สามแม่เฒ่า (The Crones)

สามแม่เฒ่า หรือที่ชาวบ้านในเมืองเวเลนเรียกกันว่า “เหล่าท่านหญิงแห่งพงไพร” (Ladies of the Wood) เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทรีลิคท์ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นลูกสาวของ “ท่านหญิงผู้หยั่งรู้” (She Who Knows) พวกแม่เฒ่าถูกปั้นขึ้นมาจากดินโคลน น้ำ และเลือดของท่านหญิง จากนั้นจึงใช้เวทมนตร์ทำให้พวกนางมีชีวิตขึ้นมา

แม่เฒ่าทั้งสามประกอบไปด้วย ท่านหญิงทอผ้า (Weavess) ท่านหญิงปรุงยา (Brewess) และท่านหญิงกระซิบ (Whispess) ซึ่งไม่ใช่ชื่อที่แท้จริงของพวกนาง รูปร่างที่แท้จริงของพวกแม่เฒ่านั้นน่าเกลียดน่ากลัวไม่ต่างอะไรกับปีศาจ แต่ด้วยเวทมนตร์และภูมิปัญญาจากท่านหญิงผู้เป็นแม่ ทำให้พวกนางสามารถแปลงกายเป็นสาวงามได้ เมื่อรวมกับยาอายุวัฒนะที่ปรุงขึ้นมาจากชิ้นส่วนมนุษย์ พวกแม่เฒ่าจึงมีอายุยืนยาวมาจนถึงยุคสมัยแห่งสงครามแดนเหนือครั้งที่ 3

หลังจากลงมือฆ่าท่านหญิงผู้หยั่งรู้และกักขังวิญญาณเอาไว้ใต้ต้นโอ๊คใหญ่บนเนิน เหล่าแม่เฒ่าก็กลายเป็นใหญ่ในดินแดนเวเลน พวกชาวบ้านนับถือพวกแม่เฒ่าราวกับเป็นเทพเจ้า เนื่องจากพวกเขาจะสมปรารถนาทุกครั้งเมื่อนำเครื่องเซ่นไหว้ไปถวายหรือทำงานรับใช้พวกนาง ส่วนใครที่ไม่ศรัทธาก็อาจถูกจับไปสังเวยในพิธีซับบาธ (Sabbath) ที่จะจัดขึ้นปีละครั้งบนภูเขาหัวโล้น (Bald Mountain)

ในดินแดนอันห่างไกลบนโลก ผู้คนยังคงนับถือทวยเทพองค์เก่าและสิ่งมีชีวิตลึกลับที่มีพลังแก่กล้า ตัวอย่างหนึ่งของความเชื่อนี้ก็คือการบูชาเหล่าท่านหญิงแห่งพงไพรในเมืองเวเลน มีการสร้างศาลบูชาหลายแห่งกระจายไปทั่วทั้งพื้นที่อันเป็นป่ารกร้างและหมู่บ้านที่ตัดขาดจากโลกภายนอก

- หน้า 109 หนังสือ The World of the Witcher (2015)

แม่เฒ่าทั้งสามยังรวบรวมพวกเด็กกำพร้าไว้ที่บึงหลังค่อม (Crookback Bog) เพื่อนำมากินหรือใช้เป็นส่วนผสมในการปรุงยา โดยให้พวกชาวบ้านที่มาขอพรคอยทำหน้าที่ดูแลเด็ก ๆ ให้แข็งแรงอ้วนพี หนึ่งในนั้นก็คือ “แอนนา สเตรนเจอร์” ภรรยาของ “ฟิลลิป สเตรนเจอร์” ผู้เป็นบารอนแห่งเวเลน นอกจากนี้แอนนายังต้องทำหน้าที่รับเครื่องเซ่นไหว้และเป็นร่างทรงของพวกแม่เฒ่าอีกด้วย พวกชาวบ้านละแวกนั้นรู้ดีว่าการจะเดินทางเข้าไปยังบ้านเด็กกำพร้าและศาลบูชาสามแม่เฒ่า จะต้องใช้เส้นทางที่เรียกว่า “เส้นทางขนมหวาน” (Trail of Treats) ที่พวกแม่เฒ่าใช้หลอกล่อเด็ก ๆ ให้เดินมาเป็นอาหารถึงที่

ในปี 1272 ระหว่างที่ซีรีและอาวาลาคหนีพวกไวลด์ฮันต์กลับมายังมหาทวีป ทั้งสองคนก็เกิดพลัดหลงกันระหว่างการเทเลพอร์ต ซีรีมาโผล่ที่บึงหลังค่อมในสภาพหมดสติ เธอจึงถูกแม่เฒ่าทั้งสามพาตัวมาที่กระท่อม ตอนแรกสามแม่เฒ่าคิดจะกินเธอเป็นอาหาร แต่พอรู้ว่าซีรีมีสายเลือดเอลฟ์โบราณก็เลยเปลี่ยนใจจะส่งมอบเธอให้กับพวกไวลด์ฮันต์แทน โชคดีที่ซีรีหนีออกมาได้ แต่สามแม่เฒ่าก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเพราะล่วงรู้อนาคตว่าซีรีจะต้องกลับมาพวกนางอีกครั้ง

