เชลมาร์ (Shaelmaar)

เชลมาร์ เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทรีลิคท์ที่อาศัยอยู่ใต้ดิน รูปร่างลักษณะของมันคล้ายตัวตุ่นผสมกับตัวนิ่ม ความสูงประมาณ 2 เมตร ลำตัวด้านหลังมีเกราะแข็งปกคลุมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายหาง แต่ส่วนท้องกลับเป็นผิวหนังอ่อนนุ่มที่ไร้เกราะป้องกัน ขาหน้ามีกรงเล็บใหญ่หนาใช้สำหรับขุดลึกลงไปใต้ดิน และเนื่องจากพวกมันใช้ชีวิตอยู่ในความมืด การมองเห็นจึงเป็นประสาทสัมผัสที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป เชลมาร์ทุกตัวตาบอดสนิท แต่ก็มีประสาทการได้ยินที่ไวมาก ๆ นอกจากนี้มันยังรับรู้ตำแหน่งของวัตถุได้จากการสะท้อนของคลื่นเสียง (echolocation) แบบเดียวกับพวกค้างคาว

เชลมาร์เป็นสัตว์กินเนื้อและมีระบบนิเวศน์ร่วมกับสัตว์ประหลาดจำพวกคล้ายแมลง (insectoid) พวกมันชอบกินไข่ของคิคิมอรา (kikimora / kikimore) และมูลของเชลมาร์ก็เป็นอาหารที่พวกตะขาบยักษ์ (giant centipede / scolopendromorph / yghern) ชื่นชอบ ดังนั้นบริเวณที่เชลมาร์อยู่อาศัยก็มักจะมีสัตว์ประหลาดพวกนี้ทำรังอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถทำเหยื่อล่อให้เชลมาร์ปรากฏตัวขึ้นได้โดยใช้เลือดมนุษย์สด ๆ ผสมกับเห็ดซีวอนต์ (sewant mushroom)

เกราะของเชลมาร์นั้นมีความหนาและแข็งแรงมาก การโจมตีด้วยอาวุธชนิดใดก็ตามไม่สามารถทะลุผ่านเกราะของมันได้ ไม่ว่าจะเป็นคมดาบ ลูกศร ระเบิด หรือแม้แต่เปลวไฟ จังหวะเดียวที่จะโจมตีเชลมาร์ได้คือตอนที่มันม้วนตัวกลิ้งปะทะสิ่งกีดขวางอย่างจังจนหงายหลังเอาส่วนท้องขึ้นมา นอกจากการม้วนตัวพุ่งชน ก็ยังต้องคอยระวังเศษดินเศษหินที่จะกระเด็นขึ้นมาระหว่างที่มันม้วนตัวหรือขุดลงไปในดิน จึงควรร่ายคาถาเคว็นเป็นเกราะป้องกันไว้ตลอดเวลา

เชลมาร์มีตัวตนอยู่ในจักรวาลเกมของ CDPR เท่านั้น ซึ่งในตอนแรกมันได้ถูกวางไว้ในตัวเกมหลัก แต่ก็ต้องถูกถอดออกไปเนื่องจากติดปัญหาเรื่องเวลาวางจำหน่ายที่กระชั้นชิด ก่อนที่จะถูกนำกลับมาอีกครั้งใน DLC Blood and Wine ทีมงานได้แรงบันดาลใจในการสร้างเชลมาร์จากตำนานภูตแห่งเหมืองของชาวสลาฟ ซึ่งในโปแลนด์เรียกว่า “ชาร์เลย์” (szarlej = the grey; ผู้เฒ่า) หรือ “สคาร์บนิค” (skarbnik = treasurer; ผู้เฝ้าสมบัติ) เป็นดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องสมบัติหรือสินแร่และอัญมณีที่อยู่ใต้ดิน มักปรากฏตัวในร่างชายชราที่มีผมและหนวดเคราสีเทายาวรุงรัง แต่งกายคล้ายกับพวกคนงานในเหมืองและถือตะเกียงไว้ในมือ สามารถล่องหนหายตัวหรือแปลงกายเป็นสัตว์บางชนิดได้ เช่น หนู สุนัข หรือแมวดำ ชาร์เลย์จะช่วยคุ้มครองคนงานเหมืองที่ซื่อสัตย์ และนำโชคร้ายมาสู่พวกคนงานที่เกียจคร้าน ขี้ขโมย หรือชอบก่อความวุ่นวายในเหมือง

