ไวท์ และไวท์ลายจุด (Wight and Spotted Wight)

ไวท์ (Wight)

 

Bestiary (The Witcher 3: Wild Hunt, DLC Blood and Wine)

 

เขามักจะพูดกันว่าคนตายชอบความเงียบสงบ ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกคนตาย แต่พวกไวท์คงจะรู้ดี

- ไฮน์ริค ฟอน กร็อตต์

 

แม้พวกไวท์จะมีลักษณะภายนอกเหมือนภูตผีที่ดูอันตราย แต่ก็ไม่ควรชักดาบหรือโจมตีใส่มัน ตราบใดที่มันยังไม่สนใจเราก็ควรปล่อยมันไว้แบบนั้นจะดีกว่า พวกไวท์ไม่ทำอันตรายใครเพราะมันสนใจการปรุงส่วนผสมในหม้อเกินกว่าจะละสายตามาต่อสู้ สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์นี้มักอาศัยอยู่ในสุสานโบราณ แต่ก็สามารถพบได้ในบริเวณใกล้ ๆ กับหลุมฝังศพใหม่เช่นกัน และจะพบเห็นพวกมันในสุสานหมู่แทบทุกที่

ในฤดูหนาวพวกไวท์จะอยู่ในสภาวะจำศีลซึ่งคล้ายการหลับไหลของมนุษย์ พวกมันใช้ชีวิตเคร่งครัดอยู่อย่างโดดเดี่ยว ในความเป็นจริงแล้วไม่เคยมีใครได้ยินว่าพวกไวท์จะมาอาศัยอยู่รวมกัน เมื่อพวกมันรู้สึกกลัวจากการถูกรุกล้ำอาณาเขต (และการที่ใครสักคนแค่ก้าวเท้าเข้าไปในอาณาเขตของมันก็มากพอแล้วที่จะทำให้ไวท์รู้สึกถูกคุกคาม) ไวท์จะเปลี่ยนจากสิ่งมีชีวิตโดดเดี่ยวไปเป็นศัตรูตัวอันตรายที่ขนพวกพ้องมาร่วมต่อสู้ด้วย

เมื่อพวกไวท์คิดว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย มันจะคายสารเอ็คโตพลาสซึมออกจากปาก สสารนี้จะเปลี่ยนสภาพไปเป็นภูตสุนัขบาร์เกสต์ (barghest) ในทันที ซึ่งบาร์เกสต์จะเชื่อฟังคำสั่งของไวท์และโจมตีทุกสิ่งที่พวกมันเห็นว่าเป็นอันตราย หากบาร์เกสต์ตัวใดตัวหนึ่งถูกกำจัด ไวท์ก็จะสร้างตัวใหม่ออกมาแทน

กลยุทธที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับพวกไวท์คือการร่ายคาถาแอ็กซี (Axii) เพื่อไม่ให้มันสร้างเหล่ามอนสเตอร์ผู้พิทักษ์ออกมา แล้วค่อยโจมตีใส่ด้วยดาบเงิน พวกไวท์ต้านทานต่อพิษทุกชนิด แต่จะแพ้โลหะเงินอย่างมาก

จุดอ่อน: Necrophage Oil / Axii

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

ไวท์ลายจุด (Spotted Wight)

มาร์เลเน่แห่งทราสทามาร่า ในร่างไวท์ลายจุด (ศิลปิน Maciej Laszkiewicz ภาพจาก ArtStation)

 

Bestiary (The Witcher 3: Wild Hunt, DLC Blood and Wine)

 

วิธีป้องกันตัวที่ดีที่สุดจากไวท์ลายจุดน่ะหรือ? นิ่ง ๆ เข้าไว้แล้วอย่าไปยุ่งกับมัน

- ส่วนหนึ่งจากบันทึกเกี่ยวกับไวท์ลายจุด โดย โรเดอริค กิลิแกน

 

