ซิลแวน (Sylvan)
ไพ่ "ทอร์ก" จากเกม Gwent (ศิลปิน Lorenzo Mastroianni ภาพจาก gwent.one) |
ซิลแวน เป็นสิ่งมีชีวิตโบราณที่มีรูปร่างครึ่งคนครึ่งแพะ พวกมันอาจอยู่บนโลกนี้มาตั้งแต่ยุคสมัยของคนแคระและเอลฟ์ คนแคระเรียกซิลแวนว่า ดุฝเวล (duvvel) ส่วนเอลฟ์เรียกพวกมันว่า เดียบึล (d’yaebl) ส่วนมนุษย์เรียกว่า เดวิล (devil) ซึ่งทุกชื่อที่กล่าวมานี้ล้วนหมายถึง “ปีศาจ” ทั้ง ๆ ที่ซิลแวนไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตรายหรือชั่วร้ายเลย นอกจากนี้มนุษย์ยังเรียกพวกซิลแวนว่า วิลโลเวอร์ (willower) และ พัค (puck) จากพฤติกรรมที่ซุกซนและชอบสร้างความปั่นป่วนเหมือนพวกเด็ก ๆ
ถิ่นอาศัยของซิลแวนจะอยู่ตามป่าลึกที่ห่างไกลจากผู้คน แต่เมื่อมนุษย์ขยายถิ่นฐานเข้าไปในป่าและทำการเพาะปลูกพืชผักผลไม้ที่เป็นของชอบของซิลแวน บางครั้งพวกมันจึงเข้ามาขโมยผลผลิตของพวกชาวบ้านไปกิน แต่ก็ตอบแทนพวกเขาด้วยการช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้หน้าดิน กำจัดศัตรูพืช รวมไปถึงไล่นกและสัตว์อื่น ๆ ไม่ให้มารบกวนเรือกสวนไร่นา
ในนิยายต้นฉบับ ซิลแวนที่ชื่อ ทอร์ก มีความสูงประมาณครึ่งร็อดหรือราว ๆ 2.5 เมตร ลำตัวท่อนบนของซิลแวนมีลักษณะคล้ายมนุษย์ มีเขาบนศีรษะกับดวงตาขนาดใหญ่และริมฝีปากที่เคี้ยวยุกยิกตลอดเวลาเหมือนแพะ ส่วนฟันนั้นมีซี่ใหญ่หนาเหมือนฟันม้า มีกีบเท้าเหมือนแพะแต่เดินสองขาเหมือนมนุษย์ ส่วนหางนั้นยาวเรียวและมีปลายเป็นพู่เหมือนหางลา ทอร์กพูดได้ทั้งภาษามนุษย์ ภาษาคนแคระ และภาษาเอลฟ์ แถมยังชอบเล่นเกมปริศนาทายคำอีกต่างหาก และนอกจากจะมีสติปัญญาที่ฉลาดเฉลียวแล้ว ซิลแวนตนนี้ยังรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอีกด้วย
ส่วนซิลแวนในเกม The Witcher 3 นั้นค่อนข้างแตกต่างกับในนิยายอยู่พอสวมควร ซิลแวนถูกจัดเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทรีลิคท์ แม้มันจะมีลักษณะแบบลูกผสม (hybrid) ก็ตาม พวกมันมีรูปร่างอ้วนฉุเพราะกินอาหารได้ทุกประเภทเหมือนกับมนุษย์ นอกจากนี้ยังมีนิสัยเกียจคร้าน เจ้าเล่ห์เพทุบาย และยังพ่นไฟได้อีกต่างหาก โดยในเกมจะมีซิลแวนอยู่ 2 ตน คือ ออลก็อด (Allgod) และ ฟิวกาส (Fugas)
ทอร์ก (Torque)
เจ้าสิ่งมีชีวิตตนนี้สูงราว ๆ ห้าศอก มีดวงตากลมโตกับเคราและเขาเหมือนแพะ ริมผีปากนุ่มนิ่มเผยอแยกยุกยิกด้วยวิสัยชอบขบเคี้ยวอย่างแพะ ลำตัวท่อนล่างเต็มไปด้วยขนดกหนาสีน้ำตาลเข้มจรดกีบเท้าทั้งคู่ เจ้าปีศาจมีหางยาวซึ่งปลายสุดมีพุ่มขนคล้ายพู่กันและสะบัดไปมาไม่หยุด
“อุค! อุค!” เจ้าตัวประหลาดส่งเสียงดังลั่นพลางกระทืบกีบเท้า “พวกเจ้าต้องการอะไร? ไปซะ! ไปซะดี ๆ ไม่อย่างนั้นข้าจะขวิดให้หัวทิ่ม อุค! อุค!”
