บทนำเกี่ยวกับเวทมนตร์ต้องห้าม (Forbidden Magic)

การใช้เวทมตร์คือการบิดพันเส้นด้ายแห่งโลกให้อยู่ในรูปแบบที่เจ้าปรารถนาด้วยความรับผิดชอบอย่างยิ่งยวด ด้ายบางเส้นก็ผุเสื่อมและจะพันกันยุ่งเหยิงเมื่อเจ้านำไปถักทอ ทิ้งริ้วรอยอัปลักษณ์ที่จะทำให้จิตวิญญาณแปดเปื้อนและเป็นอันตรายต่อร่างกาย แม้กระทั่งนำผลลัพธ์ที่น่าสยดสยองมาให้ด้วย

– กลินนิส วาร์ เทรฮาร์น [1]

 

ศาสตร์แห่งเวทมนตร์นั้นมีทั้งคุณอนันต์และโทษมหันต์ เวทมนตร์บางแขนงก็ให้ผลลัพธ์ที่ยากต่อการคาดเดาและไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นสมาพันธ์จอมเวทแห่งแดนเหนือจึงได้ออกกฎเพื่อควบคุมการใช้เวทมนตร์เหล่านี้ เวทมนตร์ที่ถูกจัดให้เป็น “ศาสตร์มืด” หรือ “ศาสตร์ต้องห้าม” ประกอบด้วยศาสตร์ 3 แขนง ได้แก่ การควบคุมศพ (necromancy), การอัญเชิญปีศาจ (goetia, demonology) และ การสร้างสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ (mutation) แต่ยังคงอนุญาตให้ใช้เพื่อการศึกษาวิจัยเป็นบางกรณีภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด ในขณะที่จักรวรรดินิลฟ์การ์ดและพวกดรูอิดไม่ได้มีข้อห้ามสำหรับการใช้เวทมนตร์ดังกล่าว

การควบคุมศพเป็นศาสตร์ที่เกี่ยวเนื่องกับภพภูมิหลังความตาย การอัญเชิญปีศาจคือการเชื้อเชิญสิ่งชั่วร้ายจากมิติอื่น และการสร้างสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์คือการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพของสิ่งมีชีวิตด้วยเวทมนตร์คาถาหรือสารเคมีต่าง ๆ สิ่งที่ศาสตร์ทั้ง 3 มีร่วมกัน คือ อันตรายใหญ่หลวงเกินกว่าที่ใครจะรับมือได้

มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับการอัญเชิญปีศาจ และส่วนใหญ่จอมเวทเหล่านั้นก็ได้รับในสิ่งที่ใคร ๆ ก็พอจะคาดเดาได้ พวกเขาถูกปีศาจหักหลัง และจอมเวทที่ตายเพราะการอัญเชิญปีศาจก็ถือว่ายังโชคดีกว่าคนที่ยังมีลมหายใจอยู่ สาเหตุที่ทำให้ผู้คนทำพิธีอัญเชิญปีศาจนั้นเป็นเพราะพวกเขาต้องการอำนาจวิเศษที่ยิ่งใหญ่จากปีศาจต่างมิติ มีคนประเภทที่ยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนเองมีพลังอำนาจมากขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามควบคุมสิ่งที่มีพลังมากกว่าตนเอง และถูกบดขยี้โดยสิ่งพวกเขาพยายามจะควบคุมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เชื่อกันว่าปีศาจเหล่านั้นจะทำให้ดวงวิญญาณของผู้อัญเชิญแปดเปื้อน และมีแต่จะหมกมุ่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ความมืดจะพอกพูนจิตใจของพวกเขาไม่ว่าการอัญเชิญจะได้ผลตามที่ปรารถนาหรือไม่ก็ตาม แม้แต่คนทั่วไปก็ยังสัมผัสได้ถึงเงามืดบางอย่างที่ติดตามคนเหล่านี้ทุกฝีก้าว

