สรุปเนื้อเรื่อง The Witcher ซีซัน 2 ตอนที่ 7 Voleth Meir

Season 2

Episode 7 โวเลธ เมียร์ (Voleth Meir)

เส้นเรื่องของเกรอลท์

เกรอลท์เห็นเหรียญเงินสกุลคราวน์ของเรเดเนียหล่นออกมาจากศพของพวกนักเลง เมื่อรวมกับเรื่องที่เยนเนเฟอร์เล่าว่ายาสเกียร์ถูกจอมเวทคลั่งไฟจับไปทรมานที่เมืองอ็อกเซนเฟิร์ต เขาจึงต้องรีบออกเดินทางขึ้นเหนือไปให้เร็วที่สุด เกรอลท์ขอโทษแม่ชีเนนเนเกะที่ทำให้วิหารต้องแปดเปื้อน แม่ชีรักษาบาดแผลให้เขาและพยายามโน้มน้าวเกรอลท์ว่าเรื่องราวอาจไม่ได้เลวร้ายแบบที่เขาคิด แต่ด้วยประสบการณ์ที่เกรอลท์เคยเห็นความร้ายกาจของเยนเนเฟอร์มาก่อน เขาจึงไม่อาจคิดในแง่ดีแบบเนนเนเกะได้ วิทเชอร์รีบไปหยิบกระเป๋าอาวุธและขอให้แม่ชีเนนเนเกะเปิดประตูมิติไปยังเมืองอ็อกเซนเฟิร์ตทันที

ยาสเกียร์ถูกทหารยามจับขังคุก แต่ในระหว่างที่เขากำลังร้องเพลงแก้เซ็งอยู่ ข้างนอกก็เกิดเสียงเอะอะโวยวาย วิทเชอร์ผมขาวที่เคยขับไล่ไสส่งเขาไป จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นและช่วยเหลือนักกวีออกมาจากห้องขัง แม้จะยังไม่หายโกรธ แต่เมื่อยาสเกียร์ได้ยินว่าเกรอลท์กำลังต้องการความช่วยเหลือ เขาก็ยินดีที่จะออกเดินทางผจญภัยไปพร้อมกับวิทเชอร์อีกครั้ง

ยาสเกียร์ขอเวลาแวะอาบน้ำล้างตัว เจ้านักกวีเล่าว่าเยนเนเฟอร์ช่วยชีวิตเขาไว้ ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็กำลังหลบหนีและไม่สามารถใช้เวทมนตร์ไม่ได้อีกต่อไป แต่เขาคิดว่าเยนเนเฟอร์โกหกเรื่องที่สูญเสียเวทมนตร์ เพราะเขาเห็นเธอหายวับไปกับตาหลังจากท่องคาถาบางอย่างเกี่ยวกับ "ป่า เทวี และกระท่อม" เกรอลท์จึงรู้ว่าเยนเนเฟอร์กำลังร่วมมือกับโวเลธเมียร์หรือเทวีผู้เป็นอมตะ และเธออาจลักพาตัวซีรีไปเป็นเครื่องสังเวยเพื่อให้ได้เวทมนตร์กลับคืนมา โวเลธเมียร์อาจต้องการพลังของซีรี และพลังของเธอก็เกี่ยวข้องกับเสาหินโมโนลิธ วิทเชอร์จึงคิดว่าเยนเนเฟอร์อาจพาซีรีไปยังซากเสาหินที่นอกกำแพงเมืองซินทรา

เกรอลท์ได้พบกับยาร์เพน ซิกริน และพลพรรคคนแคระของเขาด้วยความบังเอิญ พวกเขากำลังอารักขาขบวนสินค้าของราชาเฮนเซลท์แห่งเคดเวน เกรอลท์บอกว่าเขากำลังต้องการม้าสักตัวไปทำภารกิจที่เป็นความลับและยินดีจะจ่ายให้เป็นสองเท่าเมื่อหาเงินมาได้ พอได้ยินว่าเกรอลท์กำลังทำภารกิจลับ ยาร์เพนก็ทิ้งงานและพาพรรคพวกออกเดินทางไปพร้อมกับวิทเชอร์ทันที