- บทที่ 3 เรื่องสั้น The Edge of the World
ทอร์กในซีรี The Witcher Season 1 Episode 2 (ภาพจาก Netflix) |
ทอร์กปรากฏตัวในเรื่องสั้น The Edge of the World (สุดขอบโลก) เขาพยายามช่วยเหลือฟิลาวันเดรลและเหล่าเอลฟ์ที่ต้องอพยพไปยังพื้นที่กันดารบนภูเขา โดยการขโมยธัญพืชจากยุ้งฉางของพวกชาวบ้านในหมู่บ้านโพซาดาตอนล่างไปให้พวกเอลฟ์กินประทังชีวิต และทอร์กยังพยายามสอนพวกเขาให้รู้จักปรับตัวและหัดเพาะปลูกพืชของมนุษย์ที่ใช้กินเป็นอาหารและใช้ทำเครื่องนุ่งห่มได้
ทอร์กต้องขโมยผลผลิตของพวกชาวบ้านจำนวนมากเพื่อช่วยเหลือพวกเอลฟ์ ทำให้ชาวบ้านเริ่มไม่พอใจจนต้องจ้างวิทเชอร์มาช่วยจัดการ แต่ก็มีข้อแม้ว่าห้ามฆ่าซิลแวนตนนี้เด็ดขาด เกรอลท์และแดนดีไลออนจึงได้เผชิญหน้ากับทอร์ก ซิลแวนใช้ลูกเหล็กขนาดเล็กที่พวกชาวบ้านใส่ปนมากับธัญพืชระดมขว้างใส่วิทเชอร์และนักกวีจนต้องวิ่งหนีกลับไปตั้งหลักที่หมู่บ้าน
หลังจากปรึกษากันอยู่พักหนึ่งเกรอลท์กับแดนดีไลออนก็เลือกวิธีเจรจากับซิลแวน แต่ด้วยความเจ้าเล่ห์ทอร์กจึงตั้งข้อแม้ว่าจะยอมออกจากหมู่บ้านก็ต่อเมื่อทั้งสองคนหาคำตอบของปริศนาคำกลอนข้อหนึ่งได้ ซึ่งปริศนาข้อนั้นบรรยายถึงลักษณะต้นพืชชนิดหนึ่งไว้ว่า
ใบออกสีชมพู ฝักชี้ชูอยู่เต็มต้น (Różowe listeczki, pełniutkie strączeczki,)
ขึ้นตามดินและโคลน ไม่ห่างพ้นลำธารา (Rośnie w miękkiej glinie nie opodal rzeczki,)
ก้านดอกยาวโดดเด่น ลายจุดเน้นสะดุดตา (Na długiej łodydze nakrapiany kwiat,)
ซ่อนไว้ไกลวิฬาร์ หากมันเห็นเป็นกัดกิน (Nie pokazuj kotu, boby zaraz zjadł.)
นอกจากจะไม่มีใครตอบถูกแล้ว เจ้าทอร์กยังกวนประสาทด้วยการแกล้งเฉลยว่าคำตอบคือต้นกะหล่ำปลี (คำตอบจริง ๆ คือต้นแคทนิป) ทำให้เกรอลท์หมดความอดทนและหันไปใช้กำลังแทน เรื่องราวกลับเลวร้ายลงเมื่อพวกเอลฟ์ตามมาสมทบและทำร้ายวิทเชอร์กับนักกวีจนสลบ
แต่เมื่อพวกเอลฟ์ลงความเห็นว่าจะสังหารพวกเขา ทอร์กกลับไม่เห็นด้วยและพยายามขัดขวางอย่างเต็มที่ ถึงขนาดเอาตัวเข้าไปยืนขวางไม่ให้พวกเอลฟ์ยิงธนูใส่เกรอลท์กับแดนดีไลออน และหลังจากเรื่องราวจบลง ซิลแวนก็ใช้เวลาในค่ำคืนนั้นนั่งสนทนาข้างกองไฟกับเพื่อนใหม่ทั้งสอง ก่อนจะกล่าวราตรีสวัสดิ์เมื่อแดนดีไลออนเริ่มแต่งลำนำ
หมายเหตุ
- ในฉบับแปลภาษาไทย แปลคำว่า “devil” ว่า “ปีศาจ” ส่วน “deovel” ใช้คำว่า “ปีศวจ” เพื่อแทนสำเนียงที่พูดไม่ชัดของชาวบ้านแถบโพซาดา ไม่ใช่การสะกดผิดแต่อย่างใด
- ในภาษาโปแลนด์มีคำเปรียบเปรยที่ว่า "Tam, gdzie diabeł mówi dobranoc" ถ้าแปลแบบตรงตัวจะแปลว่า “สถานที่ซึ่งปีศาจกล่าวราตรีสวัสดิ์” แต่จริง ๆ แล้วหมายถึง “สถานที่อันห่างไกลจากผู้คน” ในตอนจบเมื่อทอร์กที่เป็น devil กล่าวราตรีสวัสดิ์ จึงเป็นการเล่นคำย้อนกลับไปยังชื่อเรื่องว่าเกรอลท์กับแดนดีไลออนนั้นอยู่ในดินแดนสุดขอบโลกจริง ๆ
