ซีรี (Ciri)
ซีรี (Ciri)
ซีรีบนปกหนังสือ The Tower of the Swallow ฉบับภาษาสเปน |
ที่มาของชื่อและชีวิตในวัยเด็ก
ซีรี มีชื่อเต็ม ๆ ว่า ซีริลลา ฟีโอนา เอเลน เรียอันนอน (Cirilla Fiona Elen Riannon) เป็นองค์หญิงรัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวของราชวงศ์เรเวนแห่งอาณาจักรซินทรา (Cintra) มารดาของเธอคือองค์หญิงพาเว็ตตา (Pavetta) พระธิดาองค์เดียวของราชินีคาลันเธ (Calanthe) และราชาร็อกเนอร์ (Roegner) องค์หญิงพาเว็ตตาได้พบรักกับดูนี่ (Duny) อัศวินผู้ถูกสาปให้มีส่วนศีรษะกลายเป็นเม่นในเวลากลางวัน ราชินีคาลันเธตั้งใจจ้างเกรอลท์ให้มาสังหารอสูรเม่นตนนี้ในวันที่จัดพิธีเลือกคู่ให้องค์หญิงพาเว็ตต้า แต่สุดท้ายด้วยความช่วยเหลือของเกรอลท์ คำสาปของดูนี่ก็ถูกลบล้างออกไป ดูนี่รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณวิทเชอร์จึงเสนอให้เขาเรียกสิ่งตอบแทนเป็นอะไรก็ได้ เกรอลท์จึงใช้กฎ Law of Suprise ทำให้ดูนี่ต้องมอบสิ่งที่เขาไม่รู้ตัวว่ามีอยู่ให้กับเกรอลท์ นั่นคือเด็กทารกที่อยู่ในครรภ์ขององค์หญิงพาเว็ตตา ซึ่งก็คือซีรีนั่นเอง โชคชะตาของซีรีจึงผูกพันกับเกรอลท์นับตั้งแต่ตอนที่เธอยังไม่ได้ลืมตาดูโลก
หลังจากที่ราชินีคาลันเธทรงอภิเษกสมรสกับไอส์ ทูร์แสค (Eist Tuirseach) ราชาแห่งหมู่เกาะสเกลลิกเกะ (Skellige) ซีรีก็เลยได้ใช้ชีวิตในวัยเด็กบนหมู่เกาะแห่งนี้ด้วย เธอสนิทสนมกับฮยาลมาร์ อัน ไครท์ (Hjalmar an Craite) ลูกชายคนโตของครัค อัน ไครท์ (Crach an Craite) ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของเธอ ซีรีมักจะชอบออกไปเล่นสเก็ตน้ำแข็งกับฮยาลมาร์และแข่งกันกระโดดไกลอยู่เป็นประจำ แต่แล้วซีรีต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าเมื่อดูนี่และองค์หญิงพาเว็ตต้าหายสาบสูญไปในพายุทะเลคลั่ง (Geas Muire) ระหว่างที่กำลังล่องเรือออกจากหมู่เกาะสเกลลิเกะ หลังจากนั้นราชินีคาลันเธก็เลี้ยงดูซีรีราวกับไข่ในหิน แม้ว่าท่านยายจะพยายามปิดบังไม่ให้เธอรู้เรื่องของวิทเชอร์ผมขาว แต่ซีรีก็รู้เรื่องนี้มาจากพวกคนรับใช้อยู่ดี
เนื่องจากเป็นองค์หญิงรัชทายาทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ซีรีจึงถูกราชินีคาลันเธจับหมั้นหมายกับเจ้าชายอยู่หลายครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่ซีรีอายุประมาณ 6 ขวบ เธอถูกจับหมั้นเจ้าชายวินด์ฮาล์มแห่งอัทเทร (Windhalm of Attre) แต่ต่อมาราชินีคาลันเธก็ประกาศยกเลิกการหมั้นหมาย อีก 4 ปีต่อมาท่านยายก็จับเธอหมั้นกับเจ้าชายคิสทรินแห่งเวอร์เดน (Kistrin of Verden) ระหว่างงานเลี้ยงซีรีตัดจึงสินใจหนีออกมาพร้อมกับทหารองครักษ์เพียงไม่กี่คน เคราะห์ร้ายที่รถม้าเข้าใกล้เขตป่าโบรคิลอนมากเกินไปจนถูกพวกนางไม้ดรายแอด (dryad) ยิงธนูใส่ ซีรีจึงวิ่งเตลิดเข้าไปในป่าโบรคิลอน ในช่วงเวลาเดียวกับที่เกรอลท์กำลังนำสาส์นจากราชาเวนสลาฟ (Venzlav) ไปส่งในราชินีของพวกดรายแอดพอดี
