สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ The Witcher ซีซัน 1

รายชื่อตอน

Episode 1 จุดเริ่มต้นของจุดจบ (The End's Beginning)

Episode 2 สี่มาร์ค (Four Marks)

Episode 3 จันทร์เต็มดวงและคนทรยศ (Betrayer Moon)

Episode 4 งานเลี้ยง คนชั่ว และการฝังศพ (Of Banquets, Bastards and Burials)

Episode 5 ความต้องการที่เก็บงำไว้ (Bottled Appetites)

Episode 6 สิ่งมีชีวิตหายาก (Rare Species)

Episode 7 ก่อนการล่มสลาย (Before a Fall)

Episode 8 เหนือชั้น (Much More)

 

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

Episode 1 จุดเริ่มต้นของจุดจบ (The End's Beginning)

แนะนำตัวละครหลัก

เกรอลท์แห่งริเวีย: วิทเชอร์สำนักหมาป่า

สเตรกอบอร์: จอมเวทผู้เป็นอธิการโรงเรียนนักเวทชายบานอาร์ด หลบหนีการตามล่ามาที่เมืองบลาวิเคน

เรนฟรี: ธิดาของราชาเฟลเดอร์ฟอร์คแห่งเครย์เดน เกิดมาภายใต้คำสาปตะวันดับ

คาลันเธ: ราชินีแห่งอาณาจักรซินทรา เป็นยายแท้ ๆ ของซีรี

ไอส์ ทูร์แสค: ยาร์ลแห่งหมู่เกาะสเกลลิเกะและราชาแห่งซินทรา เป็นพระสวามีคนที่ 2 ของราชินีคาลันเธ

ซีรี: องค์หญิงรัชทายาทที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของอาณาจักรซินทรา

เมาส์แสค: ดรูอิดที่ครองตำแหน่งที่ปรึกษาราชา-ราชินีแห่งสเกลลิเกะและซินทรา

คาเฮียร์: แม่ทัพนิลฟ์การ์ดที่ได้รับมอบหมายจากองค์จักรพรรดิให้มาจับตัวซีรีโดยเฉพาะ

 

เส้นเรื่องของเกรอลท์ (ปี 1231)

เกรอลท์สังหารคิคิมอรา (kikimora / kikimore) ได้ที่นอกเมืองบลาวิเคน เขาจึงนำซากของมันไปขึ้นเงินกับเทศมนตรี เกรอลท์พบกับเรนฟรีเมื่อเขาแวะถามทางที่โรงเหล้า แต่มาริลกาก็เข้ามาขัดจังหวะการสนทนาเสียก่อน เธอเป็นลูกสาวของเทศมนตรีเมืองบลาวิเคนและรู้ว่าจอมเวทประจำเมืองอย่างมาสเตอร์อิริออนจะรับซื้อซากสัตว์ประหลาดเพื่อเอาไปปรุงยา เกรอลท์จึงตามมาริลกาไปที่หอคอยของจอมเวท แต่เมื่อเขาเข้าไปข้างในก็พบว่ามาสเตอร์อิริออนคือจอมเวทสเตรกอบอร์ที่ถูกศัตรูตามล่าจนต้องสวมรอยมากบดานอยู่ในเมืองนี้

สเตรกอบอร์เล่าเรื่องคำสาปตะวันดับให้เกรอลท์ฟัง จอมเวทได้ทำการศึกษาจนพบว่าเด็กผู้หญิงที่เกิดในช่วงสุริยคราสจะเกิดกลายกลายพันธุ์จากคำสาป พวกเธอล้วนมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตและต้านทานต่อเวทมนตร์ทุกชนิด หนึ่งในเด็กผู้หญิงเหล่านั้นคือเรนฟรี ซึ่งเป็นพระธิดาของราชาเฟลเดอร์ฟอร์คแห่งเครย์เดน เจ้าหญิงเรนฟรีชอบจับสัตว์เลี้ยงมาทรมานและต่อมาเธอยังควักลูกตาของสาวใช้อีกด้วย สเตรกอบอร์จึงเสนอให้พาเจ้าหญิงน้อยไปปล่อยไว้ในป่าและส่งคนตามไปฆ่าเธอในภายหลัง แต่เรนฟรีกลับใช้เข็มกลัดสังหารเขาและหลบหนีไปได้

สองปีต่อมาเรนฟรีปรากฏตัวแถวเทือกเขามาฮาคาม เธอเรียนรู้วิชาดาบและออกปล้นฆ่าพร้อมกับลูกสมุนอีกหลายคน และตอนนี้เธอก็ตามมาล้างแค้นสเตรกอบอร์ถึงที่เมืองบลาวิเคน จอมเวทจึงขอร้องให้เกรอลท์ช่วยชีวิตเขาด้วยการสังหารเรนฟรีที่ชั่วร้ายไม่ต่างอะไรกับพวกปีศาจ แต่เกรอลท์ก็ปฏิเสธเขาไป

“ความชั่วก็คือความชั่ว สเตรกอบอร์ จะชั่วน้อย ชั่วมาก หรือชั่วกลาง ๆ มันก็คือความชั่วด้วยกันทั้งนั้น ข้าไม่ได้จะตัดสินท่าน ตลอดชีวิตข้าเองก็ไม่ได้ทำแต่ความดีเช่นกัน แต่ตอนนี้ถ้าข้าต้องเลือกระหว่างความชั่วอย่างหนึ่งกับความชั่วอีกอย่าง ข้าขอไม่เลือกเลยดีกว่า”


เกรอลท์ไปหาที่ตั้งแคมป์แถวชายป่าและได้พบกับเรนฟรีอีกครั้ง เรนฟรีเล่าเรื่องราวในมุมมองของเธอบ้าง เธอต้องฆ่าคนของสเตรกอบอร์เพราะถูกพวกเขาข่มขืนและชิงทรัพย์ จากนั้นก็ต้องเร่ร่อนตามลำพังและขโมยอาหารเพื่อประทังชีวิต สเตรกอบอร์พรากทุกสิ่งไปจากชีวิตของเธอ เธอจึงตั้งใจกลับมาล้างแค้นเขาในวันพรุ่งนี้ เกรอลท์เสนอทางเลือกให้เรนฟรียอมปล่อยวางและล้มเลิกแผนการ เพื่อจะได้พิสูจน์ตัวเองว่าเธอไม่ได้ชั่วร้ายเหมือนปีศาจตามที่ถูกกล่าวหา เรนฟรีมีท่าทีอ่อนลงและรับปากว่าพรุ่งนี้เธอจะไปจากเมืองบลาวิเคนตลอดกาล และใช้เวลาในค่ำคืนนั้นร่วมหลับนอนกับเกรอลท์

เกรอลท์ตื่นขึ้นมาแต่ก็ไม่เจอเรนฟรี เขานึกขึ้นมาได้ว่าเธอเคยพูดถึงการแก้แค้นที่ตลาด จึงรีบตามไปทันที เรนฟรีฝากพวกลูกสมุนให้มายื่นคำขาดกับเกรอลท์ว่าเขาต้องเลือกลงมือฆ่าใครคนใดคนหนึ่งระหว่างเธอกับสเตรกอบอร์ เกรอลท์จำใจต้องสังหารลูกน้องของเรนฟรีกลางตลาด ก่อนที่เธอจะตามมาพร้อมกับจับมาริลกาเป็นตัวประกัน เรนฟรีตั้งใจจะฆ่าชาวเมืองไปเรื่อย ๆ จนกว่าสเตรกอบอร์จะยอมออกมาจากหอคอย

เกรอลท์ดวลดาบกับเรนฟรี แต่ไม่ว่าจะเกลี้ยกล่อมอย่างไรเธอก็ยังคงยืนกรานเช่นเดิม สุดท้ายเกรอลท์ก็ต้องสังหารเธอ สเตรกอบอร์ลงมาจากหอคอยหวังจะนำศพเรนฟรีไปผ่าชันสูตร แต่เกรอลท์ก็เข้ามาขวางไว้ จอมเวทจึงพูดจาปลุกปั่นให้ชาวเมืองเกลียดชังเกรอลท์ สุดท้ายเขาก็ถูกไล่ออกไปจากเมืองพร้อมกับฉายา “จอมเชือดแห่งบลาวิเคน”

 

เส้นเรื่องของซีรี (ปี 1263)

ซีรีปลอมตัวออกไปเล่นนอกวังจนทหารองครักษ์ต้องมาตามตัวกลับไปร่วมงานแต่งตั้งอัศวินและงานเลี้ยงเต้นรำในตอนค่ำ ไอส์ ทูร์แสคและราชินีคาลันเธพูดถึงเรื่องการเตรียมรับมือกองทัพนิลฟ์การ์ดที่รุกคืบมาประชิดชายแดนซินทราแล้ว แต่ซีรีก็ไม่ได้นั่งฟังต่อเพราะถูกเชิญไปเต้นรำเสียก่อน

ราชินีคาลันเธและไอส์นำกองทัพซินทราเปิดศึกกับกองทัพนิลฟ์การ์ดที่ช่องเขามาร์นาดาล แต่กองเรือจากสเกลลิเกะติดพายุจนตามมาสมทบไม่ทัน ทำให้ซินทราเสียเปรียบเรื่องกำลังพล ไอส์ถูกสังหารในสนามรบ ส่วนราชินีคาลันเธบาดเจ็บสาหัส กองทัพซินทราจึงต้องถอยร่นกลับมาตั้งหลักในกำแพงเมือง เมาส์แสคใช้เวทมนตร์ปิดผนึกประตูเมืองเพื่อป้องกันไม่ให้ทหารนิลฟ์การ์ดบุกเข้ามา

พอตกกลางคืนเวทมนตร์ของเมาส์แส็คก็เริ่มอ่อนลงจนพวกทหารนิลฟ์การ์ดพังประตูเมืองเข้ามาได้ เขาเสนอให้ราชินีคาลันเธปล่อยตัวใครบางคนออกมาจากคุก แต่เมาส์แสคก็พบว่าคนคนนั้นได้หนีไปแล้ว ราชินีสั่งเสียซีรีและบอกให้เธอตามหาเกรอลท์แห่งริเวีย เมาส์แสคพาซีรีหนีออกไปจากวัง ส่วนราชินีคาลันเธตัดสินใจกระโดดลงมาจากหอคอยเพื่อปลิดชีพตนเอง

เมาส์แสคถ่วงเวลาให้ทหารองครักษ์พาซีรีขี่ม้าหนีไป แต่แม่ทัพคาเฮียร์แห่งนิลฟ์การ์ดก็ชิงตัวซีรีมาจนได้ เขาขี่ม้าออกมานอกกำแพงเมือง แต่แล้วซีรีก็แผดเสียงร้องออกมาพร้อมกับพลังบางอย่างจนทำให้ม้าตื่น เธอวิ่งหนีไปจนถึงแท่งหินโมโนลิธขนาดใหญ่และกรีดร้องจนพื้นดินสั่นสะเทือน แท่งหินล้มลงจนแผ่นดินแยกขวางทางคาเฮียร์เอาไว้ ก่อนที่ซีรีจะวิ่งหายไปในความมืด

