ทริส เมริโกลด์ (Triss Merigold)

ทริส เมริโกลด์ เป็นจอมเวทหญิงชาวเทเมเรียที่มีบ้านเกิดอยู่ในเมืองมาริบอร์ และเป็นเพื่อนรักของเยนเนเฟอร์แห่งเวนเกอร์เบิร์ก เธอเข้าร่วมสงครามแดนเหนือครั้งที่ 1 ในศึกเนินซ็อดเดนและรอดชีวิตมาพร้อมกับชัยชนะของแดนเหนือ แต่เนื่องจากทริสถูกไฟคลอกทั้งตัวจนไม่เหลือเค้าเดิม ทุกคนจึงจำเธอไม่ได้และคิดว่าเธอเสียชีวิตไปพร้อมกับจอมเวทอีก 13 คน ชื่อของเธอจึงถูกจารึกไว้บนเสาหินตรงอนุเสาวรีย์เนินซ็อดเดนเป็นลำดับที่ 14 จนเป็นที่มาของฉายา “ศพที่ 14 แห่งเนินซ็อดเดน” (Fourteenth of the Hill) ด้วยวีรกรรมอันกล้าหาญเธอจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในคณะที่ปรึกษาของราชาโฟลเทสท์ ร่วมกับจอมเวทรุ่นพี่อย่างเคียรา เม็ทซ์ และเฟอร์คาร์ทแห่งซิดาริส

ทริสนั้นอายุน้อยกว่าเยนเนเฟอร์หลายสิบปี (ในนิยายไม่ได้บอกอายุของเธอไว้ เบาะแสเดียวที่มีคือเธอเกิดหลังเหตุสังหารหมู่ที่แคร์มอร์เฮนราว ๆ ครึ่งศตวรรษ ส่วนในเกม Gwent ระบุว่าเธอเกิดในปี 1221 ทำให้ทริสมีอายุ 51 ปีในเกม The Witcher 3) ซึ่งนับว่าอายุน้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับจอมเวทคนอื่น เธอจึงไม่ค่อยกล้าขัดคอพวกจอมเวทรุ่นพี่และยอมทำงานตามที่ได้รับมอบหมายทุกครั้ง ต่างจากเยนเนเฟอร์ที่กล้าเปิดหน้าชนเนื่องจากเธอมีตำแหน่งในสภาภราดรนักเวทย์ (ฺBrotherhood of Sorcerers)

 

เรื่องราวของทริสฉบับนิยาย (เหตุการณ์ระหว่างปี 1251 - 1268)


ทริสรู้จักเกรอลท์ค่อนข้างดีจากคำบอกเล่าของเยนเนเฟอร์ และเมื่อความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มมีปัญหา ทริสก็เข้าไปแทรกกลางโดยการหว่านเสน่ห์ใส่เกรอลท์ แม้ทั้งคู่จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง แต่เกรอลท์ก็ตัดสินใจที่จะไม่ถลำลึกไปมากกว่านี้ เพราะเขาไม่ได้รักทริสเหมือนกับที่เขารักเยนเนเฟอร์ แม้ทริสจะรักเกรอลท์มากแต่สุดท้ายก็ต้องหักห้ามใจตัวเอง เนื่องจากเธอก็ไม่อยากทำร้ายเพื่อนรักให้ต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้

หลังจากยุติความสัมพันธ์กับเกรอลท์ ทริสก็ไม่ได้พบหน้าวิทเชอร์อีกเลย จนกระทั่งเธอได้รับการติดต่อจากเวสิเมียร์ให้เดินทางมายังปราสาทแคร์มอร์เฮน จอมเวทหญิงก็แอบหวังลึก ๆ ว่าจะได้มีโอกาสใกล้ชิดเกรอลท์อีกครั้ง แต่เธอกลับพบว่าสาเหตุที่พวกวิทเชอร์เชิญเธอมานั่นเป็นเพราะว่าพวกเขากำลังดูแลซีรีอยู่ และพวกเขาจนปัญญากับการที่เด็กสาวถูกครอบงำโดยพลังลึกลับบ่อยขึ้นทุกที ทริสจึงมีโอกาสได้ดูแลซีรีอย่างใกล้ชิด ส่วนซีรีก็นับถือทริสเหมือนเป็นพี่สาว