กอนเทอร์ โอดิมม์ ปีศาจจากต่างมิติผู้ชื่นชอบการชอบหักหลังคนที่หลงไปทำสัญญากับมัน


การควบคุมศพคือการใช้เวทมนตร์อัญเชิญวิญญาณมาจากโลกคนตาย อาจเป็นการทำเพื่อหาข้อมูลที่ลงหลุมไปพร้อมกับศพ หรือเพียงแค่ต้องการเติมเต็มความปรารถนาของผู้ที่จากโลกนี้ไปแล้ว บางคนก็เสนอให้สร้างกองทัพคนตายเพื่อรักษาชีวิตคนเป็นเอาไว้ แต่แนวคิดเหล่านี้กลับส่งผลร้ายนานัปการ น่าแปลกที่วิญญาณส่วนใหญ่มักไม่พอใจที่ถูกลากออกมาจาภพภูมิของตน และศพที่ถูกเรียกวิญญาณกลับเข้าร่างก็ไม่ได้มีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ แต่เป็นแค่ซากศพที่ขยับได้เท่านั้น “เฮน เกดิมเดธ” [2] หนึ่งในจอมเวทยุคแรกของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ค้นพบว่า สิ่งมีชีวิตที่ถูกคืนชีพมักเอาแน่เอานอนและไว้วางใจไม่ได้ และการทดลองของเขาก็ทำให้ความคิดเกี่ยวกับการสร้างกองทัพคนตายมีอันต้องเลิกล้มไป

ส่วนการสร้างสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ได้ถูกจัดเป็นศาสตร์ต้องห้ามในราชอาณาจักรส่วนใหญ่ของแดนเหนือ ผู้คนต่างก็เคยได้ยินเรื่องราวการกลายพันธุ์ของวิทเชอร์ที่นำมาซึ่งความเจ็บปวดทรมานและผลลัพธ์ที่น่าตกตะลึง มีเด็ก ๆ จำนวนน้อยนิดที่มีชีวิตรอดจากการทดลอง ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าศาสตร์แขนงนี้ให้ผลที่น่าผิด เหล่าวิทเชอร์ทราบดีว่าการกลายพันธุ์มีความอันตราย พวกเขาจึงเก็บงำความรู้เหล่านี้ให้พ้นจากเงื้อมมือของคนนอก แม้แต่เด็กที่รอดชีวิตจากการกลายพันธุ์ก็ยังต้องพบกับความพิกลพิการทั้งทางร่างกายและจิตใจ หรือไม่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา บางคนอาจคิดว่ามันคุ้มที่จะเสี่ยงเพื่อให้ได้ครอบครองความสามารถเหนือมนุษย์แบบพวกวิทเชอร์ แต่พวกเขาจะไม่ยอมทำให้ใครกลายพันธุ์นอกจากพวกวิทเชอร์ฝึกหัดเท่านั้น แต่ถ้าหากคิดจะหันไปพึ่งพาพวกจอมเวท ก็คงต้องทำใจยอมรับการเป็นหนูทดลองให้ได้เสียก่อน

ใครริอาจจะทอยลูกเต๋าในเกมที่ไม่มีทางชนะได้ก็เชิญ…

 

หมายเหตุ :

[1] กลินนิส วาร์ เทรฮาร์น (Glynnis var Treharne) เป็นจอมเวทหญิงนิลฟ์การ์ด เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเวทมนตร์โรงเรียนไกวซันฮอล เป็นตัวละครใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในบอร์ดเกม

[2] เฮน เกดิมเดธ (Hen Gedymdeith) หรือ เกอร์ฮาร์ทแห่งเอลล์ (Gerhart of Aelle) เป็นจอมเวทรุ่นบุกเบิกที่ได้เรียนเวทมนตร์จากพวกเอลฟ์ เขาเป็นสมาชิกก่อตั้งของสมาพันธ์จอมเวท และเสียชีวิตระหว่างเหตุการณ์กบฏบนเกาะธาเนดด์ด้วยอาการหัวใจวาย

 

แปลและเรียบเรียงจากคู่มือ TRPG “The Witcher Role-Playing Game” เล่ม “A Tome of Chaos”

 

 

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.