Tale of Triss by Condwiramurs

 

  ⚠ คำเตือน: มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของนิยาย The Witcher  

 

"เรื่องเล่าของทริส โดยคอนด์ไวราเมอร์ส" (Tale of Triss by Condwiramurs) เป็นภาพวาด 12 ภาพที่มีคำบรรยายสั้น ๆ เป็นตัวอักษรกลาโกลิติก (Glagolitic script) และเป็นเรื่องราวในโหมด journey ลำดับที่ 5 ของเกม Gwent ทีมงานได้ดัดแปลงเรื่องราวให้เหมาะสมกับจักรวาลเกมของ CD Projekt Red จึงมีเนื้อหาบางจุดที่อาจขัดแย้งกับนิยายต้นฉบับของ Andrzej Sapkowski

ภาพประกอบโดย Katarzyna Bekus และ Sandra Chlewińska

คำบรรยายภาษาไทยโดย อาอี๊จับจอย

 

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

หน้า 1

เกิดเมื่อปี 1221 ทารกน้อยที่ครอบครัวรอคอยมานาน

ทริสเกิดเมื่อปี 1221 ในเมืองมาริบอร์แห่งอาณาจักรเทเมเรีย เธอมีพื้นฐานทางสังคมที่แตกต่างกับเยนเนเฟอร์อย่างสิ้นเชิง ครอบครัวเมอริโกลด์ตั้งตารอทารกน้อยมานาน เด็กหญิงจึงได้รับความรักและการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ทำให้ทริสมีนิสัยและทัศนคติแตกต่างจากนักเวทหญิงคนอื่น ๆ เธอเป็นเหมือนฤดูใบไม้ผลิที่แสนสดใส ในขณะที่เพื่อน ๆ ของเธอต่างเย็นชาและสนใจแต่เรื่องของตัวเองเท่านั้น

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

หน้า 2

ปี 1226 หนูน้อยผมแดงจอมป่วน

ทริสในวัยเด็กใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการออกไปเล่นนอกบ้าน ด้วยความที่เธอไม่ค่อยจะกลัวอะไรง่าย ๆ การเล่นสนุกของทริสจึงทำให้เพื่อน ๆ ถึงกับวงแตกในบางครั้ง

ไม่มีเด็กคนไหนที่ไม่เคยฟังนิทานเกี่ยวกับเจ้าชายที่ถูกสาปให้กลายเป็นกบ แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าเธอจะกล้าถึงขนาดไปคว้าเอาคางคกตัวใหญ่มาเล่นด้วย ขี้โคลนเหม็น ๆ เมือกลื่น ๆ หรือสาหร่ายที่ชวนขยะแขยงไม่ใช่อุปสรรคในการหาเพื่อนใหม่ของหนูน้อยผมแดงจอมป่วนเลย

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

หน้า 3

ปี 1233 เข้าเรียนในโรงเรียนนักเวทหญิงอาเรทูซา

หลังจากค้นพบพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ ครอบครัวของทริสก็ตัดสินใจพาเธอไปสมัครเรียนที่โรงเรียนนักเวทหญิงอาเรทูซา ทริสในวัย 12 ปีผ่านการสอบคัดเลือกสุดหินไปได้ แต่การเริ่มต้นชีวิตบนเส้นทางสายเวทมนตร์ ก็ทำให้เธอต้องตัดขาดจากครอบครัวจนกว่าจะสำเร็จการศึกษา การปล่อยให้ลูกสาวสุดที่รักต้องไปใช้ชีวิตตามลำพังช่างเป็นเรื่องหวานอมขมกลืนที่ครอบครัวเมอริโกลด์ต้องแลกกับอนาคตที่ยิ่งใหญ่ของเด็กสาว

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

หน้า 4

ปี 1235 ผู้เยียวยาเปี่ยมทักษะ

หลังจากเข้าเรียนในโรงเรียนนักเวทหญิงอาเรทูซาได้ 2 ปี ก็ดูเหมือนว่าทริสจะมีพรสวรรค์ด้านการรักษาด้วยคาถาและหยูกยาต่าง ๆ มากกว่าการใช้เวทมนตร์ในด้านอื่น และเธอก็ได้ใช้ทักษะนี้ระหว่างออกฝึกภาคสนามอยู่เนือง ๆ เสียด้วย