ไวท์ลายจุดคือสายพันธุ์ย่อยของพวกไวท์ที่สูญพันธุ์ไปเพราะถูกพวกวิทเชอร์ตามล่าสังหาร พวกมันมีขนาดลำตัวใหญ่กว่าไวท์ทั่ว ๆ ไป และได้ชื่อนี้มาจากตุ่มหนองที่ไหลเยิ้มเต็มตัว ไวท์ลายจุดมักอาศัยอยู่ในสุสานร้างหรือในพื้นที่ห่างไกลที่ไร้ผู้คน แต่บางครั้งก็ไปอาศัยในบ้านเรือนของมนุษย์ที่ถูกทิ้งร้าง อันเป็นสถานที่ที่พวกมันสามารถหมกมุ่นอยู่กับความปรารถนาอันแรงกล้า ซึ่งก็คือการปรุงส่วนผสมจากของเสียที่มันปล่อยออกมา

ไวท์ลายจุดจะไม่แสดงท่าทีก้าวร้าวในยามที่ไม่มีใครไปรบกวนมัน แต่หากถูกคุกคามมันจะกลายเป็นศัตรูที่อันตรายมาก ในเดือนที่มีอากาศหนาวเย็นพวกไวท์จะเฉื่อยชาจนตกเป็นเป้าการโจมตีได้ง่าย ๆ แต่ถึงแม้มันจะไม่ได้อยู่ในช่วงจำศีล วิทเชอร์ก็มีวิธีจัดการพวกมันได้โดยการใช้คาถาเยอร์เด็น (Yrden) ด้วยความระมัดระวัง อย่างน้อยก็เป็นวิธีการที่ตำนานวิทเชอร์ได้เล่าขานต่อ ๆ กันมา…

เมื่อเหล่าวิทเชอร์ยืนยันว่าได้กวาดล้างสัตว์ประหลาดชนิดใดก็ตามจนสูญพันธุ์หมดสิ้นแล้ว หากมีผู้พบเห็นสัตว์ประหลาดชนิดนั้นอีกก็เป็นไปได้ว่ามันอาจเกิดจากคำสาป หลักการอันเรียบง่ายนี้ได้แสดงคุณูปการต่อไวท์ลายจุดตนหนึ่งที่อาศัยในคฤหาสน์ทราสทามาร่า (Trastamara Estate) อันที่จริงแล้วไวท์ตนนี้คือสตรีที่ถูกคำสาปจนกลายร่างเป็นมอนสเตอร์มานานหลายปี เพื่อเป็นการลงโทษที่นางไม่ยอมแบ่งอาหารและที่พักอาศัยให้กับขอทานพเนจร

จุดอ่อน: Necrophage Oil / Igni / Yrden

 

สตรีผู้ถูกสาปให้กลายร่างเป็นไวท์ลายจุด

มาร์เลเน่แห่งทราสทามาร่า (Marlene de Trastamara)

มาร์เลเน่ เป็นบุตรสาวของบารอนผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์แห่งหนึ่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของแคว้นทูซองต์ เธอชอบจัดงานเลี้ยงหรูหราและเชิญแขกเหรื่อมากมายมาพบปะสังสรรค์อยู่เป็นประจำ แต่ในงานเลี้ยงคืนหนึ่งมีขอทานพเนจรถือถ้วยกับช้อนมาเคาะประตูขออาหารจากเธอ ซึ่งตามธรรมเนียมเก่าแก่ของทูซองต์ เจ้าของบ้านจะต้องมอบอาหารและไวน์อย่างดีให้ แต่มาร์เลเน่กลับปฏิเสธและบอกว่าเธอจะเก็บเศษอาหารไว้เลี้ยงพวกสุนัขดีกว่า ขอทานจึงสาปแช่งเธอว่า

“จะไม่มีผู้ใดอยากนั่งร่วมโต๊ะอาหารและกินมื้อค่ำกับเจ้า ช้อนคันใดก็ไม่สามารถทำให้เจ้าอิ่มหนำได้ และเจ้าจะไม่อยากชำเลืองมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกอีกต่อไป”

เมื่อพูดจบขอทานคนนั้นก็หักช้อนไม้ที่ถือมาและเดินจากไป หลังจากนั้นไม่นานมาร์เลเน่ก็เริ่มป่วยและเกิดสิ่งผิดปกติกับร่างกายของเธอ บารอนและคนอื่น ๆ ในครอบครัวจึงตัดสินใจย้ายที่อยู่ไปยังอาณาจักรโคเวียร์และทิ้งเธอไว้ในคฤหาสน์หลังนี้ โดยจ้างคนให้แวะไปดูเธอที่คฤหาสน์ปีละครั้ง แต่แทบไม่มีใครได้กลับออกมาจากคฤหาสน์ เพราะถูกไวท์ลายจุดบังคับให้นั่งโต๊ะกินมื้อค่ำจนตายอยู่ในนั้น

