บรุกซา (Bruxa)
บรุกซา เป็นแวมไพร์ชั้นสูงที่มีสติปัญญาพอ ๆ กับมนุษย์ แต่มันก็ยังไม่ใช่แวมไพร์ชั้นสูงที่แท้จริง ลักษณะเด่นของแวมไพร์ชนิดนี้คือความสามารถในการแปลงร่างเป็นสาวงามเพื่อช่วยให้เข้าถึงตัวเหยื่อที่เป็นมนุษย์ได้ง่ายยิ่งขึ้น พวกมันเข้าใจภาษามนุษย์และสามารถสื่อสารด้วยโทรจิตได้ บรุกซาจำเป็นต้องดื่มเลือดเป็นอาหาร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะฆ่าเหยื่อหรือดูดเลือดเหยื่อจนตายไปซะทุกครั้ง
บรุกซาเป็นศัตรูที่จัดการได้ยาก เนื่องจากมันเป็นนักล่าที่มีความว่องไวและยังมีอาวุธอันตรายหลายอย่าง ทั้งกรงเล็บยาวคมกริบและพลังคลื่นเสียงที่ทำให้เกิดแรงอัดมหาศาล แม้แต่วิทเชอร์ก็ยังต้องเตรียมตัวให้พร้อมหากคิดจะเผชิญหน้ากับมัน บรุกซามักอาศัยอยู่ตามสถานที่เปลี่ยวตามชายขอบของชุมชน เพื่อความสะดวกในการหาเหยื่อและลดความเสี่ยงที่จะถูกมนุษย์สังเกตเห็น ทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือลักษณะร่วมของบรุกซาที่ปรากฏในนิยาย เกม และซีรีส์ ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ จะแตกต่างกันดังต่อไปนี้
Original Novel (The Last Wish)
ในนิยายต้นฉบับ เรื่องราวส่วนใหญ่เกี่ยวกับบรุกซาถูกกล่าวไว้ในเรื่องสั้น A Grain of Truth (เศษเสี้ยวแห่งความจริง) บรุกซาที่ชื่อ “เวรีนา” ได้ไปอาศัยอยู่กับ “นิเวลเลน” ชายที่ถูกสาปให้กลายร่างเป็นอสูร ร่างมนุษย์ของเวรีนาเป็นเด็กสาวที่มีผิวขาวซีดชนิดที่ว่าแทบจะเห็นทุกอย่างที่อยู่ใต้ผิวหนัง มีดวงตาสีดำสนิทกลมโตและผมสีดำยาวสยายเหมือนรูซัลกา (rusalka: นางไม้ที่อาศัยอยู่ในน้ำ) เวรีนาสวมชุดกระโปรงสีขาวและเดินเท้าเปล่า เธอชอบใช้เวลาอยู่กับนกที่นิเวลเลนเลี้ยงไว้ และมักร้องเพลงเป็นภาษาแวมไพร์ที่มีทำนองเย็นยะเยือกโดยเฉพาะตอนที่เธอเพิ่งจะดื่มเลือดมา นอกจากนี้เธอยังสามารถอยู่ท่ามกลางแสงแดดในตอนกลางวันได้อีกด้วย
ร่างที่แท้จริงของบรุกซาฉบับนิยายจะเป็นค้างคาวยักษ์สีดำ มันจะบินโฉบอย่างรวดเร็วเพื่อเพิ่มแรงโจมตีให้กับกรงเล็บยาวโค้งคมกริบ บรุกซาสามารถเปลี่ยนร่างไปมาระหว่างร่างหญิงสาวกับร่างค้างคาวยักษ์ได้ในพริบตา และยังสามารถปล่อยพลังคลื่นเสียงที่มีความแรงจนเกือบจะทำให้เกรอลท์หมดสติจากแรงกระแทก นอกจากนี้ยังทำให้เขามีอาการชาและขยับตัวไม่ได้คล้ายกับเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ แม้จะถูกนิเวลเลนใช้ท่อนไม้จากนั่งร้านแทงทะลุร่างแต่เวรีนาก็ยังไม่ตายและยังมีแรงดันร่างตัวเองเข้าไปหานิเวลเลน จนกระทั่งเกรอลท์ต้องเหวี่ยงดาบเงินออกไปตัดศีรษะเธอให้ขาดกระเด็น บรุกซาสาวจึงตายสนิทและไม่ขยับเขยื้อนอีก