- แคทนิป (Nepeta cataria) หรือตำแยแมว เป็นพืชในวงศ์กะเพรา บางสายพันธุ์ใบจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงแดงเมื่ออากาศเย็นจัด กลีบดอกมีสีแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ แต่มักมีจุดเล็ก ๆ กระจายอยู่บนกลีบดอก พืชชนิดนี้มีสาร nepetalactone ที่ทำให้สัตว์ในวงศ์เสือและแมวเกิดอาการเคลิบเคลิ้ม
The Witcher 3: Wild Hunt
Bestiary: Sylvan
ซิลแวนนั้นโหดร้าย โลภมาก และเป็นอันตรายอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ยังชอบมันมากกว่าพวกมนุษย์
- เยวินน์ ผู้บัญชาการระดับตำนานแห่งกองกำลังสกอยาเทล
ซิลแวนและยาคชาคือสิ่งมีชีวิตในวงศ์เดียวกัน พวกมันอาศัยอยู่ตามป่าและถูกพบเจอได้ยากมาก ๆ รูปร่างลักษณะของมอันคือส่วนผสมระหว่างแพะกับมนุษย์อ้วน ๆ สิ่งมีชีวิตชนิดนี้ไม่ค่อยเป็นพิษเป็นภัยเนื่องจากนาน ๆ ครั้งพวกมันจึงจะโผล่ออกมาหาเรื่องกลั่นแกล้งมนุษย์แบบที่ไม่ทำให้ใครต้องเจ็บตัว (แต่ก็มักสร้างความเดือดร้อนรำคาญ) และกินพืชผลที่พวกชาวบ้านปลูกไว้ตามไร่นา
จุดอ่อน: Relict Oil / Samum / Devil Puffball / Igni
ออลก็อด (Allgod)
ออลก็อดเป็นซิลแวนที่มาหลบฝนในห้องใต้ดินของซากโบราณสถานกลางป่าใกล้ๆ หมู่บ้านเคลย์วิช (Claywich) มันก่อกองไฟและสำลักควันในจังหวะที่มีพวกชาวบ้านผ่านมาพอดี พวกเขาจึงเข้าใจว่าเป็นการแสดงอิทธิฤทธิ์ของเทพเจ้า ออลก็อดจึงตีเนียนหลอกกินของเซ่นไหว้จากพวกชาวบ้านจนอ้วนพี หากชาวบ้านไม่นำของดี ๆ มาถวาย เจ้าซิลแวนก็จะขู่ว่าจะทำให้เกิดภัยพิบัติขึ้นในหมู่บ้าน
Journal Entry: A Greedy God
ในป่าอันห่างไกลของเมืองเวเลน เกรอลท์ได้พบกับแท่นบูชาเทพเจ้าและชาวบ้านผู้ตกทุกข์ได้ยากอีกสองคน เมื่อซักถามถึงสิ่งที่พวกเขากังวลใจ ชาวบ้านทั้งสองก็เล่าเรื่องราวของเทพเจ้าที่พวกเขาบูชาให้ฟัง องค์มหาเทพผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ได้ปฏิเสธของเซ่นไหว้ที่พวกเขานำมาถวาย แม้วิทเชอร์จะไม่เกรงกลัวต่อเทพเจ้า แต่เขาก็รับปากว่าจะช่วยพวกชาวบ้านเจรจากับทวยเทพองค์นี้
ปรากฏว่าองค์มหาเทพนั้นเป็นแค่ซิลแวนธรรมดา ๆ ตนหนึ่งเท่านั้น บางครั้งพวกชาวบ้านก็เรียกสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ว่า “ดีโอเวล” สิ่งมีชีวิตเจ้าเล่ห์ทำให้พวกชาวบ้านเชื่อว่ามันมีพลังศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ และมันก็ขุนตัวเองจนอ้วนฉุจากของเซ่นไหว้ที่พวกชาวบ้านนำมาถวายตลอดหลายทศวรรษ
ถ้าเกรอลท์กลับไปบอกพวกชาวบ้านให้เปลี่ยนของเซ่นไหว้
