สรุปเนื้อเรื่อง The Witcher ซีซัน 2 ตอนที่ 5 Turn Your Back

Season 2

Episode 5 หันหลัง (Turn Your Back)

เส้นเรื่องของเเยนเนเฟอร์

ย้อนไปในช่วงก่อนหน้าที่เยนเนเฟอร์จะได้พบกับยาสเกียร์ มีจอมเวทนอกคอกคนหนึ่งนามว่า เรียนซ์ (Rience) ถูกจองจำไว้ในคุกใต้ดินของซินทรา เรียนซ์มีพรสวรรค์อย่างร้ายกาจและชื่นชอบการใช้เวทไฟซึ่งเป็นสิ่งต้องห้าม เมื่อสิบปีก่อนเขาบังเอิญไปมีเรื่องกับราชินีคาลันเธ พระองค์สั่งขังเรียนซ์เอาไว้ในคุกไดเมอริเทียมหลังจากรู้ว่าเขาเป็นหนี้ราชวงศ์ แม้ในตอนนี้ซินทราจะตกไปอยู่ในมือของนิลฟ์การ์ดแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะถูกปล่อยตัวให้เป็นอิสระ

แต่แล้วในคืนหนึ่งสหายเก่าอย่าง ลีเดีย วาน เบรเดวูร์ต (Lydia van Bredevoort) ก็นำพาอิสรภาพมาให้เรียนซ์ เธอก็เป็นจอมเวทนอกรีตอีกคนที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของภราดรจอมเวท แต่ทำงานรับใช้เจ้านายของเธอเพียงผู้เดียวเท่านั้น เงื่อนไขเดียวที่เรียนซ์ต้องทำตามเพื่อแลกกับอิสรภาพคือการตามล่าตัวลูกสิงห์น้อยแห่งซินทราให้ได้ก่อนคนอื่น

เรียนซ์ตามสืบจนรู้ว่าซีรีเป็นเด็กแห่งโชคชะตาของเกรอลท์แห่งริเวีย และวิทเชอร์ก็มักไปไหนมาไหนกับนักกวีที่ชื่อว่ายาสเกียร์ เขาจึงตามรอยนักกวีไปจนถึงเมืองอ็อกเซนเฟิร์ต และได้โอกาสเล่นงานยาสเกียร์ตอนที่เขากำลังแอบพาพวกเอลฟ์ลงเรือ เรียนซ์จับนักกวีกลับไปที่โรงเหล้า มัดเขาติดเก้าอี้และซ้อมทรมานเพื่อรีดข้อมูล แต่ยาสเกียร์ก็ยังปากแข็งไม่ยอมเล่าเรื่องของเกรอลท์และเด็กแห่งโชคชะตาคนนั้น เรียนซ์จึงเปรยถึงความเก่งกาจของตัวเองที่สามารถควบคุมพลังเคออสจากธาตุไฟได้ ว่าแล้วจึงดีดนิ้วเสกไฟออกมาเผานิ้วยาสเกียร์เพื่อเป็นการข่มขวัญ

ซากลูทของยาสเกียร์ที่ท่าเรือทำให้เยนเนเฟอร์ยอมทิ้งโอกาสหนีไปยังซินทราเพื่อกลับมาช่วยเขา เยนเนเฟอร์ถามหาเบาะแสนักกวีจากโสเภณีคนหนึ่งและจ้างวานให้เธอช่วยไปสืบดูว่าเขาถูกทางการจับตัวไปหรือเปล่า ระหว่างที่รอความคืบหน้าเยนเนเฟอร์ยังคงพยายามใช้เวทมนตร์เพื่อช่วยเหลือพวกเอลฟ์ที่กำลังถูกจับ แต่ความพยายามของเธอก็ไร้ผล ในที่สุดโสเภณีคนนั้นก็คาบข่าวกลับมาให้ ในคุกไม่มีนักโทษที่ชื่อยาสเกียร์ แต่เธอก็แนะนำเยนเนเฟอร์ว่า หากจะตามหาผู้ชายก็ให้ลองกลับไปดูในที่ที่เคยพบเขา