กลับไปที่รายชื่อตอน

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

Episode 2 สี่มาร์ค (Four Marks)

แนะนำตัวละครหลัก

เยนเนเฟอร์แห่งเวนเกอร์เบิร์ก: เด็กสาวพิการที่มีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์จากสายเลือดเอลฟ์

อิสเทรดด์: ลูกศิษย์ของจอมเวทสเตรกอบอร์

ทิสซายอา เดอ วรีส์: อธิการของโรงเรียนนักเวทหญิงอาเรทูซา

ฟรินจิลลา วิโก: เพื่อนร่วมรุ่นของเยนเนเฟอร์ เป็นหลานสาวของจอมเวทอาร์ทอเรียส วิโก

ซาบรินา เกรวิสซิก: เพื่อนร่วมรุ่นของเยนเนเฟอร์ หัวไวและมีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์มาก

ยาสเกียร์: นักกวีหนุ่มพเนจรผู้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอ็อกเซนเฟิร์ต

ฟิลาวันเดรล เอน ฟิเดล: ผู้นำเอลฟ์กลุ่มสุดท้ายแห่งเทือกเขาสีน้ำเงิน

ดาร่า: เด็กชายลึกลับที่ซีรีพบกลางป่า

 

เส้นเรื่องของเยนเนเฟอร์ (ปี 1206)

เยนเนเฟอร์เป็นเด็กหญิงหลังค่อมผู้พิการแต่กำเนิดและถูกพ่อเลี้ยงรังเกียจถึงขนาดถูกสั่งให้แยกไปนอนในคอกหมู วันหนึ่งเธอถูกกลั่นแกล้งจนไปกระตุ้นให้ความสามารถในการใช้เวทมนตร์ในตัวตื่นขึ้น เยนเนเฟอร์ไปปรากฏตัวในหอคอยนางนวล (Tor Lara) ในโรงเรียนนักเวทหญิงอาเรทูซาโดยไม่รู้ตัว เธอได้พบกับอิสเทรดด์ซึ่งเป็นนักเรียนจากโรงเรียนนักเวทชายบานอาร์ดที่ใช้ประตูมิติแบบพิเศษแอบเข้ามาในอาเรทูซา และเขาก็ช่วยเปิดประตูมิติส่งเยนเนเฟอร์กลับบ้าน

ทิสซายอา เดอ วรีส์ อธิการของโรงเรียนอาเรทูซาตามร่องรอยเวทมตร์ของเยนเนเฟอร์ไปจนถึงเมืองเวนเกอร์เบิร์กและขอซื้อเธอมาจากพ่อแม่ในราคาแค่เพียงสี่มาร์ค เยนเนเฟอร์ถูกพาตัวมาที่อาเรทูซาและถูกขังไว้ในห้อง จมอยู่ความรู้สึกไร้ค่าและความโดดเดี่ยวจนเธอตัดสินใจฆ่าตัวตาย แต่ทิสซายอาก็ช่วยเอาไว้ได้ทัน

วันรุ่งขึ้นเยนเนเฟอร์ก็ถูกตามตัวให้ไปเรียนวิชาเวทมนตร์คาบแรก โดยมีเพื่อนร่วมชั้นอย่างฟรินจิลลา วิโก และซาบรินา เกรวิสซิก ทิสซายอาสอนเรื่องการใช้พลังเคออสยกก้อนหินให้ลอยขึ้น ฟรินจิลลาทำได้เป็นคนแรก แต่มือของเธอกลับเหี่ยวแห้งจนกลายเป็นสีดำ เนื่องจากเธอไม่ได้ดึงพลังออกมาจากดอกไม้แต่ใช้พลังชีวิตของตัวเองในการเสกคาถา ซาบรินาใช้คาถานี้ได้อย่างง่ายดาย ส่วนเยนเนเฟอร์เป็นคนเดียวที่ทำไม่สำเร็จ เธอเดินร้องไห้ไปที่หอคอยนางนวลตามลำพังและได้พบกับอิสเทรดด์อีกครั้ง

แม้จะฝึกอีกหลายสัปดาห์แต่เยนเนเฟอร์ยังคงใช้เวทมนตร์ได้อย่างกระท่อนกระแท่นและรั้งท้ายคนอื่นอยู่เสมอ แต่เธอก็ยังได้รับกำลังใจจากอิสเทรดด์และพยายามฝึกฝนอย่างไม่ลดละ จนมาถึงบททดสอบการเลื่อนขั้นที่นักเรียนทุกคนต้องเข้าไปเก็บสายฟ้าลงในขวด เยนเนเฟอร์จะถูกฟ้าฝ่าอย่างจังแต่เธอก็แทบไม่เป็นอะไรเลย เธอเก็บพลังจากสายฟ้าไว้ในตัวและปลดปล่อยมันออกมาด้วยความโกรธ แม้จะทำภารกิจล้มเหลวแต่ทิสซายอาก็เห็นศักยภาพในตัวเธอ จึงมอบหมายให้เยนเนเฟอร์ทำภารกิจพิเศษเพื่อเป็นการแก้ตัว

เยนเนเฟอร์กลับไปหาอิสเทรดด์ที่หอคอยนางนวล เธอเล่าว่าตัวเองจะถูกส่งกลับบ้านและคงไม่ได้เจอกับเขาอีกแล้ว อิสเทรดด์พยายามปลอบใจโดยการสอนให้เยนเนเฟอร์เปิดประตูมิติแบบพิเศษโดยใช้ดอกเฟนเว็ดด์ (feainnewedd) แล้วก็ต้องแปลกใจที่เยนเนเฟอร์ทำได้ตั้งแต่ครั้งแรก เยนเนเฟอร์สารภาพว่าพ่อของแท้ ๆ ของเธอเป็นลูกครึ่งเอลฟ์ที่ตายไปเมื่อเกิดการกวาดล้างครั้งใหญ่ และที่เธอมีสภาพพิกลพิการเช่นนี้ก็เพราะสายเลือดเอลฟ์ของพ่อ ทั้งคู่จุมพิตกันก่อนจะแยกย้ายกลับไปหาอาจารย์ของตัวเอง กลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างพยายามสอดแนมซึ่งกันและกัน เยนเนเฟอร์นำดอกเฟนเว็ดด์ไปให้ทิสซายอาตามที่ได้รับมอบหมาย ส่วนอิสเทรดด์ก็นำความลับที่เยนเนเฟอร์มีเชื้อสายเอลฟ์ไปบอกสเตรกอบอร์ด้วยเช่นกัน

เยนเนเฟอร์รอฟังผลการเลื่อนขั้นอยู่ที่ห้อง ทิสซายอาเดินมาเคาะประตูเรียกเพื่อน ๆ ของเธอไปหลายคน แต่เยนเนเฟอร์กลับไม่ถูกเรียกออกไปด้วย เธอจึงใช้ดอกเฟนเว็ดด์เปิดประตูมิติตามออกไปและได้เห็นว่าเพื่อน ๆ ของเธอที่สอบไม่ผ่านถูกทิสซายอาเสกให้กลายเป็นปลาไหลเพื่อเป็นแหล่งพลังงานให้อาเรทูซาต่อไป

“บางครั้ง ความตายก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ดอกไม้จะทำเพื่อเราได้”

 

เส้นเรื่องของเกรอลท์ (ปี 1240)

ยาสเกียร์ใช้ทักษะการด้นเพลงเพื่อแลกกับอาหารฟรีที่โรงเหล้าแห่งหนึ่งในหมู่บ้านโพซาดา เขาได้พบกับวิทเชอร์ผมขาวผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจึงขอติดสอยห้อยตามไปด้วยเพื่อหาแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง เกรอลท์ตกลงรับงานปราบซิลแวนและมุ่งหน้าไปยังทุ่งที่มันอาศัยอยู่

ยาสเกียร์ถูกเจ้าซิลแวนที่ชื่อทอร์กปาลูกเหล็กใส่จนสลบ เกรอลท์กอดรัดฟัดเหวี่ยงกับเจ้าตัวประหลาดครึ่งคนครึ่งแพะจนกดมันลงพื้นได้สำเร็จ แต่เขาก็ถูกฟาดหัวจนสลบไปอีกคน พอทั้งคู่ฟื้นขึ้นมาก็พบว่าพวกเขาถูกจับมัดติดกันเอาไว้ พวกเอลฟ์ระบายความโกรธแค้นที่มีต่อมนุษย์โดยใช้พวกเขาเป็นกระสอบทราย จนกระทั่งทอร์กเดินเข้ามาพร้อมกับฟิลาวันเดรลซึ่งเป็นผู้นำเอลฟ์ที่ถูกขับไล่ออกมาจากดินแดนโดลบลาธานนา

พวกเอลฟ์นั้นอดอยากแร้นแค้นจนทอร์กต้องไปขโมยธัญพืชของพวกชาวบ้านมาให้ และถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงหูพวกมนุษย์รับรองว่าต้องเกิดการเสียเลือดเสียเนื้อขึ้นอีกแน่นอน ฟิลาวันเดรลจึงตั้งใจจะฆ่าเกรอลท์กับยาสเกียร์เพื่อปิดปาก แต่ก็เปลี่ยนใจเพราะคำพูดของเกรอลท์ที่บอกให้เขารวบรวมชาวเอลฟ์อพยพไปสร้างเมืองใหม่ให้เจริญรุ่งเรืองเหมือนเดิมอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ให้พวกมนุษย์เห็นว่าเอลฟ์แข็งแกร่งและเหนือกว่า สุดท้ายฟิลาวันเดรลก็ปล่อยทั้งคู่กลับไปและมอบลูทตัวใหม่ให้ยาสเกียร์อีกด้วย

 

เส้นเรื่องของซีรี (ปี 1263)

ซีรีวิ่งหนีเข้าไปในป่าและพบกับเด็กหนุ่มที่ชื่อดาร่า ทั้งสองคนช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไปในป่าอันหนาวเหน็บ แต่พอซีรีเดินไปเจอค่ายพักแรมของผู้อพยพ ดาร่าก็หายตัวไป ซีรีเจอเด็กหนุ่มอีกคนซึ่งเป็นลูกชายช่างตัดเสื้อ และแม่ของเขาก็ยินดีให้ซีรีนอนพักอยู่ในเตนท์หลังเดียวกัน