ระหว่างการเดินทาง เกรอลท์บอกกับยาสเกียร์ว่าเขาจะฆ่าเยนเนเฟอร์แน่ ๆ ถ้าหากเธอทำร้ายซีรี แต่ยาสเกียร์อยากให้เขาคิดดี ๆ ก่อนลงมือ เพราะเวลาที่คนเราจนตรอกก็มักจะตัดสินใจทำอะไรโง่ ๆ ลงไป เหมือนกับตอนที่เกรอลท์ไล่ตะเพิดเขา เกรอลท์จึงเอ่ยปากของโทษยาสเกียร์ เจ้านักกวีได้ทีจึงล้อเลียนวิทเชอร์ตามเคย

เมื่อเกรอลท์ ยาสเกียร์ และพลพรรคคนแคระเดินทางมาถึงชายแดนซินทราในตอนโพล้เพล้ พวกเขาก็เห็นทหารนิลฟ์การ์ดกรูกันเข้ามาจับตัวซีรีและเยนเนเฟอร์ ทุกคนจึงคว้าอาวุธเข้าตะลุมบอนทันที

 

เส้นเรื่องของเยนเนเฟอร์และซีรี

ประตูมิติของซีรีพาเธอและเยนเนเฟอร์มาที่บ้านของโซลา ภรรยาพ่อค้าชาวซ็อดเดนที่เคยช่วยเหลือเธอตอนหนีออกมาจากค่ายผู้ลี้ภัย ซีรีคิดว่าควรเปิดประตูมิติกลับไปหาเกรอลท์เพราะตอนนี้น่าจะปลอดภัยแล้ว แต่เยนเนเฟอร์ก็คัดค้านทันที ซีรีเดินสำรวจบ้านก่อนจะพบว่าทุกคนในบ้านถูกเผาทั้งเป็น แน่นอนว่าต้องเป็นฝีมือของจอมเวทคลั่งไฟ เด็กสาวร่ำไห้ด้วยความรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้พวกเขาต้องพบจุดจบอันน่าเศร้า ซีรีคิดว่าจอมเวทคลั่งไฟอาจทำงานให้พวกนิลฟ์การ์ดและเริ่มเป็นห่วงความปลอดภัยของเกรอลท์ เยนเนเฟอร์จึงใช้เรื่องนี้มาโน้มน้าวซีรีให้เดินทางไปยังซินทราด้วยกัน โดยให้เห็นผลว่าหากเกรอลท์ถูกพวกนิลฟ์การ์ดจับตัวไปจริง ๆ เขาก็น่าจะถูกพาตัวไปยังเมืองซินทรา

ซีรีควบม้าไปอย่างเร่งรีบ เธอเป็นห่วงเกรอลท์จึงอยากไปถึงซินทราให้เร็วที่สุด เยนเนเฟอร์ต้องบอกให้เธอชะลอฝีเท้าม้าลงก่อนที่พวกมันจะเหนื่อยจนขาดใจตาย เยนเนเฟอร์เปรยว่าเกรอลท์คงมีความสำคัญกับซีรีมาก ๆ เด็กสาวจึงบอกว่าเกรอลท์นั้นเป็นเหมือนพ่อที่เธอไม่เคยมีมาก่อน และถามกลับถึงความสัมพันธ์ระหว่างจอมเวทหญิงกับวิทเชอร์ คำตอบที่ได้ยินทำให้เด็กสาวสรุปได้ว่าเยนเนเฟอร์เองก็รักเกรอลท์เช่นกัน