เกรอลท์กำลังต่อสู้กับเวรีนาในร่างค้างคาวยักษ์ (ภาพประกอบโดย Denis Gordeev) |
CD Projekt Red
บรุกซาแต่ละตนในจักรวาลเกมของ CDPR ค่อนข้างมีเอกลักษณะเฉพาะตัว มีระดับสติปัญญาและพฤติกรรมที่แตกต่างกัน แต่จุดที่แตกต่างไปจากนิยายต้นฉบับคือร่างอสูรของมันที่ไม่ได้เป็นค้างคาว แต่เป็นร่างที่ใกล้เคียงกับมนุษย์แต่มีกรงเล็บยาวงอกออกมา บรุกซาในเกมไม่มีปีก แต่มันก็กระโดดได้สูงมากพอที่จะโจมตีจากกลางอากาศได้ นอกจากนี้ยังสามารถพรางตัวด้วยการล่องหนได้อีกด้วย
ในเกม The Witcher ภาคแรกมีสิ่งที่ขัดแย้งกับนิยายต้นฉบับอยู่อย่างหนึ่งคือ บรุกซาสามารถเปลี่ยนหญิงสาวธรรมดา ๆ ให้กลายเป็นแวมไพร์ได้ด้วยการกัด บรุกซาเจ้าของกิจการหอนางโลมที่เรียกตัวเองว่า “ควีนออฟเดอะไนท์” (Queen of the Night) เปลี่ยนน้องสาวของอัศวินภาคีกุหลาบเพลิงคนหนึ่งให้กลายเป็นบรุกซาเพื่อมอบความงามที่เป็นอมตะให้ และต่อมาเธอก็กลายเป็นนางโลมดาวเด่นของสถานบริการแห่งนั้น นอกจากนี้ Queen of the Night ยังบอกว่าเธอเคยเป็นคนรักของเรจิสอีกด้วย แต่ในเกมภาคต่อ ๆ มา CDPR ได้มีการแก้ไขสิ่งที่ขัดแย้งกับนิยายออกไป มีการเน้นย้ำอยู่เสมอว่าการกัดของแวมไพร์ไม่สามารถเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นแวมไพร์ได้ เนื่องจากพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์อื่นที่มาจากต่างโลก
ตัวละครจากเกมที่เป็นบรุกซา ควีนออฟเดอะไนท์ (ซ้าย) จากเกมภาคแรก และโอริอานนา (ขวา) จากเกมภาค 3 |
จนมาถึงเกมภาค 3 ได้มีการใช้ตัวละครบรุกซา “โอริอานนา” (Orianna) ในเทรลเลอร์โปรโมทเกมที่ชื่อว่า A Night to Remember แต่เมื่อเธอปรากฏตัวใน DLC Blood and Wine ก็ทำให้เกิดการถกเถียงกันว่าเธอเป็นบรุกซาหรือแวมไพร์ชั้นสูงที่แท้จริงกันแน่ เนื่องจากเธอมีพฤติกรรมเหมือนแวมไพร์ชั้นสูงที่แท้จริงแทบทุกอย่าง และในเกมเพลย์ก็มีแต่ฉากที่เธออยู่ในร่างมนุษย์ ทำให้ผู้เล่นเกิดความสับสนอย่างมาก แต่ทีมงานก็ได้ออกมายืนยันภายหลังแล้วว่าเธอคือบรุกซาจริง ๆ และฉากในเทรลเลอร์คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ใน DLC ซึ่งถ้าหากเธอเป็นแวมไพร์ชั้นสูงที่แท้จริง เกรอลท์ก็คงไม่สามรถฆ่าเธอได้ เนื่องจากแวมไพร์ชั้นสูงที่แท้จริงจะตายก็ต่อเมื่อถูกแวมไพร์ชั้นสูงฆ่าเท่านั้น
