เรื่องสั้น "เส้นทางที่ไม่อาจหวนคืน" Part 7 (บทที่ 8)

เส้นทางที่ไม่อาจหวนคืน

แปลจากเรื่องสั้น Droga, z której się nie wraca

โดย อันเชย์ ซัพคอฟสกี

📜 อ่าน Part 1 (บทที่ 1) | Part 2 (บทที่ 2-3) | Part 3 (บทที่ 4)

Part 4 (บทที่ 5) | Part 5 (บทที่ 6) | Part 6 (บทที่ 7)

 

 

โคชชีย์ ภาพจากคอมิกส์ Droga bez powrotu

 

- VIII -

 

เฟรเกนอลหยุดเดินพลางใช้หลังมือปาดเหงื่อที่ไหลย้อยบนหน้าผาก

“หลังก้อนหินตรงโน้นก็จะถึงหุบเหวแล้ว ในแผนที่โบราณเรียกมันว่า ดูร์-ตาน-โอริท หุบเขาฝูงหนู เป็นประตูสู่ช่องเขาคลามัท เราต้องทิ้งม้าไว้ตรงนี้ ถ้าขืนขี่ต่อไปก็ไม่มีทางเข้าใกล้มันได้โดยที่มันไม่รู้ตัว”

“มิคูลา” วิเซนนาเรียกช่างตีเหล็กขณะลงจากหลังม้า “รออยู่ที่นี่ ถ้าฟ้ามืดแล้วข้ายังไม่กลับมา จงอย่าเข้าไปในช่องเขาเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เจ้าต้องกลับไปที่หมู่บ้าน เข้าใจไหม? มิคูลา”

ช่างตีเหล็กพยักหน้า ตอนนี้เหลือชาวบ้านแค่สี่คนเท่านั้นที่ยังอยู่กับเขา เป็นผู้กล้ากลุ่มสุดท้ายเพราะที่เหลือค่อย ๆ สลายตัวไประหว่างทางราวกับหิมะที่ตกกลางฤดูร้อน

“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหญิง” มิคูลาพึมพำขณะเหลือบมองไปยังเฟรเกนอล “แต่ข้ายังข้องใจที่ท่านไว้ใจไอ้คนสารเลวนี่ ข้าเห็นด้วยกับพวกชาวบ้านว่ามันสมควรถูกตัดหัว มองดูแววตามันสิท่านหญิง ดูสีหน้าชั่ว ๆ ของมันด้วย”

วิเซนนาไม่ตอบ นางยกมือป้องหน้าผากแล้วมองตรงไปยังทางเข้าหุบผา

“นำทางไป เฟรเกนอล” โครินออกคำสั่งพลางกระชับเข็มขัดของเขา

แล้วพวกเขาก็ออกเดิน

ครึ่งชั่วโมงผ่านไปพวกเขาก็เห็นเกวียนเล่มแรกในสภาพล้มคว่ำและแตกเป็นเสี่ยง ๆ ถัดไปเป็นเกวียนอีกเล่มที่กงล้อหักพัง ซากกองกระดูกม้าและโครงกระดูกมนุษย์ กองที่สอง กองที่สาม กองแล้วกองเล่า กองกระดูกที่แตกหักทับถมกันเป็นภูเขาย่อม ๆ

“ไอ้ระยำ” โครินสบถเบา ๆ เมื่อเหลือบไปเห็นหัวกะโหลกที่มีตำแยต้นใหญ่ทอดกิ่งก้านผ่านเบ้าตากลวงโบ๋ “นั่นพวกพ่อค้าใช่ไหม? ข้าไม่รู้จะปล่อยเจ้าไวทำไม…”

“เราตกลงกันแล้ว...” เฟรเกนอลสอดปากขึ้นมาอย่างลังเล “เราตกลงกันแล้วนี่ ข้าบอกเจ้าทุกอย่างแล้วนะ วิเซนนา ข้ากำลังช่วยเจ้า นำทางให้เจ้า พวกเราตกลงกันแล้วนี่!”

