การสร้างสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ (Mutaion)
ในวันที่สาม พวกเด็ก ๆ เสียชีวิตเกือบทั้งหมด มีเพียงเด็กชายที่อายุยังไม่เต็มสิบขวบเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต เขามีอาการเพ้อคลั่งขึ้นมาแบบเฉียบพลัน จากนั้นก็ซึมลงจนสิ้นสัมปชัญญะไป ดวงตาของเขาเลื่อนลอย มือทั้งสองหากไม่กำขยุ้มผืนผ้าก็กวัดกวักไปในอากาศราวกับจะไขว่คว้าขนนก เสียงลมหายใจดังขึ้นเรื่อย ๆ และแหบพร่า ผิวหนังเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเย็น ๆ เหนียวหนืดส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง จากนั้นเขาก็ถูกฉีดตัวยาทางหลอดเลือดดำเพิ่มอีกขนานและอาการชักเกร็งก็กลับมาอีก คราวนี้ถึงกับเลือดกำเดาไหลและไออย่างหนักจนอาเจียน ทำให้เขาหมดเรี่ยวแรงและเริ่มซึมลง
อาการต่าง ๆ ยังคงกำเริบอย่างต่อเนื่องไปอีกสองวัน ผิวของเด็กคนนี้ที่เคยชุ่มเหงื่อกลับแห้งผากและร้อนผ่าว ชีพจรมิได้เต้นแรงและหนักแน่นอีกต่อไป แต่ก็เต้นด้วยความแรงปานกลางและค่อนข้างช้ามากกว่าเต้นรัว เขามิได้ลืมตาตื่นหรือส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมาอีก
จนกระทั่งถึงวันที่เจ็ด เด็กชายก็ตื่นจากความฝันและลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาเป็นเช่นเดียวกับดวงตาของอสรพิษ
คาร์ลา เดเมเทีย เครสท์, บททดสอบแห่งต้นหญ้าและกระบวนการอันเป็นความลับอื่น ๆ ของวิทเชอร์ที่ข้าพเจ้าพบเห็นด้วยตัวเอง, เฉพาะสมาพันธ์จอมเวทเท่านั้นที่เข้าถึงบันทึกนี้ได้
การกลายพันธุ์ เป็นศาสตร์แห่งการดัดแปลงสิ่งมีชีวิตให้มีลักษณะผิดแผกไปจากธรรมชาติ เพื่อสร้างสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ที่แข็งแกร่งหรือมีคุณสมบัติตามความต้องการ โดยใช้สารก่อการกลายพันธุ์ (mutagen) จากอวัยวะของสัตว์ประหลาดชนิดต่าง ๆ มาผสมกับสมุนไพรและสารเคมีเพื่อฉีดเข้าร่างกายหรือให้ตัวทดลองดื่มเข้าไป ควบคู่ไปกับการใช้พลังเวทเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาและช่วยพยุงชีพตัวทดลองไปด้วย เผ่าพันธุ์วิทเชอร์คือผลงานการสร้างสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ชิ้นเอกของจอมเวทคอสิโม มาลาสปินา (Cosimo Malaspina) ร่วมกับจอมเวทออลซูร์ (Alzur) ผู้เป็นศิษย์เอกของเขา และองค์ความรู้นี้ยังถูกถ่ายทอดต่อไปยังไอดาร์รานแห่งอูลิโว (Idarran of Ulivo) ลูกศิษย์ของออลซูร์ที่หลงใหลการสร้างสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ไม่แพ้ผู้เป็นอาจารย์
จากซ้ายไปขวา: คอสิโม มาลาสปินา, ออลซูร์, ไอดาร์รานแห่งอูลิโว