เมื่อรวมกับข้อมูลของบรุกซาในคอร์โวเบียงโก ก็อาจเข้าใจได้ว่าบรุกซาในจักรวาลเกมนั้นมีวิธีปรับตัวเข้ากับสังคมที่แตกต่างกัน บรุกซาแห่งคอร์โวเบียงโกพูดภาษามนุษย์ได้และออกไปนั่งปะปนกับมนุษย์ในโรงเหล้าได้อย่างแนบเนียน ในขณะที่โอริอานนาเข้าสังคมกับพวกแวมไพร์ชั้นสูงที่แท้จริงไปพร้อม ๆ กับสังคมมนุษย์ นอกจากนี้เธอยังเรียนรู้ที่จะทำฟาร์มมนุษย์เหมือนที่พวกแวมไพร์ชั้นสูงเคยทำในอดีตอีกด้วย
Netflix
บรุกซาในซีรีส์มีความใกล้เคียงกับนิยายต้นฉบับเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางจุดที่แตกต่างออกไป บรุกซาในนิยายจะไม่ฉีกร่างเหยื่อแต่จะดื่มเลือดและทิ้งไว้เฉพาะรอยเขี้ยวเท่านั้น แต่ในซีรีส์จะเห็นว่าเวรีนาโจมตีเหยื่อของเธอจนร่างขาดเป็นชิ้น ๆ นอกจากนี้เธอยังสามารถสะกดจิตซีรีให้หลับได้อีกด้วย
บรุกซาในซีรีส์ยังสามารถบิดร่างกายและลอดผ่านช่องแคบ ๆ ที่มีขนาดเล็กกว่าลำตัวได้ แต่ไม่ชัดเจนว่าพวกมันสามารถอยู่ท่ามกลางแสงแดดได้หรือไม่ เนื่องจากเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นภายในคืนเดียว ความแตกต่างที่ชัดเจนอีกอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อบรุกซาตายลงร่างของมันจะลุกไหม้ขึ้นมาเองและซากศพของมันจะกลายเป็นเพียงกองขี้เถ้าสีดำในที่สุด
ร่างอสูรของบรุกซาในซีรีส์เดอะวิทเชอร์ (S2E1 A Grain of Truth) |
เอกสารจากเกมและซีรีส์
The Witcher 3: Wild Hunt (Blood and Wine)
หากเจ้าต้องเดินทางผ่านป่า จงไปให้ห่างจากบริเวณที่เจ้าได้ยินเสียงร้องของนกนานาชนิดดังขึ้นพร้อม ๆ กัน เสียงนั้นอาจหมายความว่าเจ้ากำลังเข้าไปในอาณาเขตของบรุกซา และอาจต้องบอกลาชีวิตที่เหลือไปด้วย
— คำแนะนำนิรนาม
นับว่าเป็นโชคดีของเราที่บรุกซาเป็นสิ่งมีชีวิตที่พบเจอได้ยาก ส่วนใหญ่มักอาศัยอยู่ห่างไกลจากย่านที่มีคนหนาแน่น เนื่องจากพวกมันก็เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของตัวเองและมักจะสร้างรังในสถานที่ที่เลือกมาเป็นอย่างดี พวกที่ทำรังอยู่ใกล้ ๆ มนุษย์มักหลีกเลี่ยงฝูงชนและออกจากที่ซ่อนเฉพาะในตอนกลางคืน ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็อาจเข้าใจว่าพวกมันเป็นแค่นักเดินทางยามดึกที่กำลังรีบเร่งกลับที่พักแรม แต่ก็ยังมีรายละเอียดซ่อนเร้นบางอย่างที่จะใช้แยกพวกมันออกไปได้ นั่นคือพวกมันมีความผูกพันใกล้ชิดกับฝูงนก รวมไปถึงเสียงที่ทิ่มแทงแก้วหูและการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ บรุกซามีพละกำลังและความเร็วเหนือกว่ามนุษย์ทั้งปวง แต่ความสามารถที่น่ากลัวที่สุดของมันคือการหายตัวล่องหน
บรุกซาสามารถพุ่งเข้ามาโจมตีอย่างรวดเร็ว และด้วยความสามารถในการล่องหนก็ยิ่งทำให้มันสร้างความสับสนให้คู่ต่อสู้และพุ่งเข้ามาโจมตีจากข้างหลังโดยที่เหยื่อไม่ทันได้ตั้งตัว ระเบิดมูนดัสต์คือตัวช่วยที่ดีในการต่อสู้กับพวกแวมไพร์ เพราะถึงแม้มันจะไม่สามารถยับยั้งสภาวะล่องหนได้ แต่ก็ช่วยให้มองเห็นการเคลื่อนไหวของมันได้ง่ายขึ้น การชโลมดาบด้วยน้ำมันแวมไพร์ก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพเช่นกัน
บรุกซาจะใช้กรงเล็บโจมตี และมันมีพลังมากพอที่จะทำลายท่าตั้งการ์ดป้องกันได้โดยการรุมกระหน่ำจากทุกทิศทุกทาง เมื่อมันอยู่ในสภาพอ่อนแอ บรุกซาจะพยายามดื่มเลือดจากเหยื่อ ดังนั้นวิทเชอร์ที่คิดว่าตัวเองอาจต้องเผชิญหน้ากับอสุรกายชนิดนี้ก็ควรดื่มยาแบล็คบลัดไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ นอกจากนี้บรุกซายังขึ้นชื่อเรื่องการใช้พลังคลื่นเสียงอัดกระแทกเหยื่อให้ล้มลงและมึนงงไปชั่วขณะอีกด้วย
บรุกซาแห่งคอร์โวเบียงโก (Bruxa of Corvo Bianco)
Quest: The Beast of Toussaint
เกรอลท์ได้เผชิญหน้ากับบรุกซาที่คอร์โวเบียงโกและต้องสังหารมันเพื่อป้องกันตัว บรุกซาตนนี้มีความแตกต่างจากบรุกซาทั่ว ๆ ไป ประการแรกคือมันมีสติปัญญาสูงกว่า จนสามารถเลือกใช้ถ้อยคำในภาษามนุษย์ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก อีกประการหนึ่งคือบรุกซาตนนี้มีความผูกพันกับอสูรร้ายที่ก่อเหตุฆาตกรรมปริศนาไปทั่วเมืองโบแคลร์
การต่อสู้ครั้งนี้ถือเป็นความท้าทายพอสมควรสำหรับเกรอลท์ เช่นเดียวกับบรุกซาตนอื่น ๆ บรุกซาตนนี้ก็มีพละกำลังและความว่องไวเหนือมนุษย์ทั้งปวง สามารถพรางตัวล่องหนและโจมตีด้วยพลังคลื่นเสียงอันร้ายกาจ