วันหนึ่งขณะที่ทริสออกไปทำภารกิจในป่า เธอได้ยินเสียงสวบสาบดังมาจากพุ่มไม้ เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็พบกระรอกน้อยตัวหนึ่งกำลังดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด ราวกับว่ามันต้องการความช่วยเหลือจากใครสักคน ทริสไม่ลังเลที่จะใช้เวทมนตร์รักษามันอย่างสุดความสามารถ นอกจากจะไม่ถูกจับลงหม้อแล้วมันยังหายดีเป็นปลิดทิ้ง เจ้ากระรอกน้อยตัวนี้ช่างโชคดีเหลือเกิน

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

หน้า 5

ปี 1241 ที่ปรึกษาคนใหม่ของพระราชา

เมื่อจบการศึกษาในรั้วโรงเรียนเวทมนตร์ ทริสก็เริ่มใช้ชีวิตเป็นนักเวทหญิงอย่างเต็มตัว ความสามารถและไหวพริบของเธอทำให้ราชาโฟลเทสท์แห่งเทเมเรียไว้วางใจและมอบตำแหน่งในราชสภาให้ หลังจากพระองค์ได้รับจดหมายแนะนำจากโรงเรียนอาเรทูซา ทริสจึงได้เป็นที่ปรึกษาที่อายุน้อยที่สุดขององค์ราชามาตั้งแต่นั้น

สมาชิกสภาแห่งนี้ล้วนแล้วแต่มากไปด้วยบารมีและประสบการณ์ เฟอร์คาร์ทแห่งซิดาริส และเคียรา เมทซ์ เป็นตัวแทนของจอมเวท สังฆราชวิลเมอเรียสแห่งวิซิมาเป็นตัวแทนนักบวช ส่วนแม่ทัพโบรนิบอร์และดยุคแห่งเอลลันเดอร์เป็นผู้รับผิดชอบด้านการทหาร การที่ทริสเข้ามานั่งในสภาแห่งนี้ได้ตั้งแต่เธอมีอายุแค่ 20 ปี จึงถือเป็นความสำเร็จที่มาพร้อมกับความท้าทายอย่างยิ่ง

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

หน้า 6

ปี 1243 แรกพบวิทเชอร์

การได้เป็นหนึ่งในคณะที่ปรึกษาของราชาโฟลเทสท์ ทำให้ทริสเข้านอกออกในเขตพระราชวังได้ตามต้องการ เย็นวันหนึ่งขณะที่เธอเดินผ่านท้องพระโรง ทริสก็ได้ยินเสียงองค์ราชากำลังสนทนาอยู่กับคนแปลกหน้า แม้รู้ว่าการแอบฟังเป็นเรื่องที่ไม่สมควร แต่สุดท้ายเธอก็พ่ายแพ้ให้แก่ความสงสัยใคร่รู้จนได้

ชายแปลกหน้าผู้นี้มีผมขาวโพลนทั้งที่ใบหน้ายังดูไม่แก่เฒ่า เขาสวมชุดเกราะทะมัดทะแมงและสะพายดาบสองเล่มไว้ข้างหลัง พระราชามีภารกิจลับบางอย่าง ซึ่งดูเหมือนว่ามีแต่พวกวิทเชอร์เท่านั้นที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้

หัวใจของนักเวทหญิงเต้นระรัว ไม่ใช่เพราะกลัวจะถูกจับได้ แต่เป็นเพราะวิทเชอร์คนนั้นต่างหาก เธอไม่สามารถสลัดภาพของเขาออกไปจากหัวได้เลย ทริสจึงสะกดรอยและแอบให้ความช่วยเหลืออยู่ห่าง ๆ โดยที่วิทเชอร์ไม่ทันได้รู้ตัว

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

หน้า 7

ปี 1263 ศพที่สิบสี่แห่งเนินซ็อดเดน

ในปี 1263 แดนเหนือต้องผนึกกำลังกันเพื่อรับมือการรุกรานของจักรวรรดินิลฟ์การ์ด หลังอาณาซินทราถูกทัพทมิฬบดขยี้จนราบคาบ เมนโน โคฮูร์น (Menno Coehoorn) แม่ทัพนิลฟ์การ์ดก็เคลื่อนกำลังพลขึ้นเหนือข้ามแม่น้ำยารูก้ามาจนถึงซ็อดเดน ซึ่งเป็นรัฐใต้ปกครองของอาณาจักรเทเมเรีย

เมื่อจอมเวทวิลเกฟอตซ์ (Vilgefortz) ตัดสินใจรวบรวมนักเวทผู้กล้าที่พร้อมจะสละชีวิตเพื่อปกป้องบ้านเมือง ทริสก็อาสาเป็นหนึ่งในนั้น เธอต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเยนเนเฟอร์ แต่การใช้เวทมนตร์เข้าต่อสู้ก็ทำให้สมรภูมินี้กลายสภาพเป็นนรกบนดิน

