โนวิกราด (Novigrad)

โนวิกราด เป็นนครรัฐอิสระที่ไม่อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรใด ๆ ทั้งสิ้น ด้วยที่ตั้งซึ่งติดกับแม่น้ำและทะเล ทำให้เมืองนี้เป็นเมืองท่าที่มีการค้าขายสินค้ากันอย่างคึกคัก มีประชากรอยู่อาศัยราว ๆ 30,000 คน ถือเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของมหาทวีป ที่มีทั้งท่าเรือ เขตอุตสาหกรรม ตลาด และสถานบันเทิงมากมาย จึงเป็นจุดหมายปลายทางของบรรดาผู้แสวงโชคที่หวังจะลืมตาอ้าปากและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

นอกจากเป็นศูนย์กลางทางการค้าแล้ว เมืองแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่ลัทธิบูชาไฟนิรันดร์ได้ถือกำเนิดขึ้น ก่อนจะพัฒนาเป็นศาสนจักรอัคคีนิรันดร์ (Church of the Eternal Fire) ที่ชาวโนวิกราดล้วนเลื่อมใสศรัทธา ทั้งชาวเมืองที่เป็นมนุษย์และเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ด้วย

ที่ตั้ง

เมืองโนวิกราดตั้งอยู่บนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำพอนทาร์ (Pontar Delta) ทิศเหนือเป็นภูมิภาคอาร์คซี (Arcsea) และอ่าวแพร็กเซดา (Gulf of Praxeda) ทางตะวันออกและทางใต้ติดกับเมืองเทรทอกอร์ (Tretogor) และเมืองอ็อกเซนเฟิร์ต (Oxenfurt) ของอาณาจักรเรเดเนีย และเมืองกอส์ เวเลน (Gors Velen) ของอาณาจักรเทเมเรีย ส่วนทางทิศตะวันตกเป็นทะเลเกรท ซี (Great Sea)

การปกครอง

ในทางกฎหมายโนวิกราดปกครองด้วยผู้นำสูงสุดทางศาสนาที่เรียกว่า ไฮร์อาร์ค (Hierarch) ซึ่งเป็นประมุขแห่งศาสนจักรอัคคีนิรันดร์ที่มาจากการเลือกตั้งของคณะนักบวช แต่ในทางปฏิบัติจะมีสภาความมั่นคง (Novigrad Security Bureau) เป็นหน่วยงานที่ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในเมือง และมีกองกำลังพิทักษ์วิหาร (Temple Guard) ยืนยามประจำตามจุดสำคัญและลาดตระเวนตรวจตราทั้งวันทั้งคืน นอกจากนี้ยังมีกองเรือแห่งวิหาร (Temple Fleet) คอยทำหน้าที่ดูแลน่านน้ำรอบ ๆ เมืองอีกด้วย

ประวัติศาสตร์

โนวิกราดเป็นหนึ่งในเมืองของมนุษย์ที่ถูกก่อตั้งขึ้นตั้งแต่สมัยโบราณ เมื่อกลุ่มผู้ถูกเนรเทศล่องเรือมาขึ้นฝั่งบนมหาทวีป (First Landing / Landing of The Exiles) ราว ๆ ปี 760 พวกเขาพบเมืองของพวกเอลฟ์ที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้ จึงฟื้นฟูและสร้างเมืองโนวิกราดขึ้นที่ตรงนั้น ซมบุค (Sambuk) ได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์พระองค์แรก และต่อมาได้แผ่ขยายอาณาเขตออกไปจนกลายเป็นอาณาจักรเรเดเนีย

แต่ในรัชสมัยของกษัตริย์เวสติบอร์ผู้ประทานเกียรติ (Vestibor the Proud) ช่วงปลายศตวรรษที่ 11 เกิดสงครามที่เรียกว่า สงครามเจ็ดปี (Seven Years’ War) ซึ่งเรเดเนียเป็นฝ่ายถูกรุกรานโดยอาณาจักรเทเมเรียและกองกำลังพันธมิตร เมืองโนวิกราดถูกปิดล้อมเอาไว้จนกษัตริย์เวสติบอร์ต้องย้ายเมืองหลวงไปยังเมืองเทรทอกอร์ สงครามยังคงดำเนินต่อไปจนถึงรัชสมัยของกษัตริย์ราโดวิดที่สามผู้อาจหาญ (Radovid III the Bold) ซึ่งเป็นรุ่นหลานของ กษัตริย์เวสติบอร์ จึงมีการเจรจาสงบศึกกัน ผลของสนธิสัญญาสงบศึกนี้ทำให้เมืองโนวิกราดมีสถานะเป็นนครอิสระที่ไม่ขึ้นต่ออำนาจของอาณาจักรใด ๆ