 

เชลมาร์ (Shaelmaar)

The Witcher 3: Wild Hunt

Bestiary: Shaelmaar

ใต้พื้นพิภพคือบ้านของเหล่าอสุรกายอันแปลกประหลาดและน่าสยดสยอง หากพวกมันพร้อมใจกันผุดขึ้นมาบนพื้นดิน พวกเราคงถูกเขมือบกันหมดตั้งแต่วันแรกของการรุกราน

– เรมัส เวนเดนราตซ์ นายเหมืองแห่งมาฮาคาม

เชลมาร์ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ใต้พื้นดินโดยแทบไม่โผล่ขึ้นมายังโลกเบื้องบนเลย แต่ในบางครั้งพวกมันก็เจาะทะลุพื้นดินขึ้นมาและกินมนุษย์ที่บังเอิญไปอยู่แถวนั้น เชลมาร์บางตัวชอบขุดอุโมงค์ขึ้นมาใกล้กับระดับพื้นดิน ทำให้สิ่งปลูกสร้างพังถล่มและเกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นในละแวกนั้น

เนื่องจากมันตาบอดสนิท เชลมาร์จึงระบุทิศทางด้วยการรับรู้แรงสั่นสะเทือนและการฟังเสียง ดังนั้นเทคนิคที่ดีที่สุดในการรับมือกับพวกมันคือการทำให้เกิดเสียงดังใกล้ ๆ ผนังหรือกำแพง และภาวนาอย่างเงียบ ๆ ให้มันม้วนตัวกลิ้งเข้าหาเสียงและพุ่งปะทะเข้ากับสิ่งกีดขวางนั้น

เชลมาร์ที่ดูงุ่มง่ามอาจดูง่ายต่อการตกเป็นเป้านิ่ง แต่เกราะหนา ๆ บนหลังของมันจะสะท้อนการโจมตีได้ทุกรูปแบบ มันจึงไม่จำเป็นต้องหลบหลีกศัตรูแต่อย่างใด เมื่อเชลมาถูกคุกคาม มันจะม้วนตัวเป็นลูกบอลและกลิ้งไปข้างหน้าด้วยแรงเหวี่ยงจากการหมุน เกิดเป็นพลังทำลายล้างที่จะบดขยี้ทุกสิ่งที่ขวางทางมัน

วิธีที่ดีที่สุดที่วิทเชอร์จะต่อกรกับเชลมาร์คือหลบไปให้พ้นทางในตอนที่มันกำลังพุ่งชนสิ่งกีดขวางจนหงายท้องและเผยจุดอ่อนออกมา วิทเชอร์ที่มีไหวพริบและมีความว่องไวอาจใช้คาถาอาร์ดหรือระเบิด (ระเบิดซามูมจะเหมาะที่สุดในการนี้) เพื่อล่อให้เชลมาร์พุ่งชนสิ่งกีดขวางด้วยความเร็วเต็มที่เพื่อสร้างความได้เปรียบในการต่อสู้ การหลอกล่อเชลมาร์เป็นวิธีที่เสี่ยงแต่มักได้ผลดี โดยเฉพาะเมื่อมีคนอื่น ๆ อยู่ในบริเวณนั้นด้วย

จุดอ่อน: Samum / Relict Oil / Aard

 

Shaelmaar from the Emperor of Nilfgaard

การต่อสู้แบบกลาดิเอเตอร์ในสนามประลองขนาดใหญ่เป็นกิจกรรมสร้างความบันเทิงที่ได้รับความนิยมในจักรวรรดินิลฟ์การ์ด โดยทั่วไปเหล่านักสู้คือพวกทาสที่ถูกฝึกมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ แต่บางครั้งก็มีการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับพวกสัตว์ประหลาดด้วย

