดินไปทางศพที่นอนแน่นิ่งอยู่ใต้กอเฟิน
“นี่” โครินก้าวเท้าตามนางไป “ตอนแรกนางดูเหมือนกับรูปปั้นเทพธิดาประดับน้ำพุตามปราสาท แต่ตอนนี้หลังของนางกลับงองุ้มแถมยังหนังเหี่ยวยิ่งกว่าก้นวัวอายุร้อยปีด้วยซ้ำ ถ้าข้า…”
“โคริน” วิเซนนาขัดจังหวะเขา “ท้องไส้ของเจ้าแข็งแรงดีไหม?”
“หา? แล้วท้องไส้ข้ามันเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ? แต่ถ้าท่านสนใจ… ข้าก็คงไม่ขัดข้อง”
วิเซนนาดึงผ้าคาดศีรษะออก อัญมณีที่ฝังอยู่บนรัดเกล้าเปล่งประกายแสงสีขาวนวลออกมา นางไปยืนใกล้ ๆ กับศพ ยื่นมือทั้งสองข้างออกไปแล้วหลับตาลง โครินมองดูนาง ปากของเขาเผยออ้าออก วิเซนนาก้มศีรษะลงเล็กน้อยพร้อมกับกระซิบถ้อยคำที่เขาไม่เข้าใจความหมายของมัน
“เกรลกาเน! จงพูด!”
“อาาาาาา” เสียงแหบแห้งโหยหวนออกมาจากพงหญ้า ศพหญิงชราโก่งงอจนแทบจะลอยขึ้นมา มีเพียงด้านหลังของศีรษะที่ยังสัมผัสพื้น เสียงครวญครางค่อย ๆ หายไป กลายเป็นเสียงตะกุกตะกักในลำคอ ตามมาด้วยเสียงหายใจหอบและเสียงกรีดร้อง เสียงนั้นดังขึ้นทีละนิดแต่ฟังไม่เป็นภาษา โครินสัมผัสได้ถึงเหงื่อเย็น ๆ ที่ไหลเป็นทางเต็มแผ่นหลังของเขา ราวกับมีหนอนกำลังไต่ยั้วเยี้ย เขากำหมัดแน่นเพราะรู้สึกว่ามือเริ่มชาวูบ ๆ และเพื่อต่อสู้กับความรู้สึกที่ทำให้เข้าอยากวิ่งหนีเข้าไปในป่าเสียตอนนี้เลย
“อ็อกกก… นาาา… นาากัมมมมม” ซากศพละล่ำละลักออกมาในขณะที่นิ้วมือตะกุยตะกายพื้น ฟองเลือดผุดขึ้นในปากและไหลทะลักออกมา “นาม… เอ็กกกก…”
“จงพูด!”
แสงขมุกขมัวไหลออกมาเป็นสายจากมือของวิเซนนาที่ยื่นออกไป ฝุ่นละอองลอยฟุ้งถูกดูดเข้าไปหาแสงนั้น ใบไม้แห้งและกิ่งไม้พุ่งทะยานขึ้นมาจากพุ่มเฟิน ซากศพเริ่มสำลัก ริมฝีปากกระทบกันจนเกิดเสียง และพูดออกมาอย่างชัดเจนพอให้จับใจความได้
“... ทางแยกห่างจากคลูชไปทางใต้หกไมล์ สะ… ส่ง อาศรม ชายหนุ่ม ล่าสะ… สัง… หา… ถูกบงการ”
“ใคร?!” วิเซนนาตะคอก “ใครเป็นคนสั่ง? จงพูด!”
“ฟฟฟฟฟะ… กกกะ… เกนอล บันทึกทั้งหมด จดหมาย แหวน เครื่อง...ราง”
“พูดมา!”
“... ทาง โคชชีย์ เก...นอล เอาจดหมาย บัน...ทึก เขามาจากมะ... มา …! เย..! .นาาาาาา!!!”
เสียงละล่ำละลักเริ่มสั่นเทิ้มและเปลี่ยนไปเป็นเสียงกรีดร้องที่น่าสะพรึงกลัว โครินทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาทิ้งดาบแล้วยกมือขึ้นมาปิดหูจนแน่น ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นจนรู้สึกถึงแรงสัมผัสที่แขน เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัวราวกับโดนใครอัดเข้ากลางหว่างขา
“เสร็จแล้ว” วิเซนนาพูดพลางปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก “ข้าถามเรื่องท้องไส้ของเจ้าแล้วนี่”
“นี่มันวันอะไรกัน” โครินโอดครวญ เขาหยิบดาบขึ้นมาแล้วเก็บมันเข้าฝัก พยายามเลี่ยงสายตาไม่ให้หันไปทางศพที่นอนนิ่งสนิทไปแล้ว
“วิเซนนา?”
“มีอะไร?”
“รีบไปจากที่นี่กันเถอะ ไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เลย”
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
📜 อ่าน Part 2 (บทที่ 2 - 3) ที่นี่
หมายเหตุ
[1] ฮีมาไทต์ (Hematite) หรือแร่เหล็กแดง เกิดสารประกอบเหล็กออกไซด์รูปแบบเดียวกับการเกิดสนิม มีลักษณะแตกต่างกันไปตามความแข็ง ตั้งแต่แผ่นบาง ๆ จนถึงผลึกแข็ง ก้อนแร่อาจมีสีส้ม สีสนิม สีน้ำตาล หรือสีเทาที่มีความมันวาวเหมือนโลหะ (ที่มา กรมทรัพยากรธรณี)
[2] ลิงซ์ (Lynx) เป็นสัตว์ในวงศ์เสือและแมว มีถิ่นอาศัยอยู่ในแถบอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย ขนาดลำตัวใกล้เคียงกับสุนัขป่า มีขนหนาป้องกันอากาศหนาวได้ดี หางสั้น สีขนมีทั้งสีครีม น้ำตาล และเทา อาศัยอยู่ตามลำพังเหมือนแมว (ที่มา National Goegraphic)
ไม่มีความคิดเห็น