เยนเฟอร์กลับไปที่โรงเหล้าและได้ยินเสียงยาสเกียร์ร้องโหยหวน เธอจึงหาทางเข้าไปช่วยเหลือโดยแกล้งทำเป็นเมาพร้อมกับถือขวดเหล้าติดมือไปด้วย เมื่อเรียนซ์เสกไฟขึ้นมาข่มขู่ เยนเนเฟอร์จึงพ่นเหล้าใส่เปลวไฟให้ย้อนกลับไปเผาใบหน้าของเรียนซ์เสียเอง จากนั้นก็รีบแก้มัดยาสเกียร์และพากันวิ่งหนีออกมาจากโรงเหล้า

ยาสเกียร์บอกเยนเนเฟอร์เรื่องที่จอมเวทคลั่งไฟกำลังตามหาตัวเกรอลท์และให้เธอรีบเปิดประตูมิติไปเตือนเขา แต่เยนเนเฟอร์ก็ย้ำว่าเธอใช้เวทมนตร์ไม่ได้แล้ว ทันใดนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์ที่หวังเงินค่าหัวนักโทษก็วิ่งไล่ตามพวกเขามา เยนเนเฟอร์หนีไปเจอโสเภณีคนเดิมที่เธอเคยจ้างให้สืบข่าว แต่โสเภเณีคนนั้นกลับเรียกทหารยามมาจับตัวเธอถึงในบ้าน เมื่อไร้ทางหนีเยนเนเฟอร์จึงต้องจำใจท่องคาถาของโวเลธเมียร์เพื่อหนีเอาตัวรอด ส่วนยาสเกียร์นั้นถูกพวกทหารจับตัวไปโทษฐานที่เขาให้ความช่วยเหลือผู้ทรยศ

เยนเนเฟอร์ปรากฏตัวขึ้นในกระท่อมของโวเลธเมียร์ หลังจากตกระกำลำบากมาสารพัดเธอก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เวทมนตร์กลับคืนมา โวเลธเมียร์บอกว่ามันรู้วิธีที่จะทำให้เยนเนเฟอร์เข้าถึงพลังเคออสได้อีกครั้ง โดยเธอต้องลักพาตัวซีรีไปยังประตูสีดำที่แหลกละเอียด (เสาหินโมโนลิธที่หักลงมาจากพลังของซีรี) นอกกำแพงเมืองซินทรา เนื่องจากเด็กคนนี้คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้เธอได้พลังกลับคืนมา

 

เส้นเรื่องของเกรอลท์

อิสเทรดด์กำลังหาเส้นทางอื่นเพื่ออพยพเหล่าเอลฟ์จากแดนหนือ หลังจากฟรินจิลลาบอกว่าเส้นทางเรือไม่ปลอดภัยอีกต่อไป ในขณะนั้นเองประตูมิติก็เปิดขึ้นในห้องทำงานของเขา ชายสวมผ้าคลุมก้าวออกมานั่งพักหายใจ ท่าทางเหมือนเขาจะไม่คุ้นชินกับการเดินทางด้วยวิธีนี้ ชายลึกลับแนะนำตัวว่าเขาคือเกรอลท์แห่งริเวีย จอมเวทหญิงทริส เมริโกลด์เป็นคนส่งเขามาเพื่อขอความช่วยเหลือ เนื่องจากอิสเทรดด์เป็ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเสาหินโมโนลิธ วิทเชอร์สงสัยว่ามันอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มีสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์โผล่ออกมาเพ่นพ่านข้างนอก อิสเทรดด์คิดว่ามันเป็นทฤษฎีที่ไร้สาระ เกรอลท์จึงต้องหยิบหัวมายเรียพ็อดกลายพันธุ์ออกมาให้เขาดูเป็นหลักฐาน

เช้าวันรุ่งขึ้นอิสเทรดด์กับเกรอลท์เดินทางไปยังร่องลึกนอกกำแพงเมืองอันเกิดจากเสาหินโมโนลิธต้นหนึ่งที่หักโค่นลงมา ทั้งคู่ต้องประหลาดใจอย่างมากเพื่อพบว่าเสาหินได้สลายตัวเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างรวดเร็ว ปกติแล้วต้องใช้เวลานานเท่าชั่วอายุคนกว่าเสาหินโมโนลิธจะถูกกัดกร่อนได้ ทั้งสองคนลงไปสำรวจในร่องเหวแต่ก็ไม่พบรังของสัตว์ประหลาดตามที่คิดไว้

