คุยกับ “ยาสเกียร์” และ “เวสิเมียร์” ไฮไลท์บทสัมภาษณ์จากงาน Lucca 2021

เมื่อวันศุกร์ที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา ทีมงานและนักแสดงจากซีรีส์ The Witcher ได้เดินทางไปร่วมงานลุกกา คอมิกส์แอนด์เกม 2021 ที่ประเทศอิตาลี โดยสองนักแสดงที่ไปร่วมงานได้แก่ โจอี้ เบทีย์ (Joey Batey) ผู้รับบทเป็น “ยาสเกียร์” ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดีจากซีซันแรก และ คิม บ็อดเนีย (Kim Bodnia) ที่จะมารับบทเป็น “เวสิเมียร์” ในซีซัน 2 บรรยากาศการสัมภาษณ์เต็มไปด้วยความสนุกสนานและเป็นกันเอง ซึ่งทั้งคู่ก็ได้พูดถึงบทบาทของตัวเองและความประทับใจตลอดการถ่ายทำท่ามกลางการระบาดของโควิด-19

เริ่มจากบ็อดเนียที่เล่าถึงการเตรียมตัวรับบทเป็นปรมาจารย์วิทเชอร์ด้วยการศึกษาจากวิดีโอเกม ตลอดจนการทำการบ้านร่วมกับเฮนรี คาวิลล์ (Henry Cavill) เพื่อสร้างเคมีระหว่างศิษย์-อาจารย์ที่ผูกพันกันเหมือนพ่อกับลูก บ็อดเนียเริ่มต้นด้วยการทักทาย ๆ แฟน ๆ ที่มารอชมในงานว่า “เฮ้...ครอบครัววิทเชอร์” พร้อมกับโบกมือทักทายจนได้รับเสียงปรบมือดังกึกก้อง

“ตอนที่เกมภาคแรกออกมา ลูกชายผมอยากเล่นมาก ๆ มันก็เป็นอะไรที่พิเศษและทำออกมาได้ดีมากด้วย มันยากมากที่เกมเกมหนึ่งจะทำได้ดีตั้งแต่ออกมาครั้งแรก เมื่อลอเร็น (ผู้อำนวยการสร้าง) เลือกผม และผมเล่าให้ครอบครัวฟังว่าผมได้เล่นเป็นเวสิเมียร์ ทุกคนก็ทำหน้าแบบ…” (อ้าปากค้างเหมือนในภาพประกอบ)

“ผมเลยรู้ว่าต้องเตรียมตัวและต้องทำงานอีกเยอะมาก ลอเร็นบอกผมว่าซีซันนี้จะเล่าเรื่องของพวกวิทเชอร์ และสำหรับเวสิเมียร์...การเดินทางของเขาเป็นแบบขาลง...แบบลงจริง ๆ ดังนั้นผมเลยกลับไปหาวิดีโอเกมและศึกษาทักษะของเขา... ว่าพื้นเพและตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นอย่างไร มันสนุกมาก ๆ ที่ได้เดินทางเข้าไปค้นหาเรื่องราวและความสามารถของเขา และทุกอย่างที่เชื่อมโยงเข้ากับเวสิเมียร์ แน่นอนว่าผมต้องฝึกฝนร่างกายเยอะมาก ฝึกฟันดาบ และ… พวกคุณก็รู้จักเฮนรีดี รู้ใช่ไหมว่าเขาน่ะ… คุณเอ๋ย… ตอนที่ผมได้ดูเขาให้สัมภาษณ์ช่วงแรก ๆ เขาก็พูดเลยว่า “ผมเป็นเกมเมอร์ ผมเป็นแฟนเกมเดอะวิทเชอร์ ผมไม่อยากทำให้แฟน ๆ ต้องผิดหวัง” คุณเอ๋ย… มันเป็นการเริ่มต้นที่สุดติ่งจริง ๆ … ผมได้เรียนรู้ว่าเวสิเมียร์เป็นเหมือนพ่อของเขา เพราะเวสิเมียร์เป็นคนสร้างเกรอลท์ขึ้นมา และแน่นอนว่าผมก็ไม่อยากทำให้พวกคุณผิดหวัง แล้วก็ไม่อยากทำให้ลูกชายของผมต้องผิดหวังด้วย!