เชลมาร์ที่เกรอลท์ต่อสู้ในลานประลองคือของขวัญที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้แก่ดัชเชสแอนนา เฮนเรียตตา ผู้เป็นพระญาติ มันถูกจับตั้งแต่ยังเล็กและถูกเลี้ยงโดยครูฝึกชาวนิลฟ์การ์ดเพื่อต่อสู้ในสนามประลองโดยเฉพาะ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะเชื่องกับมนุษย์ อันที่จริงแล้วสัญชาตญาณดุร้ายที่ติดตัวมาแต่กำเนิดของมันไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลยสักนิด

เชลมาร์ตัวนี้ตาบอดเช่นเดียวกับเชลมาร์ตัวอื่น ๆ แต่ก็สามารถระบุตำแหน่งของศัตรูได้อย่างแม่นยำด้วยเสียงสะท้อน มันมีเกราะหนาและผิวหนังที่แทบจะฟันแทงไม่เข้า และสามารถม้วนตัวกลิ้งเข้าใส่ศัตรูด้วยความเร็วสูง อย่างไรก็ตามมันจะเผยบริเวณท้องที่อ่อนนุ่มขึ้นมาให้เห็นหากมันปะทะเข้ากับสิ่งกีดขวางอย่างจัง

ถ้าเกรอลท์สังหารมัน

แม้ว่าการต่อสู้จะยืดเยื้อและยากลำบาก แต่สุดท้ายเกรอลท์ก็เอาชนะเชลมาร์ตัวนี้ได้ และเมื่อดัชเชสเรียกร้องจากบนอัฒจันทร์ให้เกรอลท์สังหารเจ้าสัตว์ร้าย เขาก็ลงมือปลิดชีพมันตามธรรมเนียม

ถ้าเกรอลท์ไว้ชีวิตมัน

แม้ว่าการต่อสู้จะยืดเยื้อและยากลำบาก แต่สุดท้ายเกรอลท์ก็เอาชนะเชลมาร์ตัวนี้ได้ และเมื่อดัชเชสเรียกร้องจากบนอัฒจันทร์ให้เกรอลท์สังหารเจ้าสัตว์ร้าย เขากลับปฏิเสธที่จะฆ่ามัน เขาไม่ต้องการสร้างความบันเทิงให้แก่ผู้ชมด้วยชีวิตของสิ่งใดก็ตาม

 

The Monster of Tufo

อัศวินพเนจรอาจหาทางจัดการกูลสักตัวลงได้ ชาวบ้านธรรมดา ๆ พร้อมกับฝูงสุนัขก็อาจล้มหมีตัวใหญ่ได้เช่นเดียวกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราอยากบอกให้รู้เอาไว้ว่า ต่อให้เป็นชุดเกราะที่หลอมมาจากโลหะชั้นดีที่สุด หรือกระดูกไหปลาร้าของนักบุญเพลกมุนด์มอบให้ ก็ไม่อาจช่วยคนผู้นั้นให้รอดพ้นจากความตายได้ หากเขาต้องต่อสู้กับอสุรกายที่อยู่ใต้พื้นพิภพ

– ทหารองครักษ์แห่งทูซองต์กล่าวกับทหารเกณฑ์ใหม่

ลองนึกภาพสิ่งมีชีวิตที่ฆ่าคนได้ กินไข่คิคิมอราเป็นอาหาร และสามารถขุดอุโมงค์ใต้ดินที่มีความกว้างพอให้ราชรถของจักรพรรดิแห่งนิลฟ์การ์ดและม้าลากจูงอีกหกตัววิ่งผ่านได้ และตอนนี้ให้ลองนึกว่าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้สามารถขุดดินด้วยแรงอันมหาศาลพอ ๆ กับแผ่นดินไหวที่ทำให้บ้านทั้งหลังสั่นสะเทือนและพังถล่มลงมา เกรอลท์ก็ยังไม่สามารถจินตนาการออกได้ในตอนแรก เขาจึงไม่มั่นใจว่ากำลังรับมือกับตัวอะไรอยู่ รู้เพียงแค่ว่าเขาจะต้องระมัดระวังตัวอย่างถึงที่สุด

หลังจากสำรวจร่องรอยของเจ้าสัตว์ประหลาดอย่างถี่ถ้วน เขาก็คิดว่ามันต้องเป็นเชลมาร์เพศเมียที่มีอายุมากแล้ว อสุรกายที่สร้างความเสียหายให้แก่คฤหาสน์ทูโฟคือเชลมาตัวแม่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน ซึ่งเกรอลท์ต้องตามล่าและต่อสู้กับมันในอุโมงค์ใต้ดิน