 

Original Novel (Sword of Destiny)

“โอ้… ข้าดีใจที่เราได้พบกันอีก ที่นี่… ในโนวิกราด เมืองหลวงของโลกอันเป็นศูนย์กลางและอู่อารยธรรม ที่ซึ่งบุรุษผู้เจริญสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่”
[...]
“วาจาประชดประชันของเจ้าชักจะน่ารำคาญแล้วล่ะสิ” แดนดีไลออนกล่าวแล้วทำหน้าบูดบึ้งอีกครั้ง “โนวิกราด… ข้าจะบอกให้เจ้ารู้เอาไว้นะ ว่าที่นี่คือเมืองหลวงของโลก มีผู้อาศัยอยู่เกือบสามหมื่นคนเลยล่ะเกรอลท์ นี่ยังไม่นับรวมพวกนักเดินทางนะ จินตนาการดูสิ! ตึกรามบ้านช่องสร้างด้วยอิฐ ถนนสายหลักปูลาดด้วยหิน ท่าเรือ โกดัง ร้านค้า โรงกังหันน้ำสี่แห่ง โรงฆ่าสัตว์ โรงเลื่อย โรงงานใหญ่โตที่ผลิตรองเท้าสวย ๆ มีสมาคมและธุรกิจการค้าทุกประเภท โรงกษาปณ์หนึ่งแห่ง ธนาคารอีกแปด และโรงรับจำนำสิบเก้าที่ แล้วยังมีปราสาทกับหอสังเกตการณ์ที่น่าตื่นตาจนแทบลืมหายใจ และสิ่งบันเทิงเริงรมย์นะหรือ ก็มีลานประหาร มีตะแลงแกงแขวนคอแบบพื้นเปิดให้คนหล่นลงไป มีโรงเหล้าสามสิบห้าแห่ง โรงมหรสพกับโรงละครสัตว์อีกอย่างละที่ มีตลาดและโกดังอีกเป็นโหล ข้าจำไม่ได้แล้วว่ามีวัดวาอารามอยู่กี่แห่ง แต่เอาเป็นว่ามีเยอะแล้วกัน โอ้… แล้วก็ผู้หญิง… เกรอลท์ ผู้หญิงที่นี่ชอบอาบน้ำ ทำผมสวย ๆ พรมน้ำหอมจนฟุ้ง ดูคนนั้นสิใส่ชุดตัดจากผ้าซาตินผ้ากำมะหยี่กับผ้าไหมด้วย ส่วนคนนั้นที่ใส่คอร์เซ็ทลายทางผูกริบบิ้นนั่นก็… โอ๊ะ เกรอลท์! เนื้อเพลงมันไหลออกมาเองอีกแล้ว”

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

“[...] ใคร ๆ ต่างก็รู้ความจริงว่าที่นี่ไม่มีเว็กซ์ลิ่ง* ไม่มีทางที่จะมีเว็กซ์ลิ่ง หรือต่อให้เป็นสัตว์ประหลาดชนิดอื่นก็ตาม พวกมันไม่สามารถเข้ามาในกำแพงของโนวิกราดได้ เพราะที่นี่มีเปลวไฟนิรันดร์ที่ลุกไหม้อยู่ในวิหารถึงสิบเก้าแห่งคอยแผ่พลังอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อปกป้องเมืองแห่งนี้ ผู้ใดที่อ้างว่าเห็นเว็กซ์ลิ่งที่โรงเหล้าสเปียร์เบลดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากแท่นบูชาหลักแห่งอัคคีนิรันดร์ จะถือว่ามันเป็นคนนอกรีตที่ดูหมิ่นศาสนาและต้องถอนคำกล่าวอ้างนั้น [...]”

