ลัทธิดรูอิด (Druidism)

ดรูอิด (druid) เป็นนักพรตที่ดำเนินชีวิตด้วยปรัชญาแห่งการเคารพธรรมชาติ พวกเขาไม่นับถือเทพเจ้าแต่จะเคารพบูชาธรรมชาติโดยตรง ดังนั้นนักพรตในลัทธินี้จึงไม่มีการสร้างวิหารหรือสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ที่เป็นการรบกวนธรรมชาติ แต่จะดำรงชีวิตอยู่ตามป่าเขาอย่างสมถะและสันโดษ นักพรตดรูอิดมีทั้งชายและหญิง และส่วนใหญ่ก็ยึดมั่นในการประพฤติพรมจรรย์เพื่อรักษาร่างกายและจิตใจให้บริสุทธิ์

แม้ดรูอิดจะไม่มีวิหาร แต่พวกเขาก็มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับรวมตัวกันเพื่อประกอบพิธี ซึ่งมักเป็นบริเวณรอบต้นโอ๊คโบราณ หรือหมู่ก้อนหินที่ถูกนำมาเรียงเป็นรูปวงกลม ชุมชนดรูอิดจึงถูกเรียกว่า druid circle หรือ วงดรูอิด [1] ดรูอิดจะไม่สร้างกระท่อมแต่จะอาศัยอยู่ในถ้ำหรือโพรงใต้ดินที่มีข้าวของเครื่องใช้เท่าที่จำเป็น ซึ่งส่วนใหญ่ก็ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ที่นอนฟาง ถ้วยชามดินเผา หนังสัตว์ที่ตายเองตามธรรมชาติ ส่วนอาหารก็จะกินธัญพืชและผลไม้เป็นหลักเนื่องจากพวกเขาไม่ฆ่าสัตว์ แม้แต่ยุงหรือแมลงเล็ก ๆ ก็ตาม เพราะตามความเชื่อของดรูอิด การฆ่าสิ่งมีชีวิตจะถือเป็นการทำลายสมดุลของธรรมชาติ (ยกเว้นพวกสัตว์ประหลาดที่ไม่ได้เป็นผู้อยู่อาศัยดั้งเดิมของโลกใบนี้)

ดรูอิดส่วนใหญ่มักเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเก็บมาเลี้ยง พวกเขาจะได้เรียนอ่านเขียนและฝึกฝนทักษะต่าง ๆ เช่น ความรู้ด้านสมุนไพรและการปรุงยา การเล่นแร่แปรธาตุ รวมไปถึงการทำสมาธิและบำเพ็ญภาวนาต่าง ๆ แต่ถ้าเด็กคนนั้นเป็นผู้มีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ ก็จะได้รับการฝึกฝนการใช้เวทมนตร์แบบดรูอิด ซึ่งเป็นศาสตร์ที่แตกต่างจากการใช้เวทมนตร์ของพวกจอมเวท เวทมนตร์ของดรูอิดจะเน้นไปที่การรักษาพยาบาลทั้งคนและสัตว์ การทำนายอนาคต การสื่อสารกับพืชและสัตว์ การควบคุมเทรนท์ [2] และการควบคุมดินฟ้าอากาศ สังคมของดรูอิดค่อนข้างเป็นแบบปิด หากไม่จำเป็นจริง ๆ พวกเขาก็แทบจะไม่ออกไปยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก แต่ะละอาศรมจะมีผู้นำ 1 คน เรียกว่า “ไฮโรแฟนต์” (ดรูอิดชาย) หรือ “แฟมินิกา” (ดรูอิดหญิง) ซึ่งมาจากการลงมติของสมาชิกดรูอิดทุกคน และถ้าหากดรูอิดคนใดประพฤติตัวออกนอกลู่นอกทางก็จะถูกลงมติขับออกจากอาศรมและพ้นจากการเป็นดรูอิดด้วยเช่นกัน

ดรูอิดจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการศึกษาความรู้จากตำราควบคู่ไปกับการดูแลธรรมชาติ เมื่อใกล้ถึงฤดูหนาว ดรูอิดจะนำเศษฟางเศษหญ้า ใบไม้ และลูกไม้แห้ง ๆ ไปใส่ไว้ในโครงไม้สานขนาดใหญ่เพื่อเป็นแหล่งอาหารให้พวกสัตว์ป่า และคอยห้ามปรามคนที่จะเข้าไปล่าสัตว์หรือตัดต้นไม้ใหญ่ โดยเฉพาะต้นโอ๊คที่ถือเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของดรูอิด ตามตำนานที่ว่าโลกนี้เกิดจากเมล็ดต้นโอ๊คที่ถูกคลื่นซัดมาจากท้องทะเล และสรรพชีวิตก็ค่อย ๆ ถือกำเนิดขึ้นหลังจากเมล็ดโอ๊คหยั่งรากลงบนพื้นดิน นอกจากต้นโอ๊คแล้วก็ยังมีเถามิสเซิลโท (mistletoe) ที่ถือเป็นพืชศักดิ์สิทธิ์อีกชนิดหนึ่ง ซึ่งดรูอิดจะตัดช่อมิสเซิลโทมาประกอบพิธีกรรมบางอย่างด้วย ความเชื่อนี้ยังแพร่กระจายไปสู่ชุมชนที่นับถือดรูอิด เช่น บนหมู่เกาะสเกลลิเกะที่ผู้คนมักจะตัดช่อมิสเซิลโทมาประดับไว้ในบ้าน

บทบาททางสังคมของดรูอิดนั้นเป็นทั้งผู้นำทางจิตวิญญาณ นักปราญช์ หมอ และผู้อนุรักษ์ธรรมชาติ ในสมัยก่อนผู้คนจะเคารพเชื่อฟังคำแนะนำของดรูอิดอย่างมาก เนื่องจากพวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพาดรูอิดในยามที่เกิดปัญหา เมื่อดรูอิดเสนอบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสภาพแวดล้อมต่อผู้นำชุมชนหรือผู้ปกครองอาณาจักร ข้อเสนอของพวกเขาจะถูกรับฟังและนำไปปฏิบัติตามอยู่เสมอ แต่ในยุคหลังที่เวทมนตร์สมัยใหม่และการแพทย์เจริญก้าวหน้าขึ้น ชุมชนส่วนใหญ่ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาดรูอิดเหมือนแต่ก่อน ความเคารพที่มีต่อพวกดรูอิดก็ลดน้อยลงตามไปด้วย ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปทำให้อาศรมดรูอิดบางแห่งมีท่าทีเป็นศัตรูกับมนุษย์แทน และบางครั้งพวกเขาก็ลงโทษผู้ทำลายธรรมชาติจนถึงแก่ความตาย

แฟมินิกากับต้นโอ๊คเดินได้และเหล่าดรูอิดแห่งป่าเมียร์กวิดกำลังจับพวกโจรใส่กรงไม้
ภาพประกอบโดย Denis Gordeev


ในนิยายและเรื่องสั้นของ Andrzej Sapkowski มีอาศรมดรูอิดกระจายอยู่ตามอาณาจักรต่าง ๆ ในแดนเหนือ ไปจนถึงตอนเหนือของจักรวรรดินิลฟ์การ์ด เช่น อาศรมแห่งเมยีนาในอาณาจักรเทเมเรีย อาศรมแห่งเคดดูห์ในภูมิภาคอังเกริน ที่ต่อมาได้อพยพลงใต้ไปรวมกับอาศรมแห่งป่าเมียร์กวิดในทูซองต์ และยังมีตัวละครที่เป็นดรูอิดอย่าง “วิเซนนา” (Visenna) ซึ่งเป็นแม่ของเกรอลท์ และ “เมาส์แสค” (Mousesack) (หรือที่ในเกมเรียกว่า เออร์เมียน) ซึ่งเป็นดรูอิดจากหมู่เกาะสเกลลิเกะที่คอยดูแลซีรีก่อนที่จะเกิดสงครามขึ้น นอกจากนี้ “วิลเกฟอตซ์” (Vilgefortz) ก็เป็นเด็กกำพร้าที่ถูกพวกดรูอิดเก็บมาเลี้ยงอีกด้วย

