สรุปเนื้อเรื่อง The Witcher ซีซัน 2 ตอนที่ 6 Dear Friend
Season 2
Episode 6 สหายที่รัก… (Dear Friend)
เส้นเรื่องที่ปราสาทแคร์มอร์เฮน
เวสิเมียร์และทริสรู้สึกผิดที่ใช้เลือดของซีรีมาสร้างสารกลายพันธุ์ จนทำให้เกรอลท์ไม่พอใจและพาซีรีออกไปจากแคร์มอร์เฮน แต่แล้วก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อเรียนซ์ปรากฏตัวผ่านประตูมิติเข้ามาถึงในห้องทดลองของสำนักหมาป่า ผู้บุกรุกใช้เวทไฟล้อมทริสเอาไว้และทำร้ายเวสิเมียร์ก่อนที่จะหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากทริสช่วยปฐมพยายาบาลเวสิเมียร์จนอาการคงที่ เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของการจู่โจมคือการขโมยขวดสารก่อการกลายพันธุ์ที่มีเลือดของซีรีเป็นส่วนผสม ทริสรีบนำเรื่องนี้ไปบอกกับทิสซายอา เธอกังวลว่าเลือดของของซีรีอาจสร้างหายนะได้หากมันตกไปอยู่ในมือของผู้ไม่หวังดี
เรียนซ์นำขวดสารที่ขโมยมาไปรายงานความคืบหน้ากับลีเดีย เธอบอกว่านายท่านต้องการตัวเด็กสาว ไม่ใช่แค่ตัวอย่างเลือด เรียนซ์อยากพบหน้านายท่านของลีเดีย แต่เธอบอกให้เขาไปจับตัวซีรีที่วิหารเทพีเมลิเทเลให้ได้ก่อน และงานนี้เขาต้องพาพวกนักเลงไปด้วย
เส้นเรื่องของเกรอลท์ ซีรี และเยนเนเฟอร์
เกรอลท์พาซีรีเดินทางมุ่งหน้าไปยังวิหารเทพีเมลิเทเลที่เมืองเอลลันเดอร์ในอาณาจักรเทเมเรีย เขายังไม่หายโกรธที่ซีรีคิดจะทำเรื่องเสี่ยงอันตรายอย่างการทดลองกลายพันธุ์เป็นวิทเชอร์เพื่อกลับไปแก้แค้นพวกนิลฟ์การ์ด แต่ระหว่างนั้นเกรอลท์ก็ได้ยินเสียงมอนสเตอร์กระพือปีกเข้ามาใกล้ เขารู้ว่ามันต้องเป็นเชอร์โนบ็อก (chernobog) กลายพันธุ์ซึ่งออกมาจากประตูมิติที่ซินทรา จึงรีบเดินไปสำรวจแม่น้ำเพื่อหาทางข้ามฝั่ง
เชอร์โนบ็อกพุ่งเข้าหาซีรี เธอหล่นลงจากหลังเจ้าโร้ชและรอดกรงเล็บสัตว์ประหลาดไปได้หวุดหวิด และกลายเป็นเจ้าม้าที่ถูกโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส สายกระเป๋าเก็บดาบของเกรอลท์ติดอุ้งเท้าเชอร์โนบ็อกไปด้วย เขาจึงต้องใช้มีดสั้นและกิ่งไม้ที่เหลาปลายแหลมมาเป็นอาวุธแทน เกรอลท์ดื่มยาเพิ่มพลังและบอกให้ซีรีขึ้นไปยืนบนโขดหินเพื่อล่อเชอร์โนบ็อกให้บินมาในตำแหน่งที่ต้องการ วิทเชอร์กระโดดจู่โจมมันกลางอากาศและสังหารมันได้ แต่เขาก็ต้องสูญเสียม้าคู่ใจไปในเหตุการณ์ครั้งนี้
หลังจากหากระเป๋าเก็บดาบจนพบ เกรอลท์และซีรีก็เดินเท้าต่อไปเรื่อย ๆ เด็กสาวเล่าถึงความรู้สึกแปลก ๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์อีกครั้ง ซีรีรู้สึกว่าพวกมันไม่ได้มาเพื่อทำร้ายเธอ นั่นทำให้เกรอลท์แปลกใจอย่างมาก เธอยังเล่าเรื่องที่เคยใช้พลังฆ่าคนที่พยายามตามจับตัวเธอเพราะอยากได้เงินรางวัล แต่เกรอลท์ก็พูดติดตลกว่าซีรีคงต้องฆ่าอีกหลายศพกว่าจะตามสถิติของเขาทัน