แม้จะตาบอด แต่มันก็ไวต่อเสียงและแรงสั่นสะเทือน เกรอลท์จะปลอดภัยตราบใดที่เขายืนนิ่ง ๆ อย่างเงียบสนิท แต่เมื่อใดที่เขาก้าวเท้าหรือหายใจดังเกินไป เจ้าอสุรกายตัวแม่ก็จะพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วแบบเต็มพิกัด

เกรอลท์ต่อสู้กับมันอย่างยากลำบาก ไม่มีอาวุธชนิดใดที่จะแทงทะลุเกราะหนา ๆ ของมันได้ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ประสบความสำเร็จ คฤหาสน์โทฟูจึงไม่มีอสุรกายอีกต่อไป

 

การจู่โจมของเชลมาร์ (ศิลปิน Jaye Kovach และ Alexei Konev ภาพจาก ArtStation)

 

Bestiary (The Witcher Role-Playing Game: A Witcher’s Journal)

ระดับความรู้ของคนทั่วไป

คนแคระมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเชลมาร์อยู่มากมาย ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงสักกี่เรื่อง แต่มันน่าสนใจก็แล้วกัน แถบเทือกเขามาฮาคามทางตอนใต้ว่ากันว่าเชลมาร์คือภูตแห่งปฐพีและมันจะคอยลาดตระเวณเพื่อไม่ให้พวกชาวบ้านเข้ามาขุดหาทองคำและอัญมณี เท่าที่ข้าได้ยินมา มันสามารถแปลงร่างให้ดูเหมือนเป็นคนแคระได้ด้วย แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่านะ! ข้าเคยเห็นเชลมาร์แค่ครั้งเดียวตอนที่มันพังเพดานเหมืองให้ถล่มลงมาด้วยกรงเล็บอันเบ้อเริ่ม! ดูไม่เหมือนกับภูตโบราณผู้ทรงปัญญาเลยสักนิด! แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม เจ้าก็ต้องระวังพวกมันเอาไว้ เชลมาร์มันจะโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินเมื่อไรก็ได้ และเกราะของมันก็แข็งยิ่งกว่าเหล็กกล้าเสียอีก

ระดับความรู้ของวิทเชอร์

เชลมาร์เป็นสัตว์ดุร้ายที่อาศัยอยู่ใต้ดิน ลำตัวของมันห่อหุ้มด้วยเกราะหนาและพบเจอได้ยาก เชลมาร์ใช้ชีวิตอยู่ในอุโมงค์และถ้ำที่มันขุดคุ้ยด้วยใช้กรงเล็บหนา ๆ เมื่อใดก็ตามที่มันออกมาจากถ้ำก็จะออกอาละวาดกินคนงานในเหมืองและพวกชาวบ้านก่อนที่จะมุดกลับลงไปใต้ดินอีกครั้ง

เนื่องจากการปรับตัวให้เหมาะกับชีวิตใต้ดิน เชลมาร์จึงตาบอดสนิท แต่มันมีประสาทการได้ยินที่ว่องไวเป็นพิเศษและรับรู้ตำแหน่งของวัตถุต่าง ๆ ด้วยเสียงสะท้อน หากต้องเผชิญหน้ากับเชลมาร์ การยืนอยู่นิ่ง ๆ หรือเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ จะช่วยให้เจ้ารอดพ้นจากโทสะของมันได้เป็นการชั่วคราว

เมื่อพบเหยื่อ เชลมาร์จะขดตัวจนกลายเป็นลูกบอลและกลิ้งอย่างรวดเร็วเพื่อให้พื้นสั่นสะเทือนด้วยความแรงพอ ๆ กับการเกิดแผ่นดินไหว หากเป็นการต่อสู้บนพื้นดินเชลมาร์มักจู่โจมในระยะประชิด แต่มันก็สามารถโจมตีระยะไกลได้ด้วยการใช้กรงเล็บฟาดลงบนพื้นทำให้เกิดเศษดินเศษหินแตกกระจายขึ้นเป็นแนวตามแรงสั่นสะเทือน แต่ท่าโจมตีที่น่าจะรุนแรงที่สุดของเชลมาร์คือการที่มันม้วนตัวกลิ้งเข้าใส่ศัตรูแล้วบดขยี้เป้าหมายด้วยน้ำหนักอันมหาศาลของมัน