ส่วนดรูอิดในจักรวาลเกมของ CDPR จะแตกต่างไปจากนิยายตรงที่ดรูอิดบางกลุ่มมีการทำพิธีสังเวยด้วยการฆ่าสัตว์ และยังมีการแตกแขนงออกไปเป็นลัทธิย่อยต่าง ๆ เช่น โครวแคลน (Crow Clan) ที่มีผู้นำเป็นแฟมินิกาลึกลับที่สื่อสารกับพวกนกกาได้ ดรูอิดบางคนก็ผันตัวไปเป็นผู้นำลัทธิสวาลบล็อด (Cult of Svalblod) ซึ่งเป็นลัทธิชั่วร้ายที่ใช้คำสาปเปลี่ยนคนให้กลายร่างเป็นหมี (berserker) หรือลัทธิบูชาเมลูซีน (Cult of Melusine) ที่บูชาสัตว์ประหลาดและมีการสังเวยมนุษย์ให้แก่ท้องทะเล

ดรูอิดบางคนก็มีอายุยืนยาวกว่ามนุษย์ทั่วไป เช่น วิเซนนาที่มีอายุมากกว่าร้อยปีและยังดูไม่แก่เฒ่าอีกด้วย แต่ไม่ว่าจะเป็นนิยายหรือเกมก็ไม่ได้ให้คำอธิบายเรื่องนี้เอาไว้ อาจเป็นเพราะการทำสมาธิและใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ หรืออาจมียาสมุนไพรบางอย่างที่ช่วยชะลอความแก่ได้

 

หมายเหตุ:

[1] ในที่นี้จะขอเรียก “วงดรูอิด” ว่า “อาศรม” (น. ที่อยู่อาศัยของนักพรต) แทน เนื่องจากเป็นคำที่คุ้นเคยในภาษาไทย และสื่อความหมายได้ครอบคลุมทั้งพื้นที่อยู่อาศัยและสถานที่ประกอบพิธีกรรมด้วย

[2] เทรนท์ (treant) เป็นต้นไม้ที่เดินและเคลื่อนไหวได้ มีลักษณะคล้ายต้นโอ๊คขนาดใหญ่ที่เคลื่อนที่ได้อย่างคล่องแคล่ว มันเดินด้วยรากและใช้กิ่งก้านหวดใส่ศัตรูหรือจับตัวเอาไว้ ในนิยายต้นฉบับเรียกว่า “Dębostwór” ที่แปลว่า “Oakcritter” หรือ “ตัวต้นโอ๊ค” ส่วนในฉบับภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Tree Creature” หรือ “สัตว์พฤกษา” ส่วนในเกม Gwent เรียกสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ว่า “เทรนท์” ซึ่งมีทั้งแบบที่เดินสองขาคล้ายคน และแบบที่มีรูปร่างเหมือนสัตว์ป่าชนิดต่าง ๆ แต่จะอยู่ร่วมกับพวกนางไม้ดรายแอดแทน

เทรนท์ในเกม Gwent มีขนาดและรูปร่างหลายแบบ

 

The Witcher 3: Wild Hunt

Beliefs of Skellige: Druids (book item)