ส่วนมุมมองเรื่องการเมือง ทริสนั้นมีความภักดีต่อแดนเหนืออย่างมาก ในเหตุการณ์กบฏบนเกาะธาเนดด์ทริสก็เลือกอยู่ฝ่ายแดนเหนือภายใต้การนำของฟิลิปปา ไอล์ฮาร์ท และร่วมปฏิบัติการจับตัวเหล่านักเวทผู้ทรยศ แต่เมื่อการสู้รบปะทุขึ้นจนพวกจอมเวทต่างพากันหนีตาย ทริสก็ช่วยเหลือเกรอลท์ที่บาดเจ็บสาหัสไปให้พวกนางไม้แห่งป่าโบรคิลอนช่วยรักษาให้

ทริสต้องไปอาศัยอยู่กับฟิลิปปาที่ปราสาทมอนเตคาลโว ระหว่างนั้นเองที่ฟิลิปปาเริ่มจัดตั้งสมาคมลับนักเวทหญิง (Lodge of Sorceresses) ซึ่งทริสก็เป็นหนึ่งในสมาชิกร่วมก่อตั้งด้วย และด้วยนิสัยภักดีต่อสิ่งที่เชื่อมั่น เธอจึงเลือกทำตามหน้าที่เสมอ เมื่อฟิลิปปาต้องการรู้เรื่องส่วนตัวของเกรอลท์ เยนเนเฟอร์ และซีรี ทริสจึงจำใจต้องเล่าสิ่งที่เธอรู้มาทั้งหมด ถือว่าเป็นครั้งที่สองที่เธอหักหลังเยนเนเฟอร์ นับจากเรื่องของเกรอลท์

ความสัมพันธ์ของเธอกับเยนเนเฟอร์เริ่มกลับมาดีขึ้นตอนที่เยนเนเฟอร์พาซีรีไปเข้าร่วมการประชุมครั้งที่ 3 ของสมาคมลับที่ปราสาทมอนเตคาลโว เยนเนเฟอร์และซีรีต้องการไปบอกลาเกรอลท์ก่อนเดินทางไปยังอาณาจักรโคเวียร์ ซึ่งสมาชิกก็เกิดเสียงแตกจนต้องลงคะแนนโหวตว่าจะอนุญาตหรือไม่ ทริสออกเสียงเข้าข้างเยนเนเฟอร์ และร่วมเดินทางไปหาเกรอล์ที่เมืองริเวียด้วย

บุคลิกและนิสัย

ในนิยายทริสเป็นผู้หญิงตัวเล็กแต่มีทรวดทรง เอวเล็ก 22 นิ้ว ผิวขาว ผมสีน้ำตาลอมแดงเหมือนผลเกาลัด (chestnut) และปล่อยยาวสยายตามธรรมชาติโดยไม่รวบหรือถักเปียแบบผู้หญิงทั่ว ๆ ไป ตาของเธอมีสีน้ำเงินเหมือนดอกคอร์นฟลาเวอร์ มีเครื่องประดับประจำตัวเป็นสร้อยเงินที่ฝังหินลาพิสลาซูลี (lapis lazuli) สีน้ำเงินเข้มที่เจียระไนเป็นรูปหัวใจล้อมกรอบด้วยเพชรเม็ดเล็ก ๆ และชอบสวมชุดกระโปรงแบบที่มีคอเสื้อปิดมิดชิด เนื่องจากเธอมีรอยแผลเป็นพาดยาวกลางหน้าอกจากการสู้รบในศึกซ็อดเดน แม้มันจะจางมากจนแทบมองไม่เห็นแต่มันก็ทำให้เธอสูญเสียความมั่นใจไปเลย

ทริสมีนิสัยต่างจากจอมเวทหญิงคนอื่น ๆ ตรงที่เธอเป็นคนร่าเริงและยิ้มแย้มอยู่เสมอ หัวเราะง่าย (ชอบหัวเราะคิกคักเหมือนเด็ก ๆ) และยังแสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา เธอโหยหาความรักและหมกมุ่นเรื่องนี้เหมือนกับเด็กสาววัยรุ่น ทริสแสดงออกว่าเป็นไบเซ็กชวลอย่างเปิดเผยและมีคนรักมาแล้วมากมาย แต่เกรอลท์เป็นเพียงคนเดียวที่เธอต้องการสานสัมพันธ์อย่างจริงจัง