อิสเทรดด์พูดถึงทฤษฎีของการเกิด Conjunction of the Spheres ที่ทำให้มิติต่าง ๆ เชื่อมต่อกันจนพวกสัตว์ประหลาดทะลุมิติเข้ามา อย่างแรกมันต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในเวลาฉับพลัน และอย่างที่สองคือช่องทางที่จะเชื่อมต่อมิติต่าง ๆ เข้าหากัน เขาคิดว่าเสาหินโมโนลิธอาจเป็นช่องทางเชื่อมต่อระหว่างมิติ ซึ่งจะลบล้างทฤษฎีเดิมที่ว่ามันเป็นเพียงร่องรอยของจุดที่เคยเกิดคอนจังชัน จอมเวทหยิบบันทึกของตัวเองขึ้นมาดู และพบว่าในวันเดียวกับที่เสาหินนอกกำแพงเมืองซินทราล้มลง เสาหินเมกาลิธที่นาเซียร์ก็เกิดการสั่นเพราะพลังงานบางอย่างที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน คล้ายกับว่าพลังงานนั้นเป็นตัวกระตุ้นให้ระบบเสาหินทำงานและเหนี่ยวนำให้มิติต่าง ๆ เชื่อมต่อกันครู่หนึ่งก่อนจะแยกตัวออกจากกัน เกรอลท์จึงได้คำตอบแล้วว่าสัตว์ประหลาดพวกนี้เพิ่งจะปรากฏตัวขึ้นมาผ่านทางเสาหินโมโนลิธที่เป็นเหมือนกับประตูมิติของพวกมัน

หลังจากถกเถียงกันเรื่องทฤษฎีเสาหิน อิสเทรดด์ก็พูดถึงภารกิจช่วยเหลือพวกเอลฟ์และเอ่ยถึงเยนเนเฟอร์ขึ้นมา เกรอลท์ทั้งดีใจและสับสนที่ได้รู้ว่าจอมเวทหญิงยังมีชีวิตอยู่ และยังได้รู้ว่าอิสเทรดด์ก็เคยเป็นคนรักของเธอเช่นกัน แต่ในตอนนั้นเองเสาหินก็เกิดสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เสียงของซีรีก้องกังวานไปทั่ว เศษแร่สเตลลาไซต์ที่แตกกระจายได้พุ่งไปรวมกันกลายเป็นประตูมิติที่เปิดให้สัตว์ประหลาดข้ามเขตแดนเข้ามา มันพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที เกรอลท์มั่นใจว่ามันจะต้องกลับไปตามล่าซีรี วิทเชอร์จึงบอกจอมเวทให้เปิดประตูมิติส่งเขากลับไปที่แคร์มอร์เฮนทันที

อิสเทรดด์กลับมาที่ห้องทำงานเพื่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม เขาคิดว่าราชินีคาลันเธจงใจปิดบังความลับบางอย่าง จึงกลับมาค้นสาแหรกตระกูลของราชวงศ์ซินทรา และพบว่าไม่มีการบันทึกถึงต้นตระกูลของราชินีฟิโอนา (Fiona) ซึ่งเป็นย่าทวดของราชินีคาลันเธ ทำให้เขาตัดสินใจตามสืบเรื่องนี้ต่อไป

 

เส้นเรื่องของซีรี

ทริสยังคงไม่เห็นด้วยกับเวสิเมียร์ที่จะใช้เลือดของซีรีสร้างสารก่อการกลายพันธุ์ขึ้นมา มันเป็นแค่สมมติฐานที่ไม่มีอะไรมายืนยันได้ แต่เวสิเมียร์ไม่อาจปล่อยความหวังเดียวของเขาให้หลุดมือไป ทริสจึงตั้งเงื่อนไขขึ้นมาว่าเธอจะยอมช่วยก็ต่อเมื่อซีรีเห็นด้วยและสมัครใจเท่านั้น

แม้จะฝึกหนักเท่าไรแต่ซีรียังรู้สึกว่าตัวเองไม่แข็งแกร่งพอ เวสิเมียร์จึงถือโอกาสเล่าเรื่องเขาคิดจะใช้เลือดของซีรีมาทำเป็นสารก่อการกลายพันธุ์เพื่อสร้างวิทเชอร์รุ่นใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง แม้เวสิเมียร์จะไม่สามารถยืนยันได้ว่ามันจะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่ซีรีก็อยากเสี่ยง เธอยินดีจะสละเลือดให้ เพียงแต่เวสิเมียร์จะต้องทดสอบการกลายพันธุ์กับเธอเป็นคนแรก เวสิเมียร์ปฏิเสธทันทีเพราะมันอาจทำให้ซีรีตายได้ แต่ซีรียังไม่ยอมลดละ เธออยากทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้าง เพราะที่ผ่านมานั้นเธอได้แต่พาหายนะติดตัวไปด้วยทุกที่ เรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่มีความหมายกับเธอมาก