กลางดึกคืนนั้นเองพวกนิลฟ์การ์ดก็ตามมาบุกค่ายผู้อพยพ ดาร่ากลับมาช่วยซีรี เธอจึงรอดพ้นเงื้อมมือของคาเฮียร์ไปได้อีกครั้ง พอถึงรุ่งเช้าซีรีก็พบว่าดาร่าเป็นไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นเอลฟ์ แต่ความแตกต่างของเผ่าพันธุ์ก็ไม่อาจขัดขวางมิตรภาพที่แสนงดงามนี้ได้

กลับไปที่รายชื่อตอน

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

Episode 3 จันทร์เต็มดวงและคนทรยศ (Betrayer Moon)

แนะนำตัวละครหลัก

ทริส เมริโกลด์: จอมเวทหญิงที่ปรึกษาของราชาโฟลเทสท์ เป็นเพื่อนรักของเยนเนเฟอร์

โฟลเทสท์: ราชาแห่งเทเมเรียผู้ไร้ทายาทสืบบัลลังก์

องค์หญิงแอดดา: น้องสาวแท้ ๆ ของราชาโฟลเทสท์

ออสทริส: ขุนนางผู้รับใช้ราชวงศ์เทเมเรียมาอย่างยาวนาน

 

เส้นเรื่องของเยนเนเฟอร์ (ปี 1210)

เยนเนเฟอร์ร่วมรักกับอิสเทรดด์ในหอคอยนางนวล ทั้งคู่กำลังจะจบการศึกษาและต้องเลือกเส้นทางอาชีพต่อจากนี้ อิสเทรดด์ตั้งใจว่าจะทำงานสำรวจด้านโบราณคดี ส่วนเยนเนเฟอร์ก็ตั้งเป้าว่าจะคว้าตำแหน่งจอมเวทที่ปรึกษาของราชาเวอร์ฟูริลแห่งเอเดิร์นให้ได้ แต่ก่อนอื่นเธอต้องเตรียมตัวเข้ารับการแปลงโฉมให้งดงามไร้ที่ติเสียก่อน

ขณะเดียวกันในห้องประชุมของภราดรจอมเวท พวกเขากำลังถกเถียงกันเรื่องการส่งจอมเวทรุ่นใหม่ไปเป็นที่ปรึกษาให้กับเหล่าราชาในอาณาจักรต่าง ๆ อาณาจักรซินทราประกาศห้ามไม่ให้พวกจอมเวทเข้าไปอย่างเด็ดขาด ส่วนจักรพรรดิเฟอร์กัสแห่งนิลฟ์การ์ดก็มัวแต่ลุ่มหลงสตรีจนปล่อยให้ประชาชนอดอยาก ทิสซายอาจึงเสนอให้ส่งฟรินจิลลาไปที่นั่น แต่สเตรกอบอร์เสนอให้ส่งเยนเนฟอร์ไปแทน และทิสซายอาก็ไม่อาจปฏิเสธเหตุผลของเขาได้

เยนเนเฟอร์มีสายเลือดเอลฟ์ที่อาจเป็นปัญหาต่อความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรเอเดิร์นกับอาณาจักรซินทราที่เกลียดชังพวกเอลฟ์ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด สภาจอมเวทจึงลงมติให้ส่งเธอไปที่นิลฟ์การ์ดแทน เยนเนเฟอร์พยายามประท้วง แต่พอรู้เหตุผลที่แท้จริงเธอก็คิดออกทันทีว่าถูกอิสเทรดด์ทรยศเข้าให้แล้ว เธอไม่ยอมเข้าพิธีแรกรับจนอิสเทรดด์ต้องออกไปตามหาที่หอคอยนางนวล เขาพยายามหว่านล้อมให้เยนเนเฟอร์ล้มเลิกความคิดที่จะเข้าวังไปเป็นที่ปรึกษาแล้วไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เยนเนเฟอร์ต้องการ

งานเต้นรำกับเหล่าราชาในห้องโถงของอาเรทูซาเริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่เยนเนเฟอร์ก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ เธอไปหาศิลปินนักแปลงโฉมและให้เขาทำพิธีโดยไม่ใช้สมุนไพรยาสลบเนื่องจากเธอไม่มีเวลาแล้ว นั่นแปลว่าเธอจะเจ็บปวดแสนสาหัสในระหว่างที่ถูกควักมดลูกออกมาเป็นเครื่องสังเวย เยนเนเฟอร์ดิ้นทุรนทุรายขณะที่กระดูกสันหลังของเธอถูกจัดเรียงให้ตรงด้วยเวทมนตร์ แต่สุดท้ายเธอก็ไปปรากฏตัวต่อหน้าราชาแห่งเอเดิร์นได้ทันเวลาพอดี พระองค์ตกตะลึงในความงามและเสน่ห์ของเธอจนไม่อาจละสายตาได้ เส้นทางสู่อำนาจของเยนเนเฟอร์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

 

เส้นเรื่องของเกรอลท์ (ปี 1243)

เกรอลท์แวะหาความสำราญกับโสเภณีคนหนึ่ง และได้ข่าวว่าอาณาจักรเทเมเรียกำลังมีปีศาจออกอาละวาดฆ่าคนงานในเหมือง เขาจึงฝากม้าไว้ที่โรงแรมและมุ่งหน้าไปยังเมืองวิซิมา เกรอลท์เข้าไปถามรายละเอียดกับพวกคนงานเหมืองที่กำลังโกรธแค้นจนวางแผนก่อกบฏ แต่ก็ถูกลอร์ดออสตริทนำกองทหารมาห้ามปราม และยังสั่งให้ทหารพาตัวเกรอลท์กลับออกไปที่ชายแดนอีกด้วย

แต่ระหว่างทางจู่ ๆ พวกทหารก็หมดสติไป ซึ่งเป็นฝีมือของทริส เมริโกลด์ จอมเวทหญิงที่ปรึกษาของราชาโฟลเทสท์แห่งเทเมเรีย เธอใช้เงินส่วนตัวจ้างเกรอลท์ให้ช่วยจัดการปีศาจตนนี้ แต่ระหว่างที่เกรอลท์ตามเธอไปดูสภาพศพเหยื่อ เขาก็พบว่าหนึ่งในนั้นมีร่างของวิทเชอร์รีมัสซึ่งเป็นพี่น้องร่วมสำนักรวมอยู่ด้วย เกรอลท์มั่นใจว่าปีศาจตนนี้คือสตริกา (striga) ซึ่งกลายสภาพมาจากทารกเพศหญิงที่ถูกสาป และทารกคนดังกล่าวก็คือองค์หญิงรัชทายาทเพียงคนเดียวของอาณาจักรเทเมเรีย

เกรอลท์ตามทริสไปเข้าเฝ้าราชาโฟลเทสท์ ระหว่างนั้นเขาก็หาจังหวะกันคนอื่นออกไปข้างนอกเพื่อถามความลับบางอย่างจากพระองค์ เขาจับพิรุธได้ว่าราชาโฟลเทสท์น่าจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับองค์หญิงแอดด้าซึ่งเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเองจนเธอตั้งครรภ์ และสาเหตุที่พระองค์ปล่อยให้ปีศาจออกอาละวาดโดยไม่ยอมจัดการก็เป็นเพราะปีศาจสตริกาก็คือพระธิดาของพระองค์นั่นเอง

ทริสตามเกรอลท์ไปที่พระราชวังหลังเก่าและพบจดหมายยืนยันสมมติฐานของเกรอลท์ ทั้งสองคนนำเรื่องนี้ไปปรึกษาลอร์ดออสตริท แต่เพราะประสาทดมกลิ่นที่ดีเยี่ยมของเกรอลท์ เขาจึงจับพิรุทลอร์ดออสตริทได้ ขุนนางผู้นี้หลงรักองค์หญิงแอดด้าจึงทำพิธีสาปแช่งราชาโฟลเทสท์ แต่ผลของคำสาปกลับทำให้เกิดปีศาจสตริกาขึ้นมาแทน

พอตกกลางคืนเกรอลท์ก็จับลอร์ดออสตริทไปเป็นเหยื่อล่อปีศาจสตริกา เพื่อให้เขายอมบอกวิธีถอนคำสาป ซึ่งก็คือการป้องกันไม่ให้สตริกากลับเข้าไปนอนในโลงจนกว่าไก่จะขันครบสามครั้งในตอนเช้า เมื่อสตริกาออกมา มันก็ฆ่าลอร์ดออสตริททันที ส่วนเกรอลท์สามารถป้องกันไม่ให้มันกลับเข้าโลงโดยการที่เขาเข้าไปนอนอยู่ในนั้นแทนจนฟ้าสาง เกรอลท์ออกมาตรวจดูว่าถอนคำสาปสำเร็จหรือไม่ แต่ก็ถูกองค์หญิงที่ยังคืนร่างไม่สมบูรณ์ใช้กรงเล็บตะปบเข้าที่คอจนเลือดไหลทะลัก โชคดีที่พวกทหารตามไปช่วยพาตัวเขาออกมารักษาได้ทัน และเมื่อไก่ขันครบสามครั้งคำสาปก็สลายไปในที่สุด

 

เส้นเรื่องของซีรี (ปี 1263)

ซีรีตื่นขึ้นมาและถูกเสียงกระซิบดึงดูดให้เดินเข้าไปในป่า ดาร่าพยายามวิ่งตามไปเรียกเธอแต่ก็ถูกลูกธนูยิงจนล้มลง

กลับไปที่รายชื่อตอน

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

Episode 4 งานเลี้ยง คนชั่ว และการฝังศพ (Of Banquets, Bastards and Burials)

แนะนำตัวละครหลัก

พาเว็ตตา: องค์หญิงแห่งซินทรา เป็นพระธิดาของราชินีคาลันเธกับราชาร็อกเนอร์ผู้ล่วงลับ

ดูนี่ (เออร์เชียนแห่งเออร์เลนวาลด์): อัศวินผู้ถูกสาปให้มีใบหน้าเป็นเม่น เขาเคยช่วยชีวิตราชาร็อกเนอร์ไว้

ร็อกเนอร์: พระสวามีคนแรกของราชินีคาลันเธ ปัจจุบันได้สวรรคตไปแล้ว

เอธเน: ราชินีดรายแอด ผู้ปกครองป่าโบรคิลอน

 

เส้นเรื่องของเยนเนเฟอร์ (ปี 1240)

เยนเนเฟอร์เดินทางไปส่งราชินีคาลิสกลับไปยังอาณาจักรลิเรียเนื่องจากพระองค์ไม่สามารถให้กำเนิดรัชทายาทชายได้ หลังจากที่เป็นที่ปรึกษาให้กับราชาแห่งเอเดิร์นมานาน 30 ปี เยนเนเฟอร์ก็พบว่าเธอยอมแลกทุกสิ่งทุกอย่างเพียงเพื่อที่จะมาทำหน้าที่ตามล้างตามเช็ดปัญหาต่าง ๆ ที่ราชวงศ์สร้างไว้