โครินถ่มน้ำลาย วิเซนนาหันไปมองหน้าซีด ๆ ของเขาแล้วหันกลับไปมองจอมเวท

“เราตกลงกันแล้ว” นางยืนยัน “เจ้าจะช่วยเราตามหาสัตว์ประหลาดนั่นและกำจัดมันทิ้ง แล้วเจ้าก็จะเป็นอิสระ ต่อให้เจ้าตายคนพวกนี้ก็ไม่ฟื้นคืนมาอยู่ดี”

“กำจัด... กำจัดมันทิ้งรึ วิเซนนา ข้าขอเตือนเจ้าอีกครั้งนะ แค่สะกดมัน ทำให้มันเป็นอัมพาตก็พอ เจ้าก็รู้ว่าต้องใช้คาถาอะไร แต่อย่ากำจัดมัน มันมีค่ามากเลยนะ ต่อไปในวันข้างหน้าเจ้าสามารถจะ…”

“หุบปาก เฟรเกนอล เราคุยเรื่องนี้กันแล้ว นำทางไป”

พวกเขาเดินหน้าต่ออย่างระแวดระวังเพื่อไม่ให้เหยียบโครงกระดูก

“วิเซนนา” เฟรเกนอลหายใจหอบหลังผ่านไปครู่หนึ่ง “เจ้ารู้ใช่ไหมว่ามันเสี่ยง? นี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะ เจ้าก็รู้ว่าผลของคาถากระจกสะท้อนมันเอาแน่เอานอนไม่ได้ ถ้าการย้อนคาถาล้มเหลว พวกเราก็จบเห่ ข้าเคยเห็นมาแล้วว่าโคชชีย์มันทำอะไรได้บ้าง”

วิเซนนาหยุดเดิน “ไม่ต้องมาปั่นหัวข้า” นางตอบโต้ “เจ้าคิดว่าข้าเป็นใคร? การย้อนคาถาต้องสำเร็จอยู่แล้ว ถ้า…”

“ถ้าเจ้าไม่เล่นแง่กับเรา” โครินเสริม น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ “และถ้าเจ้าทำแบบนั้นจริง ๆ ล่ะก็… เจ้าอาจจะเคยเห็นแล้วว่าโคชชีย์มันทำอะไรได้บ้าง แล้วเจ้ารู้ไหมว่าข้าทำอะไรได้บ้าง? ข้ารู้วิธีตวัดดาบที่จะทำให้คนเหลือใบหูข้างหนึ่งกับแก้มและขากรรไกรเพียงครึ่งเดียว และถ้าเขารอดไปได้ก็คงไม่มีทาง… เอาเป็นว่าเขาคงไม่มีทางเป่าขลุ่ยได้อีกก็แล้วกัน”

“วิเซนนา ช่วยบอกเจ้าคนป่าเถื่อนนั่นให้ใจเย็นลงบ้าง” เฟรเกนอลพูดตะกุกตะกักและหน้าซีดลงอย่างชัดเจน “อธิบายให้เขาฟังหน่อยว่าถ้าข้าโกหก เจ้าก็จะรู้ได้ทันที…”

“ไม่ต้องพูดมาก เฟรเกนอล นำทางไป”

พวกเขาเดินลงไปตามเส้นทางอีกเพียงเล็กน้อยก็เห็นเกวียนอีกเล่มและโครงกระดูกอีกกองกระจัดกระจายอยู่ตามพื้น เห็นกระดูกซี่โครงสีขาวส่องประกายอยู่ท่ามกลางพงหญ้า กระดูกหน้าแข้งที่โผล่ออกมาจากกองเศษซาก และหัวกะโหลกที่แสยะยิ้มชวนขนลุก โครินไม่ส่งเสียงใด ๆ เขากำด้ามดาบจนแน่นด้วยมือที่ชุ่มเหงื่อ

“ระวังด้วย” เฟรเกนอลหายใจหอบ “เราใกล้จะถึงแล้ว เงียบ ๆ เข้าไว้”

“เราเข้าใกล้ได้แค่ไหนมันถึงจะรู้ตัว? เฟรเกนอล ข้าถามเจ้าอยู่นะ”

“ข้าจะส่งสัญญาณบอกก็แล้วกัน”

พวกเขาเดินหน้าต่อไป ชะเง้อมองข้ามกำแพงหินของหุบผาซึ่งสูงชันและถูกปกคลุมไปด้วยไม้พุ่มหงิกงอ สลับกับช่องว่างและรอยหินแตกเป็นลายริ้ว

“วิเซนนา เจ้ารู้สึกถึงมันแล้วใช่ไหม?”