 

หมายเหตุ: เว็กซ์ลิ่ง (vexling) คือชื่อเรียกอีกอย่างของด็อพเพลอร์ (doppler) สิ่งมีชีวิตโบราณที่สามารถเลียนแบบรูปร่าง บุคลิก ทักษะและความทรงจำของสิ่งมีชีวิตอื่นได้ โดยรูปร่างที่แท้จริงของมันจะคล้ายกับก้อนแป้งโดว์

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

The World of the Witcher

นครรัฐอิสระแห่งโนวิกราด

โนวิกราดเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรเรเดเนีย เนื่องจากสถานภาพและที่ตั้งของเมืองอันเป็นศูนย์กลางการค้าบริเวณปากแม่น้้ำพอนทาร์ โนวิกราดเป็นรัฐอิสระมานานหลายชั่วอายุคน สิ่งเดียวที่มีความหลากหลายมากกว่าผู้อยู่อาศัยก็เห็นจะมีเพียงสินค้าที่หลั่งไหลเข้ามาเท่านั้น แต่เมื่อไม่นานมานี้ จากการที่เรเดเนียพยายามครอบงำโนวิกราด กลุ่มนักล่าแม่มดและกองทหารเรเดเนียได้เริ่มลงมือกวาดล้างเหล่าผู้ใช้ศาสตร์แห่งเวทมนตร์ในเมือง

ท่านยังสามารถหาซื้อทุกสิ่งมี่ต้องการได้ในเมืองโนวิกราด ลงไปที่ท่าเรือเพื่อตื่นตาตื่นใจไปกับบรรดาเรือที่บรรทุกสินค้าจนเต็มลำมาจากทั่วทุกอาณาจักร และอย่าลืมมองหาเรือที่พบเห็นได้ยากจากดินแดนอันไกลโพ้นอย่างเซอร์ริเคเนียและโอเฟียร์ ตระกูลต่าง ๆ ที่ทำการค้ามักมาตั้งสำนักงานใหญ่ในโนวิกราด เมืองแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิหารแห่งอัคคีนิรันดร์ (Grand Temple of the Eternal Fire) ซึ่งเป็นวิหารที่ใหญ่ที่สุดในแดนเหนือ

 

Gwent (Novigrad Faction Reward Tree)

บันทึกม้วนที่ 1: อาห์… โนวิกราด! ผู้อยู่อาศัยสามหมื่นคน ธนาคารแปดแห่ง โรงกังหันน้ำสี่โรง… และพวกอันธพาลสุดอันตรายอีกห้าแก๊ง

บันทึกม้วนที่ 2: ชาวโนวิกราดทุกคนล้วนรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของหัวหน้าแก๊งผู้ทรงอำนาจที่สุดในโลกใต้ดิน: คลีเวอร์, ราชายาจก, กัดรัน บยอนสด็อตเทียร์, ฮอร์ซัน จูเนียร์ และ ซิกิ รูเวน

บันทึกม้วนที่ 3: พวกเขาทุกคนล้วนแตกต่างกันในแทบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นอายุ เผ่าพันธุ์ เพศ หรือกิริยามารยาท แต่ต่างก็มีลักษณะอยู่อย่างหนึ่งที่ผูกมัดพวกเขาไว้ด้วยกัน เป็นลักษณะร่วมที่ธรรมดาสามัญ… คือพวกเขาล้วนปรารถนาเงินทอง

บันทึกม้วนที่ 4: เพื่อให้มีเงินทองเต็มกระเป๋า พวกเขาก็พร้อมที่จะทำทุกอย่าง ทั้งการทรยศหักหลัง ทำลายล้าง และไล่ล่าสังหาร และพวกเขาจะทำมันด้วยรอยยิ้มเสมอ

หีบที่ 1: โนวิกราดไม่ได้เป็นเพียงแค่เมืองท่าที่สำคัญที่สุดของมหาทวีป แต่ยังเป็นฐานที่มั่นของศาสนจักรอัคคีนิรันดร์ ผู้นำสูงสุดของลัทธิอยู่ในเมืองนี้ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เปลวเพลิงนิรันดร์ลุกไหม้มาเป็นเวลาช้านาน และยังเป็นสถานที่ที่เหล่าจอมเวท หมอสมุนไพร นักเล่นแร่แปรธาตุ และเผ่าพันธุ์ที่ไม่ใช่มนุษย์ ล้วนถูกจับไปเผาทั้งเป็นบนกองฟืน