ทันใดนั้นขบวนรถม้าก็ถูกจู่โจมโดยจอมเวทนักฆ่าที่มาพร้อมกับสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์อย่างครอลลัค (krallach) มันกำจัดพวกทหารองครักษ์เกือบทั้งหมดได้ภายในพริบตา เยนเนเฟอร์ต้องพาราชินีและพระธิดาน้อยหนีไปทางประตูมิติจนไปโผล่กลางทะเลทราย แต่มือสังหารก็เปิดประตูมิติตามมาจนได้ เยนเนเฟอร์เริ่มหมดแรงและพาราชินีไปจนมุมอยู่บนภูเขาแห่งหนึ่ง ราชินีคาลิสก่นด่าว่าเยนเนเฟอร์ไร้ประโยชน์ เธอจึงเปิดประตูมิติหนีไปเพียงคนเดียว ทิ้งให้ราชินีอุ้มลูกน้อยเผชิญหน้ากับนักฆ่าอย่างหมดหนทาง

ในเสี้ยววินาทีที่ราชินีคาลิสถูกสังหาร เยนเนเฟอร์ก็เปลี่ยนใจกลับไปช่วยชีวิตพระธิดาน้อย เธอจัดการครอลลัคและดวลเวทมนตร์กับนักฆ่า ก่อนที่จะอุ้มทารกน้อยหนีเข้าประตูมิติ แต่จอมเวทนักฆ่าก็เสกมีดให้พุ่งตามเยนเนเฟอร์ไปติด ๆ มันทะลุไหล่ของเธอและปักลงบนร่างของทารกน้อย เมื่อเยนเนเฟอร์ตะเกียกตะกายขึ้นมาถึงชายหาดก็พบว่าเธอไม่สามารถปกป้องชีวิตที่บริสุทธิ์นี้เอาไว้ได้ จอมเวทหญิงทำได้แค่เพียงฝังร่างทารกน้อยไว้บนชายหาดเท่านั้น

“แม่ของเจ้าพูดถูกอยู่อย่างหนึ่ง เรามีค่าเป็นแค่ภาชนะเท่านั้น ต่อให้พวกเขาพร่ำบอกว่าเราเป็นคนพิเศษ… อย่างที่ข้าเคยเป็น … หรืออย่างที่เจ้าเกือบจะได้เป็น เราก็เป็นได้แค่ภาชนะให้พวกเขาตักตวงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าจะไม่เหลืออะไรเลย”

 

เส้นเรื่องของเกรอลท์ (ปี 1249)

ยาสเกียร์ต้องไปร้องเพลงในพิธีเลือกคู่ขององค์หญิงพาเว็ตตาแห่งซินทรา แต่เนื่องจากเขาเคยไปก่อเรื่องบาดหมางไว้กับขุนนางหลายคน เจ้านักกวีจึงหว่านล้อมกึ่งบังคับให้เกรอลท์ไปช่วยเป็นไม้กันหมาให้ เกรอลท์ได้พบกับเมาส์แสคที่เคยรู้จักกันมานานแล้ว เขาเล่าว่าราชินีคาลันเธทรงหมายตาให้องค์หญิงเลือกครัค อัน ไครท์ เป็นคู่ครอง เพื่อรวมแผ่นดินสเกลลิเกะเข้ากับซินทราในอนาคต ส่วนพระองค์เองแม้จะชอบพอกับไอส์ ทูร์แสค แต่หลังจากราชาร็อกเนอร์สวรรคตไป องค์ราชินีก็ไม่อยากแต่งงานอีกเป็นครั้งที่สอง

ราชินีคาลันเธเข้ามาในงานเลี้ยงและสังเกตเห็นเกรอลท์จึงเอ่ยปากให้เขามานั่งข้าง ๆ พระองค์มีแผนจะให้วิทเชอร์จัดการกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนหนึ่ง แต่เกรอลท์ก็ปฏิเสธเพราะมันไม่ใช่งานของวิทเชอร์ ความวุ่นวายเริ่มขึ้นเมื่ออัศวินลึกลับนามว่า เออร์เชียนแห่งเออร์เลนวาลด์ ได้ฝ่าเข้ามาในงานและประกาศทวงสิทธิ์ในการแต่งงานกับองค์หญิงพาเว็ตตา

เมื่อ 15 ปีก่อนเออร์เชียนนั้นเคยช่วยชีวิตราชาร็อกเนอร์ไว้ และพระราชาได้ตกลงว่าจะให้สิ่งตอบแทนแก่เขาภายใต้กฎแห่งสิ่งเหนือความคาดหมาย เมื่อราชาร็อกเนอร์เสด็จกลับวังก็พบว่าราชินีคาลันเธประสูติองค์หญิงพาเว็ตตาพอดี เออร์เชียนจึงมีสิทธิ์อันชอบธรรมในตัวขององค์หญิงตามกฎดังกล่าว แต่ราชินีคาลันเธไม่ต้องการยกพระธิดาให้กับคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าและยังถูกสาปให้มีใบหน้าเหมือนเม่น พระองค์จึงสั่งให้ทหารฆ่าเขา

เกรอลท์และไอส์เห็นว่าราชินีคาลันเธทรงทำไม่ถูกต้อง ทั้งสองคนจึงช่วยกันต่อสู้เพื่อปกป้องเออร์เชียน ราชินีคาลันเธหมดความอดทนจึงคว้าดาบมาหมายจะสังหารเขาเอง แต่องค์หญิงพาเว็ตตาก็วิ่งเข้ามาขวางไว้ องค์หญิงและเออร์เชียนแอบคบหากันอย่างลับ ๆ มานานจนมีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน ราชินีคาลันเธได้เห็นดังนั้นก็เปลี่ยนท่าทีคล้ายกับจะยอมอนุญาตให้ทั้งสองแต่งงานกัน แต่พอทุกคนเผลอพระองค์ก็ชักมีดสั้นออกมาแทงเออร์เชียน ทำให้องค์หญิงพาเว็ตตาระเบิดพลังออกมาเพื่อปกป้องเขา

พลังขององค์หญิงพาเว็ตตานั้นมาจากสายเลือดเอลฟ์โบราณที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษหลายชั่วรุ่น เป็นพลังมหาศาลที่ไม่สามารถสามารถควบคุมได้ และมันก็กำลังทำให้พระราชวังใกล้จะถล่มลงมาเต็มที เกรอลท์กับเมาส์แสคร่วมมือกันเบี่ยงเบนความสนใจองค์หญิงพาเว็ตตาจนเธอหลุดออกจาภวังค์ เมื่อเหตุการณ์สงบลง ราชินีคาลันเธก็ยอมรับในความรักของพาเว็ตตาและเออร์เชียน และประกาศให้ทั้งคู่เป็นคู่ครองกัน องค์หญิงจุมพิตเออร์เชียนและทำให้คำสาปของเขาสลายไป เออร์เชียนรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณต่อเกรอลท์จึงเสนอสิ่งตอบแทนให้เขา ซึ่งเกรอลท์ก็เลือกใช้กฎแห่งสิ่งเหนือความคาดหมาย ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าองค์หญิงตั้งครรภ์อยู่ แต่เมื่อเกรอลท์รู้ว่าสิ่งตอบแทนที่เขาจะได้รับคือเด็กแห่งโชคชะตาในครรภ์ขององค์หญิงพาเว็ตตา เขาก็รีบเดินทางออกมาจากอาณาจักรซินทราทันที... และไม่กลับไปเหยียบที่นั่นอีกเลย

 

เส้นเรื่องของซีรี (ปี 1263)

ซีรีพบว่าตัวเองอยู่ในป่าโบราณและถูกพวกนางไม้ดรายแอดล้อมเอาไว้ ราชินีเอธเนออกมาพบซีรีด้วยตัวเองและอนุญาตให้เด็กหญิงอยู่ในป่าโบรคิลอนได้ ดาร่าที่บาดเจ็บถูกหามเข้ามาในป่าด้วยเช่นกัน พวกดรายแอดใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งป่าโบรคิลอนรักษาบาดแผลให้กับเด็กหนุ่ม ป่าโบรคิลอนมีกฎว่าผู้ที่ปรารถนาจะอยู่ในป่านี้จะต้องดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์เสียก่อน หากคนผู้นั้นมีเจตนาร้ายก็จะตายทันที แต่ถ้าเป็นคนที่มีเจตนาบริสุทธิ์ น้ำนี้จะช่วยเยียวยาและลบความทรงจำที่เจ็บปวดออกไป

ตกกลางคืนซีรีก็กับดาร่าก็คุยกันถึงเรื่องในอดีต ดาร่าจึงได้รู้ว่าซีรีเป็นหลานของราชินีคาลันเธผู้สั่งการให้กองทัพซินทราออกกวาดล้างพวกเอลฟ์จนทำให้เขาต้องสูญเสียครอบครัวไป มันเป็นความทรงจำอันเลวล้ายที่เขาอยากลืม ดาร่าจึงตัดสินใจว่าจะดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์และอยู่ในป่าโบรคิลอนต่อไป แต่ซีรีนั้นยังยึดมั่นในคำสั่งเสียของท่านยายที่บอกให้เธอตามหาเกรอลท์แห่งริเวีย เธอจึงดื่มมันอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

ปรากฏว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ไม่ส่งผลใด ๆ กับซีรีเลย ราชินีเอธเนจึงพาเธอไปดื่มน้ำจากต้นกำเนิดของมันโดยตรงจากต้นไม้โบราณใจกลางป่าที่เรียกว่า ชานเคยาน (Shan-Kayan) เมื่อซีรีดื่มเข้าไป เธอก็เห็นนิมิตเป็นต้นไม้เรืองแสงขนาดใหญ่กลางทะเลทราย

ขณะเดียวกัน ฟรินจิลลาก็พบศพของราชินีคาลันเธ นักเวทนิลฟ์การ์ดคนหนึ่งได้กินเนื้อจากศพของราชินีเพื่อให้ฟรินจิลลาควักเครื่องในออกมาทำนายตำแหน่งของซีรี เธอพบว่าซีรีหนีเข้าไปในป่าโบรคิลอนและรายงานเรื่องนี้ต่อคาเฮียร์ เขารู้ดีว่าป่าโบรคิลอนเป็นสถานที่ที่อันตรายและไม่คุ้มกับการบุกด้วยกำลังทหาร จึงวางแผนจะใช้ประโยชน์จากเมาส์แสคที่พลาดท่าถูกลูกน้องของเขาจับตัวไว้ได้

กลับไปที่รายชื่อตอน

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

Episode 5 ความต้องการที่เก็บงำไว้ (Bottled Appetites)

