แคร์ มอร์เฮน (Kaer Morhen)

แคร์ มอร์เฮน หรือ แคร์ มอเร็น คือป้อมปราการโบราณอันเป็นที่ตั้งของสำนักวิทเชอร์หมาป่า ชื่อของมันมาจากภาษาเอลฟ์ที่ว่า “แคร์ อะมูร์เฮน” (Caer a’Muirehen) อันหมายถึงป้อมปราการแห่งทะเลโบราณ (The Keep of the Old Sea) ตัวปราสาทตั้งอยู่บนยอดเขาที่เป็นต้นน้ำของแม่น้ำเกว็นเล็ค (Gwenllech / Gwennlech) หรือแม่น้ำหินขาว แม้คนส่วนใหญ่จะรู้ว่าปราสาทอยู่บนเทือกเขาบลูเมาเทนส์ในอาณาจักรเคดเวน แต่ก็ไม่มีใครสามารถระบุตำแหน่งที่ชัดเจนได้ นอกจากพวกวิทเชอร์สำนักหมาป่าและผู้ที่เคยไปเยือนมาแล้วเท่านั้น

หินที่ถูกนำมาใช้สร้างปราสาทยังมีซากฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตในทะเลปรากฏอยู่ด้วย จึงสันนิษฐานได้ว่าพื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นก้นทะเลมาก่อน แต่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาจนทำให้มันกลายสภาพเป็นภูเขาสูงแทน บางคนคาดว่าป้อมปราการถูกสร้างโดยพวกเอลฟ์ แต่บางคนก็คิดว่าตัวปราสาทน่าจะถูกสร้างทับรากฐานที่พวกเอลฟ์สร้างไว้เหมือนกับปราสาทและเมืองส่วนใหญ่ของมนุษย์

ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าวิทเชอร์สำนักหมาป่าใช้ปราสาทแห่งนี้เป็นที่พำนักมาตั้งแต่ตอนไหน แต่เมื่อช่วงปลายศตวรรษที่สิบสอง ป้อมปราการแห่งนี้ได้ถูกปิดล้อมและโจมตีด้วยฝูงชนที่เกลียดชังและหวาดกลัวพวกวิทเชอร์ ว่ากันว่ามีจอมเวทคอยยุยงปลุกปั่นและแอบใช้เวทมนตร์ถล่มแนวป้องกันของปราสาท แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถยืนยันเรื่องนี้ได้อีกเช่นกัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือการสังหารหมู่ที่ล้างบางวิทเชอร์สำนักหมาป่าไปจนเกือบหมด เหลือเพียงอาจารย์เวสิเมียร์และพรรคพวกของเกรอลท์เพียงไม่กี่คนเท่านั้น

หลังเหตุการณ์ครั้งนั้นโครงสร้างของแคร์ มอร์เฮน ก็เสียหายอย่างหนัก แต่วิทเชอร์ที่เหลือก็ยังสามารถใช้มันเป็นที่พำนักในช่วงฤดูหนาวได้ ในโถงกลางจะมีเตาผิงและโต๊ะไม้ตัวใหญ่ที่พวกวิทเชอร์จะมานั่งพักผ่อนและปรึกษาหารือกัน จนกระทั่งถึงฤดูหนาวในปี 1265 เกรอลท์ก็พาซีรีมาฝึกวิชาที่นี่ ซีรีใช้ชีวิตเป็นวิทเชอร์ฝึกหัดอยู่ประมาณ 2 ปี ก่อนจะเดินทางไปเรียนอ่านเขียนและฝึกเวทมนตร์พื้นฐานกับเยนเนเฟอร์ที่วิหารเมลิเทเล

 

Original Novel (Blood of Elves)

สายลมครวญครางกระหน่ำพัดแหวกผืนหญ้าที่ปกคลุมเหนือซากปรักหักพัง พุ่มฮอว์ธอร์น*และตำแยต้นสูงส่งเสียงกรอบแกรบตามแรงลม ก้อนเมฆลอยละลิ่วผ่านรัศมีจันทราที่สาดแสงกระทบปราสาทหลังใหญ่จนเรืองระเรื่อไปชั่วครู่ อาบย้อมคูปราสาทและผนังกำแพงที่ยังหลงเหลืออยู่ด้วยแสงนวลสีซีดสลับเป็นระลอกริ้วกับเงามืด เผยให้เห็นกองกะโหลกกำลังแสยะยิ้มอวดซี่ฟันที่แตกหัก จ้องมองไปในความว่างเปล่าด้วยเบ้าตากลวงโบ๋ ซีรีส่งเสียงร้องแหลมเล็กออกมาและซุกใบหน้าเข้ากับผ้าคลุมของวิทเชอร์

[...]