“ใช่ แต่ยังเลือนรางมาก อีกไกลไหม? เฟรเกนอล”

“ข้าจะส่งสัญญาณบอกเอง น่าเสียดายที่ข้าช่วยอะไรเจ้าไม่ได้ ถ้าไม่มีคทากับแหวนข้าก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ยกเว้น…”

“ยกเว้นอะไร?”

“นี่ไง!”

ด้วยความเร็วที่ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะทำได้ ชายร่างอ้วนคว้าหินก้อนใหญ่ทุ่มใส่ท้ายทอยของวิเซนนา ดรูอิดหญิงไม่ทันได้ตั้งตัวจึงล้มคะมำจนใบหน้ากระแทกพื้น โครินตวัดดาบแต่จอมเวทนั้นว่องไวอย่างเหลือเชื่อ เขาหลบคมดาบโดยหมอบลงกับพื้นและม้วนตัวเข้าประชิดเท้าของนักรบ แล้วใช้ก้อนหินในมือทุบเข้าที่หัวเข่าของโครินอย่างเต็มแรง โครินร้องลั่นและล้มลง ความเจ็บปวดทำให้เขาลืมหายใจไปชั่วขณะ ระลอกความคลื่นเหียนแล่นขึ้นมาจากท้องไส้จนถึงลำคอ เฟรเกนอลกระโดดแผล็วราวกับแมวและตั้งท่าเตรียมจู่โจมอีก

เจ้านกน้อยหลายสีพุ่งลงมาราวกับลูกธนู มันกระพือปีกโจมตีใบหน้าของจอมเวท เฟรเกนอลกระโดดถอยหลังและยกมือขึ้นมาปัดป้องจนก้อนหินหล่นลง โครินใช้ศอกพยุงตัวแล้วฟาดดาบ แต่ก็พลาดเป้าตรงน่องของชายร่างอ้วนไปเพียงแค่เส้นผม จอมเวทกลับหลังหันแล้ววิ่งหนีเข้าไปในหุบเขาฝูงหนูพร้อมกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง โครินพยายามไล่ตามไปแต่ก็เกิดหน้ามืดกระทันหัน เขาล้มลงอีกครั้งและพรั่งพรูคำสาปแช่งจอมเวทออกมา

เมื่อคิดว่าตนเองปลอดภัยแล้ว เฟรเกนอลก็หันหลังกลับไปและหยุดวิ่ง

“นางแม่มดดื้อด้าน!” เขาตะโกนลั่น “นางหัวแดงอัปลักษณ์! คิดว่าเจ้าจะฉลาดกว่าท่านเฟรเกนอลอย่างนั้นรึ? จะเมตตาไว้ชีวิตข้า? คิดว่าข้าจะยืนโง่ ๆ ดูเจ้าสังหารมันหรือไง?”

โครินยังกองอยู่บนพื้น พยายามถูนวดหัวเข่าเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด วิเซนนานอนนิ่ง

“นี่ไงล่ะ!” เฟรเกนอลกู่ร้อง “ดูซะ! มองดูให้เต็มตา เพราะอีกเดี๋ยวโคชชีย์ของข้าจะบดขยี้เจ้าจนลูกตาถลนออกมาจากกะโหลกเลย! มันมาแล้ว!”

โครินหันไปมอง ห่างไปราว ๆ หนึ่งร้อยก้าวจากกองเศษซากข้างหลัง เขามองเห็นขายาว ๆ คล้ายขาแมงมุมที่มีข้อต่อตะปุ่มตะป่ำปรากฏขึ้น ครู่เดียวส่วนอกของมันที่แบนราบราวกับจานก็โผล่ขึ้นมาจากกองหิน มันมีความกว้างอย่างน้อยหกเมตร เปลือกแข็งขรุขระสีโคลนเต็มไปด้วยหนามแหลม ขาทั้งสี่คู่เคลื่อนที่อย่างมั่นคงขณะที่มันลากส่วนท้องรูปทรงคล้ายถ้วยข้ามกองหิน ขาคู่ที่ห้านั้นยาวจนดูผิดสัดส่วน ปลายสุดมีอาวุธเป็นก้ามขนาดใหญ่ประดับประดาด้วยหนามแหลมคมเรียงเป็นแถว

นี่มันเป็นแค่ความฝัน โครินคิดในใจ ข้ากำลังฝันร้าย ตื่นสิ ร้องออกมาแล้วตื่นซะ ร้องสิ! ร้องสิ! ร้องสิ!