ทั้งสองคนตั้งใจจะใช้สะพานข้ามแม่น้ำ แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าสะพานขาดและน้ำก็ไหลเชี่ยวเกินกว่าจะเดินข้ามไปได้ ซีรีบอกว่ายังมีอื่นจุดที่สามารถข้ามแม่น้ำได้ แต่มันอยู่ห่างออกไปถึงครึ่งวัน เยนเนเฟอร์จึงสอนให้ซีรีใช้พลังเคออสซ่อมสะพาน แต่คาถาก็ล้มเหลวเพราะซีรีขาดความชำนาญในการควบคุมพลัง เด็กสาวตะโกนออกมาด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน พลังบางอย่างในตัวของซีรีได้ย้ายตำแหน่งของเธอกับเยนเนเฟอร์และม้าอีกสองตัวข้ามไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำได้ในพริบตาเดียว ซีรีขอโทษจอมเวทหญิงเพราะเธอไม่รู้ว่าทำอะไรลงไป แต่เยนเนเฟอร์ก็บอกซีรีว่าอย่าได้เอ่ยปากขอโทษที่ตัวเองมีพลังแบบนี้

ในที่สุดซีรีและเยนเนเฟอร์ก็เดินทางมาถึงนอกกำแพงเมืองซินทรา ซีรีแทบไม่อยากเชื่อว่าเธอจะมีโอกาสได้กลับมาเห็นบ้านเกิดอีกครั้ง เยนเนเฟอร์พูดเป็นนัยว่าเธออาจต้องแยกกับซีรี เธอบอกให้เด็กสาวเชื่อมั่นในพลังเวทมนตร์ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แต่ซีรีกลับไม่คิดอย่างนั้น เธอรู้สึกว่าตัวเองถูกพลังเคออสควบคุมมากกว่าที่จะเป็นฝ่ายควบคุมมัน เยนเนเฟอร์พาซีรีเข้าใกล้ซากเสาหินโมนิลิธที่หักโค่นลงมา เธอเริ่มลังเลว่าตัวเองกำลังทำผิดจึงขอโทษที่ทรยศและยอมรับว่าโกหกเรื่องที่เกรอลท์ถูกจับมาซินทรา ซีรีโกรธจัดเพราะเข้าใจผิดว่าเยนเนเฟอร์ร่วมมือกับจอมเวทคลั่งไฟ พลังของเธอจึงพลุ่งพล่านจนทำให้แผ่นดินเกิดรอยแยกไปจนถึงกำแพงเมืองซินทรา

ทหารนิลฟ์การ์ดแห่กันมาจับตัวซีรีและเยนเนเฟอร์ แต่เกรอลท์และพรรคพวกก็ตามมาทันพอดี พวกเขาจัดการพวกทหารจนราบคาบในพริบตา วิทเชอร์หันคมดาบใส่เยนเนเฟอร์เพื่อป้องกันไม่ให้เธอแตะต้องซีรีได้อีก เขาสั่งให้ยาสเกียร์กับซีรีรีบกลับไปยังแคร์มอร์เฮน จากนั้นก็บังคับให้เยนเนเฟอร์ท่องคาถาเพื่อพาเขาไปยังกระท่อมของโวเลธเมียร์

เกรอลท์และเยนเนเฟอร์ปรากฏตัวที่ป่าด้านนอกกระท่อม พวกเขามาช้าไปก้าวเดียว โวเลธเมียร์ได้พลังจากความเจ็บปวดและความสิ้นหวังของฟรินจิลลากับฟราเชสกา จนมันแข็งแรงมากพอที่จะหนีออกไปจากกระท่อมและล่องลอยไปสิงร่างซีรี

 

เส้นเรื่องของแดนเหนือ

ที่อาเรทูซา ทิสซายอาตื่นมาพร้อมกับความกังวลใจบางอย่าง วิลเกฟอตซ์ที่นอนร่วมเตียงกับเธอจึงเดินเข้ามาสวมกอดและถามถึงสิ่งที่ทำให้จอมเวทหญิงไม่สบายใจ ทิสซายอาจึงบอกไปว่าวันนี้ดีคสตราจะมาเข้าพบสภาจอมเวท และเธอก็กังวลว่ายอดสายลับแห่งเรเดเนียมีแผนจะล้วงข้อมูลบางอย่างไปด้วย