“ข้ากลัว…” เด็กน้อยกระซิบ

“ไม่มีสิ่งใดที่เจ้าต้องกลัว” วิทเชอร์ตอบพร้อมกับกุมบ่าของนางไว้ “ไม่มีที่ใดบนโลกที่จะปลอดภัยกว่านี้อีกแล้ว ที่นี่คือแคร์ มอร์เฮน ป้อมปราการของเหล่าวิทเชอร์ มันเคยเป็นปราสาทที่งดงามมาก่อน... เมื่อนานมาแล้ว”


หมายเหตุ: ฮอว์ธอร์น (hawthorn) หรือเมย์บลอสซัม (may blossom) เป็นไม้พุ่มมีหนามในวงศ์กุหลาบ (Rosaceae) ทรงพุ่มหนาแน่น ลำต้นสูงตั้งแต่ 5-14 เมตร ใบรูปไข่หยักลึก ดอกมีลักษณะคล้ายกุหลาบป่า มีกลีบดอกกลมมนสีขาว 5 กลีบเรียงแบบชั้นเดียว ผลกลมเล็กเปลี่ยนเป็นสีแดงสดเมื่อสุกเต็มที่

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞


ทริสขี่ม้าเข้าไปสำรวจใกล้ ๆ เพื่อให้มั่นใจว่ามันคือเส้นทางสายนั้น และแนวต้นไม้ที่แหวกออกไม่ได้เกิดจากลมพายุที่บังเอิญพัดมา แต่เมื่อนางตรวจดูแนวแคบ ๆ ที่กลืนหายไปกับผืนป่า นางก็มั่นใจว่ามันต้องเป็นเส้นทางสายนั้นอย่างแน่นอน เส้นทางอันเต็มไปด้วยอุปสรรคที่ล้อมรอบปราสาทแคร์ มอร์เฮน ซึ่งวิทเชอร์จะใช้มันฝึกฝนเพื่อให้วิ่งได้เร็วขึ้นไปพร้อมกับการควบคุมลมหายใจ ทางเส้นเล็ก ๆ ที่เรียกกันว่า “รอยทาง” แต่ทริสรู้ดีว่าพวกวิทเชอร์ฝึกหัดตั้งชื่อให้มันว่า “เส้นทางเพชรฆาต”

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞


พวกนางขี่ม้าข้ามลำธารอีกแห่งผ่านลาดเขาขึ้นไปยังเนินโค้งมน จากจุดนี้สามารถมองเห็นซากของปราสาทแคร์ มอร์เฮน ซุกตัวอยู่ท่ามกลางผาหินสูงเสียดฟ้า เห็นมุมของกำแพงป้องกันปราสาทที่บางส่วนถล่มลงมา รวมไปถึงซากของซุ้มประตูชั้นนอกและป้อมปราการหลักทรงแท่งทึบ

เจ้าม้าหนุ่มทำเสียงครืดและสะบัดหัวเมื่อมันต้องเดินข้ามคูปราสาทผ่านซากสะพาน ทริสรั้งสายบังเหียน ตรงก้นคูเต็มไปด้วยโครงกระดูกและกะโหลกผุ ๆ ซึ่งไม่ได้ทำให้นางประทับใจเลย นางเคยเห็นมันมาก่อนหน้านี้แล้ว

[...]

“แคร์ มอร์เฮน... ” ทริสพูดพลางบังคับม้าให้เดินผ่านช่องใต้ซุ้มหลังคาที่พังทลาย “...ถูกบุกโจมตี มันเป็นการสู้รบนองเลือดที่คร่าชีวิตเหล่าวิทเชอร์ไปจนเกือบหมด มีแต่คนที่ไม่ได้อยู่ในป้อมปราการเท่านั้นที่รอดตาย”

“ใครโจมตีพวกเขา? เพื่ออะไร?”