รู้ตัวอีกทีทริสก็ฟื้นมาในสภาพโชกเลือด บาดแผลขนาดใหญ่พาดลึกกลางหน้าอก ผิวหนังและเส้นผมของเธอถูกไฟคลอกจนหมด ข้างหน้านั้นคือลำตัวด้วน ๆ ที่ไร้แขนขาของจอมเวทหญิงชาวสเกลลิเกะนามว่า "ลิตต้า เนด์" หรือ "คอรัล" (Lytta Nyed: Coral)

แม้ทริสจะรอดชีวิตมาได้ แต่สภาพในตอนนั้นคงมีเยนเนเฟอร์เพียงแค่คนเดียวที่จำเธอได้ แต่โชคร้ายที่เพื่อนรักของเธอสูญเสียการมองเห็นจากการต่อสู้ไปด้วย ทำให้คนอื่น ๆ พากันคิดว่าทริส เมอริโกลด์ได้สละชีพไปพร้อมกับจอมเวทอีก 13 คน ชื่อของเธอจึงถูกสลักไว้บนแท่งหินพร้อมกับหลุมศพที่ไร้ร่าง เป็น "ศพที่สิบสี่แห่งเนินซ็อดเดน" (The Fourteenth of the Hill)

จนกระทั่งทริสรักษาตัวจนหายดี ทุกคนจึงได้รู้ว่าเธอยังไม่ตาย แต่คำจารึกและหลุมศพที่ 14 ก็ยังถูกเก็บไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความกล้าหาญของจอมเวทหญิงอายุน้อยผู้นี้ ทุกครั้งที่ทริสกลับไปคารวะเหล่าวีรบุรุษแห่งเนินซ็อดเดน ชื่อและหลุมศพของตัวเธอเองก็ย้ำเตือนอยู่เสมอถึงความโหดร้ายของสงครามที่พรากชีวิตนับหมื่นไปจากคนที่พวกเขารัก

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

หน้า 8

ปี 1266 พี่สาวคนโต

ทริสได้รับการติดต่อจากเกรอลท์ให้ช่วยเดินทางมายังปราสาทแคร์ มอร์เฮน เขาอ้างว่าเวสิเมียร์เริ่มปวดข้อปวดกระดูกมากขึ้น จึงอยากให้เธอมาช่วยดูอาการให้ คำเชิญของวิทเชอร์ทำให้หัวใจของทริสเต้นระส่ำ หลังจากความสัมพันธ์ครั้งนั้น เธอต้องพยายามหักห้ามใจอย่างหนักไม่ให้กลับไปคิดถึงคนรักของเพื่อนอีก

เมื่อถึงปราสาท ทริสก็เข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมพวกวิทเชอร์ถึงเชิญเธอมา พวกเขากำลังเลี้ยงดูเด็กสาวอายุ 14 ปีแบบเดียวกับพวกวิทเชอร์ฝึกหัด เธอสวมชุดฝึกที่ขาดเป็นรูจนดูเหมือนผ้าขี้ริ้ว เนื้อตัวมีแต่รอยฟกช้ำดำเขียวเต็มไปหมด

ระหว่างที่นักเวทหญิงกำลังเสกคาถาซ่อมแซมเสื้อผ้าและรักษารอยช้ำให้กับซีรี จู่ ๆ เด็กสาวก็เอ่ยขึ้นมาว่า

"ถ้าท่านใช้เวทมนตร์คาถาได้... ถ้าท่านร่ายคาถาได้... ท่านช่วยเสกข้าให้กลายเป็นเด็กผู้ชายได้ไหม?"[1]

ซีรีหน้าแดง จริง ๆ แล้วเธอรู้สึกรำคาญสรีระแบบผู้หญิงที่เป็นอุปสรรคของการฝึกเพลงดาบ และวันนี้ก็เป็น "วันนั้นของเดือน" ด้วย ทำให้ทริสโมโหพวกวิทเชอร์เป็นฟืนเป็นไฟ เจ้าทึ่มพวกนี้ไม่รู้เรื่องของผู้หญิงเลยสักนิด

