สรุปเนื้อเรื่องคอมิกส์ The Witcher: Reasons of State (part 1/2)
เนื้อหานี้ทำขึ้นเพื่อสรุปเรื่องราวให้กับผู้ที่สนใจคอมิกส์ Reasons of State สามารถอ่านคอมิกส์เล่มนี้ในรูปแบบ PDF หากซื้อเกม The Witcher 2: Assassins of Kings (ดาวน์โหลดได้ที่หน้า Extra บน GOG)
The Witcher: Reasons of State
วางจำหน่ายครั้งแรก: ปี 2011 (ฉบับรูปเล่ม ความยาว 2 เล่มจบ) สำนักพิมพ์ Egmon
เนื้อเรื่อง Michał Gałek | ภาพ Arkadiusz Klimek | ลงสี Łukasz Poller | อักษร Part Studio
บทนำ
นี่คือเรื่องราวในปี 1262 หลังจากช่วยชีวิตซีรีจากพวกนางไม้แห่งป่าโบรคิลอน เกรอลท์ก็เดินทางขึ้นเหนือไปเรื่อย ๆ ในตอนนั้นเองที่สงครามกับจักรวรรดินิลฟ์การ์ดอุบัติขึ้น สงครามที่ยุติลงด้วยศึกซ็อดเดนฮิลล์ และดูเหมือนว่ามันจะพรากชีวิตเยนเนเฟอร์แห่งเวนเกอร์เบิร์กไปด้วย ดินแดนทางเหนือสุดยังคงวางตัวเป็นกลาง ทำให้อาณาจักรในแถบนั้นยังคงรักษาความสงบสุขเอาไว้ได้ “เมืองมัลเลออเร” อันเป็นฉากหลังของเรื่องนี้ ตั้งอยู่ตรงเชิงเขาแห่งหนึ่งของเทือกเขามังกรติดกับแม่น้ำบรา (อันเป็นพื้นเดียวกับที่ปรากฏในเรื่องสั้น “ขีดจำกัดของความเป็นไปได้*”) ปัจจุบันนี้มัลเลออเรได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเคนกอร์นของราชานีดาเมียร์ไปแล้ว
ปราสาทเล็ก ๆ ที่มีแนวป้องกันแน่นหนาของ “ตระกูลเครกิออ” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำครีอาซึ่งเป็นลำน้ำสาขาหนึ่งของแม่น้ำบรา ภูมิประเทศที่เป็นเนินเขานั้นเหมาะแก่การเลี้ยงฝูงแกะอย่างมาก ดังนั้นเหล่าบารอนแห่งเครกิออจึงค้าขายขนแกะกันมานานนับศตวรรษ อย่างไรก็ตามราว ๆ ปี 1251 ผู้ว่าการนามว่า “ลาแซร์” ได้หว่านล้อมให้บารอนเปลี่ยนไปทำการค้าไม้ซุงแทน เนื่องจากเพื่อนบ้านผู้มั่งคั่งอย่างอาณาจักรโคเวียร์กำลังต้องการไม้ไปใช้ในอุตสาหกรรมต่อเรือ “เอสเทอราด ธีสเซน” ราชาแห่งอาณาจักรโคเวียร์และพระมเหสี “ซูเลย์กา” นั้นนับถือศาสดาพยากรณ์เลบิโอดาและศรัทธาในพระคัมภีร์อย่างมาก และความสัมพันธ์ทางการค้าก็นำความศรัทธานี้มาสู่ตระกูลเครกิออด้วย แน่นอนว่าพวกชาวเมืองไม่ยอมละทิ้งสิ่งที่พวกเขานับถือกันมานาน ซึ่งก็คือลัทธิท้องถิ่นที่บูชาเลเชน
หมายเหตุ: ขีดจำกัดของความเป็นไปได้ คือชื่อภาษาไทยของเรื่องสั้น The Bounds of Reason ที่เกรอลท์ เยนเนเฟอร์ และแดนดีไลออน เข้าร่วมในคณะล่ามังกรของราชานีดาเมียร์
สรุปเนื้อเรื่อง (ครึ่งแรก)
กลางค่ำคืนที่สุดแสนโรแมนติก ดอยเรี่ยนและหญิงสาวคนหนึ่งกำลังสร้างบรรยากาศแห่งความรักในซากเมืองร้างอันเป็นสิ่งก่อสร้างของพวกเอลฟ์ เขาใช้ผ้าผูกตาหญิงสาวเอาไว้ก่อนที่จะโปรยดอกไม้และจุดตะเกียง แต่แล้วดอยเรี่ยนก็เงียบหายไปจนหญิงสาวหวาดวิตกและเอาผ้าปิดตาออก และสิ่งที่เธอพบก็คือซากศพของดอยเรี่ยนที่ถูกกรงเล็บตะปบจนเหวอะหวะ เธอวิ่งหนีและกรีดร้องสุดเสียง แต่ก็ไม่อาจหนีพ้นจากสิ่งนั้นได้