สาวกของเทพเจ้าต่าง ๆ ในแต่ละท้องถิ่นของหมู่เกาะสเกลลิเกะนั้นไม่ได้เป็นกลุ่มที่มีความศรัทธาทางจิตวิญญาณแค่เพียงกลุ่มเดียว เนื่องจากที่นี่ก็เป็นบ้านของพวกดรูอิดด้วยเช่นกัน ไม่มีความขัดแย้งระหว่างสองลัทธิ เนื่องจากวิหารเทพีเฟรยาและอาศรมดรูอิดต่างดำรงอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพต่ออีกฝ่าย สิ่งที่เชื่อมต่อความเชื่อทั้งสองเข้าด้วยกันน่ะหรือ? ก็คงเป็นการเคารพบูชาในพลานุภาพของแผ่นดิน ความอุดมสมบูรณ์ ความรัก และการถือกำเนิด พวกดรูอิดเชื่อว่ามนุษย์ก็ถือกำเนิดมาจากธรรมชาติและสมควรอย่างยิ่งที่จะปฏิบัติต่อโลกด้วยความเคารพอย่างสูงสุด การที่มนุษย์และเผ่าพันธุ์อื่น ๆ สามารถสร้างอารยธรรมขึ้นมาได้ก็เป็นเพราะธรรมชาติได้มอบชีวิตซึ่งเป็นของขวัญล้ำค่าให้แก่พวกเขา ดังนั้นทุกคนจึงควรใช้ชีวิตอย่างกลมกลืนและทำตามความปราถนาของธรรมชาติผู้ให้กำเนิดด้วย

ดรูอิดนั้นถูกมองว่าเป็นทั้งนักปราชญ์และนักบวชที่สังคมให้ความเคารพนับถืออย่างมาก พวกเขาทำหน้าที่เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ หมอสมุนไพร และนักเล่นแร่แปรธาตุ ชาวสเกลลิเกะจะขอคำปรึกษาจากดรูอิดเมื่อพบเจอกับปัญหา เชิญพวกเขามารักษาอาการป่วยไข้ และขอให้ช่วยยุติข้อพิพาทต่าง ๆ เช่นเดียวกับเหล่าดรูอิดในภูมิภาคอื่น ๆ บนมหาทวีป ดรูอิดแห่งสเกลลิเกะจะมารวมตัวกันที่อาศรมซึ่งตั้งอยู่ในป่าศักดิ์สิทธิ์เพื่อทำสมาธิและศึกษาคำภีร์ต่าง ๆ ดรูอิดหลายคนยังสามารถใช้เวทมนตร์ได้อีกด้วย

 

The World of the Witcher

"พวกนักตัดมิสเซิลโทก็คือพวกดรูอิดน่ะขอรับนายท่าน ชอบมาตั้งสำนักอยู่ตามป่าต้นโอ๊ค ใคร ๆ ก็รู้ว่าต้นโอ๊คตรงนั้นมีเถามิสเซิลโทอยู่ด้วย เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเลยล่ะ แต่พวกเขาก็เคารพทุกสิ่งในธรรมชาติและรักสิ่งมีชีวิตทุกชนิด แม้ว่ามันจะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ก็ตาม ถ้ามียุงสักตัวบินมาดูดเลือดดรูอิด พวกเขาก็จะรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ว่ากันตามตรงพวกเขาก็คอยช่วยเหลือชาวบ้านด้วยเหมือนกัน อย่างเช่นช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บหรืออะไรทำนองนี้