แนะนำตัวละครหลัก

ด็อพเพลอร์: สิ่งมีชีวิตโบราณที่เปลี่ยนร่างและลอกเลียนความทรงจำได้ อ่านเพิ่มเติมที่นี่

 

เส้นเรื่องของเกรอลท์และเยนเนเฟอร์ (ปี 1256)

เยนเนเฟอร์เลิกเป็นที่ปรึกษาของราชวงศ์และออกจากภราดรจอมเวทเพื่อมีชีวิตที่เป็นอิสระมากขึ้น เธอไปที่เมืองรินด์และเริ่มธุรกิจรักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศให้เหล่าผู้มีอันจะกิน แต่แล้วก็ถูกเทศมนตรีโบ เบอร์รองต์ ขูดรีดภาษี แต่เยนเนเฟอร์ไม่ยอมจ่ายและยินดีให้เขาจับกุมตัวเธอไป

เกรอลท์ยังคงปวดหัวกับเรื่องเด็กแห่งโชคชะตาจนนอนไม่หลับ เขาจึงหาทางที่จะลบล้างพันธะโดยขอพรจากจินน์ (djinn) เขาเที่ยวเหวี่ยงแหไปทั่วหนองน้ำจนในที่สุดก็เจอคนโทที่มีฝาผนึกเป็นรูปดาวเก้าแฉกของจอมเวท ยาสเกียร์ตรงเข้าไปแย่งคนโทด้วยความโมโหที่เกรอลท์วิจารณ์เรื่องการร้องเพลงของเขา สุดท้ายผนึกก็หลุดติดมือเกรอลท์ออกมา ยาสเกียร์คิดว่าตัวเองเป็นคนปลดปล่อยจินน์เลยรีบขอพรไปสองข้อ เกรอลท์รำคาญเลยตะคอกใส่ยาสเกียร์ว่าเขาต้องการความเงียบ ทันใดนั้นเองจินน์ก็ตรงเข้ามาทำร้ายยาสเกียร์จนกระอักเลือด กล่องเสียงของเขาบาดเจ็บอย่างหนักจนเริ่มหายใจลำบากขึ้นทุกที

เกรอลท์พายาสเกียร์ขี่ม้าจนไปเจอค่ายพักแรมของพวกทหารและได้รับความช่วยเหลือเบื้องต้นจากเอลฟ์ที่ชื่อว่าเชอร์รีแดน เขาบอกว่าอาการของยาสเกียร์ต้องให้พวกจอมเวทรักษาเท่านั้น ตอนนี้ในเมืองมีผู้วิเศษอยู่แค่คนเดียว แต่เธอค่อนข้างอารมณ์ร้ายและเจ้าเล่ห์ เกรอลท์จึงรีบพายาสเกียร์ไปบ้านเทศมนตรีตามที่เชอร์รีแดนบอกทันที

ทิสซายอาพยายามเกลี้ยกล่อมให้เยนเนเฟอร์ล้มเลิกความตั้งใจที่จะรักษาอาการเป็นหมันและชักชวนให้เธอกลับไปที่อาเรทูซา แต่ก็ถูกเยนเนเฟอร์ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ในค่ำคืนนั้นเยนเนเฟอร์ใช้เวทมนตร์สะกดให้ผู้คนมาร่วมสังสรรค์กันอย่างสุดเหวี่ยงในบ้านเทศมนตรี เมื่อเกรอลท์ไปถึงก็ต้องประหลาดใจที่เห็นแขกทุกคนเปลือยกายนัวเนียกันอย่างไม่อายฟ้าดิน เขาได้พบกับเยนเนเฟอร์และขอร้องให้เธอช่วยรักษายาสเกียร์ที่ถูกจินน์ทำร้าย เยนเนเฟอร์เล็งเห็นโอกาสที่จะใช้เวทมนตร์ของจินน์ทำให้เธอสามารถกลับไปมีลูกได้ เธอจึงยอมช่วยเหลือยาสเกียร์และหลอกล่อให้เกรอลท์ไปอาบน้ำด้วยกัน

เยนเนเฟอร์วางแผนจะจับจินน์มาขอพร แต่เธอต้องรอให้ยาสเกียร์ฟื้นขึ้นมาชอพรข้อสุดท้ายเสียก่อน ระหว่างนั้นเธอจึงสะกดจิตเกรอลท์ให้ไปออกอาละวาดข้างนอก พอรู้ตัวอีกทีเกรอลท์ก็ตื่นขึ้นมาในคุกพร้อมกับเชอร์รีแดนที่พยายามห้ามเขาจนถูกจับเข้าคุกไปด้วย ความผิดของเกรอลท์นั้นรุนแรงพอที่จะทำให้เขาถูกตัดสินประหารชีวิต แต่ยังไม่ทันได้มีการพิจารณาคดี ทหารยามของเทศมนตรีก็เข้ามาซ้อมเกรอลท์ในคุก เขาตั้งใจจะฆ่าเกรอลท์จึงบอกให้วิทเชอร์สั่งเสียก่อนตาย เกรอลท์เลยใช้โอกาสนี้ขอพรข้อที่สองให้ทหารยามหัวระเบิดตาย

เยนเนเฟอร์ยังคงไม่รู้ว่าเจ้านายตัวจริงของจินน์คือเกรอลท์ เธอจึงบังคับให้ยาสเกียร์ขอพรข้อสุดท้ายและเริ่มพิธีผนึกจินน์เอาไว้ในร่างของตนเอง เกรอลท์และเชอร์รีแดนกลับไปหายาสเกียร์ที่บ้านเทศมนตรี แต่แล้ววิทเชอร์ก็ตระหนักได้ว่าพิธีกรรมของเยนเนเฟอร์ไม่มีทางสำเร็จและเธอจะต้องถูกจินน์ฆ่าตายอย่างแน่นอน สุดท้ายเกรอลท์ก็ตัดสินใจกลับเข้าไปช่วยเยนเนเฟอร์

จินน์อาละวาดหนักขึ้นจนบ้านเทศมนตรีใกล้จะพังถล่มลงมา เกรอลท์ต้องคิดให้รอบคอบก่อนจะขอพรข้อสุดท้ายจากจินน์เพื่อไม่ให้มันย้อนกลับมาฆ่าเยนเนเฟอร์ได้ เมื่อเขาขอพรจบ จินน์ก็เป็นอิสระและลอยหายกลับไปยังมิติของมัน แม้เกรอลท์จะช่วยชีวิตเยนเนเฟอร์เอาไว้แต่เธอก็ยังโมโหที่จินน์ต้องหลุดมือไป อารมณ์ที่พลุ่งพล่านเริ่มดึงดูดทั้งคู่เข้าหากันจนเกิดเป็นการบรรเลงเพลงรักอันเร่าร้อน เยนเนเฟอร์ถามเกรอลท์ว่าเขาขอพรอะไรจากจินน์เป็นข้อสุดท้าย แต่เกรอลท์ก็หลับไปเสียก่อน

 

เส้นเรื่องของซีรี (ปี 1263)

คาเฮียร์จ้างวานด็อพเพลอร์ตนหนึ่งให้เปลี่ยนร่างและสวมรอยเป็นเมาส์แสคเพื่อลวงให้ซีรีออกมาจากป่าโบรคิลอน ส่วนเมาส์แสคตัวจริงถูกฆ่าทิ้งอย่างเลือดเย็น

ราชินีเอธเนรู้ความจริงว่าซีรีเป็นหลานของราชินีคาลันเธ แม้ดรายแอดคนอื่น ๆ จะเสนอให้ซีรีอยู่ในป่าโบรคิลอนต่อไป แต่ราชินีเอธเนก็ให้ซีรีเลือกเองว่าจะอยู่หรือจะไป ตอนแรกซีรีเลือกที่จะอยู่ในป่าโบรคิลอน แต่เมาส์แสคก็มาตามหาเธอถึงในป่าและเจรจากับพวกดรายแอด เขาบอกว่าซีรีถูกพูดมัดไว้กับกฎแห่งสิ่งเหนือความคาดหมาย และโชคชะตากำหนดให้เธอต้องกลับไปหาเกรอลท์แห่งริเวีย ซีรีจึงตัดสินใจกลับไปกับเมาส์แสคและชวนดาร่าไปด้วย เพราะตอนนี้เขาก็เป็นเหมือนคนในครอบครัวของเธอแล้ว แต่ก่อนจากกัน ราชินีเอธเนก็เตือนซีรีไว้ว่า

“ภาระของอำนาจที่ยิ่งใหญ่จะนำมาซึ่งความเจ็บปวด จงระวังตัว และตั้งคำถามให้ถูกต้องอยู่เสมอ โชคชะตานั้นอยู่ในมือของเจ้าเอง หาใช่คนอื่นไม่ ลาก่อน… เด็กที่แสนพิเศษ”


เด็กทั้งสองเดินทางออกจากป่าโบรคิลอนโดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเดินเข้าไปหากับดักที่พวกนิลฟ์การ์ดวางเอาไว้

กลับไปที่รายชื่อตอน

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

Episode 6 สิ่งมีชีวิตหายาก (Rare Species)

แนะนำตัวละครหลัก

บอร์ช ทรี แจ็คดอวส์: ชายชราลึกลับที่ออกเดินทางไปพร้อมกับสองนักรบสาวจากเซอร์ริเคเนีย

ยาร์เพน ซิกริน: คนแคระนักผจญภัยจากเทือกเขามาฮาคาม

 

เส้นเรื่องของเกรอลท์และเยนเนเฟอร์ (ปี 1262)

ยาสเกียร์ติดตามเกรอลท์ไปรับงานกำจัดบาซิลิสก์ (basilisk) ที่อาณาจักรเคนกอร์น ระหว่างนั้นพวกเขาก็ได้พบกับชายชราแปลกหน้านามว่า บอร์ช ทรี แจ็คดอวส์ ที่มาพร้อมกับสองนักรบหญิงจากเซอร์ริเคเนีย เขาพาสองสหายไปเลี้ยงอาหารชั้นดีและเล่าเรื่องคณะล่ามังกรของราชานีดาเมียร์ให้ฟัง ราชาเปิดโอกาสให้เหล่าผู้กล้าเข้าร่วมการล่ามังกร และผู้ที่พิชิตมันได้ก็จะได้รับสมบัติและได้ปกครองเมืองอาณานิคมของเคนกอร์นด้วย บอร์ชจึงตามหาเกรอลท์เพราะอยากให้เขามาร่วมทีม แต่เกรอลท์ก็ปฏิเสธเพราะเขาไม่ฆ่ามังกร ในโรงเหล้าแห่งนั้นยังมีผู้กล้าอีกสามกลุ่ม ได้แก่ พลพรรคคนแคระของยาร์เพน ซิกริน, พวกทหารรับจ้างครินฟริด รีฟเวอร์ และคณะของอัศวินไอค์แห่งเดเนเซิลที่มีเยนเนเฟอร์รวมอยู่ด้วย เกรอลท์จึงเปลี่ยนใจเข้าร่วมคณะล่ามังกรและออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น