“ผมเลยใช้เวลามากมายไปกับเฮนรีเพื่อคุยกันเรื่องความรู้สึกต่าง ๆ และการรับรู้ความรู้สึกเหล่านั้น มันเป็นช่วงเวลาแห่งความมืดมิด เราต้องค้นหาแสงสว่าง ต้องค้นหาความหวัง ต้องหาอะไรบางอย่างที่จะช่วยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ผมกับเฮนรีคุยกันเยอะมาก เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์และหาวิธีแสดงมันออกมาเมื่ออยู่ต่อหน้ากล้อง”

บ็อดเนียเล่าเรื่องการเตรียมตัวและเรื่องราวอันน่าประทับใจระหว่างการถ่ายทำอยู่ราว ๆ 6 นาที ก่อนจะนึกได้ว่าล่ามภาษาอิตาลีต้องจดบันทึกและแปลสิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดบนเวทีด้วย เขาเลยหัวเราะและขอโทษที่ตัวเองพูดนานไปหน่อย

“โอ๊ยตายแล้ว! นี่คุณต้องแปลทั้งหมดเลยเหรอ? ฉิบหายละ! ผมต้องขอโทษด้วย ผมจะพอแค่นี้แหละ (ส่ายหัวแบบอาย ๆ) มันเป็นเพราะว่าที่นี่ดูเหมือนโรงละคร แล้วผมก็เป็นนักแสดงละครเวทีแก่ ๆ เลยติดนิสัยพูดคนเดียวมาน่ะ”


แล้วก็มาถึงคิวของนักแสดงหนุ่มอารมณ์ดีผู้รับบทเป็นนักกวีตัวป่วน กับคำถามแรกที่ผู้ดำเนินรายการของให้เขาเล่าถึงโชคชะตาของยาสเกียร์ในซีซัน 2 ซึ่งเบทีย์ก็ทักทายเป็นภาษาอิตาลีและพูดถึงตัวละครยาสเกียร์ว่า

“สวัสดีทุกคนด้วย... บัวนาเซรา!* (ผู้ชมปรบมือ เบทีย์หันไปบอกล่าม) ผมจะไม่พูดเยอะแบบคิมหรอกนะ ไม่ต้องห่วง… ผมคิดว่ายาสเกียร์เป็นตัวละครเพียงไม่กี่ตัวที่ไม่ได้ถูกกำหนดชีวิตโดยโชคชะตา ส่วนคนอื่น ๆ ถูกกำหนดให้มาอยู่ร่วมกันด้วยพลังอำนาจที่อยู่นอกเหนือความเข้าใจของพวกเขา ยาสเกียร์เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มีอิสระเสรีและมีเป้าหมายเป็นของตัวเอง ในซีซัน 2 ยาสเกียร์จะต้องปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ ๆ กลายเป็นคนที่ไม่ได้ยึดติดอยู่กับมิตรภาพหรือครอบครัว บางทีเราก็ต้องปล่อยให้ตัวละครออกนอกลู่นอกทางไปก่อน เพื่อดึงเขากลับคืนมาในภายหลัง ผมคิดว่าเขากำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการหยุดพัก และเขาก็กำลังทดสอบความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตัวเอง พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น และการที่จะแสดงมันออกมาได้ดีนอกจากวีธีการเขียนบทที่ยอดเยี่ยมของลอเร็นแล้วเราก็ยังทุ่มเทกับการทำเพลงประกอบด้วย”

เบทีย์ยังพูดถึงความสัมพันธ์ของเขากับบ็อดเนียระหว่างการถ่ายทำว่า “ตอนอยู่ในกองถ่าย ห้องของผมอยู่ติดกับคิม และพวกเราก็กลายเป็นเหมือนคู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันมานาน (บ็อดเนียแกล้งพูดแทรกขึ้นมาว่า “กาแฟฉันอยู่ไหนเนี่ยที่รัก”) … แล้วผมก็ต้องเอากาแฟไปให้คุณอะ… เรื่องมากจริง ๆ … เขาน่ะเป็นตัวแม่ของโชว์นี้เลยล่ะ” (ชี้ไปทางบ็อดเนีย)