เขาลืมความเจ็บปวดที่หัวเข่าและวิ่งตรงเข้าไปหาวิเซนนา พยุงไหล่ที่อ่อนปวกเปียกของนางขึ้นมา เส้นผมของดรูอิดหญิงชุ่มโชกไปด้วยเลือดที่ไหลนองไปจนถึงต้นคอ

“วิเซนนา...” เข้าเค้นเสียงออกมาจากลำคอที่ตีบตันด้วยความหวาดกลัว “วิเซนนา...”

เฟรเกนอลระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งซึ่งสะท้อนกับหินผาจนดังก้องกังวาน เสียงหัวเราะถูกกลบโดยเสียงฝีเท้าของมิคูลาที่ถือขวานวิ่งตรงไปหาจอมเวท เมื่อเฟรเกนอลเห็นเข้าก็สายไปเสียแล้ว คมขวานฝังลึกจนเกือบถึงด้ามเข้าที่กลางหลังจอมเวทตรงเหนือสะโพกขึ้นไปเล็กน้อย จอมเวทล้มลงกับพื้นและร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ทำให้ขวานหลุดไปจากมือของช่างตีเหล็ก มิคูลาใช้เท้ายันไปที่กลางหลังจอมเวท ถอนขวานขึ้นมาแล้วฟาดลงไปอีกครั้ง ศีรษะของเฟรเกนอลกระเด็นกลิ้งไปบนกองเศษซากจนหยุดนิ่ง หน้าผากของเขาจรดลงกับหัวกะโหลกใต้ล้อเกวียนพัง ๆ

โครินล้มลุกคลุกคลานบนกองหิน พยายามลากร่างของวิเซนนาที่อ่อนปวกเปียกไปด้วย มิคูลากระโดดเข้ามาช่วย เขาอุ้มร่างดรูอิดหญิงขึ้นพาดบ่าอย่างง่ายดายและรีบวิ่งหนี แม้โครินจะไม่ต้องแบกใครไปด้วยแต่เขาก็ยังหนีไม่ทันอยู่ดี เขาเหลียวหลังไปมอง โคชชีย์ไล่หลังเข้ามาทุกที เสียงข้อต่อกระทบกันดังสนั่น ก้ามยาว ๆ แหวกผ่านพงหญ้าครูดก้อนหินบนพื้นไปตลอดทาง

“มิคูลา!” โครินตะโกนอย่างสิ้นหวัง

ช่างตีเหล็กหันหลังแล้ววางร่างของวิเซนนาลงก่อนจะวิ่งกลับไปช่วยพยุงโครินให้วิ่งหนีไปด้วยกัน โคชชีย์เร่งฝีเท้าพร้อมกับชูก้ามที่เต็มไปด้วยหนามแหลมขึ้นกลางอากาศ

“เราคงไม่รอด” มิคูลาหันกลับไปมอง หายใจหอบเฮือก “ยังไงเราก็หนีไม่ทัน…”

พวกเขาวิ่งมาจนถึงตรงที่วางร่างของวิเซนนาเอาไว้

“นางเลือดออกจนจะหมดตัวอยู่แล้ว” มิคูลาคร่ำครวญ

โครินรวบรวมสติ เขาดึงกระเป๋าเล็ก ๆ ออกมาจากเข็มขัดของวิเซนนาแล้วเขย่าเทข้าวของต่าง ๆ ที่อยู่ข้างในออกมา เขาไม่สนใจของอย่างอื่นนอกจากก้อนแร่สีสนิมที่มีอักษรรูนจารึกไว้ เขาแหวกปอยผมสีแดงอิฐที่ชุ่มโชกเลือดออกแล้วกดก้อนหินฮีมาไทต์ลงบนปากแผล เลือดหยุดไหลทันที

“โคริน!” มิคูลาตะโกนเรียกสุดเสียง

โคชชีย์ใกล้เข้ามาทุกขณะ มันยื่นขาคู่แรกออกไปข้างหน้า ก้ามที่มีรอยหยักเหมือนฟันเลื่อยกางออก มิคูลาเห็นลูกตาที่อยู่บนก้านกลอกกลิ้งไปมาและขากรรไกรยาวโค้งเหมือนเคียวกระทบกันอยู่เบื้องล่าง โคชชีย์คืบคลานเข้ามาพร้อมกับส่งเสียงขู่เป็นจังหวะ “ฟ่อ ฟ่อ ฟ่อ…”

“โคริน!”