ทั้งสองคนเดินทางถึงวิหารแห่งเทพีเมลิเทเลในที่สุด สถานที่แห่งนี้ไม่อนุญาตให้พกพาอาวุธและเป็นพื้นที่ปลอดภัยทางการเมือง ทั้งยังสอนวิชาความรู้ให้กับพวกหมอสมุนไพร หมอตำแย นักประวัติศาสตร์ รวมไปถึงสอนการใช้คาถาให้กับพวกวิทเชอร์อีกด้วย แม่ชีเนนเนเกะออกมาต้อนรับเกรอลท์และพาซีรีไปคุยที่ห้องทำงานของเธอ ซีรีแสดงความตั้งใจอันแน่วแน่ที่จะศึกษาเวทมนตร์และพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้รู้ความจริงที่อยู่เบื้องหลังพลังของเธอ แม่ชีเนนเนเกะเห็นสัญญาณที่น่ากังวลจึงเรียกให้ยาร์เรมาพาซีรีไปเดินชมวิหารก่อน จากนั้นจึงปลีกตัวไปคุยกับเกรอลท์
เนนเนเกะเห็นถึงอันตรายใหญ่หลวงที่เด็กสาวต้องเผชิญ ทั้งการถูกตามล่าโดยพวกนิลฟ์การ์ด และจากการมีพลังแห่งสายเลือดเอลฟ์อยู่ในตัว เรื่องนี้ถูกควบคุมโดยพลังแห่งโชคชะตาที่ยากจะเปลี่ยนแปลงได้ หากเกรอลท์อยากช่วยเธอก็ต้องตามหาบางสิ่งที่ขาดหายไป ซึ่งเกรอลท์ก็ได้แต่ถอนหายใจเพราะเขาไม่รู้ว่าต้องตามหาสิ่งใดกันแน่
ยาร์เรพาซีรีไปหยิบลูกตุ้มสำหรับใช้ฝึกเวทมนตร์ แต่ก็เขินประหม่าจนเกือบทำตาราเล่มหนาหล่นใส่เท้าซีรี เมื่อเด็กสาวเดินออกไปจากห้องโถง เยนเนเฟอร์ที่แอบดูอยู่ห่าง ๆ ก็เริ่มหาทางเข้าใกล้ซีรี จอมเวทหญิงเปิดประตูเข้าไปเจอเกรอลท์โดยบังเอิญ น้ำหอมกลิ่นไลแลคและกูสเบอร์รีทำให้วิทเชอร์หันกลับไปมองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ทั้งคู่บรรจงจุมพิตกันด้วยความคิดถึงอันเปี่ยมล้น
ซีรีเดินเข้ามาในห้องพอดี เกรอลท์จึงแนะนำให้เธอรู้จักเยนเนเฟอร์ ทั้งสามคนพากันไปนั่งคุยที่โถงทางเดิน เกรอลท์คิดว่าเยนเนเฟอร์มาที่นี่เพื่อหลบหนีประกาศจับจากภราดรจอมเวท ส่วนซีรีก็เล่าว่าเคยได้ยินชื่อของจอมเวทหญิงในฝันก่อนที่จะรู้ว่าเธอมีตัวตนเสียด้วยซ้ำ เยนเนเฟอร์จึงอ้างว่าความฝันอาจเป็นลางบอกเหตุให้เธอและซีรีตามหาซึ่งกันและกัน
ซีรีคิดว่าเกรอลท์คงต้องการอยู่กับเยนเนเฟอร์ตามลำพังจึงขอตัวไปนอนก่อน เยนเนเฟอร์ไม่อยากให้เด็กสาวคลาดสายตาจึงอาสาจะตามไปด้วย แต่เกรอลท์ก็เริ่มผิดสังเกตจนเธอต้องยอมปล่อยให้ซีรีเดินจากไป เด็กสาวพบแม่ชีเนนเนเกะกำลังจุดเทียนเพื่อระลึกถึงคนที่ล่วงลับไปแล้ว เธอจึงอาสาเข้าไปช่วยเหลือ แม่ชีเน้นย้ำให้ซีรีทำลายห่วงโซ่แห่งความเกลียดชัง เพราะเชื่อว่าสิ่งนี้จะกลายเป็นพลังที่แท้จริงยิ่งกว่าพลังในสายเลือดของเธอ