การสร้างสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์มิใช่นวัตกรรมใหม่ของมหาทวีป มีความพยายามจะพัฒนามนุษยชาติและสร้างสัตว์ประหลาดเพื่อใช้ในการสงครามมานานหลายศตวรรษแล้ว ผู้คนนับไม่ถ้วนพยายามควบคุมและใช้ประโยชน์จากพลังของศาสตร์แห่งการกลายพันธุ์ รวมไปถึงแจ็ค เดอ อัลเดอร์สเบิร์ก (Jacques de Aldersberg) แกรนด์มาสเตอร์แห่งภาคีกุหลาบเพลิงด้วย แต่น้อยคนนักที่จะประสบความสำเร็จ เนื่องจากกระบวนการกลายพันธุ์จะทำให้ร่างกายของตัวทดลองเกิดสภาวะตึงเครียดอย่างสาหัส ตัวทดลองส่วนใหญ่มักจะตายเพราะร่างกายปฏิเสธยากระตุ้นการกลายพันธุ์ จอมเวทจึงต้องใช้เวทมนตร์ช่วยประคับประคองให้ร่างกายของตัวทดลองค่อย ๆ ยอมรับปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น
สารก่อการกลายพันธุ์ (Mutagen)
สารก่อการกลายพันธุ์เป็นสารประกอบที่ได้จากเซลล์อวัยวะภายในของสัตว์ประหลาดชนิดต่าง ๆ ซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป แต่โดยรวมแล้วสามารถจำแนกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มสีแดง, กลุ่มสีเขียว และกลุ่มสีน้ำเงิน
กลุ่มสีแดง (red mutagen) จะเพิ่มความก้าวร้าวและกระตุ้นสัญชาตญาณการป้องกันตัว ทำให้มีพลังโจมตีและพลังป้องกันเพิ่มขึ้น
กลุ่มสีเขียว (green mutagen) จะกระตุ้นให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้เร็วขึ้น รวมไปถึงสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรค และมีความทนทานต่อสารพิษ ทำให้ร่างกายรับมือกับความเสียหายหรือการบาดเจ็บได้มากขึ้น
กลุ่มสีน้ำเงิน (blue mutagen) จะช่วยให้พลังเคออสไหลเวียนในร่างกายได้ดีขึ้น ความสามารถทางเวทมนตร์จึงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ตัวอย่างมิวทาเจนและผลลัพธ์
ชนิด mutagen | กลุ่ม | ผลลัพธ์หลังการกลายพันธุ์ |
---|---|---|
กริฟฟิน | สีแดง | พลังโจมตีเพิ่มขึ้น มีขนแบบขนนกขึ้นตามร่างกาย |
คาตาคัน | สีแดง | ปฏิกิริยาตอบสนองเร็วขึ้น ร่างกายหดเล็กและผอมลง |
เน็กเกอร์ | สีแดง | พลังโจมตีเพิ่มขึ้น ขนร่วง ศีรษะล้าน ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีเทา |
มนุษย์หมาป่า | สีแดง | พลังโจมตีเพิ่มขึ้น เส้นผมและขนยาวขึ้นอย่างรวดเร็ว |
ไวเวิร์น | สีแดง | พลังโจมตีเพิ่มขึ้น ผิวหนังกลายเป็นเกล็ดขรุขระ |
อาราคัส | สีเขียว | พลังชีวิตเพิ่มขึ้น ของเหลวในร่างกายเปลี่ยนเป็นสีเขียว |
ฟีนด์ | สีเขียว | พละกำลังและความทนทานเพิ่มขึ้น มีปุ่มเขางอกขึ้นบนศีรษะ |
เกรฟแฮ็ก | สีเขียว | พลังชีวิตเพิ่มขึ้น ลิ้นยาวขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีเทา |
ภูตทิวา | สีเขียว | พลังชีวิตเพิ่มขึ้น ผิวแห้งตึงรั้ง |
โทรลหิน | สีเขียว | พลังชีวิตเพิ่มขึ้น หลังโก่งค่อม |
โกเล็ม | สีน้ำเงิน | ดึงพลังเคออสได้มากขึ้น มีก้อนแข็งงอกออกมาจากร่างกาย |
ไซเรน | สีน้ำเงิน | ดึงพลังเคออสได้มากขึ้น มีครีบเล็ก ๆ งอกออกมา |
การทดลองสร้างสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ (Mutation Experimentation)