โครินไม่ตอบสนองใด ๆ เขากระซิบอะไรบางอย่างและยังคงกดหินลงบนบาดแผลอยู่อย่างนั้น มิคูลากระโจนเข้าไปแล้วดึงแขนเขาออกมาจากวิเซนนา ส่วนแขนอีกข้างก็หอบร่างดรูอิดหญิงไปด้วย พวกเขาวิ่งหนี โคชชีย์ส่งเสียงขู่ไม่หยุด มันเงื้อก้ามขึ้น และพุ่งตรงเข้าใส่อย่างรวดเร็วจนเปลือกแข็งส่วนท้องครูดกับก้อนหิน มิคูลารู้ในทันทีว่าพวกเขาหมดโอกาสแล้ว

ม้าตัวหนึ่งพุ่งทะยานเข้ามาจากช่องเขา ผู้ที่ควบขี่มานั้นสวมเสื้อหนังและหมวกเกราะโซ่ถัก เขาชูดาบใบกว้างขึ้นเหนือศีรษะ ดวงตาเล็ก ๆ วาวโรจน์อยู่บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยขน เขี้ยวแหลมเล็กสะท้อนแสงเป็นประกาย

เคห์ลกู่ร้องขณะพุ่งเข้าใส่โคชชีย์ แต่ยังไม่ทันได้เข้าประชิด วงก้ามที่น่าสยดสยองก็งับลงที่กลางลำตัวม้า ร่างของมันถูกหนีบอยู่ระหว่างคีมแหลม ๆ ทั้งสองข้าง แวร์บับบ์กระเด็นตกจากหลังม้าและหล่นลงกระแทกพื้น

โคชชีย์ยกม้าทั้งตัวขึ้นกลางอากาศอย่างง่ายดายและเสียบมันเข้ากับหนามแหลมขนาดใหญ่ที่ยื่นออกมาจากด้านหน้าของลำตัว ขากรรไกรโค้งงับลงบนร่างเหยื่อ เลือดสาดกระเซ็นเต็มพื้นหิน อวัยวะภายในทะลักออกมาจากผนังช่องท้องที่ฉีกขาดและกระเด็นเกลื่อนพื้น

มิคูลากระโดดเข้าไปช่วยพยุงร่างแวร์บับบ์ แต่แล้วก็ผละออกมาพร้อมกับดาบของเขา ช่างตีเหล็กร้องตะโกนสุดเสียงจนดังกลบเสียงร้องของม้าที่กำลังจะตายและพุ่งตรงเข้าใส่โคชชีย์ ด้วยความว่องไวปานวอก เขาไถลลอดช่องใต้ข้อต่อหนา ๆ ของรยางค์คู่หน้าและใช้พละกำลังทั้งหมดเฉือนคมดาบเข้าไปในดวงตาที่ยื่นออกมาเหมือนก้านเกสรตัวเมีย โคชชีย์ขู่ฟ่อ มันสลัดร่างม้าทิ้งไปและเหวี่ยงก้ามออกทางด้านข้าง ก้ามแหลม ๆ กระชากร่างของเคห์ลขึ้นมาจากพื้นแล้วขว้างเขาออกไปให้พ้นทาง ร่างของเคห์ลกระแทกเข้ากับกองหิน ดาบหลุดออกจากมือ โคชชีย์หันหลังกลับและยื่นก้ามออกไปคว้าตัวเขา ร่างเล็ก ๆ ของแวร์บับบ์ถูกยกขึ้นไปในอากาศ