เยนเนเฟอร์เล่าให้เกรอลท์ฟังว่าเธอได้พบกับยาสเกียร์ที่เมืองอ็อกเซนเฟิร์ต เขาถูกทรมานโดยจอมเวทลึกลับที่ใช้เวทไฟเป็นอาวุธ และสิ่งที่จอมเวทคลั่งไฟผู้นี้ต้องการก็คือข้อมูลของเกรอลท์ วิทเชอร์รู้ทันทีว่าเป้าหมายที่แท้จริงของจอมเวทลึกลับคือซีรี ทำให้เยนเนเฟอร์ร้อนรนอย่างผิดสังเกตอีกครั้ง เกรอลท์จึงถามไปตรง ๆ ว่าเธอมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ใดกันแน่ แต่เยนเนเฟอร์ก็บอกแค่ว่าเธอมีบาดแผลที่รักษาไม่หาย
ซีรีกำลังเดินกลับห้องพักและพบตำราที่มีคำทำนายของอิธลินตกอยู่บนพื้น เธอเห็นรอยเลือดจึงเดินตามไปเรื่อย ๆ จนพบว่ายาร์เรถูกทำร้ายจนหมดสภาพ เรียนซ์เดินมาดักหน้าเด็กสาวพร้อมกับพวกพี่น้องมิเชเล็ต แต่เกรอลท์และเยนเนเฟอร์ก็ตามมาช่วยซีรีได้ทันเวลาพอดี เยนเนเฟอร์พาซีรีหนีไปซ่อนตัวในห้อง ส่วนเกรอลท์ก็จัดการพวกนักเลงทั้งสี่คน
เรียนซ์ใช้เวทไฟเผาประตูห้องหมายจะชิงตัวซีรีมาให้ได้ เยนเนเฟอร์เห็นลูกตุ้มเวทมนตร์เรืองแสงจึงรู้ว่าซีรีมีพลังเวทในตัว บทเรียนแรกของเธอจึงเป็นการเรียนคาถาเปิดประตูมิติแบบเร่งด่วน ซีรีนึกถึงสถานที่ที่รู้สึกว่าปลอดภัยก่อนจะเปิดประตูมิติได้สำเร็จ เกรอลท์หันมาจู่โจมเรียนซ์ ทำให้จอมเวทคลั่งไฟต้องหนีเข้าประตูมิติไป เกรอลท์มองผ่านประตูห้องที่ละลายเป็นรูโหว่ และเห็นเยนเนเฟอร์กำลังจะพาซีรีหนีไปจากเขา แม้จะขอร้องให้เธอหยุด แต่จอมเวทหญิงก็หันหลังให้เขาและเดินเข้าประตูมิติไป
เส้นเรื่องของอิสเทรดด์
อิสเทรดด์ตัดสินใจไปใช้บริการสำนักงานกฎหมายโคดริงเกอร์และเฟนน์ในเมืองดอเรียน ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการสืบหาข้อมูลลับทุกอย่าง โคดริงเกอร์ออกมาต้อนรับและถามให้มั่นใจว่าอิสเทรดด์จะไม่เอาข้อมูลที่เขาอยากรู้ไปบอกสเตรกอบอร์ ทันทีที่จอมเวทจ่ายเงิน เฟนน์ก็เล่าข้อมูลเกี่ยวกับองค์หญิงซีริลลาแห่งซินทราออกมา
ทั้งสามคนพยายามหาความเชื่อมโยงว่าทำไมจักรพรรดิเอเมียร์จึงอยากได้ตัวองค์หญิงที่มีพลังสายเลือดเอลฟ์ ทั้ง ๆ ที่พระองค์ก็ยึดแผ่นดินซินทราได้แล้ว แต่ทุกอย่างก็ดูเหมือนเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น อิสเทรดด์สังเกตเห็นว่าในบันทึกพงศาวลีของราชวงศ์มีการระบุถึงยีนบางอย่างที่ถ่ายทอดเฉพาะในผู้หญิง เรียกว่า ลีช-อาร์ด-ราธ-อาร์ด-ลารา (Leish Ard Rath Ard Lara) ซึ่งตอนแรกอิสเทรดด์คิดว่าอาจเป็นโรคหรือความผิดปกติบางอย่างที่ถูกราชวงศ์ปิดเป็นความลับ ข้อความในบันทึกอีกม้วนทำให้คู่หูนักสืบปะติดปะต่อได้ว่า “ลารา” นั้นหมายถึง “ลารา ดอร์เรน” สตรีเอลฟ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นนักรบเพื่อทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์
“And when the humans proved hostile, bringing death and destruction, multiplying and infesting their lands, the elves built a warrior to destroy them.”
