ปีศาจจิ้งจอก (Aguara)

Aguara: True Form ศิลปิน Anna Podedworna (ภาพจาก gwent.one)


ปีศาจจิ้งจอก เป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ไม่มีใครรู้จุดกำเนิดของพวกมัน ทั้งยังพบเจอได้ยากจนแทบไม่มีใครรู้จักตัวตนที่แท้จริงของสัตว์ประหลาดชนิดนี้เลย ในนิยายต้นฉบับปีศาจจิ้งจอกถูกจัดอยู่ในประเภทแอนธีเรียน (antherion) ซึ่งเป็นสิ่งมีชิวิตที่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้โดยธรรมชาติ แต่ในเกม Gwent พวกมันถูกจัดอยู่ในประเภทรีลิคท์ ก่อนจะถูกเปลี่ยนให้อยู่ในประเภทสัตว์ดุร้าย (beast) ในภายหลัง สัตว์ประหลาดชนิดนี้ถูกเรียกด้วยชื่อที่หลากหลาย ได้แก่ ปีศาจจิ้งจอก (fox demon) วิกเซน (vixen) วัลเปส (vulpess) และอากัวรา (aguara)

ปีศาจจิ้งจอกสามารถแปลงกายเป็นอะไรก็ได้ รูปลักษณ์ที่มีคนเคยพบเห็นก็มีตั้งแต่มนุษย์เพศหญิง (humanoid form) สุนัขจิ้งจอก (vulpine form) และมนุษย์เพศหญิงที่มีส่วนหัวเป็นจิ้งจอก (hybrid form) พวกมันสามารถควบคุมสัตว์ประหลาดชนิดอื่นให้มาช่วยในการต่อสู้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เวทมนตร์สร้างภาพลวงตาได้อย่างแนบเนียน ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าไปอยู่ในเขตภาพลวงตาของมันจะไม่มีทางแยกออกเลยว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นของจริงหรือภาพมายา แม้แต่ผู้ที่มีประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์อย่างวิทเชอร์ก็ตาม

สัตว์ประหลาดชนิดนี้มีสติปัญญาอยู่ในระดับเดียวกับมนุษย์ มีอารมณ์ความรู้สึกและสำนึกผิดชอบชั่วดี ทั้งยังพูดภาษามนุษย์ได้ ไม่มีใครเคยพบปีศาจจิ้งจอกเพศผู้มาก่อน เพราะพวกมันสืบทอดเผ่าพันธุ์โดยการลักพาตัวเอลฟ์เด็กหญิงแล้วใช้เวทมนตร์ทำให้พวกนางกลายเป็นปีศาจจิ้งจอกรุ่นต่อไป ปีศาจจิ้งจอกจึงมีแต่เพศหญิงเท่านั้น นอกจากนี้มันยังผูกพันและหวงแหนเหล่าลูกสาวมาก ๆ จนสามารถลงมือสังหารใครก็ตามที่ทำตัวเป็นภัยคุกคามต่อลูก ๆ ของมัน

Andrzej Sapkowski ได้แรงบันดาลใจในการสร้างปีศาจจิ้งจอกมาจากตำนานเทพเจ้าของกลุ่มชาติพันธุ์กัวรานี (Guaraní) ซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศแถบอเมริกาใต้ โดยเทพอากัวรา (Aguara-tunpa) เป็นเทพเจ้าเล่ห์ขี้ขโมยที่ชอบกลั่นแกล้งมนุษย์ บางครั้งก็ล่อลวงหญิงสาวให้ตั้งครรภ์และคลอดทายาทให้กับเขา คำว่า aguara ในภาษากัวรานีนั้นแปลว่า “สุนัขจิ้งจอก” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความฉ้อฉล

 

ไพ่ Aguara จากเกม Gwent ศิลปิน Anna Podedworna (ภาพจาก gwen.one)

 

Original Novel (Season of Storms)