ทริสจึงกลายเป็นเหมือนกับพี่สาวของซีรีไปโดยปริยาย

แต่แล้วความกังวลก็เริ่มทวีขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากซีรีมักจะถูกพลังลึกลับครอบงำและเอ่ยคำพยากรณ์ที่น่ากลัวออกมาบ่อยขึ้น ทริสรู้ว่าเด็กคนนี้มีคุณสมบัติเป็น source และควรได้รับการฝึกเวทมนตร์ขั้นต้นควบคู่ไปด้วย คงไม่มีใครทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่าเยนเนเฟอร์ ทริสจึงเสนอให้เกรอลท์ลองขอความช่วยเหลือจากเธอดู

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

หน้า 9

ปี 1267 หลังเกิดเหตุกบฏบนเกาะธาเนดด์

ในปี 1267 ทริสได้ไปเข้าร่วมงานชุมนุมเหล่านักเวทแดนเหนือบนเกาะธาเนดด์ แต่ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน ๆ ตรงที่พวกเขาระแคะระคายว่าในองค์กรกำลังมีหนอนบ่อนไส้ที่แปรพักตร์ไปเข้าร่วมกับจักรวรรดินิลฟ์การ์ด จอมเวทที่ยังภักดีต่อแดนเหนือจึงวางแผนจับกุมผู้ทรยศหลังงานเลี้ยงจบลง

โชคร้ายที่เกรอลท์ไปอยู่ผิดที่ผิดเวลาบนเกาะนั้นด้วย เขาแค่อยากไปส่งซีรีเข้าเรียนที่โรงเรียนนักเวทหญิงอาเรทูซา แต่ก็ต้องตกบันไดพลอยโจนเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ก่อกบฏของพวกจอมเวท เกรอลท์เผชิญหน้ากับวิลเกฟอตซ์ เพราะต้องการถ่วงเวลาให้ซีรีหนีไป ผลลัพธ์ก็คือวิทเชอร์โดนจอมเวทใช้กระบองเหล็กหวดจนบาดเจ็บแทบปางตาย

แต่ยังโชคดีที่ทริสตามไปเจอเกรอลท์ก่อนที่เขาจะตายจริง ๆ นักเวทหญิงหอบเอาร่างของวิทเชอร์ไปขอความช่วยเหลือจากทิสซายอาให้เปิดประตูมิติเพื่อหนีไปจากเกาะ

"อดทนไว้นะ... เกรอลท์ อย่าเพิ่งยอมแพ้" ทริสพูดแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า "อดทนไว้ก่อน... อย่าตายนะ ขอร้องล่ะ... อย่าตายนะ"

"ซีรี... "

"อย่าเพิ่งพูดอะไรทั้งนั้น... ข้ากำลังจะพาเจ้าออกไปที่นี่... ทนไว้ก่อน บ้าเอ้ย... ทวยเทพทั้งหลาย ข้าอ่อนแอเกินไป..."

"เยนเนเฟอร์... ข้า... ต้อง... "

"เจ้าไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น! เจ้าทำอะไรไม่ได้แล้ว! อย่ายอมแพ้นะ... อย่าเพิ่งสลบสิ... อย่าตายนะ... ข้าขอร้อง... "[2]

ประตูมิติของทิสซายอาพาทั้งสองคนไปโผล่ที่ป่าโบรคิลอนของพวกดรายแอด เหล่านางไม้ที่รู้จักเกรอลท์มานานจึงยอมให้เขารักษาตัวอยู่ในป่า ต่างจากทริสที่เป็นคนนอก เธอจึงต้องจำใจฝากชีวิตเกรอลท์ไว้ในมือของพวกนางไม้

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

หน้า 10

ปี 1268 ออกตามหาเพื่อนที่สาบสูญ

หลังจากเหตุกบฏบนเกาะธาเน็ดด์ ทริสและนักเวทแดนเหนืออีกหลายคนได้ถูกขับไล่ออกจากราชสำนัก เธอจึงต้องไปอาศัยอยู่กับฟิลิปปาที่ปราสาทมอนเตคาลโว ส่วนฟรานเชสกาก็ใช้เวทมนตร์จับเยนเนเฟอร์ไปขังไว้ในตุ๊กตาหยก ก่อนจะคุมตัวเธอไปเข้าร่วมประชุมกับ The Lodge of Sorceresses ในฐานะคนที่ใกล้ชิดกับซีรีมากที่สุด แต่แล้วเยนเนเฟอร์ก็หาทางหลบหนีไปจนได้ สถานะของเธอในตอนนี้คือผู้ต้องสงสัยที่แปรพักตร์ไปสนับสนุนจักรวรรดินิลฟ์การ์ด และทริสก็เป็นหนึ่งในบรรดานักเวทที่ถูกมอบหมายให้ตามหาตัวเธอ