ตัวอย่างจากนิยาย

Blood of Elves

“นางคลายผ้าคลุมไหล่ขนสัตว์ ถอดหมวกขนจิ้งจอกออกจากศีรษะ เผยให้เห็นเรือนผมยาวสลวยที่ทิ้งตัวลงมา มันมีสีน้ำตาลเหมือนผลเกาลัดที่เพิ่งเก็บมาใหม่ ๆ และมีประกายสีทองอร่ามเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวที่เธอภาคภูมิใจอย่างยิ่ง”

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

“พวกเขาใช้เวทมนตร์ขั้นสูงรักษาเรา” นางเล่าต่อด้วยน้ำเสียงที่แผ่วลง “ใช้ทั้งคาถา ยาวิเศษ เครื่องราง และวัตถุเวทมนตร์ ใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อเยียวยาเหล่าวีรชนแห่งซ็อดเดน พวกเราได้รับการรักษาและฟื้นฟูสภาพร่างกายจนกลับไปเป็นเหมือนเดิม มีเส้นผมยาวสลวยและการมองเห็นก็กลับมาเป็นปกติ เจ้าแทบมองไม่เห็นร่องรอยแผลเป็นพวกนั้นหรอก แต่ข้าจะไม่ใส่เสื้อแหวกอกอีกแล้วเกรอลท์ ไม่มีวัน”

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

“ทริสขยำขยี้ที่นอนของเธอ รู้สึกถึงคลื่นแห่งความร้อนรุ่มที่ก่อตัวขึ้นในกาย และคลื่นเสน่ห์หาที่ถูกโหมกระพือด้วยความโกรธ นางบ่นอุบอิบพร้อมกับเตะผ้าห่มให้คลี่ออกแล้วดึงมันมาคลุมตัวเอาไว้ เตียงหลังเก่าลั่นดังเอี๊ยดอ๊าด ข้าควบคุมตัวเองไม่ได้เลย นางคิดในใจ ข้าทำตัวเหมือนเป็นเด็กวัยรุ่นงี่เง่า หรือแย่ยิ่งกว่านั้น… เหมือนสาวแก่แม่หม้ายที่โหยหาความรัก แค่จะใช้เหตุผลสักหน่อยก็ยังทำไม่ได้เลย

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

“เรื่องเสน่หากามารมณ์ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา ทริส เมริโกลด์นั้นก็ไม่ต่างอะไรกับจอมเวทหญิงทั่วๆ ไป เริ่มจากการลิ้มลองรสเปรี้ยวของผลไม้ต้องห้าม และยิ่งเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นด้วยกฎระเบียบอันเข้มงวดของสถาบัน และจอมเวทหญิงผู้เป็นอาจารย์ของนางยังสั่งห้ามเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด เมื่อได้เป็นนักเวทหญิงอย่างเต็มตัว สิ่งที่ตามมาก็คืออิสรเสรีและความสัมพันธ์อันบ้าบอและยุ่งเหยิง ซึ่งมักจบลงด้วยความขมขื่น ความผิดหวังจากสิ่งลวงตาทั้งหลาย และการเลิกรา ต่อจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาแห่งความโดดเดี่ยวอันแสนยาวนาน และค้นพบความจริงที่ว่า หากนางเลือกปลดปล่อยความอัดอั้นและความตึงเครียดกับเหล่าบุรุษผู้เป็นเจ้านายหรือชนชั้นสูงทั้งหลาย ทันทีที่เสร็จสมอารมณ์หมาย นางก็จะกลายเป็นแค่เพียงสิ่งของฟุ่มเฟือยของพวกเขาเท่านั้น ยังมีอีกหนทางง่าย ๆ อีกอย่างหนึ่งที่นางจะใช้สงบไฟราคะลงโดยไม่ทำให้ผ้าเช็ดตัวของนางต้องเปรอะคราบเลือด ไม่มีลมจากแรงกระแทกกระทั้นภายใต้ผืนผ้าห่ม และไม่ต้องการอาหารเช้าอีกด้วย จากจุดนี้นำพานางไปสู่ความหฤหรรษ์อันแสนสั้นจากเพศเดียวกัน ซึ่งมันก็ลงเอยด้วยผ้าเช็ดตัวที่เปรอะเปื้อน ผ้าห่มที่กระพือกระเพื่อม และความกระหายอันไร้ที่สิ้นสุด ซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะแต่ในบุรุษเพศเท่านั้น สุดท้ายทริสก็ลงเอยแบบเดียวกับจอมเวทคนอื่น ๆ ที่หันมาสานสัมพันธ์กับพวกจอมเวทด้วยกัน ซึ่งทั้งกระท่อนกระแท่นและชวนให้อึดอัดกับความเย็นชาของพวกเขา กับการปฏิบัติกามกิจด้วยรูปแบบที่แทบจะเหมือนกับการทำพิธีกรรม