ทริสจำใจต้องช่วยเวสิเมียร์ตามที่รับปากไว้ เลือดของซีรีสามารถสร้างสารก่อการกลายพันธุ์ขึ้นมาได้จริง ๆ ซีรีจึงขอเวลาไปเตรียมตัวเตรียมใจก่อน จอมเวทหญิงตามไปเกลี้ยกล่อมซีรีให้เปลี่ยนใจและโน้มน้าวเธอให้ลองค้นหาความจริงเรื่องพลังสายเลือดเอลฟ์ด้วยวิธีอื่น ทริสเสนอให้ใช้การสะกดจิตที่เรียกว่า โดล ดูชา (Dol Durza) หรือหุบเขาแห่งจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นวิธีที่สามารถค้นลึกลงไปในความทรงจำที่ลึกที่สุดของตัวเองและความทรงจำที่ถูกถ่ายทอดมาทางกรรมพันธุ์ ทริสยืนยันว่ามันไม่อันตราย ซีรีจึงยอมให้จอมเวทหญิงสะกดจิต

จิตของทริสและซีรีท่องไปยังความทรงจำต่าง ๆ เห็นภาพของพวกวิทเชอร์สำนักหมาป่า ภาพของดาร่าในวันที่เขาแยกตัวไปจากซีรี ภาพของราชินีคาลันเธได้รับผ้าสายสะพายสีฟ้าผืนโปรดเป็นของขวัญจากไอส์ รวมไปถึงภาพอัศวินนิลฟ์การ์ดที่ตามจับตัวเธอ แต่บางอย่างเริ่มผิดปกติไปเมื่อซีรีเห็นแม่ของเธอ องค์หญิงพาเว็ตตามองเห็นซีรีกับทริสและพูดจาโต้ตอบกลับมาได้ ทั้งที่ปกติแล้วคนในนิมิตนั้นควรเป็นแค่ภาพของความทรงจำ ประตูบานหนึ่งเปิดออกเชื้อเชิญให้ซีรีและทริสเดินเข้าไป และสิ่งที่เธอเห็นก็คือเหตุการณ์ก่อนที่พ่อแม่ของเธอจะหายสาบสูญไปเพราะเรืออัปปาง

สาเหตุที่ทำให้ดูนี่และพาเว็ตตาต้องพาซีรีขึ้นเรือหนีไปกลางดึกนั้นมาจากคำพยากรณ์บางอย่างที่เกี่ยวพันกันซีรี ทั้งสองคนกลัวว่าซีรีจะถูกจับไปฆ่าเพื่อป้องกันเหตุร้ายตามคำพยากรณ์นั้น ทริสสังเกตเห็นว่าภาพนิมิตขององค์หญิงพาเว็ตตาจ้องมองกลับมาที่พวกเธออีกครั้ง จอมเวทหญิงจึงพยายามดึงซีรีออกมาจากนิมิต แต่ปรากฏว่าเธอกลับถลำลึกลงไปกว่าเดิม

ซีรีเดินไปตามเสียงเรียกที่เคยได้ยินจากต้นไม้ศักดิ์สิทธ์ชาน-เคยาน (Shan-Kayan) กลางป่าโบรคิลอน พื้นดินรอบ ๆ ล้วนมีดอกเฟนเวดด์บานสะพรั่ง สตรีเอลฟ์ผู้หนึ่งนั่งอุ้มทารกน้อยอยู่ท่ามกลางต้นไม้ที่มีแต่กิ่งก้าน เธอกำลังปลอบโยนลูกสาวตัวน้อยด้วยนิทานเรื่องสตรีนักรบชาวเอลฟ์ที่ตกหลุมรักมนุษย์ ทริสเห็นว่าเอลฟ์ผู้นั้นกำลังบาดเจ็บจึงใช้เวทมนตร์ช่วยรักษาให้ แต่เธอกลับถูกบีบคอจนขยับไม่ได้ เอลฟ์หญิงหันมากล่าวคำพยากรณ์ของอิธลินกับซีรี ตอกย้ำว่าเด็กสาวคือผู้ที่มีสายเลือดเอลฟ์โบราณ

“Child of Elder blood, child of wrath. The time of contempt is night. The world will die amidst frost and be reborn of the new sun. Reborn of Elder blood, of the seed that has been sown. The seed that will not sprout, but will burst into flame.”