แฟน ๆ ที่เข้าชมการสัมภาษณ์ในวันนั้นยังมีโอกาสได้ถามคำถามนักแสดงอีกด้วย หนึ่งในนั้นถามโจอี้ เบทีย์ เกี่ยวกับพัฒาการของตัวละครยาสเกียร์ในซีซัน 2 และถามว่าซีซันนี้จะมีเพลงฮิตเหมือน Toss a Coin to Your Witcher อีกหรือเปล่า? ซึ่งนักแสดงหนุ่มก็ตอบว่า

“ผมคิดว่ายาสเกียร์มีพัฒนาการขึ้นนะ ผมขอใช้คำว่าเขามีความร็อคแอนด์โรลก็แล้วกัน ต้องขอบคุณฝ่ายออกแบบเสื้อผ้าด้วยที่ทำให้ทุกอย่างออกมาดีมาก ๆ ชุดใหม่ทำให้เขารู้สึกมีอิสระและมั่นใจกับรูปลักษณ์มากขึ้น เขากำลังอยู่ในช่วงค้นหาตัวเอง มันเลยน่าสนใจและสนุกมาก ๆ กับการเตรียมตัวเพื่อแสดงเป็นเขา กับการพยายามก้าวข้ามช่วงเวลาที่โศกเศร้าและสับสนวุ่นวาย เขามีจิตวิญญาณของนักกวีอย่างแท้จริงซึ่งเราต้องคอยย้ำเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลา พลังพิเศษของเขาคือความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และบางทีมันก็เป็นเรื่องยากสำหรับคนที่มีพลังพิเศษแบบนั้นที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองรับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดของคนอื่นได้ นั่นคือสิ่งที่เราพยายามเข้าไปสำรวจข้างในตัวเขา สำหรับเรื่องเพลง… ผมไม่รู้จะบอกว่ายังไงดี (เบทีย์ส่ายหน้า ผู้ชมหัวเราะ) แต่คุณคงพอเดาได้ว่าเขาก็จะร้องเพลงต่อไปนั่นแหละ...เอิ่ม… มันเป็นอัลบั้มที่ 2 ที่ยากมาก ๆ เลย”

ผู้ชมอีกคนถามโจอี้ เบทีย์ ว่านักแสดงคนไหนที่เขาทำงานด้วยแล้วสนุกที่สุด เบทีย์ตอบว่า “ผมคิดว่าคิมนี่แหละ… อันนี้ตอบจริง ๆ ไม่ใช่เพราะว่าเขานั่งอยู่ตรงนี้ด้วยหรอกนะ (หัวเราะ) คิมเป็นคนบ้า ๆ น่ะ เขาทุ่มเทเรื่องศิลปะการแสดงมาก ๆ แต่พอสั่งคัท เขาจะเป็นคนแรกที่เล่นมุกแล้วก็หัวเราะออกมา… คุณจะได้ยินเสียงหัวเราะของเขาต่อให้อยู่ห่างไปเป็นพันไมล์ก็เถอะ”

และก่อนที่การสัมภาษณ์จะจบลง บ็อดเนียยังพูดถึงเฟรยา อัลลัน (Freya Allan) และพัฒนาการของตัวละครซีรีในซีซัน 2 อีกด้วย

“โอ้...เรายังไม่ได้พูดถึงเรื่องของตัวละครซีรีที่แสดงโดยเฟรย่าเลย ผมบอกเลยว่าเธอน่ารักและร่าเริงมาก ๆ การที่ได้เห็นเธอค่อย ๆ พัฒนาตัวละครนี้ขึ้นมาจากซีซันแรกที่เธอยังเป็นแค่เด็กน้อย มาซีซันนี้เธอเติบโตขึ้นและยังค้นพบพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวด้วย...ว้าว!... รับรองว่าสนุกแน่”

 

หมายเหตุ: buonasera = สวัสดีตอนเย็นในภาษาอิตาลี

 

ที่มา: Lucca Comics and Games Official Twitch Streaming Day 1 - 2/2

 

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.