และแล้วเกรอลท์แห่งริเวียก็ปรากฏตัวขึ้น วิทเชอร์ผู้มีชะตาชีวิตยุ่งเหยิงและถูกผูกมัดไว้กับเยนเนเฟอร์ผู้เป็นสหายรักของนาง เป็นความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาด ยุ่งยากวุ่นวาย และเกือบ ๆ จะโหดร้ายทารุณ

ทริสเคยเป็นประจักษ์พยานความสัมพันธ์ของพวกเขาด้วยความอิจฉา แม้ดูเหมือนว่าแทบไม่มีสิ่งใดให้น่าอิฉฉาเลยก็ตาม แต่ที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือมันทำให้พวกเขาไม่มีความสุข และกำลังนำพาไปสู่หายนะ ความเจ็บปวด และยังไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง ทริสไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย และมันยิ่งทำให้นางฉงนสนเท่ห์ และความความฉงนสนเท่ห์นั้นก็ทำให้นาง…

นางยั่วยวนวิทเชอร์ ด้วยความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเวทมนตร์ นางใช้มันในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ ตอนที่เขาและเยนเนเฟอร์มีปากเสียงกันและลงเอยด้วยการแยกทางอย่างหุนหันพลันแล่น เกรอลท์กำลังต้องการความอบอุ่นจากใครสักคนเพื่อลืมเรื่องที่เกิดขึ้น

ไม่เลย นางไม่ต้องการพรากเขาไปจากเยนเนเฟอร์ เนื่องจากสหายรักของนางเป็นคนสำคัญมากกว่าที่วิทเชอร์เป็น แต่ความสัมพันธ์เพียงช่วงสั้น ๆ กับเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย ในที่สุดนางก็พบสิ่งที่ตามหามานาน นั่นคืออารมณ์อันมีส่วนผสมของความรู้สึกผิด ความวิตกกังวล และความเจ็บปวดรวดร้าว…[...]”

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞


Time of Contempt

“พวกเขาเดินไปหาทริสที่เปล่งประกายในชุดเฉดสีฟ้าและสีเขียวอ่อน เมื่อนางเห็นพวกเขาก็หยุดสนทนากับจอมเวทชายอีกสองคนทันที นางยิ้มอย่างสดใสและโผกอดเยนเนเฟอร์ เป็นอีกครั้งที่พิธีการทักทายกันด้วยการจูบอากาศข้าง ๆ หูของอีกฝ่ายเกิดขึ้น เกรอลท์จับมือนางแต่แล้วก็ตัดสินใจแหกธรรมเนียมการทักทายด้วยการกอดจอมเวทหญิงผมสีเกาลัดและจุมพิตที่แก้มของนาง แก้มอันอ่อนนุ่มและมีไรขนบาง ๆ เหมือนกับลูกพีช ทริสหน้าแดงระเรื่อ

[...]

‘พวกเจ้าเพิ่งคุยกับฟิลิปปาและดีคสตร้าแห่งเทรโทกอร์’ ทริสกล่าวตามที่นางเห็น พร้อมกับเขี่ยจี้รูปหัวใจที่ทำมาจากหินลาปิส ลาซูรี ล้อมกรอบด้วยโลหะเงินประดับเพชรซึ่งนางสวมใส่เป็นสร้อยคอ ‘พวกเจ้าก็รู้นี่ว่าดีคสตร้าเป็นใคร รู้ดีเลยใช่ไหมล่ะ?’