“ข้าก็ไม่รู้” นางโกหก “มันเกิดขึ้นเมือนานมาแล้ว...ซีรี ลองถามพวกวิทเชอร์ดูสิ”

“ข้าเคยถามแล้ว” เด็กสาวกระฟัดกระเฟียด “แต่พวกเขาไม่ยอมเล่าให้ข้าฟังเลย”

ข้าเข้าใจเรื่องนั้นดี  นักเวทหญิงคิดในใจ เด็กผู้หญิงที่เพิ่งจะฝึกวิชาของวิทเชอร์และยังไม่ผ่านการกลายพันธุ์ไม่ควรรับรู้ถึงเรื่องราวแบบนี้ เด็กตัวเล็ก ๆ ไม่ควรรู้เรื่องการสังหารหมู่อันโหดร้ายครั้งนั้น ไม่ควรมีอนาคตอันโหดร้ายจากการถูกตราหน้าด้วยคำดูหมิ่นเหยียดหยามเช่นเดียวกับถ้อยคำที่เหล่าคนคลั่งร้องตะโกนขณะบุกรุกเข้ามาในแคร์ มอร์เฮน เมื่อนานมาแล้ว “พวกกลายพันธุ์” “อสุรกาย” “ตัวประหลาด” “สิ่งมีชีวิตผิดธรรมชาติที่ถูกเหล่าทวยเทพลงทัณฑ์” ข้าจะไม่โทษพวกวิทเชอร์ที่ไม่ยอมเล่าเรื่องนี้ให้เจ้าฟังหรอก… ซีรีตัวน้อย และข้าจะไม่เล่าให้เจ้าฟังด้วย เพราะข้าเป็นจอมเวท และพวกชาวบ้านเหล่านั้นไม่มีทางพิชิตปราสาทได้หากปราศจากความช่วยเหลือจากจอมเวท และข่าวลืออันน่ารังเกียจนั่น ที่ป้ายสีวิทเชอร์ว่าเป็น “สัตว์ประหลาด”ได้แพร่สะพัดไปอย่างกว้างขวางและปลุกปั่นยุยงให้มวลชนกระทำสิ่งที่ชั่วร้าย ก็ดูเหมือนว่ามันเป็นผลงานไร้ชื่อของจอมเวทเช่นกัน แต่… ซีรีตัวน้อย ข้าคงไม่อาจร่วมรับผิดชอบเรื่องนี้ได้ ข้าไม่คิดว่าเราจำเป็นต้องลบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครึ่งศตวรรษก่อนที่ข้าจะลืมตาดูโลก และบรรดาโครงกระดูกที่เป็นดังเครื่องเตือนใจชั่วนิรันดร์เหล่านี้ก็จะถูกหลงลืมและผุกร่อนกลายเป็นฝุ่นผงปลิวหายไปกับสายลมที่พัดกระหน่ำลาดไหล่ผาอยู่เสมอ

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞


ในลานกว้างตรงมุมกำแพงซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวกันลม ซีรีกำลังฝึกฝนภายใต้การควบคุมของแลมเบิร์ท เด็กสาวทรงตัวอย่างชำนิชำนาญบนไม้คานที่ถูกห้อยไว้ด้วยสายโซ่ ใช้ดาบของนางจู่โจมใส่ถุงหนังมัดเชือกซึ่งเป็นเป้าซ้อมแทนส่วนลำตัวของมนุษย์ ทริสหยุดเดินแล้วยืนดู

 

The World of the Witcher

แคร์ มอร์เฮน นั้นเป็นที่รู้จักกันในนามที่พำนักของเหล่าวิทเชอร์ ตำนานและหลักฐานทางประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าป้อมปราการแห่งนี้เป็นสถานที่ฝึกฝนวิทเชอร์แห่งหนึ่งจากหลาย ๆ แห่ง และเป็นจุดเริ่มต้นของสำนักหมาป่า ผู้บันทึกส่วนใหญ่ระบุว่าตัวปราสาทตั้งอยู่บนภูเขาสูงทางตะวันออกเฉียงเหนือของเคดเวน บริเวณป่าต้นน้ำของแม่น้ำเกว็นเล็ค ซึ่งเป็นจุดที่ยากแก่การเดินทางขึ้นไป อย่างไรก็ตามไม่มีผู้ใดสามารถระบุตำแหน่งที่แน่ชัดของป้อมปราการนี้ได้

ชื่อของมันกร่อนเสียงมาจากภาษาเอลฟ์คำว่า “แคร์ อะมูร์เฮน” (caer a’muirehen) ซึ่งแปลว่า “ป้อมปราการแห่งท้องทะเลโบราณ” และจากชื่อนี้ก็ทำให้พอสันนิษฐานได้ว่าพวกเอลฟ์เคยใช้มันเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการการตั้งรับและป้องกัน แต่ความหมายที่แท้จริงทั้งหมดยังคงเป็นปริศนา