หีบที่ 2: โนวิกราดเป็นรัฐอิสระ ใช่แล้ว… แต่จะเป็นได้อีกนานแค่ไหนกัน? ทั้งเรเดเนียและนิลฟ์การ์ดต่างจับจ้องเมืองท่าที่ร่ำรวยนี้ด้วยสายตาที่หิวกระหาย ทั้งสองอาณาจักรต่างพยายามแผ่อิทธิพลผ่านทางเหล่าผู้นำ นักบวช และพวกกากเดนมนุษย์แห่งโลกใต้ดิน แต่การจะได้มาซึ่งความจงรักภักดีของคนเหล่านี้ พวกเขาก็ต้องจ่ายในราคาที่สมน้ำสมเนื้อ…

หีบที่ 3: ผู้คนจากทั่วโลกต่างหลั่งไหลมายังโนวิกราดด้วยความใฝ่ฝันถึงเงินทอง ชื่อเสียง และรสชาติของชีวิตที่หรูหรา รวมไปถึงการมีอำนาจอย่างแท้จริง มีผู้โชคดีเพียงน้อยนิดที่สามารถทำให้ฝันของพวกเขากลายเป็นจริงได้… แต่คนอื่น ๆ นอกจากนั้น สิ่งที่รอพวกเขาอยู่คือชีวิตของขอทานที่วัน ๆ ได้แต่นั่งรอเศษเงิน เฝ้าอธิษฐานต่อทวยเทพเพื่อขอให้ได้ผงฟิสเทคมาอีกสักถุง

 

The Witcher 3: Wild Hunt

ครั้งหนึ่งเมืองแห่งนี้เคยอยู่ใต้การปกครองของอาณาจักรเรเดเนีย แต่บัดนี้โนวิกราดมีสถานะเป็นรัฐอิสระ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก และร่ำรวยที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ลัทธิบูชาอัคคีนิรันดร์ได้ถือกำเนิดที่นี่และก่อตั้งเป็นศาสนจักรภายใต้ชื่อเดียวกัน เมืองแห่งนี้ถูกปกครองโดยผู้นำของศาสนจักร ซึ่งหมายถึงไฮร์อาร์คนั่นเอง แต่เหล่าหัวหน้าแก๊งอาชญากรรมแห่งโลกใต้ดินก็มีบทบาทสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามไปได้

เขตต่าง ๆ ในเมืองโนวิกราด


เกาะมหาวิหาร (Temple Isle)

เกาะเล็ก ๆ ทางทิศเหนือที่เชื่อมต่อกับเมืองด้วยสะพานเซนต์เกรกอรี (St. Gregory’s Bridge) เป็นที่ตั้งของมหาวิหารแห่งอัคคีนิรันดร์ซึ่งสร้างด้วยหินอ่อนเป็นหอทรงสูง จนมีชื่อเรียกเล่น ๆ ว่า แท่งเสายักษ์ (Grand Picket) เป็นแลนด์มาร์คที่โดดเด่นและมองเห็นได้ตั้งแต่ยังไม่เข้าประตูเมือง

กิลดอร์ฟ (Gildorf)
เขตที่อยู่อาศัยของผู้มีอันจะกิน อยู่ทางทิศตะวันออกถัดลงมาจากสะพานเซนต์เกรกอรี บ้านเรือนในละแวกนี้ล้วนเป็นคฤหาสน์ของพวกขุนนางและเศรษฐี รวมไปถึงร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าคุณภาพสูงราคาแพง นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงอาบน้ำสุดหรูซึ่งเป็นธุรกิจบังหน้าของซิกิ รูเวน และหอนางโลมระดับท็อปของเมืองที่ชื่อว่า พาสสิฟลอร่า (Passiflora)

ซิลเวอร์ตัน (Silverton)
ย่านคนจนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขตกิลดอร์ฟ ที่สามารถทะลุไปยังท่าเรือฝั่งตะวันตกได้ บ้านเรือนแถบนี้ค่อนข้างทรุดโทรมและมีผู้อยู่อาศัยไม่หนาแน่นนัก

จตุรัสไฮร์อาร์ค (Hierarch Square)
ใจกลางของเมืองที่มีทั้งตลาดและร้านรวงต่าง ๆ ให้เลือกซื้อสินค้ามากมาย หากไม่มีเงินคราวน์ของโนวิกราดก็สามารถแลกเปลี่ยนจากเงินสกุลอื่นได้ที่ธนาคารวิวาลดิ (Vivaldi Bank) หรือจะพักชมการแสดงของนักกวีสาวที่โรงแรมคิงส์ฟิชเชอร์ก็ย่อมได้ นอกจากนี้ยังมีโรงละครที่ซ่อนตัวอยู่ในตรอกโรงฆ่าสัตว์ แต่ถ้าเดินสุ่มสี่สุ่มห้าก็อาจหลงเข้าไปในถิ่นของคลีเวอร์และแก๊งคนแคระของเขาได้

