การควบคุมศพ (Necromancy)
การควบคุมศพ เป็นศาสตร์ที่ตั้งอยู่บนขอบเขตอันหมิ่นเหม่ของโลกเวทมนตร์ เป็นการใช้พลังลึกลับผูกมัดดวงวิญญาณด้วยวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ถือเป็นศาสตร์อันฉ้อฉลเนื่องจากมันมักไม่ให้ผลตามที่ผู้ใช้คาดหวังไว้ มีผู้ใช้เวทรุ่นเยาว์จำนวนไม่น้อยที่ศึกษาศาสตร์แห่งการควบคุมศพเพราะความสูญเสีย หลังจากคนที่พวกเขารักถูกความตายพรากจากไป ผู้ใช้เวทเหล่านี้จะถูกความโศกเศร้าและความรู้สึกผิดกัดกินจิตใจ และพยายามหาทางแก้ไขความสูญเสียนั้นด้วยเวทมนตร์ โดยการใช้ศาสตร์แขนงนี้คืนชีพคนที่พวกเขารัก แต่การควบคุมศพไม่ได้ทำงานแบบนั้น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “การฟื้นคืนชีพ” กับ “การทำให้ศพขยับเขยื้อน” นั้นมีความแตกต่างกัน
ในการทำให้คนฟื้นคืนชีพ ร่างกายของคนผู้นั้นจะต้องกลับมาทำงานได้ดังเดิม ทั้งร่างกาย จิตใจ ความคิด ความทรงจำ และกระบวนการอื่น ๆ จะยังคงมีสภาพสมบูรณ์ ส่วนการทำให้ศพขยับเขยื้อนนั้นเป็นการใช้เวทมนตร์กระตุ้นให้ร่างกายกลับมาทำงานอีกครั้งแบบชั่วคราว หัวใจจะกลับมาสูบฉีดเลือดทำให้เซลล์ประสาทเริ่มส่งสัญญาณไปยังสมอง เมื่อผู้ควบคุมศพจะทำให้ศพขยับเขยื้อน พวกเขาจะใช้เวทมนตร์อันลึกลับและผิดแผกดึงเอาดวงวิญญาณมาจากโลกหลังความตายเพื่อกระตุ้นให้เนื้อเยื่อของซากศพกลับมาทำงานอีกครั้ง แต่เนื้อเยื่อเหล่านี้จะไม่มีการเติบโตหรือซ่อมแซมตัวเองเหมือนเนื้อเยื่อที่ยังมีชีวิต และวิญญาณที่ถูกดึงกลับมาก็มีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาด้วย
มนตร์ดำที่บีบรัดดวงวิญญาณ บาดแผลบนร่าง และการเน่าเปื่อย จะสร้างความเจ็บปวดทุรนทุรายให้กับดวงวิญญาณเจ้าของร่าง ความเจ็บปวดนี้จะเพิ่มทวีขึ้นและทำให้ร่างนั้นตายอีกครั้งเนื่องจากไม่สามารถแบกรับสภาวะเช่นนี้ต่อไปได้ แม้จะมีการร่ายเวทผูกมัดวิญญาณไว้อย่างถาวรแล้วก็ตาม สำหรับจอมเวทผู้เชี่ยวชาญจะใช้ศาสตร์แขนงนี้เพื่อรีดเค้นข้อมูลจากซากศพและสืบหาข้อเท็จจริงก่อนที่พวกเขาจะตาย หรือไม่ก็เป็นการกระตุ้นสมองที่ตายไปแล้วเพื่อรื้อค้นความทรงจำต่าง ๆ อย่างไรก็ตามการควบคุมศพยังถือว่าเป็นศาตร์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้
เยนเนเฟอร์กำลังปลุกซากศพของสคยาลเพื่อสืบหาเบาะแสของซีรี |
สมาพันธ์จอมเวทได้ออกกฎห้ามใช้เวทมนตร์ควบคุมศพเมื่อหลายทศวรรษที่ผ่านมา ปัจจุบันการศึกษาและฝึกฝนศาสตร์แขนงนี้อย่างถูกกฎหมายจะต้องยื่นเรื่องขออนุญาตต่อสมาพันธ์ก่อน และต้องทำเพื่อการค้นคว้าวิจัยเท่านั้น เพราะแม้แต่การร่ายเวทควบคุมศพที่ถือว่าปลอดภัยก็ยังสามารถสร้างอันตรายร้ายแรงได้ เนื่องจากมันเป็นศาสตร์ที่อยู่นอกเหนือองค์ความรู้ในปัจจุบัน เชื่อกันว่าพลังเวทที่ใช้ในการควบคุมศพนั้นมาจากมิติมืดสักแห่งเช่นเดี่ยวกับพลังที่ใช้ในการอัญเชิญปีศาจ