เมื่อเกรอลท์ตามรอยซีรีไปจนถึงบึงหลังค่อม เขาก็ถูกพวกแม่เฒ่ายืมมือเพื่อหวังจะกำจัดวิญญาณของท่านหญิง เกรอลท์ต้องเลือกว่าจะสังหารหรือปล่อดปล่อยวิญญาณดวงนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบไปถึงชะตาชีวิตของแอนนาและบารอนด้วย พวกแม่เฒ่ายังส่งฟีนด์ ดราวเนอร์ และวอเตอร์แฮ็ก มากำจัดเกรอลท์และบารอนที่ตามมาช่วยเหลือภรรยา ก่อนจะหายตัวหนีไปจากบึง

หลังจากพิธีศพของเวสิเมียร์ เกรอลท์และซีรีก็กลับไปแก้แค้นอิมเลอริธและสามแม่เฒ่าที่ภูเขาหัวโล้น ซีรีต่อสู้กับพวกนางจนสังหารท่านหญิงปรุงยากับท่านหญิงกระซิบ ส่วนท่านหญิงทอผ้าสามารถหนีรอดไปได้พร้อมกับฉกจี้หมาป่าของเวสิเมียร์ที่ซีรีสวมอยู่ติดมือไปด้วย

ในตอนจบแบบ bad ending เกรอลท์จะกลับไปฆ่าท่านหญิงทอผ้าที่บึงหลังค่อมอีกครั้ง แต่เมื่อเขาได้จี้หมาป่าของเวสิเมียร์กลับคืนมา เขากลับนั่งนิ่งอยู่ในกระท่อม ปล่อยให้สัตว์ประหลาดมากมายคืบคลานเข้ามารุมล้อมเขาจากทุกทิศทาง

 

The Witcher 3: Wild Hunt

Bestiary: Crones

แม่เฒ่าสามพี่น้อง คือความสยดสยอง แห่งท้องมหาสมุทรและปฐพี ต่างสาปแช่งเขา ทวีสามเท่า เป็นเก้าหนแห่งเก้าสัปดาห์ทรมาน

- บทละครแมคเวธ, องค์ 1, ฉาก 3

ณ มุมวิเวกแห่งหนึ่งของโลกยังมีสิ่งมีชีวิตเก่าแก่ที่อยู่มานานก่อนยุคสมัยของมนุษย์ อายุของมันมากกว่าโรงเรียนสอนเวทมนตร์และจอมเวททั้งปวง มากกว่าเหล่าเอลฟ์และคนแคระ สามแม่เฒ่าแห่งบึงหลังค่อมคือสิ่งมีชีวิตนั้น ไม่มีใครรู้ชื่อที่แท้จริงของพวกนาง และไม่รู้ว่าพวกนางเป็นสัตว์ประหลาดชนิดใดอีกด้วย

ชาวบ้านละแวกนั้นต่างขนานนามพวกนางแต่ละตนว่า ท่านหญิงทอผ้า ท่านหญิงปรุงยา และท่านหญิงกระซิบ และยกย่องให้พวกนางเป็น “เหล่าท่านหญิงแห่งพงไพร” หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “เหล่าท่านหญิง” สามแม่เฒ่าคือผู้ปกครองที่แท้จริงของเวเลน เหล่าชาวบ้านที่พวกนางช่วยเหลือสามารถรอดพ้นจากความทุกข์ยากไปได้โดยแลกกับการเคารพเชื่อฟังแต่โดยดี พวกนางมีพลังเวทแก่กล้าซึ่งเป็นเวทมนตร์คนละแบบกับของพวทนักเวท สามแม่เฒ่าดึงพลังมาจากผืนน้ำและแผ่นดินที่พวกนางอาศัย พวกนางได้ยินทุกสรรพเสียงที่เกิดขึ้นในป่า ทำนายอนาคต พลิกผันชะตามนุษย์ ทั้งอำนวยพรและร่ายคำสาปใส่พวกเขา

ดูเหมือนว่าแม่เฒ่าทั้งสามจะพยายามแสวงหาความเป็นอมตะ ยาวิเศษต่าง ๆ ทำให้พวกนางไม่แก่เฒ่าและสามารถจำแลงกายเป็นสาวงามผู้อ่อนเยาว์ ยาอายุวัฒนะและสายสัมพันธ์ปริศนากับบึงที่สามแม่เฒ่าอาศัยอยู่นั้นได้มอบทั้งพลังเหนือธรรมชาติและพลังชีวิตให้แก่พวกนาง