เดอะ บิทส์ (The Bits)
ชุมชนแออัดทางตะวันตกเฉียงใต้ของจตุรัสไฮร์อาร์ค ที่ขึ้นชื่อทั้งความยากจนและปัญหาอาชญากรรม ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าบ่อนของฮอร์ซันจูเนียร์ตั้งอยู่ที่นี่ และแก๊งคัทอัพของเขาก็มักจะมีปัญหากับคนของราชายาจกอยู่เนือง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นละแวกนี้ก็ยังมีโรงพยาบาลวิลเมอเรียส (Vilmerius Hospital) และโรงเรียนเด็กเล็กของมาราเบลลา (Marabella's School for Tots) ตั้งอยู่ด้วย

ตลาดปลา (Fish Market)
เป็นตลาดเล็ก ๆ ที่อยู่ถัดไปทางใต้ของจตุรัสไฮร์อาร์ค แต่ถึงจะใช้ชื่อว่าตลาดปลาแต่ที่นี่ก็มีสินค้าอย่างอื่นขายด้วย เช่นร้านช่างตีเหล็กที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมาเปิดรับซื้อ-ขายดาบแถวนี้ด้วย

ท่าเรือ (Harborside)
ท่าเรือทางทิศตะวันตกของเมืองล้วนเรียงรายไปด้วยโกดังสินค้า เป็นจุดที่เรือจากทั่วทั้งโลกจะมาเทียบท่าค้าขายที่นี่ ย่านนี้มีโรงเหล้าบ้าน ๆ ชื่อเดอะโกลเดน สเตอร์เจียน (The Golden Sturgeon) ที่เหล่ากะลาสีและนักเดินทางแวะเวียนมาใช้บริการอย่างไม่ขาด เขตนี้เชื่อมต่อกับชานเมืองทางประตูพอร์ทไซด์ (Portside Gate)

กลอรี เลน (Glory Lane)
เป็นย่านที่อยู่อาศัยทางฝั่งตะวันออกของท่าเรือ ซึ่งโรงเหล้าโรสแมรี่แอนด์ไธม์ (Rosemary and Thyme) ของแดนดีไลอออนตั้งอยู่ติดกับประตูแห่งไฮร์อาร์ค (Gate of the Hierarch) ทางตะวันตกสุดของเขตนี้ และยังมีร้านของไอเบียร์ ฮัตโตริ (Éibhear Hattori) เอลฟ์ช่างตีดาบที่ขายทั้งอาวุธและเกี๊ยว

เลซฮอลส์ (Lacehalls)
ย่านนี้เป็นไข่แดงที่แทรกอยู่ภายในย่านกลอรี เลน เป็นที่ตั้งของตรอกเน่าเหม็น (Putrid Grove) ที่เฉอะแฉะและมีกลิ่นเหม็นสมชื่อ ราชายาจกได้สร้างอาณาจักรของเขาไว้ในตรอกนี้ เนื่องจากมันสกปรกโสโครกจนแม้แต่พวกทหารยามยังไม่อยากจะเฉียดเข้าไป ไม่ไกลจากตรอกนี้ก็มีซ่องโสเภณีคริพเพิลด์ เคทส์ (Crippled Kate's) คอยดักลูกค้าที่มาจากเขตจากท่าเรืออีกด้วย

ฟาร์คอร์เนอส์ (Farcorners)
เขตชานเมืองทางใต้สุดที่อยู่นอกกำแพงเมือง เป็นเขตทำประมงและพื้นที่เพาะปลูกที่กว้างขวางซึ่งพวกเผ่าพันธุ์อื่นที่ไม่ใช่มนุษย์มักมาตั้งถิ่นฐานรวมกันอยู่ในละแวกนี้ นอกจากนี้ยังมีโรงย้อมผ้า โรงซักผ้าของเวสปูลา (Vespula) อดีตคนรักของแดนดีไลออน และร้านตัดเสื้อของเอลฟ์แฟชันนิสตาอย่างเอลิฮาล (Elihal)

 

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.