และเมื่อมนุษย์แสดงความมุ่งร้าย นำมาซึ่งความตายและการทำลายล้าง ทวีจำนวนและรุกรานดินแดนของพวกเขา เหล่าเอลฟ์ก็สร้างนักรบขึ้นมาเพื่อกวาดล้างมนุษย์
เฟนน์อ่านม้วนบันทึกเรื่องราวของลารา ดอร์เรน ก่อนตายเธอได้ให้กำเนิดลูกสาวพร้อมกับคำสาปแช่งมนุษย์ไปอีกสิบชั่วรุ่น ทุกคนจึงสรุปว่าราชวงศ์ซินทราต้องปกปิดเรื่องที่พวกเขาสืบเชื้อสายมาจากเอลฟ์ เนื่องจากคำสาปของลาราอาจนำหายนะมาสู่ราชวงศ์ได้ หากสายเลือดเอลฟ์ในตัวของพวกเขากลายเป็นอาวุธที่จะทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ขึ้นมาในวันใดวันหนึ่งจริง ๆ
เส้นเรื่องของพวกเอลฟ์และนิลฟ์การ์ด
ฟรานเชสกาใกล้ถึงกำหนดคลอด เธอออกไปเดินเล่นกับฟรินจิลลาและใช้เวทมนตร์ฟื้นสภาพให้ดอกกุหลาบที่เหี่ยวเฉากลับมาบานสะพรั่งดังเดิม ฟรานเชสกาหวนรำลึกถึงวัยเด็กของตัวเอง เธอและแม่มักจะออกไปเก็บดอกไม้ด้วยกันอยู่บ่อย ๆ เมื่อแม่ของเธอจากไปอย่างกระทันหัน ฟรานเชสกาก็เก็บดอกไม้ดอกหนึ่งไว้เป็นที่ระลึก แต่ในระหว่างที่เธอถือดอกไม้อยู่นั้นก็เกิดความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดขึ้นมาข้างในพร้อมกับดอกไม้ในมือที่กลับมาสวยสดอีกครั้ง เธอใช้คาถาที่ค้นพบขึ้นมาเองเสกดอกไม้ให้บานสะพรั่งได้นานเป็นปี ๆ จนกระทั่งพ่อของเธอจับได้ เขาก็เอาเรื่องนี้ไปบอกคนทั้งหมู่บ้านให้ลุกฮือขึ้นมากำจัดเธอ เกจเป็นคนจับตัวเขาไว้และฟรานเชสกาก็จัดการเชือดคอพ่อตัวเอง หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาต่อต้านเธออีกเลย
ฟรานเชสกาสังเกตว่าฟรินจิลลามีท่าทางเปลี่ยนไปตั้งแต่คาเฮียร์กลับมา คล้ายกับว่าเขาเป็นคนที่มีอิทธิพลเหนือจอมเวทหญิง ฟรานเชสกาจึงบอกให้ฟรินจิลลาลุกจึ้นมาสร้างอำนาจด้วยตัวของเธอเอง เพราะเธอเป็นขุนนางนิลฟ์การ์ดเพียงคนเดียวที่ให้ความช่วยเหลือพวกเอลฟ์อย่างบริสุทธิ์ใจ ต่างจากพวกนายพลที่เห็นว่าผู้อพยพคือภาระ คาเฮียร์ขี่ม้าตามมาคุยกับฟรินจิลลาเพื่อย้ำไม่ให้เธอหลงลืมภารกิจที่แท้จริง เขาบอกว่าเด็กสาวที่องค์จักรพรรดิต้องการตัวถูกพบเห็นที่ซ็อดเดนเมื่อไม่นานมานี้