แคร์ มอร์เฮน ถูกทำลายระหว่างเหตุจลาจลต่อต้านพวกวิทเชอร์ สันนิษฐานว่าอาจเกิดขึ้นประมาณช่วงปลายศตวรรษที่สิบสอง

- ข้อความส่วนหนึ่งจากวิทยานิพนธ์ชั้นปีที่หนึ่ง คณะประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอ็อกเซนเฟิร์ต

 

"แคร์ มอร์เฮน ที่พำนักของเหล่าวิทเชอร์ล่มสลายลงในวั้นนั้น ประตูป้อมปราการถูกบดขยี้ด้วยเวทมนตร์ของพวกจอมเวทที่คอยสนับสนุนเหล่าฝูงชนให้มาปิดล้อมปราสาท ผู้บุกรุกทะลักเข้ามาอย่างรวดเร็วและสังหารทุกคนที่พวกเขาเห็น ไม่เว้นแม้กระทั่งจอมเวทของปราสาทผู้ควบคุมบททดสอบต่าง ๆ หรือวิทเชอร์ฝึกหัดตัวเล็ก ๆ แน่นอนว่าพวกเขาไม่ไว้ชีวิตวิทเชอร์สักคน สิ่งที่ช่วยให้ข้าและคนอื่น ๆ รอดชีวิตมาได้ นั่นเป็นเพราะว่าขณะนั้นพวกเราไม่ได้อยู่ในปราสาทแคร์ มอร์เฮน

ด้วยเหตุนี้เองข้าจึงไม่อาจลงรายละเอียดเรื่องนี้ได้ และข้าจะไม่ขอพูดถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน กี่ครั้งที่เกิดวีรกรรมเพื่อหยุดยั้งการรุกรานป้อมปราการ หรือมีศัตรูจำนวนเท่าใดที่ดับดิ้นลงด้วยคมดาบเหล็กของวิทเชอร์ หลังจากนั้นทางการก็ประกาศว่าพวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับเหตุสังหารหมู่ พวกผู้กระทำความผิดถูกจับไปลงโทษ ซึ่งเป็นการแสดงความรับผิดชอบเพียงอย่างเดียวที่ทางการจะทำได้ และบางครั้งก็ถึงกับแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีการตามล่าพวกเราที่ยังรอดชีวิตอยู่ จนทำให้เกิดข่าวลือว่าเป้าหมายที่แท้จริงของการสังหารนั้นไม่ใช่พวกวิทเชอร์ แต่เป็นเหล่าจอมเวทที่ดูแลการฝึกของเราต่างหาก มันอาจเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงผู้ที่อยู่เบื้องหลังฝูงชนเหล่านั้นก็ประสบความสำเร็จแล้ว แม้ห้องทดลองจะไม่ได้รับความเสียหายไปทั้งหมด และยังเหลือยาต่าง ๆ กับบันทึกบางส่วนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีใครรู้วิธีสร้างสารก่อการกลายพันธุ์และสร้างวิทเชอร์ขึ้นมาใหม่ได้อีกเลย"

- เกรอลท์แห่งริเวีย

 

Gwent (Year of Wild Boar, Season of the Wolf Reward Tree)


บันทึกม้วนที่ 1: ในบรรดาสำนักวิทเชอร์ทั้งหมด สำนักที่มีผู้คนรู้จักมากที่สุดคือสำนักหมาป่า นอกจากจะเป็นเพราะชื่อเสียงอันโด่งดังของ “เกรอลท์แห่งริเวีย” ผู้เป็นหนึ่งในสมาชิกของสำนักแห่งนี้แล้ว ยังเป็นเพราะโศกนาฏกรรมในอดีตที่เคยเกิดขึ้น ณ ปราสาทแคร์ มอร์เฮน

บันทึกม้วนที่ 2: ป้อมปราการแห่งนี้ตั้งอยู่ตรงสุดขอบโลกที่ล้อมรอบไปด้วยทิวเขาน้อยใหญ่ในอาณาจักรเคดเวน มันรับใช้สำนักหมาป่าในฐานะที่พำนักของเหล่าวิทเชอร์มาอย่างยาวนาน เมื่อครั้งหนึ่งนานมาแล้วที่แห่งนี้เคยมีวิทเชอร์อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ต่างจากตอนนี้ที่สามารถนับจำนวนพวกเขาได้ด้วยนิ้วมือบนมือข้างเดียว