ดีคสตรารายงานข่าวการให้กำเนิดทารกของจอมเวทเอลฟ์ สเตรกอบอร์หวั่นเกรงว่ามันอาจจุดประกายให้พวกเอลฟ์ลุกขึ้นมาต่อต้านมนุษย์ เช่นเดียวกับอาร์ทอเรียสที่มองว่าพวกเอลฟ์อาจเป็นกองหนุนให้นิลฟ์การ์ดเปิดฉากสงครามขึ้นอีกครั้ง มีเพียงวิลเกฟอตซ์และทิสซายอาที่คิดว่าสภาจอมเวทยังไม่ควรลงมือใด ๆ หากข้อมูลที่ได้มาเป็นเพียงแค่ข่าวลือ ดีคสตรายืนยันด้วยประสบการณ์สายลับว่าข่าวลือในวันนี้มักจะกลายเป็นเรื่องจริงในวันต่อ ๆ ไป นอกจากนี้เขายังรู้ด้วยว่าทริสกลับมาที่อาเรทูซาด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่ทิสซายอาก็กลบเกลื่อนว่าลูกศิษย์ของเธอแค่กลับมาพักฟื้นเพราะไม่สบายเท่านั้น

เรียนซ์กลับไปพบลีเดียแบบมือเปล่าอีกครั้ง แต่เขาเองก็แปลกใจเรื่องที่มีใครบางคนช่วยเปิดประตูมิติให้เขาหลบหนีออกมาจากวิหารเทพีเมลิเทเล ลีเดียรู้ว่าเป็นฝีมือเจ้านายของเธอที่จะมาเยือนในอีกสองสามวันนี้ เรียนซ์อยากพบหน้าเจ้านายของลีเดียมาก ๆ จึงยอมให้เธอทำการทดสอบตัวอย่างเลือดของซีรีที่ชิงมาจากเวสิเมียร์ เพื่อใช้เวทมนตร์ช่วยตามหาร่องรอยของเด็กสาวที่หลุดมือไป ลีเดียรีบทำการทดสอบด้วยความตื่นเต้น แต่ทันทีที่เธอเริ่มสูดกลิ่นเลือด จมูกและใบหน้าส่วนล่างของเธอก็ลุกไหม้เหมือนถ่านติดไฟ

ทิสซายอาตามมาคุยกับทริสที่ระเบียงริมสวนใจกลางอาเรทูซา จอมเวทอาวุโสเล่าว่าก่อนหน้านี้เธอได้พบกับเกรอลท์และเด็กผู้หญิงอีกคนกำลังตามหาเยนเนเฟอร์ในสนามรบที่ซ็อดเดน แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นคือองค์หญิงซีริลลาแห่งซินทราผู้มีพลังแห่งสายเลือดเอลฟ์ ทิสซายอาจึงถามทริสให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป วิลเกฟอตซ์เดินมาขัดจังหวะการสนทนาเพราะทริสมีข้อมูลของเด็กสาวที่เขาต้องการจะรู้ให้ได้ ทริสแทบไม่อยากเชื่อว่าอาจารย์ของเธอจะนำความลับนี้ไปบอกวิลเกฟอตซ์ เธอจึงเดินจากไปโดยไม่ยอมพูดอะไรอีก วิลเกฟอตซ์โมโหจนตะคอกใส่ทิสซายอา เขาอ้างว่าเด็กคนนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการยุติสงคราม แต่ถ้าเธอตกไปอยู่ในมือของศัตรูก็จะเกิดผลร้ายกับทุกคน ท่าทีของทริสและวิลเกฟอตซ์ทำให้ทิสซายอารู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก

ดีคสตรารายงานข้อมูลต่อราชาวิซิเมียร์ เขายืนยันว่าองค์หญิงซีริลลาคือเครื่องมือที่จะทำให้เรเดเนียกลายเป็นอาณาจักรที่ทรงอำนาจมากที่สุด ยอดสายลับอ่านท่าทีของทิสซายอาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เธอรู้เรื่ององค์หญิงแห่งซินทราแต่พยายามเก็บมันไว้เป็นความลับ และความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับวิลเกฟอตซ์ก็ทำให้เธอตัดสินใจได้แย่ลง ทั้งหมดคือเค้าลางแห่งความวุ่นวายที่ล้วนเป็นประโยชน์ต่อเรเดเนียทั้งสิ้น ดีคสตราขอให้องค์ราชาไว้ใจเพราะเขายังมีแผนการเตรียมไว้อีกนับไม่ถ้วน

 

เส้นเรื่องของพวกเอลฟ์และนิลฟ์การ์ด

จักรพรรดิเอเมียร์จะเดินทางมาถึงซินทราในวันรุ่งขึ้น ทำให้พวกนายพลนิลฟ์การ์ดต้องเร่งมือจัดระเบียบพวกเอลฟ์และผู้อพยพจำนวนมาก นายพลเฮคอ้างว่ามีสายลับแฝงตัวเข้ามาในกำแพงเมืองซินทรา เพราะฟรินจิลลาอยากได้กำลังพลจำนวนมากจนละเลยที่จะตรวจสอบและอนุญาตให้คนต่างถิ่นเข้าเมืองมาอย่างง่ายดาย แถมวันนี้พวกเอลฟ์ครึ่งหนึ่งยังไม่มาฝึกซ้อมรบเพราะมัวแต่เฉลิมฉลองกันจนเลยเถิด คาเฮียร์พยายามช่วยไกล่เกลี่ยแต่ฟรินจิลลายืนยันว่าเธอจะจัดการเรื่องนี้เอง ทั้งสองคนเดินตามนายพลเฮคขึ้นไปบนกำแพงเมือง และเห็นเขากำลังแขวนคอพวกเอลฟ์ที่สงสัยว่าจะเป็นสายลับเพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้นำที่แท้จริงต้องปกครองด้วยความเด็ดขาด

ขณะที่ฟรานเชสกากับฟิลาวันเดรลกำลังเลือกชื่อให้กับลูกสาวตัวน้อย ฟรินจิลลาก็เดินเข้ามาขัดจังหวะและย้ำเรื่องที่พวกเอลฟ์ไม่ยอมไปฝึกทหาร ฟิลาวันเดรลบอกว่าเขาไม่เคยคิดจะสู้เพื่อนิลฟ์การ์ด และคนของเขาก็ไม่อยากจับอาวุธแต่ต้องการชีวิตที่มั่นคงและรุ่งเรือง พวกเขาไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตมาทิ้งในศึกของคนอื่น ฟรินจิลลาเถียงว่านี่ไม่ใช่ศึกของนิลฟ์การ์ดเพียงฝ่ายเดียว แต่มันเป็นศึกที่หมายถึงความอยู่รอดของทุกคน

ฟรานเชสกาขอคุยกับฟรินจิลลาตามลำพัง ฟรินจิลลาขอให้จอมเวทเอลฟ์เห็นแก่มิตรภาพที่ผ่านมา ซึ่งฟรานเชสกาก็ยอมรับว่ามันเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับเธอ แต่คงไม่อาจเทียบกับความผูกพันทางสายเลือดได้ และถ้าหากต้องเลือกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เธอก็ขอเลือกที่จะปกป้องครอบครัวและสายเลือดของตัวเองก่อน

ฟรินจิลลารู้ตัวแล้วว่าทำพลาดไปอย่างมหันต์ พวกเอลฟ์ไม่คิดจะตอบแทนความช่วยเหลือของเธอเลย แน่นอนว่าองค์จักรพรรดิคงไม่ให้โอกาสเธอแก้ตัวอีก เธอจึงเปิดประตูมิติไปขอความช่วยเหลือจากลุงแท้ ๆ อย่างจอมเวทอาร์ทอเรียส เขาพูดจาถากถางหลานสาวที่ซมซานมาขอความช่วยเหลือหลังจากพากองทัพมาถล่มซ็อดเดน ทางเดียวที่ฟรินจิลลาจะได้กลับมายังแดนเหนือคือเธอจะต้องขอโทษกับสิ่งที่เคยทำลงไป และต้องยอมรับโทษเพื่อให้อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถทำประโยชน์ใด ๆ ให้พวกนิลฟ์การ์ดได้อีก ฟรินจิลลาเสียใจที่คิดหวังพึ่งคนในครอบครัว ดูเหมือนว่าสิ่งที่ฟรานเชสกาพูดจะใช้ไม่ได้กับครอบครัวของเธอเลยสักนิด