สมัยก่อนใคร ๆ ก็พากันไปขอความช่วยเหลือจากพวกเขา แต่เดี๋ยวนี้ผู้คนพากันร่ำลือว่าพวกดรูอิดน่ะเปลี่ยนไปแล้ว เป็นเพราะสงครามนั่นแหละ สมัยก่อนไม่มีใครกล้าคิดที่จะเป็นศัตรูกับพวกดรูอิด แต่พวกทหารกับพวกโจรนั้นกล้าทำเพราะรู้ว่าดรูอิดเป็นพวกรักสันติและไม่มีอาวุธ แต่คนพวกนั้นไม่รู้ว่ากำลังจะได้เจอกับสิ่งที่ร้ายกาจเกินคาด เพราะพวกนักตัดมิสเซิลโทน่ะมีวิธีรับมืออยู่แล้ว ข้าได้ยินมาว่าพวกเขาควบคุมต้นไม้ได้ ทำให้มันเดินเหินได้เหมือนมนุษย์ และอสูรต้นไม้พวกนั้นก็จับพวกผู้บุกรุกเอาไว้ พวกนักตัดมิสเซิลโทจับพวกโจรไปขังไว้ในกรงไม้ขนาดใหญ่ที่ทำเป็นรูปคนและเผาคนพวกนั้นทั้งเป็นเพื่อสังเวยดวงวิญญาณให้แก่ธรรมชาติหรืออะไรเทือกนั้น ก็... พอข่าวลือแพร่สะพัดออกไป ผู้คนก็เริ่มหวาดกลัวพวกดรูอิดมากขึ้น โดยเฉพาะพวกคนตัดไม้ เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าพวกดรูอิดไม่พอใจเวลาที่ผืนป่าถูกแผ้วถาง แต่ข้าไม่เคยได้ยินว่าพวกดรูอิดจะทำร้ายผู้บริสุทธิ์เลย" - บรัชวูด หัวหน้าชุมชนเลี้ยงผึ้ง

เหล่าดรูอิดเป็นที่เคารพนับถือและยำเกรงในหมู่เกาะสเกลลิเกะ ป่าของนักพรตจึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวเกาะทั้งหลายด้วย ใต้ต้นโอ๊คโบราณสูงใหญ่ที่มีลำต้นคดโค้งคือสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและยังเป็นที่รวมพลของตระกูลต่าง ๆ จากทั่วทุกสารทิศของอาณาจักรสเกลลิเกะ

ดรูอิดจะอาศัยอยู่ตามถ้ำหินหรือในโพรงรอบ ๆ เนินดินใต้ต้นโอ๊คโบราณที่เรียกว่า เก็ดดีนีธ (Geddyneith) ห้องเล็ก ๆ ในโพรงนั้นปราศจากความสะดวกบายใด ๆ ที่สิ่งมีชีวิตล้วนต้องการ แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็ก ๆ สำหรับนักพรตที่คุ้นเคยกับการดำรงชีวิตอย่างสมถะ

แต่ละห้องจะมีเตาผิงเล็ก ๆ ที่นอนปูฟางและเครื่องเรือนเรียบง่ายเพียงไม่กี่ชิ้น ช่อสมุนไพรถูกแขวนไว้กับเพดาน ส่วนผนังก็เป็นที่ผึ่งหนังสัตว์ให้แห้ง มีมุมเล็ก ๆ สำหรับปรุงยาสมุนไพรที่มีอุปกรณ์ผสมสาร กองตำรา และกระถางต้นพืช ข้าวของเครื่องใช้อย่างถ้วยชาม แก้วน้ำ และเครื่องมือต่าง ๆ มักกระจัดกระจายอยู่ทั่วห้อง เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเหล่าผู้อยู่อาศัยนั้นไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการเก็บกวาดเท่าไรนัก

- หน้า 82-83 หนังสือ The Witcher 3: Wild Hunt Artbook (2015)

 