เกรอลท์เดินเท้าไปกับคณะล่ามังกรที่จ้องจะเล่นงานกันเองเพื่อกำจัดคู่แข่งตั้งแต่วันแรก ระหว่างทางยาสเกียร์พบสัตว์ประหลาดหายากที่ไม่มีพิษภัยอย่างฮิริกกา (hirikka) ไอค์วิ่งเข้าไปสังหารมันทันทีและเอาเนื้อมาย่างไฟกิน แต่ระหว่างที่กำลังคุยโม้โอ้อวดเพื่อเอาใจเยนเนเฟอร์ อัศวินหนุ่มก็เกิดปวดท้องจนต้องรีบวิ่งไปหาที่ปลดทุกข์

พอฟ้ามืดทุกคนก็แยกย้ายกันเข้านอน ยกเว้นกลุ่มของเกรอลท์ที่ยังคงนั่งคุยกันถึงเรื่องมังกร เกรอลท์บอกว่าสาเหตุที่มังการกลายเป็นสัตว์หายากเพราะมันถูกมนุษย์ล่าจนแทบจะสูญพันธุ์ มังกรที่หลงเหลืออยู่มากที่สุดคือมังกรเขียว รองลงมาคือมังกรแดง และมังกรดำคือสายพันธุ์ที่หายากที่สุด บอร์ชแย้งว่ายังมีมังกรทองอีกชนิด แต่เกรอลท์คิดว่ามันไม่น่าจะมีอยู่จริง หรือต่อให้มันมีจริงก็คงสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว

พอถึงรุ่งเช้าเยนเนเฟอร์ก็ออกมาตามหาไอค์ที่หายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืน ยาร์เพนพบศพอัศวินหนุ่มถูกใครบางคนฆ่าปาดคอขณะที่กำลังนั่งปลดทุกข์อยู่ แต่คณะเดินทางก็ยังคงมุ่งหน้าต่อไป ยาร์เพนชวนบอร์ชให้ไปทางลัดด้วยกัน เกรอลท์จึงได้โอกาสแยกตัวไปคุยกับเยนเนเฟอร์ตามลำพัง เยนเนเฟอร์ยอมบอกความจริงว่าเธออยากได้หัวใจมังกรเอาไปปรุงยาเพื่อรักษาอาการเป็นหมัน เกรอลท์พยายามโน้มน้าวให้เธอเปลี่ยนความคิด เพราะวิถีชีวิตของจอมเวทและวิทเชอร์ไม่เหมาะกับการมีลูก ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากจะเอาเด็กแห่งโชคชะตาไปเป็นเหยื่อล่อบรุกซา (bruxa) ให้รู้แล้วรู้รอดเลยด้วยซ้ำ แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะทะเลาะกัน เกรอลท์ก็เอ่ยปากชวนเยนเนเฟอร์ให้ร่วมทางไปกับบอร์ชและพวกคนแคระด้วย

ทางลัดของพวกคนแคระนั้นต้องผ่านหน้าผาที่มีทางเดินเป็นแผ่นไม้แคบ ๆ ทำให้บอร์ชและสองนักรบหญิงหล่นหายไปในหมอกหนา เย็นวันนั้นพวกเขาจึงตั้งแคมป์กันอย่างเศร้าสร้อย ยาสเกียร์ปลอบใจเกรอลท์และบอกเขาว่าชีวิตมันสั้น ถ้าเขาอยากจะทำอะไรก็ให้รีบทำในตอนที่ยังมีโอกาส เกรอลท์จึงเข้าไปพูดคุยเคลียร์ใจกับเยนเนเฟอร์อีกครั้ง แล้วทั้งคู่ก็ใช้เวลาในค่ำคืนนั้นด้วยกันจนถึงรุ่งเช้า

แต่กลายเป็นว่าพวกคนแคระชิงออกเดินทางล่วงหน้าไปก่อน เยนเนเฟอร์กับเกรอลท์จึงรีบตามไปโดยไม่ทันได้ปลุกยาสเกียร์ เยนเนเฟอร์ใช้คาถาหยุดการเคลื่อนไหวของพวกคนแคระและไปถึงถ้ำมังกรเป็นคนแรก เธอเห็นมังกรเขียวนอนตายอยู่ข้าง ๆ ไข่ฟองหนึ่งที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของมัน แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อสองนักรบหญิงที่น่าจะตกหน้าผาตายไปแล้วกลับมาปรากฏตัวในถ้ำนั้นด้วย ทันทีที่เกรอลท์ตามมาสมทบ มังกรสีทองอร่ามก็กระโจนลงมาจากเพดานถ้ำ

แท้จริงแล้วบอรช์ก็คือร่างจำแลงของมังกรทองวิลเลนเทรเทนเมิร์ธ (Villentretenmerth) เขาออกตามหาเกรอลท์เพื่อให้มาช่วยปกป้องไข่มังกรที่ไม่อาจเคลื่อนย้ายได้จนกว่ามันจะฟัก เมื่อเยนเนเฟอร์เข้าใจเจตนาของมังกร เธอก็เปลี่ยนใจหันมาช่วยปกป้องพวกมันแทน พวกเขาต่อสู้กับพวกครินฟริดและปกป้องไข่มังกรได้สำเร็จ

ยาสเกียร์และพวกคนแคระตามไปถึงถ้ำมังกรในภายหลัง แต่บอร์ชก็ปรากฏตัวพร้อมกับบอกให้พวกเขานำฟันมังกรไปถวายราชาและเตือนให้ยุติการล่ามังกร พวกคนแคระพอใจกับข้อเสนอและจากไปทันที บอร์ชจึงใช้โอกาสนี้ขอบคุณเกรอลท์และเยนเนเฟอร์ แต่คำพูดของบอร์ชก็ทำให้เยนเนเฟอร์สงสัยว่าความรักระหว่างเธอกับเกรอลท์เกิดขึ้นเพราะพรข้อสุดท้ายที่เขาขอจากจินน์ ไม่ใช่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเองจริง ๆ  แล้วทั้งสองคนก็กลับมาทะเลาะกันในเรื่องเดิม ๆ อีกจนได้ บอร์ชจึงตัดบทและบอกความจริงเพื่อไม่ให้ทั้งคู่ต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้

“จอมเวทหญิงจะไม่มีวันได้มดลูกกลับคืนมา และต่อให้เจ้าไม่อยากสูญเสียนางแค่ไหนก็ตาม... เกรอลท์ แต่สุดท้ายเจ้าก็จะสูญเสียนางไป”


เยนเนเฟอร์หลั่งน้ำตาและเดินจากไป แต่บอร์ชยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เขาอยากย้ำเตือนเกรอลท์ก่อนจะเดินทางจากไป

“สิ่งที่เจ้าพลาดไปยังคงอยู่ข้างนอกนั่น คนสำคัญของเจ้า โชคชะตาของเจ้า ข้ารู้… และเจ้าก็รู้”


เกรอลท์หัวเสียและพาลใส่ยาสเกียร์ว่าเขาเป็นตัวซวยที่ทำให้เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้น คำพูดของเขาทำร้ายจิตใจนักกวีเป็นอย่างมาก จนเขาตัดสินใจแยกตัวจากวิทเชอร์และออกเดินทางตามลำพัง

 

เส้นเรื่องของซีรี (ปี 1263)

ซีรีและดาร่าออกมาจากป่าโบรคิลอนพร้อมกับเมาส์แสคตัวปลอม ดาร่ารู้สึกไม่ไว้วางใจดรูอิด โดยเฉพาะท่าทางที่ดูหงุดหงิดรำคาญเมื่อถูกถามว่าเขาเอาตัวรอดจากสงครามมาได้ยังไง ดาร่าเตือนซีรีให้นึกถึงคำพูดของราชินีเอธเนที่บอกให้เธอ "ตั้งคำถามให้ถูกต้อง" เมาส์แสคจึงกลบเกลื่อนด้วยการนำผ้าคลุมไหล่ของราชินีคาลันเธมอบให้ซีรี

แต่ถึงอย่างนั้นซีรีก็ยังถามคำถามไม่หยุดหย่อน จนในที่สุดเธอก็จับพิรุธดรูอิดตัวปลอมได้ เมาส์แสคตัวจริงนั้นเป็นโรคปวดข้อและไม่มีวันคิดถึงอากาศหนาวเย็นบนเกาะสเกลลิเกะอย่างเด็ดขาด เมาส์แสคตัวปลอมหมดความอดทนและตะคอกใส่ซีรีว่ามันฆ่าเมาส์แสคตัวจริงไปแล้ว ดาร่าจึงใช้มีดพกเล่มเล็กโจมตีใส่ แต่ก็ถูกปัดจนมีดหลุดมือ เมาส์แสคตัวปลอมหยิบมีดขึ้นมาแต่ก็ต้องทิ้งมันไป เพราะโลหะเงินบนด้ามมีดทำให้ผิวหนังของมันเป็นรอยไหม้ ซีรีใช้ด้ามมีดจี้ไปบนผิวหนังของมันอีกครั้ง ทำให้ด็อพเพลอร์เผยร่างที่แท้จริงออกมา มันโจมตีดาร่าจนสลบ ซีรีจึงรีบวิ่งหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว

ที่ชายป่า ทหารนิลฟ์การ์ดจับตัวซีรีได้และนำตัวเด็กสาวไปให้คาเฮียร์ แม่ทัพนิลฟ์การ์ดยื่นถ้วยเงินใส่น้ำดื่มให้ซีรีแต่เธอก็ไม่ยอมแตะต้องมันเลย คาเฮียร์จึงรู้ทันทีว่าเด็กคนนี้คือด็อพเพลอร์ที่ปลอมตัวมา ด็อพเพลอร์แปลงร่างเป็นคาเฮียร์และทั้งสองก็ต่อสู้กัน แต่สุดท้ายด็อพเพลอร์ก็หนีรอดไปจนได้ ฟรินจิลลาเข้ามาทำแผลให้คาเฮียร์ เธอพูดจาปลุกขวัญแม่ทัพไม่ให้ถอดใจจนกว่าภารกิจที่เขาได้รับมอบหมายจากองค์จักรพรรดิโดยตรงจะสำเร็จลุล่วง คาเฮียร์จึงสั่งให้รวบรวมกำลังพลเพื่อเตรียมยกทัพบุกซ็อดเดน