“เป็นไปไม่ได้ที่จะคืนสภาพให้เด็กหญิงที่ถูกอากัวราลักพาตัวไปแล้ว” เกรอลท์อธิบายอย่างใจเย็น “มันไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะไม่เพียงแต่พวกนางจิ้งจอกจะพาเด็กเหล่านั้นไปใช้ชีวิตอย่างลับ ๆ จนไม่ใครหาตัวเจอ ไม่เพียงแต่พวกนางจะไม่ยอมให้ใครมาพรากตัวลูกสาวไปจากอ้อมอก และไม่เพียงแต่พวกนางจะเป็นศัตรูที่ร้ายกาจเกินจะต่อกรได้ แต่เป็นเพราะเด็กพวกนั้นไม่ใช่เด็กอีกต่อต่อไปแล้ว ตั้งแต่ถูกลักพาตัวไปพวกนางก็ถูกร่ายเวทใส่และจะกลายสภาพเป็นนางจิ้งจอกเมื่อเติบโตขึ้น อากัวราไม่สืบพันธุ์ แต่มันดำรงเผ่าพันธุ์โดยการลักพาตัวเอลฟ์เด็กหญิงไปเปลี่ยนสภาพ”

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

“วิกเซน… นางสร้างภาพมายาทำให้เราสับสน ข้าล่ะสงสัยว่านางเริ่มเสกมันขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน พายุนั่นอาจเป็นของจริง แต่กิ่งไม้สองกิ่งนั่นไม่มีทางเล็ดลอดสายตาของกัปตันเรือไปได้ อากัวราสร้างภาพลวงตาบดบังมันไว้ และสร้างภาพเข็มทิศปลอม ๆ ขึ้นมา งูพวกนั้นก็เป็นภาพมายาเช่นกัน”

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

อากัวราใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมดังกล่าว นางกลายร่างเป็นสุนัขจิ้งจอกกระโดดขึ้นไปบนหัวเรืออย่างคล่องแคล่ว นุ่มนวล และเงียบสนิท ภายใต้ท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งเกรอลท์จึงเห็นว่านางมีขนสีดำสนิทในตอนแรก แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้มีสีดำขนาดนั้น ขนบนลำตัวของนางเป็นสีเทาเข้มซึ่งเห็นได้ชัดที่บริเวณส่วนหัว และตรงปลายพวงหางก็มีแต้มสีขาว ดูคล้ายจิ้งจอกคอร์แซ็ค [1] มากกว่าจิ้งจอกเงิน [2]

นางจำแลงกายโดยขยายลำตัวออกเป็นหญิงสาวร่างสูงที่มีส่วนศีรษะเป็นจิ้งจอก มีใบหูยาวแหลมและใบหน้าส่วนจมูกยื่นยาวเหมือนสุนัข คมเขี้ยวและแถวซี่ฟันสะท้อนแสงเป็นประกายยามที่นางเผยอปากขึ้น

 

หมายเหตุ :

[1] จิ้งจอกคอร์แซ็ค (corsac fox) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Vulpes corsac เป็นสุนัขจิ้งจอกขนาดกลางที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าสเต็ปป์ และแถบทะเลทรายหรือกึ่งทะเลทรายบริเวณเอเชียกลางไปจนถึงทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ขนมีสีเทาอมเหลืองซึ่งจะจางลงบริเวณปาก คาง และลำคอ เมื่อถึงฤดูหนาวขนของมันจะหนาและละเอียดขึ้น และมีแถบสีเทาเข้มพาดยาวตามแนวสันหลัง

[2] จิ้งจอกเงิน (siver fox) คือสุนัขจิ้งจอกแดง (Vulpes vulpes) ที่มีขนสีเข้ม บางตัวมีขนสีดำเป็นเงา แต่ส่วนใหญ่มักมีสีเทาเข้มเหลือบประกายสีเงินเหมือนแมวสีสวาด หรือมีขนสีขี้เถ้าบริเวณด้านข้างลำตัว ตรงปลายหางมีแต้มสีขาว

 

 

 

 

           SPOILER ZONE           

 

  ⚠ คำเตือน: มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของอนิเมชัน Nightmare of the Wolf  

 

 

 

 