มิคูลาร้องตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด กระโจนเพียงแค่สองก้าวยาว ๆ เขาก็เข้าประชิดตัวเจ้าอสุรกายและสับขวานลงบนเปลือกแข็ง ๆ ของมัน โครินผละออกมาจากวิเซนนาอย่างไม่ลังเลและตามเข้าไปสมทบจากอีกฝั่ง เขาใช้มือทั้งสองข้างเสือกคมดาบเข้าไปที่ช่องข้อต่อระหว่างลำตัวกับขาของมัน ใช้หน้าอกดันครอสการ์ดและออกแรงกระแทก มิคูลากู่ร้องและสับขวานลงอีกครั้งจนเปลือกแข็งของมันแตกออก ของเหลวเหม็น ๆ สีเขียวทะลักออกมาจากรอยแยก โคชชีย์ส่งเสียงขู่อีกครั้ง มันปล่อยแวร์บับบ์และชูก้ามขึ้น โครินโหนตัวทิ้งน้ำหนักลงสู่พื้นและกระชากดาบอย่างเต็มแรง ทว่าไร้ผล

“มิคูลา!” เขาตะโกน “ถอยไป!”

ทั้งสองคนกระโดดหนีออกมาด้วยไหวพริบ พวกเขาแยกกันหนีไปคนละทาง โคชชีย์ลังเลไปชั่วขณะก่อนจะตะกุยผ่านก้อนหินแล้วพุ่งเข้าใส่วิเซนนา นางกำลังคุกเข่าและใช้แขนยันร่างขึ้นจากพื้น ศีรษะห้อยลงอย่างไร้เรี่ยวแรง เหนือขึ้นไปมีนกน้อยหลากสีกระพือปีกอยู่ไม่ห่าง ส่งเสียงหวีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่า

โคชชีย์ใกล้เข้ามา

ทั้งมิคูลาและโครินพร้อมใจกันกระโดดเข้าไปขวางทางเจ้าอสุรกาย

“วิเซนนา!”

“ท่านหญิง!”

โคชชีย์กางก้ามออกโดยไม่ชะลอฝีเท้า

“หลบไป!” วิเซนนาตะโกนในท่านั่งคุกเข่าและยกมือขึ้นทั้งสองข้าง “โคริน! ถอยออกไป!”

ทั้งคู่แยกกันกระโดดหนีไปทางผนังหินของร่องผา

“เฮเนนา เฟียโรธ เคเรลานธ์!” ดรูอิดหญิงตะโกนร่ายคาถาดังกึกก้องและชูมือไปทางโคชชีย์ มิคูลาสังเกตว่ามีบางสิ่งที่มองไม่เห็นเคลื่อนที่จากวิเซนนาไปยังเจ้าสัตว์ประหลาด พงหญ้าแหวกกระเพื่อม หินก้อนเล็ก ๆ กลิ้งกระจายออกไปข้าง ๆ ราวกับถูกบดด้วยน้ำหนักของทรงกลมขนาดใหญ่ที่ทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว ลำแสงสว่างจ้าพุ่งออกมาจากฝ่ามือของวิเซนนาเป็นริ้วหยักกลางอากาศปะทะเข้ากับโคชชีย์ แล้วแปรเปลี่ยนเป็นเปลวไฟพวยพุ่งไปตามแผ่นเปลือกของมัน เสียงตูมสนั่นแหวกอากาศโดยรอบ โคชชีย์ระเบิดกลายเป็นน้ำพุสีเขียว เปลือกแข็ง ๆ ท่อนขา และเศษเครื่องในปลิวว่อนตกลงมากระแทกพื้นหินและพุ่มไม้จนส่งเสียงสวบสาบ มิคูลาคุกเข่าลงแล้วยกแขนขึ้นมาบังศีรษะไว้

ทุกสรรพเสียงเงียบสนิท บริเวณที่เจ้าอสุรกายเคยยืนอยู่เมื่อครู่กลายสภาพเป็นแอ่งหลุมกลม ๆ ที่มีกลุ่มควันสีดำพวยพุ่งขึ้นมา ของเหลวสีเขียวกระเซ็นไปทั่ว พื้นหินถูกปกคลุมไปด้วยเศษชิ้นส่วนที่น่าสะอิดสะเอียนซึ่งกระจัดกระจายจนจำสภาพเดิมแทบไม่ได้

โครินเช็ดคราบสีเขียวออกจากใบหน้าและช่วยประคองวิเซนนาลุกขึ้นยืน วิเซนนาสั่นสะท้านไปทั้งร่าง