ซีรีตัวจริงถูกจับมัดไว้ที่ชายป่า ถึงแม้ดาร่าจะตามไปช่วยแก้มัดให้ แต่เขาก็ไม่อยากร่วมทางไปกับซีรีอีกแล้ว ด่าร่าเดินจากไป ทิ้งให้ซีรีต้องดิ้นรนหาทางรอดด้วยตัวของเธอเอง

กลับไปที่รายชื่อตอน

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

Episode 7 ก่อนการล่มสลาย (Before a Fall)

แนะนำตัวละครหลัก

วิลเกฟอตซ์: จอมเวทผู้ผันตัวไปเป็นทหารรับจ้าง เป็นผู้รวบรวมจอมเวทแดนเหนือให้ต่อสู้กับกองทัพนิลฟ์การ์ด

เอเมียร์ วาร์ เอ็มรีส: จักรพรรดิแห่งนิลฟ์การ์ด มีฉายาว่า “พระเพลิงขาวผู้เต้นรำบนหลุมศพศัตรู”

 

เส้นเรื่องของเยนเนเฟอร์ (ปี 1263 ก่อนซินทราล่มสลาย)

เยนเนเฟอร์เดินทางลงใต้ไปยังนาเซียร์ซึ่งเป็นดินแดนใต้การปกครองของจักรวรรดินิลฟ์การ์ด เธอตั้งใจกลับไปหาอิสเทรดด์ที่กำลังศึกษาหินเมกาลิธอยู่ที่นั่น เยนเนเฟอร์พยายามรื้อฟื้นความสัมพันธ์ขึ้นมาอีกครั้ง แต่อิสเทรดด์ก็ไม่สามารถลืมได้ว่าเมื่อก่อนนั้นเยนเนเฟอร์เคยปฏิเสธเขาอย่างไร้เยื่อใย เขาจึงหมดศรัทธากับความรักที่เคยมีและหันมาทุ่มเทกับงานเพียงอย่างเดียว

ทันทีที่อิสเทรดด์ลุกไปจากเก้าอี้ ก็มีจอมเวทอีกคนเข้ามาหาเยนเนเฟอร์ เขาคือวิลเกฟอตซ์แห่งร็อกเกวีน วิลเกฟอตซ์เอ่ยปากชวนเยนเนเฟอร์กลับไปยังอาเรทูซา โดยอ้างว่าเขาถูกทิสซายอาขอร้องมาอีกที แต่พอไปถึงอาเรทูซา วิลเกฟอตซ์กลับพาเธอไปเข้าประชุมกับสภาจอมเวทเพื่อเตรียมรับมือกับพวกนิลฟ์การ์ด เยนเนเฟอร์โมโหที่ถูกหลอกจึงเดินออกจากห้องประชุมไปทันที

เยนเนเฟอร์เดินไปที่หอพักของพวกนักเรียนหญิง เธอเจอเด็กนักเรียนสามคนแอบมาเถลไถลอยู่ในห้องที่เคยเป็นห้องพักของเธอ เยนเนเฟอร์จึงพาเด็กทั้งสามไปเรียนรู้ความจริงที่อาเรทูซาปิดบังเอาไว้ แต่ทิสซายอาก็มาตามให้พวกนักเรียนกลับไป เยนเนเฟอร์ผิดหวังที่อาเรทูซาตกต่ำถึงขนาดต้องรับเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้มาเข้าเรียนเพื่อแลกกับเงินค่าเทอม แต่ทิสซายอาก็ตอบเพียงสั้น ๆ ว่าเธอต้องยอมผ่อนปรนเพื่อความอยู่รอดของโรงเรียน

เหล่าจอมเวทมารวมกันตัวในห้องประชุมอย่างเร่งด่วน เนื่องจากกองทัพนิลฟ์การ์ดกำลังปิดล้อมซินทราและอาจรุกคืบขึ้นมาทางเหนือ จอมเวทบางคนเสนอให้แดนเหนือเตรียมกำลังทหารไว้รับศึก แต่ฟรินจิลลาก็ปรากฏตัวในห้องประชุมและยืนยันว่านิลฟ์การ์ดต้องการแค่ซินทราเท่านั้น พร้อมกับโฆษณาชวนเชื่อให้เห็นแนวทางอันดีงามของจักรพรรดิเอเมียร์ สุดท้ายเหล่าจอมเวทก็ต้องใช้วิธีลงคะแนนเสียงว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร และผลก็ออกมาว่าพวกเขาจะตัดหางปล่อยวัดอาณาจักรซินทรา

ทิสซายอาไม่สามารถทนนิ่งเฉยต่อภัยคุกคามจากนิลฟ์การ์ดได้ เธอและวิลเกฟอตซ์จึงชักชวนจอมเวทที่มีความคิดแบบเดียวกันไปวางแผนต่อต้านกองทัพนิลฟ์การ์ด อธิการหญิงแห่งอาเรทูซาทิ้งศักดิ์ศรีมาขอร้องเยนเนเฟอร์จนเธอยอมตกลงเข้าร่วมด้วย

 

เส้นเรื่องของเกรอลท์ (ปี 1263 ก่อนซินทราล่มสลาย)

คำพูดของบอร์ชทำให้เกรอลท์กลับไปยังอาณาจักรซินทราเพื่อเผชิญหน้ากับโชคชะตาของเขา เมาส์แสคออกมาพบเกรอลท์และบอกว่าเด็กแห่งโชคชะตาของเขาก็คือองค์หญิงซิริลลา ที่ตอนนี้กลายเป็นรัชทายาทเพียงคนเดียวของราชวงศ์ เนื่องจากดูนี่และองค์หญิงพาเว็ตตาหายสาบสูญไปในอุบัติเหตุเรือล่ม ส่วนสาเหตุที่เกรอลท์ตัดสินใจมารับตัวเด็กแห่งโชคชะตาในตอนนี้ ก็เป็นเพราะว่าเขาเห็นกองทัพนิลฟ์การ์ดกำลังยกพลผ่านช่องเขาอาเมลล์มุ่งหน้ามายังซินทรา เกรอลท์จึงกังวลว่าเด็กอาจไม่ปลอดภัยหากเกิดสงครามขึ้น

ทันใดนั้นเองทหารซินทราก็ไล่ต้อนเกรอลท์ตามคำสั่งของราชินีคาลันเธ แต่เมาส์แสคก็พาเขาหนีผ่านประตูมิติและพาไปเจรจากับองค์ราชินีให้รู้เรื่อง เกรอลท์ให้คำมั่นว่าเขาจะปกป้องซีรีและพาเธอกลับมาอย่างปลอดภัยหลังจากสงครามจบลง ราชินีคาลันเธจึงอนุญาตให้เขาเข้าไปหาซีรีในวัง แต่เกรอลท์ก็รู้จนได้ว่าเด็กสาวที่ราชินีพามาให้เขาไม่ใช่ซีรีตัวจริง สุดท้ายวิทเชอร์ก็ถูกจับเข้าคุกตามคำสั่งของราชินี

ระหว่างที่เกรอลท์นั่งสมาธิอยู่ในคุก กองทัพนิลฟ์การ์ดก็พังประตูเมืองเข้ามาได้ ราชินีคาลันเธที่บาดเจ็บสาหัสอนุญาตให้เมาส์แสคไปตามตัวเกรอลท์มา แต่วิทเชอร์ก็แหกคุกหนีไปแล้ว เกรอลท์ฝ่าทหารนิลฟ์การ์ดออกมานอกวังและเห็นร่างไร้ชีวิตของราชินีคาลันเธที่ร่วงหล่นลงมาจากหอคอย เขาจึงเข้าใจแล้วว่าไม่มีใครสามารถปกป้องเด็กแห่งโชคชะตาได้อีกต่อไปแล้ว... นอกจากตัวเขาเอง

 

เส้นเรื่องของซีรี (ปี 1263 หลังซินทราล่มสลาย)

ซีรีเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงตลาดแห่งหนึ่ง หนทางเดียวที่เธอนึกออกในตอนนี้คือการหาเรือไปยังหมู่เกาะสเกลลิเกะ แต่กว่าจะถึงท่าเรือก็ต้องเดินเท้าอีกเป็นสัปดาห์ มีผู้หญิงใจดีคนหนึ่งเสนอให้ซีรีมาพักอยู่กับเธอก่อน แต่ซีรีก็ไม่ไว้ใจและขโมยม้าหนีออกไปตามลำพัง

พอตกกลางคืนซีรีก็ก่อกองไฟในทุ่งรกร้างโดยไม่รู้ว่ามีกลุ่มคนสะกดรอยตามเธอมา หนึ่งในนั้นคือแอนทอน เพื่อนชาวซินทราที่ซีรีเคยแอบหนีออกมาเล่นด้วย ทุกคนมีท่าทีคุกคามและพยายามจับตัวซีรีไปให้พวกนิลฟ์การ์ดเพื่อแลกกับเงินรางวัล แต่ระหว่างที่ถูกยื้อยุดฉุดกระชาก ซีรีก็ถูกพลังบางอย่างครอบงำและเอ่ยคำทำนายออกมา

“จงฟังสิ่งที่ข้าจะบอกแก่พวกเจ้า ยุคแห่งคมดาบและคมขวานจะมาถึงแล้ว ยุคแห่งพายุหิมะที่โหดร้ายดุจหมาป่า ยุคแห่งความเย็นยะเยือกสีขาวและแสงสว่างสีขาวได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ยุคสมัยแห่งความบ้าคลั่ง และยุคแห่งความอัปยศ!”