ฟรานเชสกาและฟิลาวันเดรลเตรียมข้าวของเครื่องใช้สำหรับทารกเอลฟ์ที่กำลังจะลืมตาดูโลกในอีกไม่นาน พวกเขาหวังว่าในอนาคตเหล่าเอลฟ์จะมีดินแดนเป็นของตัวเองและมีอนาคตที่สดใสอีกครั้ง แต่ฟิลาวันเดรลยังเป็นกังวลกับพวกนายพลนิลฟ์การ์ดที่แสดงท่าทางไม่เป็นมิตรขึ้นเรื่อย ๆ เขาจึงอยากรู้ว่าฟรานเชสกาอยากให้เขาทำยังไงต่อไป แต่สิ่งที่ฟรานเชสกาต้องการนั้นมีเพียงอย่างเดียว เธอต้องการให้ฟิลาวันเดรลอยู่เคียงข้างเธอและลูกสาวตัวน้อยตลอดไป
นายพลเฮคกับคาเฮียร์เดินไปดูพวกเอลฟ์ฝึกใช้อาวุธ ฝีมือของพวกเขานั้นแย่ยิ่งกว่าพวกทหารเลว ดูสภาพแล้วไม่น่าจะนำมาเสริมทัพได้ คาเฮียร์เลยแสดงฝีมือไล่ต้อนดาร่าด้วยดาบไม้จนเกือบจะมีเรื่องกับฟิลาวันเดรลอีกครั้ง แต่ก็ถูกขัดจังหวะเมื่อเกจตะโกนแจ้งข่าวว่าฟรานเชสกาคลอดก่อนกำหนด
ฟรินจิลลาเข้ามาดูแลฟรานเชสกาที่กำลังคลอดลูกสาว ในที่สุดก็มีทารกเอลฟ์ถือกำเนิดขึ้นอย่างสมบูรณ์และแข็งแรง เป็นข่าวดีที่พวกเอลฟ์รอคอยมานานนับสิบปี พวกเขาจึงเฉลิมฉลองกันตลอดทั้งคืน ฟรินจิลลายืนดูอย่างอิ่มเอมแต่คาเฮียร์ก็นำข่าวร้ายมาบอกกับเธอ จักรพรรดิเอเมียร์รับสั่งผ่านทางจดหมายว่าพระองค์จะเสด็จมายังซินทรา และจนถึงตอนนี้ฟรินจิลลาก็มัวแต่สนใจพวกเอลฟ์จนละเลยหน้าที่ จอมเวทหญิงได้ยินเสียงกระซิบของโวเลธเมียร์ บอกว่าพวกเขากำลังจะพรากเอาอำนาจและอิสรภาพไปจากเธอ
ดาร่ารายงานข่าวไปยังดีคสตราผ่านทางนกฮูก เขารู้ว่าซีรีคือเจ้าหญิงแห่งซินทราและเธอคือสาเหตุที่ทำให้จักรพรรดินิลฟ์การ์ดเสด็จมาในครั้งนี้
พล็อตเรื่องที่แตกต่างระหว่างซีรีส์และนิยาย
- ในนิยายราชวงศ์ซินทราไม่ได้ปิดบังเรื่องที่สืบเชื้อสายมาจากลูกหลานของลารา ดอร์เรน แต่ไม่มีใครรู้ว่าทั้งพ่อและแม่ของราชินีคาลันเธต่างสืบเชื้อสายมาจากลูกหลานของลาราด้วยกันทั้งคู่ เป็นเหตุให้ยีน elder blood กลับมารวมกันจนสมบูรณ์อีกครั้ง
- พวกจอมเวทจะไม่มีทางเปิดประตูมิติเข้าหรือออกจากปราสาทแคร์มอร์เฮน เพราะการเปิดประตูมิติจะทิ้งร่องรอยเวทมนตร์ไว้ให้ตรวจจับได้ และตำแหน่งของปราสาทก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป
- ซีรีเดินทางออกจากแคร์มอนเฮนไปพร้อมกับเกรอลท์และทริส ระหว่างทางทริสเกิดป่วยคล้ายเป็นไข้ไทฟอยด์จนเดินแทบไม่ไหว จนพวกเขาต้องไปขอความช่วยเหลือจากทหารเคดเวนและได้พบกับ ยาร์เพน ซิกริน และพรรคพวกคนแคระที่กำลังขนส่งเสบียงตามคำสั่งของราชาเฮนเซลท์
- พวกวิทเชอร์เรียนการใช้คาถา (sign) จากสำนักของตัวเอง ไม่ได้ไปเรียนที่วิหารเทพีเมลิเทเลแต่อย่างใด