แต่ในจังหวะที่มันจู่โจมเช่นนี้ เป็นโอกาสดีสำหรับวิทเชอร์ที่จะสวนกลับเพื่อสร้างความได้เปรียบในการต่อสู้ เมื่อเชลมาร์ทำท่าว่าจะพุ่งเข้าใส่ จงไปยืนอยู่ข้างหน้าสิ่งที่มั่นคงแข็งแรงอย่างผนังหินหรือต้นไม้ จากนั้นจึงกระโดดหลบในจังหวะสุดท้าย ผลของแรงปะทะจะทำให้เชลมาร์หงายท้อง จากนั้นจึงจัดการจุดอ่อนของมันด้วยอาวุธเคลือบน้ำมันรีลิคท์

ข้อมูลทั่วไป

  • ความสูง 2 เมตร
  • น้ำหนัก 2,000 กิโลกรัม
  • ถิ่นอาศัย ตามภูเขาและถ้ำ
  • ขนาดฝูง ตัวเดียว

ความสามารถ

- กลิ้งชน (rolling charge) เมื่อเชลมาร์อยู่ห่างจากเป้าหมาย 5 เมตรขึ้นไป มันสามารถโจมตีด้วยการม้วนตัวเป็นลูกบอลแล้วกลิ้งใส่ ท่านี้จะทำให้เป้าหมายที่อยู่ข้างหน้ามันในระยะ 10 ได้รับบาดเจ็บและกระเด็นถอยหลังไปไกล 6 เมตร ส่วนวัตถุอื่น ๆ ที่อยู่ในระยะก็จะได้รับความเสียหายไปด้วย หากเชลมาร์พุ่งชนวัตถุแข็ง ๆ อย่างกำแพง ผนังหิน หรือต้นไม้ มันจะล้มหงายท้องและขยับไม่ได้ไปชั่วขณะ

- กระสุนก้อนดิน (tremor spin) เชลมาร์สามารถกลิ้งอยู่กับที่และใช้แรงจากการหมุนดีดเอาเศษก้อนดินก้อนหินขึ้นมาจากพื้นได้ไกลถึง 6 เมตร

- ตะปบแยกปฐพี (earth shattering smash) เมื่อเชลมาร์ตะปบใส่พื้นอย่างเต็มแรง จะเกิดแรงกระแทกทำให้ก้อนดินก้อนหินแตกกระเด็นขึ้นมาจากพื้นเป็นแนวกว้าง 2 เมตรและพุ่งตรงไปข้างหน้าไกล 6 เมตร ใครก็ตามที่อยู่ในแนวนี้จะเสียหลักจากแรงสั่นสะเทือนและได้รับบาดเจ็บจากก้อนดินที่กระเด็นขึ้นมา

- ดำดิน (burrowing) เชลมาร์สามารถขุดลงไปในทรายและพื้นดินแข็ง ๆ ได้ แต่กรงเล็บของมันไม่สามารถขุดพื้นหรือผนังหินได้

จุดอ่อน

- ตาบอด (blind) เชลมาร์นั้นตาบอดสนิท มันรับรู้ตำแหน่งของเหยื่อจากการฟังเสียงและแรงสั่นสะเทือน หากเป้าหมายไม่เคลื่อนไหวหรือส่งเสียงในรัศมี 10 เมตรก็จะไม่ถูกตรวจจับได้

- ท้องที่อ่อนนุ่ม (soft underbelly) ใต้ลำตัวของเชลมาร์เป็นผิวหนังที่ปราศจากเกราะแข็ง ไม่มีทางโจมตีส่วนนี้ได้เว้นแต่เชลมาร์จะล้มตะแคงหรือนอนหงายท้อง

 

Monsterpedia by Fans Faction Studio

 

ดู "Shaelmaar อสูรกายกลิ้งงับงับ" ใน Youtube

 

 

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.