ธิดาแห่งสายเลือดโบราณ ธิดาแห่งความพิโรธ ยุคแห่งความอัปยศใกล้เข้ามาแล้ว โลกจะดับสิ้นท่ามกลางน้ำแข็งยะเยือกและจะถือกำเนิดอีกครั้งภายใต้ตะวันดวงใหม่ สายเลือดโบราณ์จะถือกำเนิดอีกครั้งด้วยเมล็ดพันธุ์ที่ถูกหว่านโปรยไปแล้ว เมล็ดพันธุ์ที่จะไม่งอก แต่จะระเบิดกลายเป็นเปลวไฟ

ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน เหล่าปีศาจแห่งมอร์ฮอกก์ควบม้าทะยานขึ้นเหนือท้องฟ้า ซีรีหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก จึงได้แต่ตะโกนเรียกหาเกรอลท์ พลังในตัวเด็กสาวพลุ่งพล่านจนทำให้เสาหินโมโนลิธทุกต้นสั่นสะเทือน ในที่สุดทริสก็ดิ้นรนออกมาจากภวังค์แห่งนิมิตได้ จอมเวทหญิงตื่นกลัวจนคุมสติแทบไม่อยู่เมื่อเธอรู้ว่าซีรีคืออาวุธของพวกเอลฟ์ที่จะมาทำลายล้างมนุษยชาติ

ซีรีเดินหนีออกมาจากห้อง ความจริงที่เพิ่งค้นพบยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่ไปกว่าเดิม เธออยากกลายเป็นวิทเชอร์เพื่อจะได้ไม่ต้องมีความรู้สึกใด ๆ อีก เด็กสาวขอร้องเวสิเมียร์ให้รีบทดสอบการกลายพันธุ์กับเธอ แต่เกรอลท์ก็เดินทางผ่านประตูมิติกลับมาขัดขวางไว้ได้ทัน เกรอลท์ต่อว่าเวสิเมียร์ แม้ซีรีจะบอกว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากความตั้งใจของเธอเอง หมาป่าขาวจึงสอนเด็กสาวไปว่า

“Neither you nor I can just forget who we are. We can’t kill our feelings. Our best chance is to kill the hatred that we may hold onto… and move on.”

ไม่ว่าเจ้าหรือข้าก็ไม่อาจลืมได้ว่าเราเป็นใคร เรากำจัดความรู้สึกทิ้งไปไม่ได้ สิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้คือการกำจัดความเกลียดชังที่อาจติดค้างอยู่ในใจ… และก้าวเดินต่อไป

ซีรีสงบลงและยอมล้มเลิกการทดลอง ถึงเวลาแล้วที่เกรอลท์ต้องพาเธอไปจากแคร์มอร์เฮน แม้จะรู้สึกเสียดายแต่อย่างน้อยเวสิเมียร์ก็มีสิ่งที่เป็นความหวังอยู่ในมือแล้ว

 

เส้นเรื่องของพวกเอลฟ์และนิลฟ์การ์ด

เรือลำที่คาเฮียร์แอบลอบขึ้นมากับพวกเอลฟ์ได้เดินทางมาถึงท่าเทียบเรือของเมืองซินทราอย่างปลอดภัย ฟรินจิลลามองทิวทัศน์ริมชายฝั่งจากหอคอยในปราสาท ระหว่างรอให้ฟรานเชสกามาพบที่ห้องทำงานเพื่อปรึกษาเรื่องการเปลี่ยนเส้นทางอพยพเอลฟ์จากแดนเหนือ ฟรานเชสการู้สึกไม่คุ้นเคยกับการมีสหายแต่เธอก็พยายามเปิดใจรับฟังฟรินจิลลา ทั้งสองคนชวนกันไปต้อนรับผู้อพยพที่เพิ่งขึ้นฝั่งมา คาเฮียร์ร้อนใจจนเกือบจะทะเลาะกับเกจและฟิลาวันเดรลเพราะเขาอยากกลับเข้าเมืองให้เร็วที่สุด แต่ทุกคนก็หยุดโต้เถียงกันเมื่อฟรินจิลลาเดินมาทักทายคาเฮียร์