ขั้นตอนทั่ว ๆ ไปในการสร้างสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ เริ่มจากการนำสารก่อการกลายพันธุ์มาผสมกับตัวยาและสารทำละลายอื่น ๆ ตามสูตร จากนั้นจึงฉีดเข้าไปในร่างของตัวทดลองผ่านทางหลอดเลือดดำ ร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาต่อต้านการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างผิดธรรมชาติ ตัวทดลองจะมีอาการชัก อาเจียน ไข้ขึ้น และประสาทหลอน หากร่างกายทนรับการเปลี่ยนแปลงไม่ไหว ตัวทดลองก็จะเสียชีวิต
แต่ถ้ากระบวนการกลายพันธุ์สำเร็จไปได้ด้วยดี ตัวทดลองจะมีพลังพิเศษเพิ่มขึ้น แต่ในขณะเดียวกันร่างกายก็จะปรากฏร่องรอยของการกลายพันธุ์ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น มีสีผิวที่เปลี่ยนไป หรือมีลักษณะอื่น ๆ ตามชนิดของสารก่อการกลายพันธุ์ที่ใช้ ลักษณะที่ผิดธรรมชาติจะทำให้สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์เป็นที่น่ารังเกียจหรือน่าหวาดกลัว เช่นเดียวกับพวกวิทเชอร์ที่ถูกสังคมมองว่าเป็นตัวประหลาด การใช้ชีวิตในสังคมของมนุษย์กลายพันธุ์จึงยุ่งยากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า และอาจถูกไล่ล่าจากพวกคลั่งศาสนาหรือกลุ่มคนที่เกลียดชังอมนุษย์
การทดลองสร้างสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์มีโอกาสเพียงน้อยนิดที่จะสำเร็จ ความยากของการทดลองขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยซึ่งควบคุมได้ยาก เช่น ชนิด, เพศ, อายุ และสุขภาพของตัวทดลอง รวมไปถึงลักษณะการกลายพันธุ์ที่ผู้ทดลองต้องการ การกลายพันธุ์เพียงเล็กน้อย (minor mutation) มีโอกาสสำเร็จมากกว่าการกลายพันธุ์ขั้นสูง (advance mutation) นอกจากนี้ลักษณะทางกายภาพที่เกิดจากการกลายพันธุ์จะติดตัวไปอย่างถาวร ไม่สามารถแก้ไขหรือรักษาได้
การกลายพันธุ์ขั้นสูง (Advanced Mutation)
การกลายพันธุ์ขั้นสูงเป็นการทดลองที่ซับซ้อนและเสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง มีเพียงจอมเวทที่เชี่ยวชาญเท่านั้นที่สามารถทำการทดลองประเภทนี้ได้ การกลายพันธุ์ขั้นสูงแบ่งเป็นสองจำพวกใหญ่ คือ การรวมร่างสัตว์ประหลาด และการเพิ่มลักษณะพิเศษ
การรวมร่างสัตว์ประหลาด (Combining Monsters) เป็นการนำสัตว์ประหลาดตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป หรือนำสัตว์ประหลาดกับมนุษย์มารวมร่างกัน โดยลำดับสารพันธุกรรม (genome) ของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดจะผสานเข้าด้วยกันและจัดเรียงลำดับใหม่จนเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมา การทดลองอันตรายนี้อาจนำมาซึ่งผลพวงที่น่าสยดสยอง เพราะสัตว์ประหลาดที่ถูกนำมารวมร่างอาจกลายเป็นสิ่งชีวิตชนิดใหม่ที่เรียกว่า "อสูรอัปลักษณ์" (abomination) ซึ่งยากต่อการควบคุมหรือกำจัดทิ้ง
อสูรอัปลักษณ์จากการทดลองของแก๊งซาลาแมนดรา