ทุกครั้งที่มีการใช้เวทมนตร์ควบคุมศพ ดูเหมือนว่าโลกจะตอบสนองต่อพลังงานแปลกปลอมนี้อย่างกระอักกระอ่วน จอมเวทที่เคยใช้ศาสตร์นี้ต่างบรรยายความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างประกอบพิธีกรรมว่ามันเป็นประสบการณ์ที่น่าขยะแขยงที่สุด คล้ายกับการกลืนแมลงเป็น ๆ ลงไป หรือไม่ก็รู้สึกเหมือนกับลงไปแหวกว่ายในน้ำครำโสโครก แต่ยังมีสิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นรออยู่ หากผู้ร่ายเวทไม่สามารถควบคุมพิธีกรรมได้
ผลร้ายจากการใช้ศาสตร์ necromancy
◆ เชื่อมต่อกับโลกของคนตาย (Gateway)
ผู้ใช้เวทจะกลายเป็นประตูเชื่อมต่อกับวิญญาณในละแวกนั้น ตลอดระยะเวลา 1 วัน ผู้ใช้เวทจะได้ยินเสียงกระซิบและรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาจากสิ่งที่มองไม่เห็น
◆ แขกที่ไม่ได้รับเชิญ (Uninvited Guests)
ดวงวิญญาณลึกลับจากโลกอื่นจะถูกดึงดูดเข้ามาหาผู้ใช้เวท แม้วิญญาณประเภทนี้จะไม่สามารถทำร้ายหรือเข้าสิงผู้ใช้เวทได้ แต่มันจะวนเวียนอยู่รอบ ๆ โดยไม่ยอมจากไปไหนง่าย ๆ ทำให้ผู้ใช้เวทมีอาการคล้ายกับถูกทำพิธีสาปแช่ง
◆ เจตภูตราวี (Host of Specters)
ระหว่างการทำพิธีจะมีเจตภูต (wraith) ปรากฏตัวใกล้ ๆ กับผู้ใช้เวท เจตภูตเหล่านี้จะดุร้ายและไม่สามารถเจรจาต่อรองได้ มันจะโจมตีผู้ที่อยู่ใกล้ที่สุดจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง
◆ เกิดสถานที่ต้องสาป (Tainted Ground)
จะเกิดคำสาปประทับลงในบริเวณที่ใช้ประกอบพิธีกรรม ทำให้มีเจตภูตหลายตนมาสิงสู่ในสถานที่แห่งนั้น และพวกมันจะทำร้ายทุกสิ่งที่ย่างกรายเข้ามา จนกว่าผู้ใช้เวทจะทำพิธีถอนคำสาปอย่างถูกต้อง
◆ ภูตเพชฌฆาต (The Panitent)
ภูตเพชฌฆาตจะปรากฏตัวขึ้นและจู่โจมผู้ใช้เวททันที จุดมุ่งหมายของมันมีเพียงอย่างเดียว นั่นคือการเอาดวงวิญญาณอันแปดเปื้อนของผู้ใช้เวทกลับไปด้วย ภูตเพชฌฆาตจะตามติดผู้ใช้เวทไปทุกที่ และจะกลับมาโจมตีทุก ๆ คืน จนกว่ามันจะถูกกำจัด หรือไม่ก็สังหารผู้ใช้เวทได้สำเร็จ
คาถาภาพฉายศพ หรือที่รู้จักกันในนามคาถาลิ้นของคนตาย |
คาถา (Spells)
เนื่องจากการควบคุมศพเป็นศาสตร์ที่อันตราย จึงมีคาถาอยู่เพียงน้อยนิดที่ถูกคิดค้นขึ้นมา ผู้ใช้เวทจะต้องพึ่งพาสถานที่และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเพื่อให้เวทมนตร์มีสเถียรภาพไปจนตลอดรอดฝั่ง คาถาทั้ง 2 คาถานี้เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้ใช้เวททั่วทั้งมหาทวีป แม้มันจะเป็นสิ่งที่ถูกประกาศห้าม แต่ยังคงมีการใช้เพื่อการศึกษาและการสืบสวนโดยจอมเวทบางคนที่ไม่ได้เคร่งครัดกับจรรยาบรรณเท่าใดนัก
◆ คาถาภาพฉายศพ (Corpse Restoration)
เป็นการใช้เวทมนตร์เพื่อจำลองกล้ามเนื้อ ผิวหนัง และเส้นผมของศพให้ปรากฏขึ้นในรูปของภูตผี ร่างนี้จะมีเค้าโครงเหมือนกับศพทุกประการ เพียงแต่จะมีความโปร่งแสงกว่า และยังสามารถจับต้องหรือขยับเขยื้อนเพื่อตรวจสอบได้ บาดแผลและร่องรอยก่อนตายต่าง ๆ จะปรากฏตามความจริง นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อจำลองเลือดเนื้อขึ้นมาจากชิ้นส่วนอวัยวะที่ขาดออกจากร่างได้อีกด้วย คาถานี้จะมีผลราว ๆ 1 ชั่วโมง และผู้ใช้เวทจะต้องอยู่ห่างจากศพไม่เกิน 4 เมตร
◆ คาถาพายุวิญญาณ (Storm of Souls)