ทริสได้ยินข่าวว่ามีคนพบเยนเนเฟอร์บนเกาะอาร์ด สเกลลิก เธอจึงไปขอเข้าพบครัค อัน ไครท์ด้วยตัวเอง เขาเล่าให้ฟังว่าก่อนที่เยนเนเฟอร์จะล่องเรือหายไปในทะเล เธอได้ติดต่อกับใครบางคนผ่านทางเมกะสโคป แต่แล้วก็รู้ตัวว่ากำลังถูกแอบฟัง และดูเหมือนว่าคนคนนั้นจะหักหลังเธอด้วย

ความจริงแล้วคนที่เยนเนเฟอร์ติดต่อในคืนนั้นก็คือทริสนั่นเอง เธอจึงรู้ว่าเพื่อนรักกำลังวางแผนตามหาซีรีอยู่ แต่ทริสก็พูดอะไรไม่ได้มากนัก เนื่องจากฟิลลิปปาก็อยู่ในห้องนั้นด้วย เยนเนเฟอร์พยายามเจรจากับฟิลิปปา แต่เธอก็ไม่ยอมรับเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น และยังหลุดปากถามเรื่องเกรอลท์ออกมา เยนเนเฟอร์จึงรู้ทันทีว่าทริสได้เล่าเรื่องทุกอย่างของเธอให้พวก the lodge ฟังจนหมดแล้ว ทริสขอให้เพื่อนรักยกโทษให้ แต่คำตอบของเยนเนเฟอร์ก็คือ “ไม่มีทาง”

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

หน้า 11

ปี 1268 เมอริโกลด์ผู้ไร้ซึ่งความหวาดกลัว

ทริสได้เจอหน้าเพื่อนรักอีกครั้งในการประชุมของ The Lodge of Sorceresses ที่ปราสาทมอนเตคาลโว เยนเนเฟอร์รู้ดีว่าเธอไม่อาจต่อต้านอำนาจของเหล่าจอมเวทหญิงได้ จึงจำใจต้องพาซีรีมาเข้าประชุมด้วย ทั้งสองคนตกลงยอมทำตามเงื่อนไขที่ซีรีจะต้องแต่งงานกับองค์ชายแทนเครด ธีสเซน (Tankred Thyssen) แห่งโคเวียร์ ขอเพียงแค่ให้โอกาสพวกเธอได้เดินทางไปบอกลาเกรอลท์เสียก่อน นอกจากทริสจะออกเสียงโหวตให้ The Lodge อนุญาตแล้ว เธอยังอาสาจะเดินทางไปกับเยนเนเฟอร์อีกด้วย

เมื่อเข้าสู่เขตเมืองริเวียร์ ทริสก็รู้สึกได้ว่าเยนเนเฟอร์เริ่มหงุดหงิดและกระฟัดกระเฟียดใส่เธอบ่อย ๆ เพราะรู้ทันว่าจริง ๆ แล้วทริสต้องการมาพบหน้าเกรอลท์อีกครั้ง แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะทันได้ทะเลาะกัน ซีรีก็เห็นควันไฟลอยขึ้นมาจากตัวเมือง เด็กสาวสัมผัสได้ว่าจะต้องมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเกรอลท์จึงควบม้าเข้าไปในเมืองทันที ในขณะที่ม้าของสองจอมเวทหญิงฝีเท้าไม่เร็วพอ ทั้งคู่จึงตกอยู่ในวงล้อมของพวกชาวบ้านที่กำลังโกรธแค้น ด้วยความหน้ามืดตามัวพวกเขาจึงคิดว่าเยนเนเฟอร์เป็นเอลฟ์และพยายามจะเข้าไปทำร้าย เยนเนเฟอร์จึงต้องใช้คาถาเพื่อป้องกันตัว และนั่นก็ยิ่งทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายไปกว่าเดิม

เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ทริสตกอยู่ในภวังค์แห่งความทรงจำอันเลวร้ายของศึกที่ซ็อดเดนอีกครั้ง เธอกลัวจนริมฝีปากสั่นเทาในขณะที่พยายามบอกให้เยนเนเฟอร์หนี ทริสคว้าแขนเยนเนเฟอร์ด้วยนิ้วมือแข็งทื่อเหมือนแท่งเหล็ก และพยายามรั้งตัวเพื่อนให้หนีออกมา แต่เมื่อเห็นเยนเนเฟอร์ถูกปาหินใส่จนสลบไป ทริสก็ตัดสินใจได้ว่าเธอต้องทำอะไรสักอย่าง