- ซีรีเรียนเวทมนตร์กับเยนเนเฟอร์ที่วิหารเทพีเมลิเทเลอยู่นานหลายเดือน จนกระทั่งเธอเริ่มใช้เวทมนตร์พื้นฐานได้ ประกอบกับสถานการณ์ในชายแดนที่มีเค้าลางว่าอาจเกิดสงครามขึ้นอีกครั้ง เยนเนเฟอร์จึงตัดสินใจพาเธอเดินทางไปสมัครเข้าเรียนที่อาเรทูซา
- คนที่จ้างวานโคดริงเกอร์และเฟนน์ให้สืบหาข้อมูลคือเกรอลท์ ส่วน เจคอบ เฟนน์ คู่หูของโคดริงเกอร์นั้นเป็นผู้ชาย เขามีร่างกายแคระแกร็นและขาด้วนทั้งสองข้าง ส่วนแมวของโคดริงเกอร์เป็นแมวตัวผู้สีขาวดำ
- เรียนซ์สู้กับเกรอลท์ที่เมืองอ็อกเซนเฟิร์ต และเขาก็ไม่เคยบุกไปที่แคร์มอร์เฮนหรือวิหารเทพีเมลิเทเลเลย
- พ่อของฟรานเชสกาเป็นจอมเวทเอลฟ์ และฟรานเชสกาก็ไม่ได้สังหารพ่อตัวเอง
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- คำพูดที่เกรอลท์บอกลาเจ้าโร้ชนั้นเป็นไอเดียของ Henry Cavill ซึ่งเขาขอแก้ไขจากสคริปต์เดิมที่เป็นการเล่นมุกว่าเกรอลท์มีเจ้าโร้ชหลายตัว บทพูดที่ว่า "Enjoy your last walk across the meadow and through the mist. Be not afriad of her for she is your friend." (ขอให้เจ้ามีความสุขกับการเดินทางครั้งสุดท้ายข้ามผ่านทุ่งหญ้าและสายหมอก อย่าได้กลัวนางเลย เพราะนางคือเพื่อนของเจ้า) Henry ได้ดัดแปลงมาจากฉากที่เกรอลท์พบกับ “เดธ” เทพีแห่งความตายบนเนินเขาซ็อดเดนในเล่ม Sword of Destiny (ดาบแห่งโชคชะตา)
- คำว่า "สหายที่รัก" (dear friend) ที่เกรอลท์ใช้เรียกเยนเนเฟอร์ มาจากคำขึ้นต้นจดหมายที่เขาเขียนไปหาเธอหลังจากที่ไม่ได้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เยนเนเฟอร์ไม่พอใจและประชดกลับด้วยการเรียกเขาว่า dear friend ในจดหมายทุกครั้ง easter egg นี้ยังปรากฏในจดหมายที่เยนเนเฟอร์เขียนถึงเกรอลท์ในเกม The Witcher 3 อีกด้วย
- ยูนิคอร์นสตัฟฟ์ที่เยนเนเฟอร์บอกว่ามันพังลงภายใต้สถานการณ์ลึกลับ อันที่จริงแล้วมันพังเพราะว่าเธอชอบขึ้นไปร่วมรักกับเกรอลท์บนหลังของมันอยู่บ่อย ๆ ซึ่งเกรอลท์ก็รู้สึกไม่ชอบเพราะว่ามันทุลักทุเลเกินไป
แผนที่
ที่ตั้งวิหารเทพีเมลิเทเลในเมืองเอลลันเดอร์ ที่มา witchernetflix.com |
เมืองดอเรียน ที่ตั้งสำนักงานของโคดริงเกอร์และเฟนน์ ที่มา witchernetflix.com |
📜 อ่าน ⏪สรุปเนื้อเรื่องซีซัน 2 ตอนที่ 5 | สรุปเนื้อเรื่องซีซัน 2 ตอนที่ 7 ⏩
ไม่มีความคิดเห็น