ซีรีกรีดร้อง และทุกอย่างก็มืดดับไป

กลับไปที่รายชื่อตอน

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

Episode 8 เหนือชั้น (Much More)

แนะนำตัวละครหลัก

วิเซนนา: แม่ของเกรอลท์

เวสิเมียร์: วิทเชอร์สำนักหมาป่า เป็นอาจารย์ที่เลี้ยงดูเกรอลท์มาตั้งแต่เด็ก

 

เส้นเรื่องของเยนเนเฟอร์ (ปี 1263)

ทิสซายอาและวิลเกฟอตซ์พาจอมเวทที่เห็นด้วยกับพวกเขาลงเรือไปยังป้อมปราการเก่าริมแม่น้ำยารูก้า จุดนี้เป็นจุดที่แคบที่สุดและมีชัยภูมิที่เหมาะต่อการตั้งแนวป้องกัน เหล่าจอมเวทและพวกชาวบ้านต่างร่วมแรงช่วยกันทำลูกธนูและระเบิดกรดเอาไว้รับมือกับทหารนิลฟ์การ์ดในวันพรุ่งนี้ พอถึงเวลากลางคืนทุกคนก็สังสรรค์กันเป็นครั้งสุดท้าย เพราะต่างรู้ดีว่ากำลังคนเพียงหยิบมือคงไม่อาจหยุดยั้งกองทัพนิลฟ์การ์ดที่มีกำลังพลห้าหมื่นนายได้

หน่วยสอดแนมของนิลฟ์การ์ดเห็นจอมเวทแดนเหนือมารวมตัวกันอยู่ที่ป้อมปราการจึงรายงานเรื่องนี้ต่อฟรินจิลลา เธอคิดจะตอบโต้ด้วยเวทมนตร์เช่นกัน ฟรินจิลลาให้พวกจอมเวทเสกลูกไฟขนาดใหญ่ใส่เครื่องยิงกระสุนและระดมยิงใส่ป้อมปราการทันที แต่เยนเนเฟอร์ก็ใช้พลังปัดกระสุนเพลิงออกไปได้ทัน ฟรินจิลลาจึงเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่นแทน เธอให้พวกลูกน้องเสกหมอกขึ้นมาพรางตาและนำกล่องหนอนปรสิตไปปล่อยไว้ในป้อมปราการ หนอนพวกนี้จะชอนไชเข้าไปหูคนและทำหน้าที่เป็นสื่อกลางให้ฟรินจิลลาสามารถใช้เวทมนตร์ควบคุมจิตใจพวกเขาได้

เยนเนเฟอร์ขึ้นไปประจำการบนหอคอย ทริสใช้เวทมนตร์เสกเห็ดให้ปล่อยสปอร์พิษใส่พวกทหารนิลฟ์การ์ด ซาบรินาควบคุมการยิงธนูใส่ระเบิดกรดให้แตกกระจายใส่แนวหน้าของศัตรู ส่วนวิลเกฟอตซ์ใช้ดาบเวทเข้าตะลุมบอนจนถึงตัวคาเฮียร์ วิลเกฟอตซ์ไม่ยอมฟังคำแนะนำของเยนเนเฟอร์และดวลดาบกับแม่ทัพนิลฟ์การ์ด แต่จอมเวทก็ใช้เวทมนตร์จนอ่อนแรง ทำให้เขาพ่ายแพ้และถูกถีบตกเขาจนสลบไป ทิสซายอาเผชิญหน้ากับฟรินจิลลา แต่จอมเวทหญิงแห่งนิลฟ์การ์ดก็ใช้ผงไดเมอริเทียมซัดใส่ทิสซายอาจนเธอใช้เวทมนตร์ไม่ได้

ฟรินจิลลาใช้เวทมนตร์ผ่านหนอนปรสิตควบคุมให้ฝ่ายแดนเหนือทำร้ายกันเอง เยนเนเฟอร์ถูกซาบรินาทำร้ายและตกหอคอยลงมาทั้งคู่ ทริสเสกรากไม้ขึ้นมาป้องกันประตูแต่ก็ถูกทหารนิลฟ์การ์ดใช้คบเพลิงเผาจนเป็นแผลฉกรรจ์ ป้อมปราการพังพินาศไปพร้อม ๆ กับจอมเวทแดนเหนือที่ล้มตายลงไปทีละคน เยนเนเฟอร์รวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายฝ่าออกไปหาทิสซายอาในป่า อธิการหญิงบอกให้เยนเนเฟอร์ลืมกฎเกณฑ์ต่าง ๆ และนึกถึงตอนที่เธอปลดปล่อยพลังออกมาในบททดสอบเก็บสายฟ้าใส่ขวด เยนเนเฟอร์จึงดูดพลังจากเปลวไฟทั้งหมดในสนามรบและระเบิดพลังออกไปจนกองทัพนิลฟ์การ์ดจมอยู่ใต้ทะเลเพลิง

ท่ามกลางละอองเถ้าถ่าน ทิสซายอาตะโกนเรียกเยนเนเฟอร์อย่างสุดเสียง แต่ก็มีเพียงความเงียบงันที่ตอบกลับมา เมื่อใกล้รุ่งสาง กองทัพเทเมเรียของราชาโฟลเทสท์ก็เดินทางมาถึงซ็อดเดนเพื่อจัดการศัตรูที่เหลือ

 

เส้นเรื่องของเกรอลท์ (ปี 1263)

เกรอลท์กลับเข้าไปตามหาองค์หญิงซีริลลาในวังอีกครั้งแต่ก็ไม่พบ เขาจึงขี่ม้าออกมาจากเมืองจนกระทั่งเจอค่ายอพยพซึ่งตอนนี้ถูกทำลายยับเยินจนเหลือแต่กองซากศพเท่านั้น พ่อค้าคนหนึ่งรู้สึกเวทนาคนตายจึงแวะขนศพไปไว้ในที่ที่ไม่อุจาดตา เกรอลท์เตือนเขาให้หนีไป แต่พ่อค้ายังคงหันไปเก็บศพต่อ จนกระทั่งฝูงกูล (ghoul) โผล่ขึ้นมาจากพื้นและฉุดขาเขาให้ล้มลง เกรอลท์กลับมาช่วยพ่อค้าแต่เขากลับได้รับบาดเจ็บเสียเอง บาดแผลที่กูลกัดนั้นเป็นอันตรายถึงชีวิต สุดท้ายเกรอลท์ก็ล้มลงและหมดสติไป

พ่อค้าพาเกรอลท์ขึ้นเกวียนและพยายามเรียกให้เขาคืนสติ อาการของเกรอลท์แย่ลงจนเขาเริ่มเห็นภาพหลอน ภาพเหตุการณ์เมื่อครั้งยังเป็นเด็กผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของความทรงจำ เด็กชายจอมซนชอบเล่นเป็นอัศวินปราบสัตว์ประหลาด แม่ของเขาจัดเรียงอาหารไว้เต็มโต๊ะพร้อมกับสอนเกรอลท์ว่าอย่าทำร้ายมังกร ที่พื้นครัวมีลูกมังกรสีทองตัวน้อยชะเง้อคอมองหน้าเขา

เกรอลท์ได้สติอีกครั้งเมื่อยามบ่ายคล้อย เขาพยายามซื้อเวลาด้วยการดื่มยาของวิทเชอร์และบอกให้พ่อค้าพาเขาไปที่อีกฟากของเทือกเขาสีน้ำเงิน พ่อค้ารู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้และเกรอลท์คงตายก่อนจะทันได้รักษา เมื่อยาออกฤทธิ์เกรอลท์ก็เห็นภาพหลอนอีกครั้ง เด็กชายนอนเล่นบนกองฟางบนเกวียน แม่ของเขากำลังพาไปที่ไหนสักแห่ง เมื่อเด็กน้อยเอ่ยปากว่าหิว แม่ของเขาก็เสกแอปเปิลผลใหญ่มาให้ เธอสั่งม้าให้หยุดพักและบอกให้เกรอลท์เดินไปตักน้ำ แต่พอเขากลับมาก็เห็นเพียงถนนที่ว่างเปล่า เขาตะโกนเรียกชื่อวิเซนนา แต่กลับมีเสียงชายคนหนึ่งตอบกลับมา เสียงที่คุ้นเคยของอาจารย์เวสิเมียร์

ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น เกรอลท์เห็นแม่ของเขากำลังช่วยรักษาแผลให้ เกรอลท์ขอให้เธอตอบคำถามที่ค้างคาใจมาตลอดว่าทำไมแม่จึงทอดทิ้งเขาไว้กับพวกวิทเชอร์ วิเซนนาไม่ตอบแต่บอกให้เขากลับไปตามหาโชคชะตาของตัวเอง เกรอลท์ได้สติคืนมาอีกครั้งตอนกลางดึกแต่ก็ไม่พบวิเซนนา เขาเร่งพ่อค้าให้รีบเดินทางไปซ็อดเดนให้เร็วที่สุด พ่อค้ารู้สึกเป็นหนี้ชีวิตเกรอลท์ แต่เขาก็ไม่ได้ร่ำรวยนักจึงเสนอให้ใช้กฎแห่งสิ่งเหนือความคาดหมาย แต่เกรอลท์ก็ปฏิเสธและขอแค่เหล้าเอลแก้วเดียวก็พอ

พอรุ่งเช้าพ่อค้าก็เดินทางกลับถึงบ้าน เกรอลท์ได้ยินภรรยาของเขาเล่าว่าพบเด็กหญิงกำพร้าคนหนึ่งที่ชายป่าไม่ไกลจากสนามรบ เธอจึงพาเด็กคนนั้นกลับมาที่บ้านด้วย เกรอลท์นึกถึงคำทำนายก่อนตายของเรนฟรี เขาจึงเดินเข้าไปในป่าเพื่อค้นหาโชคชะตาของตัวเอง

“ผู้ที่มีโชคชะตาโยงใยถึงกัน จะหาอีกฝ่ายจนเจอเสมอ”

 

เส้นเรื่องของซีรี (ปี 1263)

ซีรีตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นและพบว่ารอบ ๆ ตัวเต็มไปด้วยซากศพของคนที่พยายามจับตัวเธอเมื่อคืน ทุ่งหญ้าราบเป็นหน้ากลองราวกับถูกลมพายุพัดกระหน่ำใส่ ซีรีเสียขวัญจนทำอะไรไม่ถูก โชคดีที่ผู้หญิงคนเดียวกับที่เธอเจอกลางตลาดได้ตามมาพบเข้าและพาเธอเดินทางกลับบ้านไปด้วยกัน

ที่บ้านของโซลา ซีรีช่วยทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่าที่จะทำได้ แต่เธอยังเสียขวัญจนไม่ยอมพูดจากับใคร แม้ที่นี่จะอยู่ไกลจากแม่น้ำยารูก้า แต่พวกเขาก็ยังเห็นลูกไฟจากเครื่องยิงลอยผ่านท้องฟ้าไปในตอนกลางคืน โซล่าส่งซีรีเข้านอนและพยายามปลอบเธอว่าสงครามจะไม่ลุกลามมาถึงละแวกนี้ ซีรีฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งและวิทเชอร์ผมขาวกำลังร้องเรียกชื่อเยนเนเฟอร์ รวมไปถึงคำสั่งเสียของท่านยายที่บอกให้เธอตามหาเกรอลท์แห่งริเวีย เช้าวันนั้นเธอจึงแอบหนีออกมาเงียบ ๆ และเดินหายเข้าไปในป่า

เสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งกำลังเดินใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แต่แล้วก็หยุดลงแล้วหันหลังกลับไป ซีรีวิ่งออกไปหาเขา เกรอลท์แห่งริเวียยืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว ซีรีสวมกอดวิทเชอร์ผู้กุมชะตาของเธอไว้ ก่อนที่จะถามถึงชื่อที่เธอได้ยินในความฝัน

“เยนเนเฟอร์คือใครกัน?”

กลับไปที่รายชื่อตอน

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡  จบซีซัน 1  ✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

 

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.