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 


เรื่องราวของทริสฉบับ CDPR (เหตุการณ์ระหว่างปี 1270 - 1272)


The Witcher

ทริสยังคงทำงานเป็นที่ปรึกษาประจำราชสำนักของราชาโฟลเทสท์แห่งเทเมเรีย และมีคฤหาสน์หรูหราอยู่ที่จตุรัสจอห์น นาทาลิส ในเมืองวิซิมา เมื่อได้ทราบข่าวจากพวกวิทเชอร์สำนักหมาป่าว่าเกรอลท์ยังมีชีวิตอยู่ เธอก็รีบรุดไปยังปราสาทแคร์มอร์เฮนเพื่อช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้เขา พอทริสรู้ว่าเกรอลท์ความจำเสื่อม เธอก็ทั้งเสียดายและโล่งใจไปด้วย

เมื่ออาซาร์ จาฟด์ และแก๊งซาลาแมนดราบุกมายังปราสาทแคร์มอร์เฮน ทริสก็ยืนหยัดต่อสู้ร่วมกับพวกวิทเชอร์จนตัวเองบาดเจ็บไปด้วย ทำให้เกรอลท์ต้องรักษาเธอด้วยยาสมุนไพร (ทริสแพ้ยาที่ปรุงด้วยเวทมนตร์) และหลังจากร่วมพิธีศพของวิทเชอร์เลโอ ทริสก็เดินทางกลับเมืองวิซิมาเพื่อสืบหาเบาะแสของอาซาร์

ทริสได้พบเกรอลท์อีกครั้งหลังจากที่เขาต่อสู้กับอาซาร์เป็นครั้งที่ 2 วิทเชอร์หมดสติอยู่ริมหนองน้ำและเธอก็พาเขามารักษาตัวที่บ้านในเมืองวิซิมา และความสัมพันธ์ของทริสกับเกรอลท์จะเปลี่ยนไปตามทางเลือกที่ผู้เล่นตัดสินใจเลือก

ถ้าเกรอลท์เลือกให้แดนดีไลอออนพาอัลวินไปหาชานิ

ทริสจะคิดว่าเกรอลท์ชอบชานิ และโกรธเขาจนไม่สานความสัมพันธ์แบบโรแมนติกอีกต่อไป เว้นแต่เกรอลท์จะมอบแหวนทับทิมสีแดงให้เธอ

ถ้าเกรอลท์เลือกให้แดนดีไลอออนพาอัลวินไปหาทริส

ทริสจะมองว่าเกรอลท์ไว้ใจเธอ และคิดว่าเขาชอบเธอมากกว่าชานิ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงแนบแน่นยิ่งขึ้น

เมื่อราชาโฟลเทสท์กลับมายังเมืองวิซิมา ทริสก็ต้องกลายเป็นนักโทษการเมืองเพราะราชสำนักไม่เห็นด้วยกับคำแนะนำของเธอ จริง ๆ แล้วทริสสามารถหลบหนีได้ง่าย ๆ ด้วยการเทเลพอร์ต แต่เธอก็เลือกที่จะไม่หลบหนีเนื่องจากมันเป็นการผิดธรรมเนียมอย่างร้ายแรง

หากเกรอลท์เลือกวางตัวเป็นกลาง (neutral path) ทริสจะร่วมทางไปเกรอลท์ เขาจะพบจอมเวทหญิงและทหารกลุ่มหนึ่งต่อสู้กับพวกซาลาแมนดราที่คฤหาสน์เก่าแก่บนเกาะในทะเลสาบวิซิมา และทริสจะคอยช่วยเหลือเกรอลท์จนกระทั่งเขาสังหารอาซาร์ได้สำเร็จ และเมื่อความจริงปรากฏว่า แจ็ค เดอ ออลเดอร์สเบิร์ก แกรนด์มาสเตอร์แห่งภาคีกุหลาบเพลิงก็อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ด้วย ทริสก็ช่วยเกรอลท์หาทางบุกเข้าไปยังวิหารของภาคีกุหลาบเพลิง ก่อนที่เกรอลท์จะขอให้ทริสรีบหนีไปที่อื่นเพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง


The Witcher 2: Assassins of Kings

“จอมเวทหญิงทริส เมริโกลด์ ผู้เป็นทั้งเพื่อนและอดีตคนรักของเกรอลท์ คือหนึ่งในตัวละครรองที่มีความสำคัญมากที่สุดในเกม The Witcher 2: Assassins of Kings เธอร่วมเดินทางผจญภัยไปกับฮีโรของเรา และทางเลือกเกี่ยวกับทริสที่ผู้เล่นจะได้เลือกนั้นก็มีอิทธิพลต่อเนื้อเรื่องอย่างมาก