มันมักจะหาโอกาสดื่มเลือดจากเหยื่อตามวิสัยของแวมไพร์ ดังนั้นกลยุทธ์ที่ควรใช้รับมือกับสัตว์ประหลาดชนิดนี้คือการใช้ยาแบล็คบลัด ซึ่งเป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพในการต่อกรกับแวมไพร์ เช่นเดียวกับระเบิดมูนดัสต์และดาบเงินที่วิทเชอร์ไว้ใจได้เสมอ
The Witcher Role-Playing Game (A Witcher's Journal)
ระดับความรู้ของคนทั่วไป
ผู้คนทางใต้มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับบรุกซาอยู่มากมาย บางทีอาจเป็นเพราะสภาพอากาศที่อบอุ่นกว่า แต่ที่แน่ ๆ คือพวกแวมไพร์ดูเหมือนจะชอบอาศัยอยู่ทางใต้ ตาเฒ่าจากนาเซียร์เคยเล่าให้ข้าฟังว่าบรุกซาก็เป็นนางพรายเหมือนกับพวกนางพรายน้ำหรืออะไรทำนองนั้น แต่พวกนางวิปริตไปเพราะอำนาจของมนต์ดำและตัณหาราคะ พวกนางจะออกมาตอนกลางคืนและหลับนอนกับหนุ่มน้อยรูปงาม ก่อนจะส่งพวกเขาลงหลุมโดยการดูดเลือดจนหมดตัว เจ้าไม่มีทางฆ่าบรุกซาระหว่างการต่อสู้ได้หรอก เพราะพวกนางว่องไวกว่ามนุษย์หลายเท่า แถมยังมีกรงเล็บคมกริบเหมือนใบมีดโกนและเสียงที่ทรงพลังราวกับเครื่องทะลวงประตู* สิ่งที่เจ้าต้องทำคือขังบรุกซาเอาไว้จนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้น แสงแดดจะทำให้ผิวของพวกนางลุกไหม้ราวกับเป็นก้อนฟางแห้ง ๆ เลยล่ะ!
หมายเหตุ: เครื่องทะลวงประตู (battering ram) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้กระแทกประตูเมืองหรือประตูของป้อมปราการ มีทั้งแบบเรียบง่ายที่ใช้แรงคนแบกท่อนซุงแล้ววิ่งเข้าไปกระทุ้งประตูพร้อม ๆ กัน และแบบที่ใช้ท่อนซุงแขวนกับไม้คานเพื่อทุ่นแรง บางครั้งก็มีการเสริมปลายท่อนซุงด้วยโลหะเพื่อเพิ่มความแข็งแรง
ระดับความรู้ของวิทเชอร์
เมื่อสัตว์ประหลาดมีสติปัญญาและมีเล่ห์เหลี่ยมพอที่จะพรางตัวอยู่ท่ามกลางชุมชนของมนุษย์ ก็เป็นเรื่องยากที่จะสังหารมันได้ ที่แย่ไปกว่านั้นบรุกซายังเป็นแวมไพร์ที่สามารถอยู่ท่ามกลางแสงแดดได้โดยไม่เป็นอันตราย การหาตัวบรุกซาที่แฝงตัวอยู่ในชุมชนของมนุษย์นั้นทำได้ยากเนื่องจากความสามารถในการปรับตัวของมัน หากเจ้าเดินไปตามท้องถนนในตอนกลางคืน จงเงี่ยหูฟังเสียงครวญเพลงอันเย็นยะเยือกจนทำให้ท้องไส้ปั่นป่วน นี่คือบทเพลงของบรุกซาที่ขับร้องด้วยภาษาดั้งเดิมของพวกแวมไพร์ และมักถูกขับขานหลังจากที่พวกมันเพิ่งจะดื่มเลือดมา