 

พล็อตเรื่องที่แตกต่างระหว่างซีรีส์และนิยาย

  • ในนิยายวิลเกฟอตซ์เป็นคนช่วยจ่ายหนี้ให้เรียนซ์และพาเขาออกมาจากคุก

  • สาเหตุที่เยนเนเฟอร์ตามไปช่วยยาสเกียร์ให้รอดพ้นเงื้อมมือของเรียนซ์ได้ เป็นเพราะว่าเธอตามสะกดรอยเขามาตั้งแต่ตอนที่ไปเปิดการแสดงที่ใต้ต้นโอ๊คเบลโอเบริสที่ชายแดนระหว่างเมืองเวเลนกับเมืองอ็อกเซนเฟิร์ต นอกจากนี้เธอยังเคยแลกเปลี่ยนข่าวสารกับซิกิสมุนด์ ดีคสตรา และรู้ว่ายาสเกียร์ก็ทำงานเป็นสายข่าวให้ดีคสตราเช่นกัน เธอจึงบอกให้เขาหนีไปยังเมืองอ็อกเซนเฟิร์ตที่มีผู้คนพลุกพล่านและอยู่ใกล้หูใกล้ตาดีคสตรามากกว่า

  • การเปิดประตูมิติผ่านทางเสาหินโมโนลิธเป็นสิ่งที่ไม่มีในนิยาย มีเพียงประตูมิติที่พวกเอลฟ์เอนเอลล์ใช้เดินทางอพยพข้ามมิติที่เรียกว่า อาร์ด เกธ (Ard Gaeth) ซึ่งผู้มีพลังแห่งสายเลือดเอลฟ์โบราณเท่านั้นที่จะเปิดขึ้นมาได้

  • ในนิยายเกรอลท์พบกับอิสเทรดด์ที่เมืองเอดด์กินเวล (Aedd Gynveal) ทางตอนเหนือของอาณาจักรโคเวียร์และโพวิส อิสเทรดด์ท้าดวลกับเกรอลท์เพื่อตัดสินว่าใครจะคู่ควรกับเยนเนเฟอร์มากกว่ากัน แต่สุดท้ายเยนเนเฟอร์ก็ตัดสินใจไม่เลือกใครเลย

  • ภาพในนิมิตระหว่างที่ทริสสะกดจิตซีรีเป็นเป็นภาพหน้าผาริมทะเลที่มีนกนางนวลโผบิน จากนั้นจึงเปลี่ยนไปภาพสมรภูมิซ็อดเดน ต่อด้วยขั้นบันใดที่ทอดยาวลงไปในหุบเหว หลังจากนั้นก็เปลี่ยนกลับไปเป็นภาพริมทะเลอีกครั้ง ก่อนที่ทริสและซีรีจะหมดสติไปทั้งคู่

 

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

  • ตำราที่ถูกเปิดค้างไว้ในห้องทำงานของอิสเทรดด์มีภาพวาดของเอลฟ์ยุคแรกทั้งสามเผ่าจากมินิซีรีส์ The Witcher: Blood Oirgin ซึ่งอาจเป็นภาพของ 3 ตัวละครหลักอย่าง Éile, Scian และ Merwyn

  • ตอนที่ซีรีร้องเรียกเกรอลท์จากในนิมิต ต้นไม้แขวนตราประจำสำนักในห้องโถงกลางปราสาทแคร์มอร์เฮนก็สั่นสะเทือนไปด้วย เป็นการบอกใบ้ว่ามีเสาหินโมโนลิธอยู่ข้างในต้นไม้

  • ซีรีขีดเขียนผนังห้องของเธอด้วย หนึ่งในนั้นเป็นรูปเรือที่น่าจะหมายถึงเหตุการณ์เรืออัปปางซึ่งทำให้ซีรีต้องสูญเสียพ่อแม่ไป

 

แผนผังสมาชิกราชวงศ์ซินทรา

คลิกที่รูปภาพเพื่อขยายขนาด

 

📜 อ่าน ⏪สรุปเนื้อเรื่องซีซัน 2 ตอนที่ 4 | สรุปเนื้อเรื่องซีซัน 2 ตอนที่ 6⏩

 

 

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.