คาถาพายุวิญญาณถูกพบเห็นครั้งแรกระหว่างเหตุจลาจลในอาณาจักรนาเซียร์ หลังจากกองทัพนิลฟ์การ์ดบุกมายึดโรงเรียนสอนเวทมนตร์ท้องถิ่นและส่งนักเรียนทั้งหมดไปยังโรงเรียนไกวซันฮอล คาถานี้มีความผันผวนอย่างมากและจะดึงดูดดวงวิญญาณที่เกรี้ยวกราดให้มาสร้างความปั่นป่วนโกลาหล เจตภูตจำนวนมากจะปรากฏตัวขึ้นและจู่โจมทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น รวมทั้งผู้ที่ร่ายคาถาด้วย คาถานี้มีรัศมีประมาณ 10 เมตร แต่ระยะเวลาที่ส่งผลจะไม่มีความแน่นอน
พิธีกรรมความฝันสีน้ำเงินของฮานมาร์วิน ศิลปิน Bryan Sola (ภาพจาก gwent.one) |
พิธีกรรม (Rituals)
◆ การสังเคราะห์ของแคดฟาน (Cadfan’s Synthesis)
การสังเคราะห์ของแคดฟานเป็นพิธีกรรมขั้นสูงที่มีความซับซ้อน ถูกคิดค้นโดยแคดฟานแห่งเอ็บบิง ( Cadfan of Ebbing) จอมเวทผู้อื้อฉาวที่เชี่ยวชาญเวทควบคุมศพ ก่อนที่เขาจะหายสาบสูญไป พิธีกรรมนี้คือการนำซากศพมากมายมาหลอมรวมกันด้วยเวทมนตร์จนกลายเป็นก้อนสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ ซึ่งจะขยับเขยื้อนและทำตามคำสั่งของผู้ที่สร้างมันขึ้นมา ก้อนศพนี้ถูกเรียกว่า “มวลศพหลอม” (Corpse Amalgam) มีความสามารถและระดับสติปัญญาพอ ๆ กับพวกโกเล็ม กล่าวคือสามารถทำงานที่ไม่ซับซ้อนและไม่ต้องอาศัยการคิดวิเคราะห์ได้ มวลศพหลอมหนึ่งตนจะถูกสร้างขึ้นมาจากศพคนหรือสัตว์ก็ได้ แต่จะต้องมีจำนวนอย่างน้อย 10 ศพ และต้องเป็นศพที่เพิ่งตายมาไม่เกิน 1 วัน
◆ การสร้างเสาพลังวิญญาณ (Create Soul Beacon)
เป็นการนำกะโหลกศีรษะมาสร้างเป็นโทเท็มเพื่อขยายพลังเวทควบคุมศพให้มีรัศมีกว้างขึ้น กะโหลกที่นำมาใช้ก็จะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไปด้วย หากเป็นกะโหลกของมนุษย์หรือเผ่าพันธุ์โบราณจะช่วยให้พิธีกรรมสำเร็จได้ง่ายขึ้น และช่วยบรรเทาผลร้ายจากการใช้เวทควบคุมศพ ส่วนกะโหลกสัตว์หรือสัตว์ประหลาดจะช่วยเพิ่มพลังโจมตีและพลังป้องกันให้กับอสุรกายที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเวทควบคุมศพ และช่วยขยายประสาทการรับรู้เมื่อประกอบพิธีกรรมความฝันสีน้ำเงินของฮานมาร์วิน
◆ ความฝันสีน้ำเงินของฮานมาร์วิน (Hanmarvyn’s Blue Dream)
พิธีกรรมนี้จะทำให้ผู้สังเกตการณ์ 1 คน สามารถรับรู้ช่วงเวลาสุดท้ายของศพที่ถูกนำมาประกอบพิธีได้ ผู้สังเกตการณ์จะตกอยู่ในภวังค์ระหว่างที่เข้าไปสำรวจความทรงจำก่อนตายของศพ และสามารถรับรู้เหตุการณ์ได้ราวกับเป็นความทรงจำของตัวเอง ผู้สังเกตการณ์จะเข้าไปดูความทรงจำได้นานขึ้นหากใช้ยาหลอนประสาทก่อนเริ่มพิธีกรรม
◆ การปลุกซากศพ (Reanimate Corpse)
การปลุกซากศพคือการใช้เวทมนตร์ดึงวิญญาณให้กลับมาเข้าร่างอีกครั้ง ศพที่ถูกปลุกขึ้นมาจะขยับเขยื้อนอย่างไม่เป็นธรรมชาติและแสดงออกถึงความเจ็บปวดแสนสาหัส ศพที่สมองยังไม่เน่าเปื่อยเกินครึ่ง และมีปอด หลอดลม เส้นเสียง ปาก และลิ้นในสภาพที่ยังใช้การได้ จะสามารถพูดจาตอบคำถามผู้ใช้เวทได้
แปลและเรียบเรียงจากคู่มือ TRPG “The Witcher Role-Playing Game” เล่ม “A Tome of Chaos”
ไม่มีความคิดเห็น