เจ้าไม่ควรรับงานปราบแวมไพร์ที่มีสติปัญญาสูง ซึ่งข้าขอเตือนว่าพวกมันสามารถล่องหนได้ ซึ่งวิธีทั่ว ๆ ไปที่ใช้กำจัดภาพลวงตาไม่สามารถใช้กับการล่องหนของบรุกซาได้ นอกจากนี้พวกมันยังสามารถโจมตีได้อย่างรวดเร็วจนมองไม่ทัน และยังสามารถปล่อยคลื่นเสียงทรงพลังที่ทำให้เกิดคลื่นกระแทกได้อีกด้วย
การแอบซุ่มโจมตีบรุกซานั้นทำได้ยาก เนื่องจากพวกมันมีสายสัมพันธ์กับพวกนกอย่างแนบแน่น ฝูงนกจะร้องเตือนภัยทันทีเมื่อแขกที่ไม่ได้รับเชิญปรากฏตัวขึ้น แต่ถ้าหากเจ้าจำเป็นต้องเดิมพันชีวิตกับการออกล่าที่สิ้นคิดเช่นนี้ ก็ต้องสะกดรอยโดยไม่ให้พวกมันรู้ตัว จงเดินไปตามท้องถนนในเมืองแล้วฟังเสียงนกร้องและตามกลิ่นเลือดไป ตรวจสอบสถานที่เปลี่ยวร้างในย่านคนรวยและหาที่เงียบ ๆ สำหรับต่อสู้กับเหยื่อของเจ้า ดื่มยาแบล็คบลัดและใช้ระเบิดมูนดัสท์, คาถาเยอร์เดน และคาถาอิกนีอย่างต่อเนื่อง ชโลมดาบด้วยน้ำมันแวมไพร์และใช้ทุกอย่างที่เจ้าเคยเรียนรู้มา แล้วเจ้าจะรอดชีวิตจากการต่อสู้ไปได้
บรุกซา (ศิลปิน Bogna Gawrońska ภาพจาก gwent.one) |
ข้อมูลทั่วไป
- ความสูง 1.75 เมตร
- น้ำหนัก 90 กิโลกรัม
- ถิ่นอาศัย ใกล้ชุมชน
- ขนาดฝูง ตัวเดียว
ความสามารถในการต่อสู้
- โทรจิต (telepathy) บรุกซาสามารถสื่อสารด้วยโทรจิตได้ในระยะ 20 เมตรได้
- นกน้อยเตือนภัย (close ties to birds) ใกล้ ๆ ที่อยู่ของบรุกซาจะมีนกฝูงเล็ก ๆ มาทำรังอยู่เสมอ เมื่อมีคนเข้ามาในรัศมี 20 เมตร ฝูงนกจะร้องเตือนภัยทันที บรุกซาจะรู้ว่าผู้บุกรุกเข้ามาทางไหน แต่จะไม่รู้ว่าเขาเป็นใครหรือมากันกี่คน
- ดูดเลือด (drain blood) หากบรุกซาโจมตีด้วยการกัด จะสามารถดูดพลังชีวิตจากคู่ต่อสู้ได้จำนวนหนึ่งและฮีลตัวเองด้วยพลังที่เท่ากัน
- ระเบิดคลื่นเสียง (sonic blast) บรุกซาสามารถปล่อยคลื่นเสียงที่สร้างแรงอัดกระแทกได้ในระยะ 6 เมตร คลื่นเสียงนี้สามารถป้องกันด้วยโล่ได้ แม้จะช่วยลดการบาดเจ็บได้บ้างแต่แรงกระแทกยังคงสามารถทำให้คู่ต่อสู้กระเด็นถอยหลังไปได้อยู่ดี
- ล่องหนอย่างเหนือชั้น (superior invisibility) คู่ต่อสู้ไม่มีทางมองเห็นบรุกซาได้ หากมันอยู่ในสภาพล่องหน อย่างไรก็ตามคาถาเยอร์เดนและระเบิดมูนดัสท์สามารถช่วยให้พอมองเห็นเค้าร่างของมันได้อย่างราง ๆ บรุกซาจะหลุดออกจากสภาวะล่องหนเมื่อถูกโจมตี และถ้ามันดื่มเลือดที่มีส่วนผสมของยาแบล็คบลัดก็จะสูญเสียความสามารถในการล่องหนไปจนกว่ายาจะหมดฤทธิ์