Netflix: Nightmare of the Wolf

ในอนิเมชัน Nightmare of the Wolf นั้นได้นำเรื่องราวของอากัวรามาสร้างเป็นตัวละคร “คิทสึ” (Kitsu) ซึ่งชื่อของเธอก็มาจาก “คิทสึเนะ” (Kitsune) ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางของญี่ปุ่น คิทสึเป็นเอลฟ์ที่ถูกพวกวิทเชอร์และจอมเวทลักพาตัวไปตั้งแต่เด็ก ๆ เพื่อใช้ทดลองสร้างสายพันธุ์ผสม พลังของสารสกัดจากมาห์* ทำให้เธอสามารถสร้างภาพลวงตาได้ คิทสึจึงใช้พลังดังกล่าวสร้างโอกาสหนีรอดออกมาจากห้องทดลองได้สำเร็จ

พลังของคิทสึไม่ได้มีเพียงการสร้างภาพมายา แต่เธอยังสามารถสร้างภาพหลอนจากความทรงจำของเหยื่อได้ และยังใช้เวทมนตร์ควบคุมสัตว์ประหลาดชนิดอื่นได้อีกด้วย ต่อมาคิทสึได้พยายามสร้างเผ่าพันธุ์ของตัวเอง เธอจึงลักพาตัวเอลฟ์เด็กหญิงไปที่โรงเรียนเวทมนตร์โบราณ พวกเด็ก ๆ ถูกทำให้กลายพันธุ์เป็นสิ่งมีชีวิตลูกผสม แต่แทบทั้งก็หมดเสียชีวิตไปในระหว่างการทดลอง

ฟิลาวันเดรลไปขอร้องเวสิเมียร์ให้ช่วยกำจัดคิทสึ แต่ก็ถูกวิทเชอร์ปฏิเสธจนได้ ราชาเอลฟ์ผู้ตกอับจึงพยายามช่วยเหลือเอลฟ์เด็กหญิงผู้รอดชีวิตด้วยตัวเอง แต่แล้วเวสิเมียร์และเตตราที่กำลังแกะรอยคิทสึได้ตามมาพบเข้าโดยบังเอิญ เตตราต้องการฆ่าเอลฟ์เด็กหญิงเพราะกลัวว่าเธอจะเป็นตัวอันตรายเหมือนคิทสึ แต่เวสิเมียร์ก็เข้ามาขวางและปล่อยให้ฟิลาวันเดรลพาตัวเด็กน้อยกลับไป ตอนนั้นเองที่เตตราวางแผนจะใช้คิทสึมาเป็นตัวช่วยในการกำจัดพวกวิทเชอร์

เตตราใช้เวทมนตร์ทำให้หิมะถล่มฝังโรงเรียนเวทมนตร์โบราณของพวกเอลฟ์ เมื่อคิทสึกลับมาก็พบว่ารังของเธอถูกทำลายไปแล้ว เตตราโกหกคิทสึว่าเธอพยายามช่วยเหลือเอลฟ์เด็กหญิงตนสุดท้าย แต่วิทเชอร์กลับลงมือสังหารเด็กน้อยโดยไม่ลังเล ทำให้คิทสึโกรธจัดและตกหลุมพรางของเตตราอย่างง่ายดาย คิทสึควบคุมกองทัพสัตว์ประหลาดให้ไปโจมตีปราสาทแคร์ มอร์เฮน ผ่านทางประตูมิติที่พวกจอมเวทสร้างขึ้น และเธอยังใช้ภาพลวงตาปั่นหัวเวสิเมียร์จนเขาโจมตีผิดพลาด หลังจากโศกนาฏกรรมจบลง คิทสึในร่างสุนัขจิ้งจอกก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

 

หมายเหตุ: มาห์ (Mahr) เป็นสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายแมงมุมที่มีใบหน้าคล้ายสุนัขจิ้งจอกและมีขา 6 ข้าง พวกมันสามารถเข้าไปอาศัยในร่างเหยื่อ ซึ่งจะทำให้คนผู้นั้นล้มป่วยและเห็นภาพหลอน นอกจากนี้มันยังสามารถสร้างภาพลวงตาจากจิตใต้สำนึกและความทรงจำของผู้ที่มันพบเห็นได้

 

 

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.