เกรอลท์ช่วยชีวิตซีรีไว้จากการซุ่มโจมตีของตะขาบยักษ์ หลังจากนั้นทั้งสองคนจึงถูกพาตัวไปเข้าเฝ้าราชินีเอธเน่ (Eithné) ราชินีดรายแอดตั้งใจจะให้ซีรีดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งป่าโบรคิลอนเพื่อเปลี่ยนเธอให้เป็นดรายแอด แต่น้ำศักดิ์สิทธิ์กลับไม่ส่งผลใด ๆ กับซีรีเลย ราชินีดรายแอดเริ่มตระหนักว่าเกรอลท์กับซีรีถูกโชคชะตาผูกพันเข้าไว้ด้วยกันอย่างไม่มีสิ่งใดจะขัดขวางได้ ทั้งคู่จึงถูกปล่อยตัวออกมา เกรอลท์ส่งตัวซีรีให้กับเมาส์แส็ค (Mousesack) ที่ออกมาตามหาตัวเธออยู่เช่นเดียวกัน แต่สุดท้ายวิทเชอร์ก็จากไปตามลำพัง ถึงแม้ว่าเขาจะได้พบกับเด็กแห่งโชคชะตาของตัวเองแล้วก็ตาม
ในปีต่อมาซีรีก็ถูกจับหมั้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นเจ้าชายราโดวิดแห่งเรเดเนีย (Radovid of Redenia) แต่ก็ต้องถูกยกเลิกอีกครั้งจากคำสั่งของกษัตริย์วิซิเมียร์ (Vizimir II) แห่งเรเดเนีย ในปีนั้นเองซินทราก็ต้องรับมือกับกองทัพนิลฟ์การ์ดและพ่ายแพ้จนตกอยู่ใต้อำนาจของจักรพรรดิเอเมียร์ วาร์ เอ็มรีส (Emyr var Emreis) ซีรีถูกจับตัวโดยคาเฮียร์ มาวร์ ดิฟฟริน เอ็ป เคลลาค (Cahir Mawr Dyffryn aep Ceallach) ทหารนิลฟ์การ์ดที่รับคำสั่งโดยตรงจากองค์จักรพรรดิให้มาจับตัวเธอ แต่สุดท้ายซีรีก็หนีรอดออกมาได้ระหว่างที่ทั้งคู่ไปพักค้างแรมในค่ายอพยพ
ซีรีได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัวพ่อค้าเร่ และที่นั่นเองเธอก็ได้พบกับวิทเชอร์ผมขาวที่ได้รับบาดเจ็บและถูกช่วยเหลือมาเช่นกัน เมื่อเกรอลท์หายดีแล้วเขาจึงตัดสินใจพาซีรีไปยังแคร์ มอร์เฮน (Kaer Morhen) ที่เปรียบเสมือนบ้านหลังเดียวของเขา ซีรีจึงได้รับการฝึกฝนเพลงดาบและวิชาความรู้ของวิทเชอร์ที่ปราสาทแห่งนี้ แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไรเธอก็ไม่สามารถใช้คาถา (sign) ของพวกวิทเชอร์ได้ ในทางตรงกันข้ามซีรีมักจะถูกพลังลึกลับครอบงำและเอ่ยคำพยากรณ์ที่น่ากลัวออกมาบ่อยครั้งขึ้นเรื่อย ๆ พวกวิทเชอร์จึงขอความช่วยเหลือจากทริส เมริโกลด์ (Triss Merigold) นักเวทหญิงพบว่าซีรีมีคุณสมบัติเป็น source หรือสื่อกลางของพลังเวทมนตร์ที่ไม่สามารถควบคุมพลังของตัวเองได้ นอกจากนี้เธอยังมีพลังของสายเลือดเอลฟ์โบราณ (Elder Blood) ที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษอีกด้วย ทริสจึงแนะนำว่าซีรีควรได้รับการฝึกฝนเวทมนตร์ และผู้ที่เชี่ยวชาญที่สุดเพียงคนเดียวที่เธอนึกถึงก็คือ เยนเนเฟอร์