“ถ้าทริสเป็นแฟนเราไม่ได้ อย่างน้อยก็ขอให้เธอเป็นน้องสาวของเราเถอะนะ” ประโยคนี้อาจฟังดูตลกแต่ก็แสดงออกถึงความประทับใจที่พวกเราอยากให้เป็นมาตลอดช่วงเวลาที่ออกแบบตัวละครทริสในลุคใหม่ ซึ่งรูปลักษณ์ของเธอเปลี่ยนไปมากที่สุดในบรรดาตัวละครที่เราเคยเจอในเกมภาคแรก เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่มีทั้งความสง่างาม ใช้งานได้ดี และยังสะดวกต่อการเดินทางด้วย

เราออกแบบชุดของเธอจากเสื้อผ้าในศตวรรษที่ 15 เสื้อที่เธอใส่ถูกออกแบบให้รัดรูปไปกับทรวดทรงที่งดงามของจอมเวทหญิง โดยเฉพาะเมื่อใส่คู่กับกับกางเกงขายาวและรองเท้าบู๊ทยาว เสื้อผ้าแบบผู้ชาย ถุงมือตัดนิ้ว และมวยผม ทำให้เธอดูโดดเด่นกว่าผู้หญิงคนอื่นและเปลี่ยนเธอให้เป็น “ทอมบอย” บุคลิกของทริสก็เปลี่ยนไปด้วย เธอไม่ใช่สาวน้อยจากนิยายที่ชอบ “หัวเราะคิกคักเหมือนเด็ก ๆ” อีกต่อไป ตอนนี้เธอคือผู้หญิงที่มีความมุ่งมั่นและกล้าหาญ เธอรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรและไม่ลังเลที่จะเสี่ยงเพื่อให้ได้มันมา รูปลักษณ์ใหม่ของเธอยังสะท้อนความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วย ใคร ๆ ต่างก็ยอมรับว่าทริสได้เติบโตและมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น โดยไม่ได้สูญเสียเสน่ห์เฉพาะตัวหรือความสง่างามเลยแม้แต่น้อย”

- หน้า 124 หนังสือ The Witcher 2: Assassins of Kings Enhanced Edition Artbook (2012)

ความสัมพันธ์ระหว่างทริสกับเกรอลท์พัฒนาขึ้นจนกลายเป็นคู่รัก เกรอลท์หลับนอนกับเธอในเต็นท์ระหว่างที่ทั้งคู่ติดตามราชาโฟลเทสท์ไปปิดล้อมปราสาทลาวาเล็ตต์ (La Valette castle) หลังจากนั้นราชาโฟลเทสท์ก็ถูกลอบปลงพระชนม์ ทำให้เกรอลท์ถูกจับตัวในฐานะผู้ต้องสงสัย ส่วนทริสก็ถูกขับออกจากวัง

ที่เมืองฟลอทแซม ทริสได้พบกับชีลา เดอ ทรานซาร์วิลล์ (Síle de Tansarville / Sheala de Tancarville) หนึ่งในสมาชิกสมาคมลับนักเวทหญิง และเริ่มสงสัยพฤติกรรมแปลก ๆ ของชีลา เธอจึงพยายามสืบเรื่องนี้แต่ก็ถูกวิทเชอร์เลโธจับตัวได้เสียก่อน และเขาก็บังคับทริสให้พาไปยังเมืองเวอร์เกนผ่านทางประตูมิติ

ทริสพยายามติดต่อฟิลิปปา แต่พบกับซินเธียซึ่งเป็นลูกศิษย์ของฟิลิปปาแทน แท้จริงแล้วซินเธียนั้นเป็นสายลับนิลฟ์การ์ด เธอจึงใช้เวทมนตร์ (artifact compression) กักขังทริสไว้ในตุ๊กตาหินตัวเล็ก ๆ ก่อนจะส่งต่อไปให้พวกทหารนิลฟ์การ์ดที่เมืองล็อค มูนน์ (Loc Muinne) พวกจอมเวทนิลฟ์การ์ดปล่อยทริสออกมาเพื่อทรมานให้เธอยอมเล่าเรื่องราวทั้งหมดของสมาคมลับนักเวทหญิง แต่ทริสก็ไม่รู้อะไรมากนักเนื่องจากพวกสมาชิกคนอื่น ๆ ไม่ไว้ใจเธอจนไม่เชิญเข้าร่วมประชุมอีก ที่สิ่งที่เธอมั่นใจก็คือเรื่องที่ชีลาจ้างวานวิทเชอร์เลโธให้ลอบปลงพระชนม์ราชาเดมาเวนด์แห่งเอเดิร์น