หนึ่งเดือนต่อมา เกรอลท์พบป้ายประกาศติดไว้ตรงทางแยก มันเขียนไว้ว่า “ต้องการวิทเชอร์ ด่วน!” เขาจึงขี่เจ้าโร้ชมุ่งหน้าไปยัง “ป้อมปราการเครกิออ” ซึ่งกำลังจัดทัวร์นาเมนต์ให้อัศวินผู้กล้าจากเมืองต่าง ๆ มาแสดงฝีมือโดยการพิชิตกริฟฟินตัวเขื่องที่ถูกจับล่ามโซ่เอาไว้ ก่อนหน้านี้ยังไม่มีผู้ใดที่สามารถพิชิตเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้ได้ กระทั่งถึงคิวของ “บารอนไบรตัน” แห่งเครกิออ
เกรอลท์ถามหาผู้ว่าการเมืองที่ชื่อว่า “ลาแซร์” และพบเขาตรงโต๊ะรับพนัน ลาแซร์แนะนำให้เกรอลท์รู้จักบารอนไบรตันที่กำลังควบม้าพุ่งเข้าชาร์จกริฟฟิน วิทเชอร์ยืนดูการประลองจากนอกสนามตอนที่ปลายหลาวของบารอนเข้าไปติดอยู่ในห่วงโซ่คล้องคอกริฟฟินและปักลงพื้นดินในจังหวะที่เขาตกลงจากหลังม้า แต่ไบรตันก็ไม่ได้บาดเจ็บมากนักและยังสามารถสู้ต่อได้ เขาคุกเข่าขอพรจากศาสดาเลบิโอดาก่อนจะใช้ดาบตัดหัวกริฟฟินที่ถูกหลาวตรึงไว้กับพื้นดิน เมื่อการต่อสู้จบลงลาแซร์ก็นัดหมายให้เกรอลท์มาพบที่โบสถ์ในตอนรุ่งสาง
เมื่อตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าเกรอลท์ก็ไปตามนัด ลาแซร์มาพร้อมกับ “มาร์คัส” ลูกชายคนเล็กที่ทำงานเป็นเด็กรับใช้ส่วนตัวของบารอนไบรตัน เด็กหนุ่มบ่นอุบที่ต้องตื่นแต่เช้า จนลาแซร์ต้องเอ่ยขอโทษเกรอลท์ที่บุตรชายเสียมารยาท เขานำทางเกรอลท์ไปยังสุสานใต้ดินด้านล่างของโบสท์ ซึ่งเป็นสุสานของครอบครัว “บารอนแอนตัน” ผู้ล่วงลับไปเมื่อสองปีก่อนและเป็นบิดาของไบรตัน ลาแซร์เคารพนับถือท่านบารอนอย่างมากและตัวเขาเองก็ได้รับความไว้วางใจจากบารอนเช่นกัน ถึงขนาดที่แอนตันยอมยก “เอนน่า” ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องให้แต่งงานกับลาแซร์ แต่เมื่อประมาณสิบปีก่อน เอนน่าก็ถูกเลเชนฆ่าตาย ศพของเธอจึงถูกนำมาเก็บไว้ที่สุสานประจำตระกูลแห่งนี้ด้วย
เกรอลท์ถามย้ำเพื่อให้แน่ใจว่ามันเป็นฝีมือของเลเชนจริง ๆ ซึ่งลาแซร์ก็ยืนยันว่ามันเป็นเลเชนแน่นอน เกรอลท์จึงสงสัยว่า ทำไมพวกชาวเมืองจึงยังทนอยู่ได้เป็นสิบปีโดยไม่มีใครลงมือทำอะไรเลยทั้ง ๆ ที่มีเลเชนออกอาละวาดฆ่าคน ลาแซร์จึงพูดถึงเรื่องที่ชาวเมืองเครกิออบูชาเลเชนมาตั้งแต่โบราณ แม้แต่ตระกูลของท่านบารอนก็ยังเชื่อว่าเลเชนคือเทพผู้พิทักษ์ของครอบครัว ถึงแม้ผู้คนที่นี่จะจุดเทียนสักการะท่านศาสดาเลบิโอดา แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็จุดกำยานเพื่อบูชาเลเชนด้วย ครั้นจะปล่อยให้เลเชนฆ่าชาวเมืองไปเรื่อย ๆ ก็คงไม่ได้เช่นกัน ด้วยเหตุผลด้านการปกครอง บารอนไบรตันจึงออกประกาศจ้างวิทเชอร์ให้มาจัดการเรื่องนี้อย่างลับ ๆ เพื่อไม่ให้กระทบกับความศรัทธาของชาวเมือง