The Witcher Role-Playing Game

ความเชื่อทางศาสนาของชาวเหนือในยุคแรกคือการนับถือดวงวิญญาณผู้พิทักษ์ ซึ่งเป็นความเชื่อของแต่ละท้องถิ่นที่จำกัดอยู่ในวงแคบ ๆ ผืนป่าคือพื้นที่ต้องห้ามสำหรับการตั้งถิ่นฐานในยุคบุกเบิก แต่แม่น้ำคือสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตและเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญ จึงเป็นเหตุผลสนับสนุนว่าลัทธิเวโยพาติสมีจุดเริ่มต้นบริเวณตอนบนของลุ่มแม่น้ำพอนทาร์ เวโยพาติสเป็นเทพเจ้าที่มีความเกี่ยวข้องกับแม่น้ำ แต่เหล่าผู้บุกเบิกกลับอธิษฐานขอให้เทพเจ้าองค์นี้ช่วยปกป้องคุ้มครองเมื่อพวกเขาต้องเดินทางเข้าป่า เพื่อให้ปลอดภัยจากพวกอสุรกาย สัตว์ป่าดุร้าย และภูตผี เหล่าผู้ศรัธทาจะตั้งเสาไม้ที่แกะสลักใบหน้าของเวโยพาติสโดยหันหน้าไปในทิศทางที่มักมีอันตรายเกิดขึ้น เทพเวโยพาติสค่อย ๆ เสื่อมความนิยมลงเมื่อผู้คนมีความรู้เกี่ยวกับผืนป่าและสัตว์ต่าง ๆ มากขึ้น เสาไม้แกะสลักกลายเป็นสิ่งที่ไร้ความหมาย เหลือเพียงนักบวชหญิงกลุ่มเล็ก ๆ กับพวกแม่มดในป่าลึกเท่านั้นที่ยังคงนำเครื่องสังเวยมาถวายเป็นครั้งคราว

เสาหินแกะสลักรูปเทพเจ้าเวโยพาติส


บางคนเชื่อว่าลัทธิเวโยพาติสได้วิวัฒนาการมาเป็นศาสนาดรูอิดในปัจจุบัน พวกนักพรตดรูอิดจะไม่มีการส่งคนออกไปเผยแผ่ศาสนา อันที่จริงแล้วสังคมของดรูอิดนั้นเป็นสังคมแบบปิด พวกเขาจะอาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มในป่าที่เรียกว่าอาศรม ดรูอิดไม่นับถือเทพเจ้าแต่จะบูชาธรรมชาติโดยตรง รวมไปถึงกฎเกณฑ์และความกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกันกับธรรมชาติ ยามค่ำคืนใต้แสงดาวพวกเขาจะภาวนาใต้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์หรือท่ามกลางหมู่ก้อนหินที่ถูกนำมาเรียงเป็นวงกลม พวกดรูอิดยังร่างข้อกำหนดและเสนอไปยังผู้ปกครองชุมชนและเมืองต่าง ๆ ที่มนุษย์ได้รบกวนสมดุลธรรมชาติ ข้อเสนอเหล่านี้มักถูกรับฟังเสมอ เนื่องจากพวกชาวบ้านจำเป็นต้องพึ่งพาความรู้และการรักษาพยาบาลจากพวกดรูอิด

ปัจจุบันดรูอิดส่วนใหญ่ในแดนเหนือรวมตัวกันอยู่ที่ป่าเมียร์กวิด (Caed Myrkvid) ดรูอิดในอาศรมแห่งทูซองต์ได้รับการคุ้มครองโดยตรงจากดัชเชสแอนนา เฮนเรียตตา ในหมู่กาะสเกลลิเกะก็มีดรูอิดอาศัยอยู่เช่นกัน ผู้นำสูงสุดของแต่ละอาศรมเรียกว่า “ไฮโรแฟนต์” (heirophant) แต่ถ้าเป็นดรูอิดหญิงจะเรียกว่า “แฟมินิกา” (faminika) ไฮโรแฟนต์ของอาศรมแห่งสเกลลิเกะมีนามว่าเออร์เมียน แต่บางคนก็เรียกเขาว่าเมาส์แสค เขาไม่ได้เป็นแค่ดรูอิดธรรมดา ๆ แต่เคยเป็นที่ปรึกษาของราชาแห่งสเกลลิเกะและราชินีแห่งซินทรา ดรูอิดบางกลุ่มก็ใช้ความรุนแรงกับมนุษย์ที่ตั้งใจบุกรุกธรรมชาติในเขตอาศรม ดังนั้นก่อนจะเข้าไปในป่าก็ควรดูให้แน่ใจว่าละแวกนั้นมีอาศรมดรูอิดหรือไม่ และพวกเขาปฏิบัติกับคนนอกอย่างไรบ้าง

 

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.