เกรอลท์จึงพาซีรีไปฝากฝังไว้กับแม่ชีเนนเนเกะ (Nenneke) ที่วิหารเทพีเมลิเทเลในเมืองเอลลันเดอร์ ซีรีได้เรียนหนังสือและทำงานเหมือนกับเด็กหญิงคนอื่น ๆ ที่มาศึกษาเล่าเรียนที่นี่ จนกระทั่งเยนเนเฟอร์เดินทางมาถึงวิหารแห่งนี้ ตอนแรกซีรีรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าจอมเวทหญิงผู้นี้ แต่ด้วยความจริงใจและเอาใจใส่ของเยนเนเฟอร์ เด็กสาวก็สัมผัสถึงความอบอุ่นที่ไม่เคยได้สัมผัสมานาน จนในที่สุดเธอก็ยอมรับและรักเยนเนเฟอร์เหมือนเป็นแม่ เช่นเดียวกับเกรอลท์ที่เป็นเหมือนพ่อของเธอ
แผนภาพลำดับเครือญาติของซีรี |
อายุ
ซีรีเกิดในคืนเทศกาลเบลเทน (Belletyen / Beltane 30 เม.ย. - 1 พ.ค.) ราว ๆ ปี 1253 บนหมู่เกาะสเกลลิเกะ เธอจึงมีวันคล้ายวันเกิดวันเดียวกันกับเยนเนเฟอร์ และมีอายุประมาณ 10-11 ปีในตอนที่อาณาจักรซินทราล่มสลาย
ช่วงต้นของมหากาพย์ในเล่ม Blood of Elves ซีรีฝึกวิชาที่ปราสาทแคร์ มอร์เฮนจนถึงอายุ 14 ปี จากนั้นจึงย้ายไปเรียนที่วิหารเทพีเมลิเทเลและเริ่มฝึกเวทมนตร์กับเยนเนเฟอร์
บุคลิกลักษณะ
ซีรีมีผมสีบลอนด์เทาเหมือนสีขี้เถ้าและตาสีเขียวมรกตเช่นเดียวกับองค์หญิงพาเว็ตตาผู้เป็นแม่ แม้จะเป็นเจ้าหญิงแต่เธอกลับมีนิสัยแก่นแก้วและชอบเล่นอะไรโลดโผนเหมือนเด็กผู้ชาย เป็นเด็กที่ช่างสังเกตและชอบเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ และด้วยความที่เป็นหลานรักของท่านยายจึงไม่มีใครกล้าขัดใจเธอ ซีรีจึงค่อนข้างเอาแต่ใจ ดื้อรั้น ชอบแข่งขันและชอบเอาชนะ
แต่หลังจากเกิดสงคราม ซีรีก็ได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจอย่างหนัก เพราะเธอต้องสูญเสียทั้งครอบครัว ฐานันดร และบ้านเกิดเมืองนอน รวมไปถึงการถูกตามล่าโดยทหารนิลฟ์การ์ด ทำให้เธอมีอาการหวาดผวาและฝันร้ายอยู่เป็นประจำ จนเยนเนเฟอร์ต้องใช้เวทมนตร์สะกดจิตเพื่อช่วยให้อาการฝันร้ายทุเลาลง
ในเวลาปกติซีรีมักแต่งตัวเหมือนเด็กผู้ชาย แต่เมื่อมีโอกาสเธอก็ชอบใส่ชุดกระโปรงสวย ๆ ไม่แพ้กัน เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นซีรีก็เกิดความรู้สึกเคอะเขินกับทั้งเพื่อนผู้ชายและผู้หญิง โดยคนรักคนแรกของเธอเป็นสาวน้อยที่ชื่อว่ามิสเซิล (Mistle) ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกแก๊งเดอะ แร็ทส์ (The Rats) และทำให้ซีรีตัดสินใจสักรูปดอกกุหลาบตรงด้านในต้นขาแบบเดียวกับรอยสักของมิสเซิล
ส่วนรอยแผลเป็นที่แก้มซ้ายนั้น เป็นแผลที่เกิดจากดาวกระจายโอไรออนของสเตฟาน สเกลเลน (Stefan Skellen) สายลับนิลฟ์การ์ดอีกคนที่ตามล่าตัวเธอ ในช่วงท้ายของเล่ม The Tower of the Swallow