การเพิ่มลักษณะพิเศษ (Adding Traits) เป้าหมายของการทดลองนี้คือการทำให้สัตว์ประหลาดหรือมนุษย์มีอวัยวะหรือความสามารถแบบสัตว์ประหลาดชนิดอื่น การทดลองนี้มีความอันตรายน้อยกว่าการรวมร่างสัตว์ประหลาด แต่การเพิ่มลักษณะพิเศษครั้งละหลาย ๆ อย่าง หรือการใช้ตัวทดลองที่มีสติปัญญาสูงอย่างมนุษย์ ก็จะทำให้การทดลองมีโอกาสล้มเหลวได้ง่ายขึ้น หากการทดลองล้มเหลว ตัวทดลองที่รอดชีวิตมาได้จะมีระดับสติปัญญาลดลงและมีลักษณะพิกลพิการไปตลอดชีวิต
ลักษณะพิเศษที่สามารถเพิ่มลงไปในตัวทดลองได้ มีดังต่อไปนี้
◆ สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก (Amphibious Adaptation)
วัตถุดิบ : สารก่อการกลายพันธุ์สีน้ำเงิน, เส้นเสียงไซเรน, สมองดราวเนอร์
สารพันธุกรรมของตัวทดลองจะผสานเข้ากับสัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่ในน้ำ ตัวทดลองจะสามารถหายใจใต้น้ำได้และไม่มีทางจมน้ำตาย ในขณะเดียวกันก็สามารถอาศัยอยู่บนบกได้อย่างไม่มีปัญหาใด ๆ ทั้งยังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วทั้งบนบกและใต้น้ำ
◆ หุ้มเกราะ (Armored Adaptation)
วัตถุดิบ : สารก่อการกลายพันธุ์สีเขียว, ไคตินจากอาราคัส, เกล็ดดราโคนิด
เป็นการเสริมความแข็งให้กับผิวของตัวทดลอง โดยใช้สารสกัดจากสัตว์ประหลาดที่มีเปลือกหรือเกล็ดแข็ง ทำให้สามารถป้องกันความเสียหายจากการถูกของมีคมฟันหรือแทงได้ 100%
◆ วิศวกรรมภูมิต้านทาน (Engineer Immunity)
วัตถุดิบ : สารก่อการกลายพันธุ์สีเขียว, น้ำลายเอ็นเดรกา, พิษอาราคัส
หลักการคือใช้พิษเพื่อต้านพิษ หากการกลายพันธุ์สำเร็จ ตัวทดลองจะมีภูมิคุ้มกันต่อการติดเชื้อและพิษทุกชนิด
◆ วิศวกรรมการฟื้นสภาพร่างกาย (Engineer Regenerative Capacity)
วัตถุดิบ : สารก่อการกลายพันธุ์สีเขียว, ตับโทรล, น้ำลายมนุษย์หมาป่า, ตัวอ่อนเอนเดรกา
เซลล์ของตัวทดลองจะซ่อมแซมตัวเองได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บต่าง ๆ ราวกับรักษาตัวเองได้
แก๊งซาลาแมนดราจะใช้วิธีขโมยสารก่อการกลายพันธุ์มาทดลองสร้างสัตว์ประหลาดไว้ใช้งาน
◆ เพิ่มขนาดรยางค์ (Enlarge Appendage)
วัตถุดิบ : สารก่อการกลายพันธุ์สีแดง
การทดลองนี้จะใช้สารก่อการกลายพันธุ์สีแดงในปริมาณมากกว่าปกติ ทำให้รยางค์ที่ใช้โจมตีมีขนาดใหญ่โตมากขึ้น ตัวทดลองจะโจมตีได้อย่างรุนแรงและแม่นยำมากขึ้น โดยมีข้อแม้ว่ารยางค์แต่ละข้างสามารถเพิ่มขนาดได้เพียงครั้งเดียว
◆ ปลูกถ่ายศีรษะเพิ่ม (Graft Additional Head)
วัตถุดิบ : สารก่อการกลายพันธุ์สีน้ำเงิน, สารก่อการกลายพันธุ์สีเขียว, สารก่อการกลายพันธุ์สีแดง, ศีรษะที่ได้รับการเก็บรักษาอย่างถูกวิธีและมีอายุไม่เกิน 1 ปี
หลายหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว การฉีดสารก่อการกลายพันธุ์ทั้งสามชนิดและสารตั้งต้นจากสมองในศีรษะที่เก็บมาเข้าไปในไขสันหลังของตัวทดลอง จะทำให้ร่างกายงอกศีรษะใหม่ที่มีลักษณะเหมือนกันกับต้นแบบ ศีรษะใหม่นี้จะยังมีความสามารถครบถ้วนดังเดิม เช่น การกัด การขวิด พ่นสารพิษ ปล่อยคลื่นเสียง หรือมองเห็นในเวลากลางคืน เพียงแต่จะถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์ด้วยศีรษะหลักของตัวทดลอง
◆ ปลูกถ่ายรยางค์เพิ่ม (Graft Additional Limb)
วัตถุดิบ : สารก่อการกลายพันธุ์สีแดง, สารก่อการกลายพันธุ์สีเขียว, รยางค์ที่ถูกเก็บรักษาอย่างถูกวิธีและมีอายุไม่เกิน 1 ปี
อาศัยหลักการเดียวกับการปลูกถ่ายศีรษะ ส่วนผสมต่าง ๆ เหล่านี้จะทำให้ตัวทดลองสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อจนกลายเป็นรยางค์ใหม่ รยางค์ที่ว่านี้เป็นแขนขาหรือส่วนหางที่มีเงี่ยงหนามหรือต่อมพิษก็ได้ ซึ่งลักษณะและความสามารถของรยางค์นั้นก็จะเหมือนกับรยางค์ต้นแบบทุกประการ
◆ ปลูกถ่ายปีก (Graft Wings)
วัตถุดิบ : สารก่อการกลายพันธุ์สีแดง, สารก่อการกลายพันธุ์สีเขียว, ปีกที่ถูกเก็บรักษาอย่างถูกวิธี
การทดลองนี้จะทำให้ตัวทดลองสร้างปีกขึ้นมา 1 คู่ และมีความสามารถในการบิน แต่ขณะที่บินอยู่กลางอากาศก็สามารถถูกโจมตีให้ร่วงลงมาได้เช่นเดียวกับสัตว์ประหลาดที่มีปีก และยังได้รับบาดเจ็บจากการตกลงมากระแทกพื้นได้อีกด้วย
การทดลองปลูกถ่ายอวัยวะอาจทำให้เกิด "ไคเมรา" หรือ "ไฮบริด" กลายพันธุ์ได้
◆ พัฒนาอาวุธตามธรรมชาติ (Improve Natural Weapons)
วัตถุดิบ : สารก่อการกลายพันธุ์สีแดง, เขี้ยวแวมไพร์, ไข่กริฟฟิน
นอกจากการปลูกถ่ายอวัยวะใหม่แล้ว อีกหนึ่งทางเลือกในการพัฒนาศักยภาพของตัวทดลองคือการเสริมประสิทธิภาพให้กับอาวุธดั้งเดิมของมัน ส่วนผสมข้างต้นจะทำให้เขี้ยวเล็บของตัวทดลองมีความแข็งและคมยิ่งขึ้น ส่งผลให้การโจมตีรุนแรงยิ่งขึ้นไปด้วย
◆ ทำให้เชื่อฟัง (Make Compliant)
วัตถุดิบ : สารก่อการกลายพันธุ์สีน้ำเงิน, หินรูนทรีกลาฟ
การฝังหินรูนทรีกลาฟลงบนผิวสมองของตัวทดลองจะทำให้ระดับสติปัญญาลดลง ตัวทดลองจะเชื่อฟังคำสั่งของผู้ควบคุม แต่ยังคงมีประสาทสัมผัสและสัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอดเช่นเดิม หินรูนทรีกลาฟสามารถถูกนำออกจากสมองได้โดยผู้เชี่ยวชาญการรักษาพยาบาล และเมื่อมันถูกนำออกไปก็จะทำให้ตัวทดลองกลับมามีสติปัญญาดังเดิมและไม่เชื่อฟังคำสั่งจากผู้ควบคุมอีก
◆ กล้ามใหญ่ให้ถึงขีดสุด (Maximize Bulk)
วัตถุดิบ : สารก่อการกลายพันธุ์สีแดง, ลูกตาฟีนด์
สารพันธุกรรมจากฟีนด์จะทำให้ร่างกายของตัวทดลองสร้างมวลกล้ามเนื้อจนมีลำตัวใหญ่โตมากขึ้น ตัวทดลองจะต้านทานต่อคาถาอาร์ดและไม่ล้มลงจากแรงกระแทกหรือการถูกพุ่งชน แต่หากตัวทดลองมีปีก น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นจะทำให้มันสูญเสียความสามารถในการบินไป
แปลและเรียบเรียงจากคู่มือ TRPG “The Witcher Role-Playing Game” เล่ม “A Tome of Chaos”
ไม่มีความคิดเห็น