บันทึกม้วนที่ 3: ตลอดเวลาอันยาวนานเหล่าวิทเชอร์ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและตัดขาดออกจากสังคม แทนที่จะจัดการกับข่าวลือผิด ๆ และเรื่องซุบซิบนินทาทั้งหลาย พวกวิทเชอร์ยอมสละเวลาพิสูจน์ด้วยการกระทำซึ่งเห็นได้ชัดเจนกว่าคำพูด แต่พวกเขาก็รู้ตัวว่ามันเป็นวิธีที่ผิดพลาดเมื่อวันแห่งความโชคร้ายมาเยือน ฝูงชนบ้าคลั่งได้มารวมตัวกันหน้าประตูป้อมปราการ และตอนนั้นทุกอย่างก็สายเกินไปเสียแล้ว

บันทึกม้วนที่ 4: ทุกวันนี้ป้อมปราการแคร์ มอร์เฮน นั้นเหลือเพียงแค่เศษซาก หอคอยสูงทรุดโทรมลงอย่างช้า ๆ ผนังหลายจุดพังทลายลง และหลังคาก็ผุกร่อนไปตามกาลเวลา วิทเชอร์สำนักหมาป่ากลุ่มสุดท้ายพยายามบำรุงรักษาบ้านของพวกเขา แต่มันก็ไม่สามารถเป็นหลักประกันใด ๆ ได้ พวกเขาต่างรู้ดีว่ายุคสมัยของวิทเชอร์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว

หีบใบที่ 1: ผ่านไปอีกหลายทศวรรษนับจากเหตุการณ์ครั้งนั้น แคร์ มอร์เฮน ก็ถูกโจมตีอีกครั้งโดยกองกำลัง “ซาลาแมนดรา” องค์กรอาชญากรรมลับสุดยอดที่เขย่าโลกใต้ดินของอาณาจักรเทเมเรียและเรเดเนียลงไปถึงแก่น แม้เหล่าวิทเชอร์จะสามารถปกป้องบ้านของพวกเขาไว้ได้ แต่ก็ไม่สามารถรักษาสารกระตุ้นการกลายพันธุ์ของวิทเชอร์ไว้ได้อีกต่อไป และความล้มเหลวของพวกเขากำลังจะปรากฏผลในไม่ช้า…

หีบใบที่ 2: วิธีฝึกฝนร่างกายให้สามารถคงสมดุลและมีความทนทานของวิทเชอร์สำนักหมาป่าถูกขนานนามว่า “เดอะ กอนท์เล็ท” (gauntlet = บททดสอบที่มีความอันตราย) คงพอเดาได้จากชื่อว่าบททดสอบเหล่านี้เป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างยิ่ง วิทเชอร์ฝึกหัดตัวน้อยจะต้องฝึกหมุนตัวบนคานแคบ ๆ หลบหลีกซุงท่อนใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนามแหลม และดวลดาบกับหุ่นฝึกซ้อมที่ไม่ได้อยู่นิ่ง ๆ อ้อ… และยังต้องผูกผ้าปิดตาไปด้วย

หีบใบที่ 3: วิทเชอร์สำนักหมาป่าจะสวมจี้ห้อยคอที่ทำมาจากเงินสลักเป็นรูปสัตว์นักล่าประจำสำนัก นอกจากจะแสดงถึงสังกัดแล้วมันยังทำหน้าที่เป็นเครื่องรางเตือนภัยอีกด้วย มันจะสั่นสะเทือนเมื่อเข้าใกล้แหล่งพลังงานเวทมนต์… และพวกสัตว์ประหลาดตัวอันตรายด้วย

 

 

 

 

           SPOILER ZONE           

 

  ⚠ คำเตือน: มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของอนิเมชัน Nightmare of the Wolf  

 

 

 

 

Netflix: Nightmare of the Wolf

อดีตป้อมปราการสุดแกร่ง มาบัดนี้เหลือเพียงซากปรักหักพังที่สะท้อนภาพอดีตอันรุ่งเรืองเท่านั้น