 

Character: Whispess

สามแม่เฒ่าแห่งเวเลนนั้นไม่ได้แก่ชราแต่เพียงอย่างเดียว พวกนางยังเป็นสิ่งมีชีวิตโบราณที่อาศัยอยู่ในแถบนี้ตั้งแต่ยุคที่มนุษย์เพิ่งจะมีราชาพระองค์แรก และอาจเป็นไปได้ว่าพวกนางอาจอยู่มาก่อนที่พวกเอลฟ์จะอพยพมายังมหาทวีปเสียอีก

ในบรรดาสามศรีพี่น้องสยองขวัญ ท่านหญิงกระซิบนั้นมีอายุมากที่สุด อย่างน้อยก็ตามตำนานที่พวกชาวบ้านละแวกนี้กระซิบต่อ ๆ กันมา กระซิบกัน… เพราะเสียงพูดปกตินั้นดังจนเหล่าแม่เฒ่าสามารถได้ยินได้ เนื่องจากนางจะแขวนใบหูของมนุษย์ที่ถูกนำมาเป็นเครื่องสังเวยไว้ตามต้นไม้ และร่ายเวทมนตร์โบราณที่ทำให้นางได้ยินเสียงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในบึงผ่านทางใบหูเหล่านั้น

แต่ไม่ว่าจะเป็นเวทมนตร์โบราณหรือเวทมนตร์สมัยใหม่ ก็ไม่อาจช่วยนางให้รอดพ้นจากโทสะของซีรีได้

Character: Brewess

เมื่อพูดถึงเรื่องอายุ แม่เฒ่าที่ถูกขนานนามว่าท่านหญิงปรุงยานั้นเป็นคนกลางของปีศาจสามใบเถา แต่นางเป็นคนโตสุดเมื่อพูดถึงขนาดของร่างกาย ท่านหญิงปรุงยามีฝีมือเป็นเลิศในการผสมยาวิเศษ ยิ่งไปกว่านั้นตามตำนานยังเล่าว่านางรู้วิธีปรุงซุปด้วยชิ้นส่วนมนุษย์เป็นสิบ ๆ สูตร

ปรากฏว่าพวกแม่เฒ่านั้นกินเนื้อมนุษย์จริง ๆ ในคืนซับบาธ โยนชิ้นส่วนลงไปในหม้อร้อน ๆ และปรุงรสด้วยรากของต้นไม้ถูกสาปที่ขึ้นอยู่บนภูเขาหัวโล้น

ในท้ายที่สุดท่านหญิงปรุงยาก็มีชะตากรรมแบบเดียวกับท่านหญิงกระซิบ จบชีวิตอันยืนยาวของนางด้วยคมดาบของซีรี

 

Character: Weavess

แม้จะมีอายุน้อยที่สุดในบรรดาสามแม่เฒ่า แต่ท่านหญิงทอผ้าก็ไม่ได้อัปลักษณ์หรือชั่วร้ายน้อยกว่าพวกพี่สาวเลย นางถักทอผืนผ้าจากเส้นผมมนุษย์ที่พวกชาวบ้านจะเก็บรวบรวมมาถวายหลังจากทำพิธีตัดผมเป็นครั้งแรกให้พวกเด็ก ๆ ผ้าที่มีภาพของพวกนางเป็นสื่อกลางให้ผู้ศรัทธาและเหล่าท่านหญิงแห่งพงไพรสามารถติดต่อถึงกันได้ พวกชาวบ้านจึงมากราบไหว้บูชาผ้าวิเศษผืนนี้อยู่เสมอ

การต่อสู้บนภูเขาหัวโล้นควรจะนำมาซึ่งจุดจบของแม่เฒ่าทั้งสาม แต่ท่านหญิงทอผ้าสามารถรอดพ้นความตายไปได้ นางกลายร่างเป็นฝูงนกกาบินหนีไปพร้อมกับตราสำนักหมาป่าที่ซีรีสวมไว้

 

ที่มาของตัวละคร

เหล่าแม่เฒ่าแห่งเวเลนไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากนิยายเดอะวิทเชอร์ แต่ถูกสร้างให้มีรูปลักษณ์และความรู้สึกที่สอดคล้องกับตัวละครในโลกที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด และได้แรงบันดาลใจกับวัตถุดิบมาจากตำนานพื้นบ้านของยุโรป สามศรีพี่น้องนั้นไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นหนึ่งในสายพันธุ์สัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายมนุษย์ที่มีต้นกำเนิดอันคลุมเครือ แม้แต่ผู้มีความรู้อย่างนักวิชาการหรือวิทเชอร์ก็ยังไม่รู้จักพวกนางอย่างถ่องแท้ พี่น้องทั้งสามมีหน้าที่และความสามารถเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป พี่สาวคนโตอย่างวิสเปสส์สามารถได้ยินทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตามหนองน้ำต่าง ๆ ในเวเลนจากใบหูมนุษย์ลงอาคมที่นางเอาไปแขวนไว้ตามต้นไม้ บรูเวสส์คอยปรุงยาวิเศษและส่วนผสมต่าง ๆ ในขณะที่น้องสาวคนเล็กอย่างวีฟเวสส์จะถักทอผ้าวิเศษจากเส้นผมของมนุษย์