สำหรับการสร้างตัวละครซีรีนั้น อันด์เชย์ ซัพคอฟสกี (Andrzej Sapkowski) ได้ไอเดียมาจากมาชีย์ พารอฟสกี (Maciej Parowski) หัวหน้ากองบรรณาธิการนิตยสาร Fantastyka ที่ประทับใจตอนจบของเรื่องสั้น A Question of Price เขาแนะนำว่าเด็กคนนี้จะต้องเกิดและเติบโตขึ้น หากซัพคอฟสกีต้องการนำเสนอเรื่องราวของวีรบุรุษหรือวีรสตรีคนใหม่ให้แฟน ๆ ได้อ่านกัน [1] ซัพคอฟสกีได้เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องราวของซีรีเอาไว้ว่า
“จุดนี้เองที่จินตนาการของผมเริ่มกลายเป็นความจริงและสมจริงมากขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นกับซีรีก็เกิดขึ้นกับวัยรุ่นนับร้อย ผมรู้ว่าต้องมีสักคนล่ะนะ ต้องมีบางคนที่คิดว่าตัวเองถูกละเลยและถูกทอดทิ้ง เชื่อว่าตัวเองถูกลอยแพหรือไม่ก็ถูกกีดกัน พวกเขามักจะลงเอยด้วยการมีเพื่อนแย่ ๆ เริ่มมีนิสัยที่เลวร้าย บกพร่องทางสังคม กลายเป็นคนชั่ว อย่างไรก็ตาม ผม ในฐานะผู้แต่ง เป็นคนที่สร้างซีรีและชะตากรรมของเธอตลอดเรื่องราวทั้งหมด และในเรื่องราวนั้นซีรีต้องกลายเป็นนักฆ่ารุ่นเยาว์ มันเป็นส่วนหนึ่งในช่วงวัยรุ่นของเธอ [2]”
ฉายาและชื่ออื่น ๆ
คนทั่วไปมักเรียกเธอว่า “ลูกสิงห์น้อยแห่งซินทรา” (Lion Cub of Cintra) เนื่องจากตราสัญลักษณ์ของอาณาจักรซินทราคือสิงโต และเธอก็เป็นหลานของราชินีคาลันเธ ผู้มีฉายาว่านางสิงห์แห่งซินทรา แต่บางคนก็เรียกซีรีว่า “เจ้าเด็กผมสีขี้เถ้า” (Ashen one) ตามลักษณะสีผมของเธอ
ซีรีใช้ชื่อปลอมว่า “ฟอลก้า” (Falka) ระหว่างใช้ชีวิตอยู่ในแก๊งเดอะ แร็ทส์ โดยคำว่าฟอลก้ามาจาก gvalch’ca ในภาษาเอลฟ์ที่แปลว่านางนกอินทรี นอกจากนี้พวกเอลฟ์ เอน เอลล์ (Aen Elle) ยังเรียกเธอว่า “ซีเรล” (Zireael) ที่แปลว่านกนางแอ่น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการกำเนิดใหม่และหมายถึงผู้ที่จะนำพาให้รอดพ้นจากหายนะตามคำทำนายของอิธลิน (Ithlinne) และในนิยายเล่มสุดท้ายซีรีได้โดดข้ามมิติจนไปพบกับกาลาฮัดแห่งแคร์ เบนิค (Galahad of Caer Benic) เมื่อเขาเห็นเธอกำลังอาบน้ำอยู่ในทะเลสาบ จึงเข้าใจผิดว่าซีรีเป็นเทพธิดาที่จะมอบดาบวิเศษให้ เขาจึงเรียกเธอว่า “ท่านหญิงแห่งทะเลสาบ” (Lady of the Lake) ซึ่งทำให้ซีรีไม่สบอารมณ์นัก เพราะอาวาลาร์ค (Avallac’h) ก็เคยล้อเลียนเธอด้วยฉายานี้เช่นกัน
พ็อดแคสต์ประวัติซีรี
อ้างอิง
[1] บทสัมภาษณ์ Andrzej Sapkowski โดย Daniele Cutali ทางนิตยสาร Sugarpulp (13 กรกฎาคม 2015)
[2] บทสัมภาษณ์ Andrzej Sapkowski โดย Waldemar Czerniszewski (1993) reddit.com/r/wiedzmin
ภาพจาก honlibros.com.ar/
ไม่มีความคิดเห็น