มิคูลาโน้มตัวลงไปหาเคห์ล ดวงตาของแวร์บับบ์เบิกโพลง เสื้อนอกที่ทำมาจากหนังม้าแผ่นหนาขาดรุ่งริ่ง เผยให้เห็นหัวไหล่และสีข้างที่ถูกบดขยี้จนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ช่างตีเหล็กปรารถนาจะเอ่ยถ้อยคำ ทว่าไม่สามารถทำได้ โครินช่วยพยุงวิเซนนาเข้ามาใกล้ ๆ แวร์บับบ์หันหน้าไปมองพวกเขา โครินเบือนหน้าหันไปมองไหล่ตัวเองและกล้ำกลืนอย่างยากลำบาก

“เจ้าชายเอ๋ย” เคห์ลเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบาแต่สงบและชัดเจน “เจ้าพูดถูก… ถ้าไม่มีอาวุธ ข้าก็เป็นแค่ขยะดี ๆ นี่เอง แล้วถ้าข้าไม่มีแขนด้วยล่ะ? คงจะเป็นแค่กองขี้ใช่ไหม?”

ท่าทางที่สงบของแวร์บับบ์ทำให้โครินหวาดวิตกยิ่งกว่าภาพของเศษกระดูกที่โผล่ทะลุบาดแผลอันน่าสยดสยอง ยากที่จะเชื่อว่าร่างเล็ก ๆ นี้ยังคงมีชีวิตอยู่ได้

“วิเซนนา” โครินกระซิบและหันไปมองผู้วิเศษด้วยสายตาวิงวอน

“ข้าช่วยอะไรไม่ได้แล้ว โคริน” วิเซนนาตอบด้วยน้ำเสียงแตกพร่า “ร่างกายของเขามีเมตาบอลิซึม [15] แตกต่างไปจากมนุษย์อย่างสิ้นเชิง… มิคูลา… อย่าแตะตัวเขา…”

“เจ้ากลับมา… แวร์บับบ์” มิคูลากระซิบ “ทำไมกัน?”

“เพราะร่างกายของข้ามีเมตาบอลิซึมที่แตกต่าง… จากมนุษย์ไง” เคห์ลตอบ น้ำเสียงของเขาเจือไปด้วยความภาคภูมิใจและต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เลือดไหลรินออกจากปาก ย้อมขนสีเทาบนใบหน้าของเขา แวร์บับบ์หันไปมองวิเซนนา จ้องเข้าไปในดวงตาของนาง

“นี่! แม่มดผมแดง เจ้าทำนายถูกเผง แต่เจ้าต้องทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาด้วย”

“ไม่!” วิเซนนาสะอื้น

“ต้องทำสิ” เคห์ลเอ่ย “เจ้าต้องทำ ช่วยข้าเถิด ถึงเวลาแล้ว”

“วิเซนนา” โครินกล่าวด้วยความหวาดหวั่น “อย่าบอกนะว่าเจ้าจะ…”

“ไปให้พ้น!” ดรูอิดตวาดทั้งเสียงสะอื้น “ไปให้พ้นทั้งสองคนเลย!”

มิคูลาหลบสายตาแล้วรั้งแขนโครินออกมา โครินเดินตามไป เขาเห็นวิเซนนานั่งคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ แวร์บับบ์ ลูบหน้าผากเขาอย่างแผ่วเบาแล้วแตะที่ข้างขมับ ร่างของเคห์ลกระตุก สั่นเกร็ง และแข็งทื่อ ก่อนจะแน่นิงไป


วิเซนนาร่ำไห้

 

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

📜 อ่าน Part 8 (บทที่ 9 ตอนจบ) ที่นี่

 

หมายเหตุ

[15] เมตาลอลิซึม (metabolism) คือกระบวนการทางชีวเคมีที่เกิดขึ้นในเซลล์เพื่อสร้างพลังงานและสังเคราะห์สารเคมีต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตโดยใช้เอนไซม์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดได้รับสารตั้งต้นจากอาหารและมีเอนไซม์ที่แตกต่างกัน ทำให้มีโครงสร้างทางกายภาพ พฤติกรรม และวงจรชีวิตที่แตกต่างกัน (ที่มา Encyclopedia Britannica)

 

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.