- กลายร่างเป็นสาวงาม (transformation: maiden) บรุกซาสามารถกลายร่างเป็นสาวงามได้อย่างแนบเนียน แต่หากบรุกซาโจมตีหรือใช้พลังอื่นนอกจากการสื่อสารทางโทรจิตหรือสื่อสารกับนก มันจะกลับสู่ร่างแวมไพร์ทันที ระเบิดมูนดัสต์สามารถป้องกันไม่ให้บรุกซาแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้
จุดอ่อน: Vampire Oil / Black Blood Potion / Moondust Bomb / ไฟ
Witchernetflix.com
พริบตาหนึ่งเป็นสาวน้อย อีกพริบตากลับกลายเป็นค้างคาวยักษ์ที่มีกรงเล็บสุดสะพรึงตรงปลายปีก รูปโฉมคือสิ่งลวงตาโดยแท้เมื่อมันมาพร้อมกับพวกอสูรที่แปลงร่างได้
— อ็อกเซนเฟิร์ต ตำราอสุรกาย
บรุกซานั้นถูกแยกแยะได้ยากเมื่อมันอยู่ในร่างมนุษย์ มันสามารถจำแลงกายเป็นสาวน้อยผิวขาวซีด มีดวงตากลมโตและเรือนผมสีเข้ม แต่จงจับตาดูให้นานพอ แล้วเจ้าจะเห็นร่างที่แท้จริงของนางว่าเป็นอย่างไร เมื่อบรุกซาสาวเผยอกรามกว้างก็จะเผยให้เห็นฟันซี่แหลมราวกับเข็มเรียงซ้อนกันเป็นแถว เนื่องจากธาตุแท้ของนางนั้นเป็นปรสิตที่ดูดกินเลือดเป็นอาหาร ด้วยคมเขี้ยวมากมายขนาดนั้น นางสามารถทำให้เหยื่อเลือดไหลจนหมดตัวได้เลย
บรุกซาเป็นนักล่าที่ว่องไวยิ่ง สามารถบินร่อนและแทรกตัวผ่านช่องเล็ก ๆ ที่ตัวของมันไม่น่าจะผ่านเข้าไปได้ นางยังมีกลเม็ดเด็ดพรายเตรียมไว้สำหรับผู้ที่กล้า (และโง่) พอจะไล่จับนาง นั่นคือพลังคลื่นเสียงที่ระเบิดออกมาจากกรามอันทรงพลัง เจ้าอาจเคยได้ยินเรื่องราวอันลือลั่นของบรุกซานามว่า “เวรีนา” ผู้สานสัมพันธ์หายนะกับ “นิเวลเลน” ที่เป็นทั้งแหล่งอาหารและคนรักของนาง ช่างเหมาะแก่การเป็นตำนานโดยแท้
ถิ่นอาศัย
มักอาศัยอยู่ในที่เปลี่ยวแต่ไม่ห่างจากคนมากนัก
ทักษะ
- จำแลงกาย: การเปลี่ยนร่างเป็นสตรีโฉมงามช่วยให้นางหากินได้ง่ายขึ้น โชคดีที่นางไม่สามารถแปลงกายเป็นอย่างอื่นได้อีก
- โทรจิต: ไม่เพียงแต่นางจะสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วจนมองแทบไม่ทันแล้ว นางยังสามารถสื่อสารได้โดยไม่ต้องพูดอีกด้วย
- บิน: วงปีกของนางมีขนาดใหญ่เมือเทียบกับเรือนร่างกะทัดรัด ทำให้นางยิ่งอันตรายมากขึ้นในการต่อสู้
- ระเบิดคลื่นเสียง: เมื่อนางอ้าปาก นางสามารถสร้างแรงอัดที่มีพลังมากพอจะทำให้มนุษย์บาดเจ็บรุนแรงได้
วิธีสังหาร
อสุรกายไสยเวทจะต้องปราบด้วยอาวุธเงิน วิธีที่ดีที่สุดคือการตัดหัว ร่างของบรุกซาจะลุกไหม้ทันทีเมื่อมันตายลง
ไม่มีความคิดเห็น