เมื่อตกลงเรื่องค่าจ้างกันเรียบร้อยแล้ว ลาแซร์ก็พาเกรอลท์เดินชมทิวทัศน์อันงดงามของเมืองจากบนกำแพงป้อมปราการ เขาชี้ให้เกรอลท์ดูแม่น้ำครีอาที่ไหลผ่านชานเมือง แม่น้ำสายนี้จะไหลไปลงอ่าวแพร็กเซดา ลาแซร์จึงเห็นช่องทางที่เมืองจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการตัดไม้ส่งไปขายยังอาณาจักรโคเวียร์ โดยใช้กระแสน้ำลำเลียงท่อนซุงไปยังปากอ่าว ทำให้ประหยัดค่าขนส่งไปได้อย่างมาก เมื่อต้นทุนถูกลงพวกเขาก็สามารถแข่งขันราคาได้สบาย บรรดาอู่ต่อเรือในโคเวียร์ต่างพากันสั่งซื้อไม้จากเครกิออ และมันก็ทำให้เมืองนี้ร่ำรวยขึ้นอย่างทันตา ผิดกับสมัยก่อนที่พวกเขาค้าขายขนแกะกันมาหลายชั่วรุ่น วิสัยทัศน์ด้านการค้าของลาแซร์นี่เองทำให้เมืองเจริญขึ้น จนเขาเองก็กลุ้มใจว่าลูกชายของเขาจะมีความสามารถพอที่จะรับตำแหน่งผู้ว่าการเมืองต่อจากเขาได้หรือเปล่า
ลาแซร์พาเกรอลท์เดินลัดเลาะผ่านตลาด พลางเล่าเรื่องราวของบารอนไบรตันที่รับตำแหน่งเจ้าเมืองต่อจากบิดาของเขา ไบรตันนั้นชอบการศึกสงครามและนำกำลังพลไปร่วมรบกับพวกนิลฟ์การ์ด “แอนตันคนลูก” น้องชายของเขาจึงรับหน้าที่ดูแลทรัพย์สมบัติของตระกูลแทน แต่คงต้องใช้คำว่าผลาญสมบัติมากกว่า เมื่อไบรตันกลับมาจึงต้องตามชดใช้หนี้สินที่น้องชายก่อขึ้น การค้าไม้จึงเป็นความหวังเดียวที่จะสร้างรายได้ให้เมืองนี้ แต่ก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดที่เลเชนกลับมาออกอาละวาดอีกจนพวกคนตัดไม้ไม่กล้าเข้าป่า ส่วนชาวเมืองก็หวาดกลัวจนไม่มีใครกล้าทำพิธีถวายเครื่องสังเวยเลเชน
ลาแซร์พาเกรอลท์ไปพบกับ “เฮอร์แกน” คนแคระรูปร่างกำยำที่เป็นหัวหน้าคณะคนตัดไม้ของเมือง ตอนแรกเขาก็แสดงท่าทีไม่เป็นมิตร แต่พอเกรอลท์หยิบขวดเหล้าน้ำผึ้งจากมาฮาคามออกมา เฮอร์แกนก็ขี่ม้านำทางวิทเชอร์ไปยังโรงเลื่อยกังหันลมพร้อมกับจิบเหล้าและคุยอย่างออกรส เขาพูดถึงเรื่องการออกอาละวาดของเลเชนที่ดูเหมือนว่ามันจะเลือกสังหารเฉพาะพวกผู้ดีที่ใกล้ชิดกับบารอนเท่านั้น จึงเกิดข่าวลือที่ว่าความบาดหมางระหว่างพี่น้องตระกูลเครกิออคือสาเหตุที่ทำให้เลเชนผู้พิทักษ์ตระกูลออกอาละวาด
เฮอร์แกนเล่าว่า ไบรตันกับแอนตันคนลูกนั้นไม่กินเส้นกันมาตั้งแต่เด็กเพราะเป็นพี่น้องต่างมารดา ช่วงแรก ๆ ที่ไบรตันกลับมาจากการทำศึกก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะญาติดีกันได้ แต่ผ่านไปแค่ไม่กี่เดือนพวกเขาก็ทะเลาะกันอย่างรุนแรงจนไบรตันสั่งลงโทษน้องชายโดยการพาตัวไปปล่อยไว้ในป่าที่มีตะขาบยักษ์ ส่วนสาเหตุนั้นเป็นเพราะว่าแอนตันไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ “ท่านหญิงชาร์เลต” ภรรยาของไบรตันจนนางตั้งครรภ์