- หน้า 164 หนังสือ The Witcher 3: Wild Hunt Artbook (2015)

สามแม่เฒ่าเป็นตัวละครที่มีส่วนผสมของ “บาบา ยาก้า” (Baba Yaga) สิ่งมีชีวิตลึกลับเหนือธรรมชาติในตำนานของชาวสลาฟ แม่มดสามพี่น้องในบทละครแมคเบธของวิลเลียม เช็คสเปียร์ และแม่มดกินเด็กในนิทานฮันเซลกับเกรเทลของพี่น้องกริมม์

ส่วนที่คล้ายคลึงกับบาบา ยาก้า ก็คือถิ่นที่อยู่ซึงเป็นกระท่อมกลางป่าหรือริมหนองบึงที่อยู่ห่างไกล (แต่กระท่อมของสามแม่เฒ่าไม่ได้มีขาเดินได้แบบกระท่อมของบาบา ยาก้า) รูปร่างหน้าตาของมันที่ดูเหมือนหญิงชรา และบทบาทในนิทานที่บางครั้งก็เป็นปีศาจกินเด็ก แต่บางครั้งก็คอยดูแลสรรพสัตว์ รวมไปถึงคอยช่วยเหลือมนุษย์อีกด้วย [1]

ใน bestiary ของแม่มดสามพี่น้องยังมีคำพูดที่ดัดแปลงมาจากบทละครเรื่องแมคเบธ องค์ที่ 1 ฉากที่ 3 ซึ่งเป็นฉากที่ “สามพี่น้องประหลาด” (Weird Sisters) กำลังสาปแช่งสามีนักเดินเรือของหญิงไม่ที่ยอมแบ่งลูกเกาลัดให้ [2] ซึ่งเชคสเปียร์ก็ดัดแปลงมาจากความเชื่อเรื่องแม่มดในยุคกลาง และความเชื่อเรื่องโชคชะตาของอารยธรรมกรีก-โรมัน ที่เชื่อว่าโชคชะตาของมนุษย์แต่ละคนจะถูกกำหนดด้วยเทพีสามองค์ ชาวกรีกเรียกพวกนางว่า “มอยรัย” (Moirai) ส่วนชาวโรมันเรียกว่า “ปาร์กาเอ” (Parcae) เทพีคลอโธ (Clotho) จะปั่นเส้นด้ายแห่งชีวิตเข้ากระสวย เทพีเลคีสิส (Lachesis) จะวัดความยาวของเส้นด้าย ส่วนเทพีอโทรพอส (Atropos) ทำหน้าที่ตัดเส้นด้ายเพื่อกำหนดความตายของแต่ละคน [3]

ส่วนเส้นทางขนมหวานนั้นชวนให้นึกถึงบ้านขนมปังหรือบ้านลูกกวาด (Candy House) กลางป่า ที่แม่มดในเรื่องฮันเซลและเกรเทลใช้ล่อลวงเด็ก ๆ ให้เข้ามาในบ้าน เพื่อขุนให้อ้วนพีและจับกินในภายหลัง

ตัวละครสามแม่เฒ่าแต่ละคนมีรูปลักษณ์ที่สอดคล้องกับความสามารถของตัวเอง วิสเปสส์จะร้อยใบหูของพวกชาวบ้านคล้องไว้ตามร่างกายและสะพายถุงใส่ชิ้นส่วนมนุษย์ บรูเวสส์สวมหน้ากากของคนเลี้ยงผึ้งในยุคกลางกับผ้ากันเปื้อนและห้อยกระบวยกับช้อนติดตัวเนื่องจากต้องปรุงยาจากส่วนผสมต่าง ๆ ส่วนวีฟเวสส์มีขาส่วนเกินห้อยออกมาจากกระโปรงและมีถุงสัมภาระด้านหลังซึ่งเมื่อดูรวม ๆ แล้วคล้ายกับแมงมุม นอกจากนี้ดวงตาข้างหนึ่งของวิสเปสส์ยังมีแมงมุมตัวเล็ก ๆ คลานเข้าออกอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

 

อ้างอิง:

[1] The Enduring Allure of Baba Yaga, an Ancient Swamp Witch Who Loves to Eat People, Vice.com

[2] Character analysis: The Witches in Macbeth, British Library

[3] Fate | Greek and Roman Mythology, Britanica.com

 

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.