ดาร่ารายงานข่าวผ่านนกฮูกว่าพวกนิลฟ์การ์ดกำลังฆ่าเอลฟ์ผู้บริสุทธิ์เพราะสงสัยว่ามีสายลับแฝงตัวเข้ามา เขารู้สึกผิดและไม่อยากให้มีใครต้องมาตายเพราะเขาอีก ดาร่าจึงขอถอนตัวจากการเป็นสายข่าวให้กับดีคสตรา

คาเฮียร์ร่วมโต๊ะอาหารกับพวกนายพลนิลฟ์การ์ด นายพลเฮคมั่นใจว่าฟรินจิลลาจะต้องถูกประหารจากความล้มเหลวของเธอ แต่จู่ ๆ ทุกคนก็ตัวแข็งค้าง ฟรินจิลลาแอบใส่สมุนไพรไนท์เฉดลงไปในแก้วเหล้าทำให้พวกนายพลเป็นอัมพาต เธอสังหารทุกคนอย่างเลือดเย็น ยกเว้นคาเฮียร์เพียงคนเดียว ฟรินจิลลาต้องการให้เขารายงานต่อองค์จักรพรรดิว่าพวกนายพลคนอื่นถูกสังหารเพราะเป็นกบฏ เธอคิดว่าจักรพรรดิเอเมียร์ย่อมเชื่อคำพูดของนายพลที่พระองค์ไว้วางใจมากที่สุด

ฟรานเชสกาฝันร้ายและตกใจตื่น แต่ความจริงที่เธอตื่นขึ้นมาพบนั้นเลวร้ายยิ่งกว่า ฟิลาวันเดรลร้องไห้คร่ำครวญพร้อมกับอุ้มร่างทารกน้อยที่ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมไว้ในอ้อมอก ความฝันและความหวังของพวกเขาดับสลายลงในพริบตา และความเจ็บปวดของฟรานเชสกาก็กลายเป็นอาหารมื้อใหญ่ของโวเลธเมียร์

 

พล็อตเรื่องที่แตกต่างระหว่างซีรีส์และนิยาย

  • เรื่องราวในเอพิโสดนี้แตกต่างจากนิยายอย่างสิ้นเชิง เป็นเนื้อเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นมาใหม่เกือบ 100%

 

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

  • วิธีการที่ฟรินจิลลาสังหารนายพลเฮคเหมือนกับฉากใน DLC Hearts of Stone ที่กอนเทอร์ โอดิมม์หยุดเวลาแล้วใช้ด้ามช้อนแทงทะลุลูกตาเหยื่อจนตาย

  • ใบหน้าตุ๊กตาเด็กทารกที่เป็นลูกของฟรานเชสกาและฟิลาวันเดรล ถูกจำลองขึ้นมาจากใบหน้าของเมเซีย ซิมป์สัน ผสมกับใบหน้าของทอม แคนตัน สองนักแสดงผู้รับบทเป็นพ่อแม่

  • ในห้องของลีเดียมีภาพวาดของลารา ดอร์เรนอยู่หลายรูป รวมไปถึงภาพของซีรีสวมชุดสีเหลืองของลารา รวมไปถึงภาพสเก็ตช์ของลาราและเกรอลท์อีกด้วย

 

📜 อ่าน ⏪สรุปเนื้อเรื่องซีซัน 2 ตอนที่ 6 | สรุปเนื้อเรื่องซีซัน 2 ตอนที่ 8 ⏩

 

 

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.