ข้อมูลนี้ไปถึงหูกษัตริย์ราโดวิดและทูตนิลฟ์การ์ด จึงเกิดการล่าแม่มดขึ้นอีกครั้ง และทริสเองก็ต้องใช้ชีวิตอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ และทิ้งบ้านเกิดไปกบดานอยู่ในเมืองโนวิกราดแทน


The Witcher 3: Wild Hunt

การล่าแม่มดในแดนเหนือทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทริสจึงไม่สามารถอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของเธอได้อีกต่อไป และต้องไปขอความช่วยเหลือจากราชายาจกให้ช่วยหาที่ซ่อนตัวให้ อดีตที่ปรึกษาประจำราชสำนักนั้นตกต่ำจนต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างกำจัดหนูตามโกดังสินค้า

ทริสได้พบเกรอลท์ที่ออกตามหาตัวซีรีมาจนถึงเมืองโนวิกราด จอมเวทหญิงยอมเป็นเหยื่อล่อพวกนักล่าแม่มดเพื่อให้เกรอลท์ได้ข้อมูลเรื่องสมบัติของดีคสตร้าที่ถูกปล้นไป หลังจากนั้นทริสก็พยายามติดต่อจอมเวทที่ยังตกค้างอยู่ในเมืองโนวิกราดเพื่อลงเรือหนีไปยังอาณาจักรโคเวียร์ แต่การอพยพก็เป็นไปอย่างยากลำบาก เธอจึงต้องขอความช่วยเหลือจากเกรอลท์เพื่อหาทางหนีให้กับนักเวทกลุ่มสุดท้าย

หากเกรอลท์เลือกช่วยเหลือและสารภาพรักกับทริส เธอจะไปช่วยต่อสู้กับพวกไวลด์ฮันต์ที่ปราสาทแคร์มอร์เฮน หลังการต่อสู้จบลง ทริส เยนเนเฟอร์ และอาวาลาค มีความคิดที่จะรวบรวมจอมเวทหญิงในสมาคมลับอีกครั้งเพื่อเตรียมรับมือกับเอเรดิน ทั้งสามจึงเดินทางกลับไปยังเมืองโนวิกราด ทริสใช้ขนนกฮูกของฟิลิปปาเพื่อระบุตำแหน่งโดยการใช้เวทพยากรณ์ด้วยน้ำ (hydromancy) และพบว่าฟิลิปปาอยู่ที่โรงอาบน้ำของดีคสตร้า สุดท้ายเกรอลท์โน้มน้าวฟิลิปป้าได้สำเร็จ

ทริสและจอมเวทหญิงคนอื่น ๆ ช่วยกันร่ายเวทเพื่อป้องกันไม่ให้เรือนากัลฟาร์หนีกลับไปยังโลกของพวกเอลฟ์เอนเอลล์ และเมื่อเรื่องราวจบลงทริสก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาในราชสำนักโคเวียร์และย้ายไปอยู่ที่นั่นเป็นการถาวร

หากเกรอลท์เลือกสานต่อความรักกับทริสเพียงคนเดียว ในตอนจบจะบรรยายเอาไว้ว่า

“คงยากที่จะเชื่อว่าเกรอลท์จะลงหลักปักฐานในอาณาจักรโคเวียร์ที่อยู่ไกลแสนไกล เขาและทริสย้ายมาอยู่ที่นี่ ทั้งบ้านตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นเค้กที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ ๆ พวกเขาต้อนรับแขกเหรื่ออยู่เสมอไม่ว่าจะมาในวันหรือเวลาไหนก็ตาม วิทเชอร์ยังคงรับงานเป็นครั้งคราวด้วยความเคยชินมากกว่าจะเป็นการหารายได้ เนื่องจากทริสนั้นมีทรัพย์สินมากมายจากการเป็นที่ปรึกษาให้กับราชาแห่งโคเวียร์”