- คู่มือแนะนำมหาทวีปแห่งเมืองเคนกอร์น


แคร์ มอร์เฮนตั้งอยู่ในราชอาณาจักรเคดเวน ชื่อของปราสาทแห่งนี้มีความหมายว่า “ป้อมปราการแห่งท้องทะเล” แต่ปัจจุบันในแถบนี้ไม่มีทะเลใด ๆ หลงเหลืออยู่อีกแล้ว แสดงให้เห็นว่ามหาทวีปนั้นมีการเปลี่ยนแปลงตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมาเช่นกัน ป้อมปราการถูกสร้างบนยอดเขาแห่งหนึ่งในเทือกเขาบลูเมาเทนส์ มีแต่ผู้ที่รู้จักเส้นทางเป็นอย่างดีเท่านั้นที่สามารถฝ่าอันตรายต่าง ๆ ขึ้นไปจนถึงป้อมปราการนี้ได้

สถานที่แห่งนี้เป็นที่พำนักของเหล่าวิทเชอร์มานานนับศตวรรษ เมื่อถึงฤดูหนาวที่พวกมอนสเตอร์พากันจำศีล วิทเชอร์ทั้งหลายก็จะกลับคืนสู่ป้อมปราการเพื่อซ่อมแซมอาวุธและชุดเกราะ รวมไปถึงปรุงยาต่าง ๆ เพื่อเก็บไว้ใช้ต่อไป เหล่าบุรุษแห่งแคร์ มอร์เฮน ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับชาวเคดเวนในละแวกนั้น เนื่องจากไม่ต้องการให้สภาวะสมดุลอันละเอียดอ่อนนี้ถูกรบกวน จนกระทั่งในฤดูหนาวหนึ่ง... แคร์ มอร์เฮนก็ถูกโจมตี

ห้องทดลอง
สถานที่ที่จอมเวทไรดริคทดลองสร้างสารกระตุ้นการกลายพันธุ์ด้วยศาสตร์แห่งการเล่นแร่แปรธาตุ มีเด็กชายจำนวนมากถูกป้อนยาที่มีพิษร้ายแรงจนเสียชีวิตเกือบทั้งหมด ในห้องทดลองมีประตูนิรภัยและห้องลับที่ไรดริคเรียกว่า “สมุดรวบรวมสัตว์ประหลาด” เนื่องจากเขาใช้ห้องแห่งนี้ศึกษาสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ต่าง ๆ และยังทดลองสร้างสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ลูกผสมขึ้นมาด้วย คิทสึก็ถูกทำให้กลายพันธุ์ในห้องนี้เช่นกัน

คุกใต้ดิน
ห้องขังมืด ๆ สำหรับขังวิทเชอร์ฝึกหัดหลังจากรับยากระตุ้นกลายพันธุ์ในบททดสอบแห่งต้นหญ้า เมื่อผลข้างเคียงจากสมุนไพรนานาชนิดหมดฤทธิ์ลง ผู้ที่แข็งแกร่งพอเท่านั้นที่จะเดินออกไปจากห้องนี้ไปได้ และพวกเขาจะกลายเป็นวิทเชอร์อย่างเต็มตัว

Timeline

ปี 967 การสร้างวิทเชอร์คนแรก
เพื่อต่อสู้กับบรรดาสิ่งมีชีวิตสุดอันตรายที่สร้างปัญหาให้กับมหาทวีป นักเวทกลุ่มหนึ่งได้รวมตัวกันที่แคร์ มอร์เฮน เพื่อสร้างวิทเชอร์คนแรกขึ้นมา

ปี 1108 เวสิเมียร์ผ่านบททดสอบแห่งต้นหญ้า
บททดสอบสุดท้ายของการเป็นวิทเชอร์ฝึกหัดที่เวสิเมียร์ต้องเผชิญคือบททดสอบแห่งต้นหญ้า กระบวนการที่สร้างอันตรายต่อทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังเหนือมนุษย์

ปี 1165 การสังหารหมู่ที่แคร์ มอร์เฮน
ความตึงเครียดระหว่างอาณาจักรเคดเวนกับพวกวิทเชอร์ได้มาถึงจุดแตกหัก เมื่อเตตราได้รับการสนับสนุนจากทางการเพื่อถล่มแคร์ มอร์เฮน ให้ราบคาบ

ปี 1165 วิทเชอร์กลุ่มสุดท้าย
เมื่อตามหาเด็ก ๆ ผู้รอดชีวิตจนพบ เวสิเมียร์ได้ตัดสินใจสืบทอดตำนานของเหล่าวิทเชอร์ด้วยการเป็นทั้งอาจารย์และผู้ปกป้องลูกศิษย์ตัวน้อย ๆ เหล่านี้ ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาได้กลายเป็นวิทเชอร์กลุ่มสุดท้ายแล้ว


ที่มา: Map of the Continent www.witchernetflix.com

 

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.