เธอจะไม่หนีอีกแล้ว

เมื่อเยนเนเฟอร์ฟื้นขึ้นมา ทริสจึงขอให้เธอช่วยกันร่ายคาถาสายฟ้าของ Alzur ซึ่งเป็นคาถาที่มีโอกาสร่ายสำเร็จน้อยมาก ๆ แต่จอมเวทหญิงทั้งสองคนก็พยายามอย่างสุดกำลัง ในตอนแรกดูเหมือนว่ามันจะล้มเหลว แต่อีกแค่อึดใจเดียวท้องฟ้าเหนือเมืองริเวียก็มืดครึ้มอย่างรวดเร็วและตามมาด้วยพายุลูกเห็บก้อนเท่าไข่ไก่ จนทำให้ผู้คนที่กำลังก่อจลาจลอยู่ต้องวิ่งเข้าหาที่กำบังกันแทบไม่ทัน คาถาสายฟ้าของ Alzur ให้ผลที่แตกต่างออกไป เนื่องจากริมฝีปากของทริสถูกกระแทกจนบวมเป่งจนเธอออกเสียงผิดไปจากเดิม ซึ่งในภายหลังผู้คนก็ขนานนามคาถาของทริสในวันนั้นว่า “พายุลูกเห็บของเมอริโกลด์” (Merigold’s Hailstorm)

พายุลูกเห็บของทริสทำให้การจลาจลยุติลงก็จริงอยู่ แต่น่าเสียดายที่มันเกิดขึ้นช้าไป เมื่อพายุสงบลงหัวใจของเธอก็แทบแตกสลายกับภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า...

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

หน้า 12

ปี 1270 เริ่มต้นใหม่ด้วยสายใยที่ผูกพัน

2 ปีต่อมาหลังจากเหตุจลาจลที่เมืองริเวีย ทริสก็แทบไม่เชื่อว่าเธอจะได้พบเกรอลท์อีกครั้ง เพราะหลังจากที่นำร่างของเกรอลท์กับเยนเนเฟอร์ลงเรือไปพร้อมกับซีรีและยูนิคอร์นอิฮัวร์ราแคว็กซ์ ทุกคนก็หายสาบสูญไปในทะเลสาบล็อค เอสคาลอตต์ เมื่อเหล่าวิทเชอร์สำนักหมาป่าขอให้เธอมาช่วยรักษาเกรอลท์ ทริสจึงรีบรุดไปยังปราสาทแคร์ มอร์เฮนทันที

อีกสองวันต่อมา เกรอลท์ก็กลับมาเดินเหินได้ตามปกติ แต่เขาสูญเสียความทรงจำในแทบทุกเรื่อง ทั้งสองคนพากันเดินเล่นไปตามระเบียงปราสาท และหยุดยืนดูวิทเชอร์คนอื่น ๆ ฝึกซ้อมเพลงดาบที่ลานด้านล่าง

“อืมมม… ที่อาการของข้าดีขึ้นก็เพราะเจ้าช่วยเอาไว้ ขอบใจเจ้ามากนะทริส”

“พอจะนึกอะไรออกบ้างหรือยัง?”

“นิดหน่อย… ดูข้างล่างนั่น ข้าจดจำการเคลื่อนไหวได้ หมุนตัว, ปัดป้อง, ตวัดดาบ…”

เกรอลท์พยายามนึกอะไรบางอย่าง แม้ความทรงจำจะยังคงว่างเปล่า แต่เขากลับรู้สึกอบอุ่นและสบายใจทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับทริส

“ข้าเองก็อธิบายไม่ถูก แต่ข้าสัมผัสได้ถึงความผูกพันเวลาที่เราพูดคุยกัน ข้ารู้ว่าเจ้าคือคนสำคัญ…”[3]

หัวใจของทริสพองโตขึ้นมาทันที เป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่เธอได้พบกับวิทเชอร์ผมขาวเป็นครั้งแรก ต่อให้เขาจำเธอไม่ได้ แต่เธอก็พร้อมแล้ว... ที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

ที่มาของบทสนทนา

[1] บทที่ 2 เล่ม Blood of Elves

[2] บทที่ 4 เล่ม Time of Contempt

[3] เกม The Witcher ภาคแรก (ช่วง Prologue ฉากปราสาทแคร์ มอร์เฮน) โดย CD Projekt Red

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.