Gwent: The Witcher Card Game


Gwent Journey >> อ่านเรื่องราวของทริสพร้อมภาพประกอบจากเกม Gwent ได้ที่นี่ 📜


Reward Tree: Triss Merigold

บันทึกม้วนที่ 1: ทริส เมริโกลด์ ผู้มีหัวใจงดงาม อ่อนไหว และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เป็นลักษณะนิสัยที่พบได้ยากยิ่งในสมาคมลับนักเวทหญิง ดูเหมือนว่านางจะแปลกแยกจากคนอื่น คงเป็นเช่นนั้น… จนกว่าเจ้าจะมองดูนางอย่างละเอียด

บันทึกม้วนที่ 2: ความจริงแล้วทริสนั้นเคยหลอกลวง บงการ และทรยศผู้อื่นมาแล้ว แต่นางก็ลงมือทำด้วยเสน่ห์และความงดงามจนยากที่ใครจะโกรธนางเป็นเวลานานได้

บันทึกม้วนที่ 3: มากไปกว่านั้น ทริสผู้น่ารักและแสนอ่อนหวานก็เป็นผู้สร้างคาถาที่มีพลังทำลายล้างมากที่สุดครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ พายุลูกเห็บที่นางเสกลงมายังชานเมืองริเวียนั้นทำให้มีคนตายเป็นจำนวนมาก

บันทึกม้วนที่ 4: ถึงกระนั้นก็คู่ควรแก่การพูดถึงสาเหตุที่นางแหวกท้องฟ้าในครั้งนั้น ก็เพื่อหยุดการจลาจลนองเลือดต่อเผ่าพันธุ์ที่ไม่ใช่มนุษย์ ทริสพยายามทำเรื่องดี ๆ อยู่เสมอ แม้มันต้องแลกมาด้วยการเสียสละก็ตาม...

หีบใบที่ 1: บางครั้งทริส เมริโกลด์ ก็ถูกเรียกว่า “ศพที่สิบสี่แห่งเนินซ็อดเดน” ฉายานี้มาจากศึกที่เนินซ็อดเดนซึ่งคร่าชีวิตจอมเวทผู้ต่อสู้เพื่อแดนเหนือไปเป็นจำนวนมาก พวกเขาล้มตายลงด้วยคาถาอันทรงพลังจากฝ่ายตรงข้าม ดูเหมือนว่าทริสจะมีชะตากรรมแบบเดียวกับจอมเวทเหล่านั้น โชคดีที่ข่าวการตายของนางเป็นเพียงแค่เรื่องที่ลือกันมาผิด ๆ เท่านั้น

หีบใบที่ 2: เมื่อกษัตริย์ราโดวิดที่ห้าเริ่มต้นการล่าแม่มด ทริสก็ลี้ภัยมายังรัฐที่เป็นกลางอย่างเมืองโนวิกราดเช่นเดียวกับจอมเวทคนอื่น ๆ แต่สรวงสวรรค์นั้นกลับกลายเป็นกับดัก ไม่นานซากศพของจอมเวททั้งหญิงและชายก็กองพะเนิน ด้วยการตามล่าของกลุ่มนักบวชคลั่งศาสนาแห่งศาสนจักรอัคคีนิรันดร์ มีจอมเวทที่โชคดีเพียงไม่กี่คนที่รอดชีวิตมาได้ด้วยความช่วยเหลือจากทริส… และวิทเชอร์ผมขาว

หีบใบที่ 3: ทริสนั้นมีผู้ที่หลงรักนางอยู่มากมาย แต่มีเพียงคนเดียวที่เป็นรักแท้ของนาง นั่นคือหมาป่าขาว หรือ เกรอลท์แห่งริเวีย ทั้งคู่ฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกันมานับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่ครั้งที่พวกซาลาแมนดราบุกแคร์มอร์เฮน การสู้รบที่ล็อคมูนน์ การอพยพเหล่าจอมเวทออกจากเมืองโนวิกราด การต่อสู้กับพวกไวลด์ฮันต์… ถึงกระนั้นเรื่องราวของพวกเขาก็ไม่ได้มีแต่โศกนาฏกรรมและการนองเลือด ว่ากันว่าไม่มีพงศาวดารชื่อดังเล่มใดที่ระบุถึงรายละเอียดของ… ช่วงเวลา… อันลึกซึ้งเหล่านั้น

 


ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.