วิทเชอร์ได้โต้แย้งว่าการขูดรีดเอาของเซ่นไหว้ชั้นเลิศในช่วงเวลาแห่งความอดอยากแร้นแค้นนั้นเป็นสิ่งเลวร้ายและไม่สมควรทำอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นเทพเจ้าจอมปลอมก็ตาม แต่ซิลแวนไม่สนใจข้อโต้แย้งของเขาเลย เกรอลท์ไม่อยากลดตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย จึงกล่าวคำอำลาต่อองค์มหาเทพแล้วจากไปตามทางของเขา
ถ้าเกรอลท์ต่อรองให้ซิลแวนยอมรับของเซ่นไหว้
เกรอลท์หว่านล้อมให้ซิลแวนเข้าใจว่า การขูดรีดเอาของเซ่นไหว้ชั้นเลิศในช่วงเวลาแห่งความอดอยากแร้นแค้นนั้นเป็นสิ่งเลวร้ายและไม่สมควรทำอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นเทพเจ้าจอมปลอมก็ตาม ในตอนแรกดูเหมือนว่าซิลแวนจะไม่ยอมเชื่อ แต่เมื่อมันเหลือบไปเห็นดาบเงินที่เกรอลท์สะพายไว้บนหลัง มันก็คิดได้ว่าไม่ควรต่อปากต่อคำกับเขาจะดีกว่า
ถ้าเกรอลท์สังหารซิลแวน
ในความคิดของเกรอลท์ แม้ซิลแวนจะไม่ทำร้ายหรือเข่นฆ่าผู้อื่น แต่มันก็ยังเป็นปรสิตที่สร้างอันตรายและสมควรตายอยู่ดี วิทเชอร์คิดว่าพวกชาวบ้านคงจะขอบคุณที่ช่วยปลดปล่อยพวกเขาจากเจ้าตัวมีเขาจอมเบียดเบียน แต่การใช้เหตุผลกับสิ่งที่พวกชาวบ้านศรัทธาก็นำมาซึ่งความไม่เข้าใจและความหวาดกลัว
ฟิวกาส (Fugas)
ฟิวกาสเป็นซิลแวนสีดำแดงที่เฝ้าทางขึ้นยอดเขา Bald Mountain หรือภูเขาหัวโล้น ในค่ำคืนที่พวกสามแม่เฒ่าจัดงานฉลองซับบาธ หน้าที่ของมันคือขัดขวางแขกที่ไม่ได้รับเชิญไม่ให้ขึ้นไปบนยอดเขา และจะสังหารใครก็ตามที่ผ่านการทดสอบจนได้รับเหรียญโอเร็นโบราณมาจากแม่เฒ่าเธคลา (Old Thecla)
Bestiary: Fugas
เจ้าเดวิลฟิวกาสได้รับอภิสิทธิ์และมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในค่ำคืนงานฉลองซับบาธของเหล่าแม่เฒ่า ซึ่งหน้าที่อันงี่เง่าของมันก็คือการเฝ้าเส้นทางขึ้นสู่ยอดเขา มันไม่มีอะไรเหมือนกับเจ้าทอร์กซึ่งเป็น “ดีโอเวล” ที่น่ารำคาญแต่ไม่มีพิษภัยที่ข้ากับเกรอลท์เคยพบเจอเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้
ขนาดลำตัวของฟิวกาสนั้นใหญ่พอ ๆ กับโทรลที่โตเกินขนาด และมันยังแสดงความไร้สติปัญญาเหมือนกับพวกโทรลอีกด้วย “เดวิล” ตนนี้ไม่มีความเจ้าเล่ห์แสนกลหรือเล่นสำบัดสำนวนเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม มันกลับทำหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่นและเป็นมืออาชีพพอ ๆ กับพวกอันธพาลแห่งเมืองโนวิกราด
การพยายามขัดขวางเกรอลท์คือความคิดสุดท้ายและยังเป็นความคิดที่โง่เง่าที่สุดของฟิวกาส นำพาจุดจบมาสู่ชีวิตและหน้าที่การงานอันรุ่งโรจน์ที่มันได้รับมอบหมายมาจากเหล่าแม่เฒ่า
ไม่มีความคิดเห็น