เฮอร์แกนยังพูดถึงเรื่องของลาแซร์อีกด้วย ผู้ว่าการเมืองนั้นเป็นทั้งญาติและผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของตระกูลเครกิออ เมื่อแอนตันคนลูกถูกสั่งเนรเทศ ลูกชายผู้เสเพลของลาแซร์ก็ตั้งใจจะหนีไปกับอาของเขา เนื่องจากความโกรธเคืองที่ผู้เป็นพ่อไม่เคยจัดการเลเชนที่สังหารแม่ของเขาเลย โชคดีที่ลาแซร์รู้เรื่องนี้เสียก่อน ไม่อย่างนั้นมาร์คัสก็คงตายในป่าไปพร้อมกับแอนตันแล้ว เกรอลท์เริ่มได้กลิ่นความไม่ชอบมาพากล แต่เขายังคงเตรียมตัวจัดการเลเชนตามสัญญาจ้าง
พอตกกลางคืนเกรอลท์ก็ไปรอที่ซากเมืองร้างกลางป่า แต่กลับพบว่ามาร์คัสกับองครักษ์อีกคนได้สะกดรอยตามเขามาด้วย มาร์คัสตั้งใจจะมาล้างแค้นให้แม่ด้วยการสังหารเลเชน แต่ลงเอยด้วยการมาเพิ่มภาระให้กับวิทเชอร์เมื่อเสือฝูงหนึ่งตีวงล้อมเข้ามา พวกมันสังหารองครักษ์อย่างง่ายดาย ยังดีที่เกรอลท์ใช้คาถาอิกนีช่วยมาร์คัสได้ทันก่อนที่เขาจะถูกขย้ำ เด็กหนุ่มรีบปีนหนีขึ้นไปบนต้นไม้ตามคำสั่งของวิทเชอร์ และแล้วแวร์แค็ทตัวจ่าฝูงก็ออกมาเผชิญหน้ากับเกรอลท์
ระหว่างการต่อสู้เกรอลท์ก็เรียกแวร์แค็ทตนนั้นว่าแอนตัน จากการปะติดต่อเรื่องราวที่ได้ฟังมา เจ้าสัตว์ร้ายหยุดการโจมตีและเล่าความจริงทั้งหมดให้วิทเชอร์ฟัง แอนตันบอกว่าเขากลายเป็นแวร์แค็ทจากคำสาปของพี่ชาย และการที่ไบรตันจ้างวานวิทเชอร์มาสังหารเลเชน แท้จริงแล้วเป็นเพราะว่าเขาต้องการกำจัดน้องชายที่ถูกสาปต่างหาก ดังนั้นแอนตันจึงฝากคำท้าดวลให้เกรอลท์กลับไปบอกพี่ชายของตน
คืนนั้นเองเกรอลท์นำเรื่องนี้ไปบอกลาแซร์ บารอนไบรตัน และท่านหญิงชาร์เลต ทุกคนดูประหลาดใจที่รู้ว่าแอนตันยังไม่ตายแต่ถูกคำสาปเปลี่ยนร่างให้กลายเป็นแวร์แค็ท เมื่อไบรตันรู้เรื่องคำท้าดวล เขาก็ปฏิเสธทันที และยืนยันจะให้เกรอลท์สังหารแวร์แค็ท ถึงแม้เกรอลท์จะบอกว่าคำสาปแวร์แค็ทนั้นสามารถทำพิธีลบล้างได้ก็ตาม เมื่อบารอนยังคงยืนกรานเช่นเดิม เกรอลท์ก็เดินทางกลับมายังที่พักและจัดการเก็บข้าวของส่วนตัวของเขา
📜 อ่านสรุปเนื้อเรื่องครึ่งหลังต่อได้ที่นี่
ชื่อตัวละครและสถานที่ภาษาไทยเทียบกับต้นฉบับ
เมืองมัลเลออเร = Malleore / แม่น้ำบรา = Braa / แม่น้ำครี = Crea / เครกิออ = Creigiua / ดอยเรี่ยน = Doireann / ไบรตัน = Bryton / ลาแซร์ = Lazare / ศาสดาเลบิโอดา = Prophet Lebioda / มาร์คัส = Marcas / เอนน่า = Eanna / บารอนแอนตันผู้พ่อ = Baron Anton the elder / แอนตันคนลูก = Anton the younger / เฮอร์แกน = Hurgan / ท่านหญิงชาร์เลต = Lady Searlait
ไม่มีความคิดเห็น