เวลาผ่านไปเกือบร้อยปีจนกระทั่งเกรอลท์เดินทางไปเยือนคฤหาสน์ทราสทามาร่า เนื่องจากเขาต้องการเก็บน้ำลายของไวท์ลายจุดเอาไปทำสารเรโซแนนซ์ (เควสท์ La Cage au Fou; กรงขังคนคลั่ง) เกรอลท์จะสำรวจคฤหาสน์และพบว่าผนังด้านนอกเต็มไปด้วยรอยขีดเขียนคำสาปข้างต้น ส่วนด้านในก็มีช้อนวางอยู่ทุกซอกทุกมุม นอกจากนี้ยังพบศพที่ตายจากการถูกบังคับให้กินอะไรบางอย่าง และแล้วเกรอลท์ก็ได้เผชิญหน้ากับไวท์ลายจุดในตอนท้าย

หากเกรอลท์ถอนคำสาปได้สำเร็จ (นั่งโต๊ะอาหาร กินซุปจากถ้วยโดยไม่ใช้ช้อน และทำให้ไวท์ลายจุดเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในชามซุป) มาร์เลเน่จะกลับคืนร่างเป็นหญิงชราผอมโซ และเกรอลท์จะพาเธอไปดูแลต่อที่คอร์โว เบียงโก แต่ถ้าโจมตีใส่ไวท์ลายจุดหรือถอนคำสาปไม่สำเร็จ เขาก็ต้องฆ่ามาร์เลเน่ในร่างไวท์ไปด้วย

ส่วนขอทานพเนจรที่สาปมาร์เลเน่ในคืนนั้นก็คือร่างจำแลงของ กอนเทอร์ โอ ดิมม์ (Gaunter O’Dimm)

 

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

จดหมายเปื้อน ๆ (soiled letter)

มาร์เลเน่ ลูกสาวสุดที่รักของพ่อ

เจ้าคงไม่รู้หรอกว่าพ่อเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องเขียนถ้อยคำเหล่านี้ พ่อคนหนึ่งที่จำต้องทิ้งลูกของตัวเอง พ่อที่ไม่สามารถเป็นพ่อต่อไปได้ และหัวใจของเขาคงไม่อาจเป็นสุขได้อีกต่อไป มันน่าเศร้าใจยิ่งนักที่พ่อไม่มีทางเลือกอื่นจนต้องเผชิญกับผลกรรมเช่นนี้ พวกเราทั้งหมดรวมไปถึงบริวารทุกคนกำลังจะย้ายออกจากคฤหาสน์ นั่นเป็นเพราะคำสาปชั่วร้ายที่พรากเจ้าไป ทำให้เจ้ากลายเป็นสัตว์ร้ายกระหายเลือดที่ไร้หัวใจ

เราจะเดินทางขึ้นเหนือไปยังโคเวียร์ และหากเจ้าได้อ่านจดหมายนี้ (ซึ่งเจ้าจะอ่านได้ต่อเมื่อกลับคืนร่างเป็นมนุษย์แล้ว) เจ้าสามารถตามหาพวกเราได้ที่นั่น สิ่งที่พ่อพอจะทำได้คือการส่งคนไปเยี่ยมเยือนปีละครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าเจ้ายังคงมีชีวิตอยู่และอยู่ในร่างใด ความหวังว่าเจ้าจะคืนร่างเป็นมาร์เลเน่ลูกรักคนเดิมของพ่อ คือสิ่งเดียวที่ทำให้พ่อเข้มแข็งเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป บางทีคำสาปนี้คงไม่อยู่ยืนยาวไปจนชั่วนิรันดร์ บางทีอาจมีใครสักคนที่สามารถปลดเปลื้องคำสาปให้เจ้าได้

ลาก่อน

พ่อที่รักเจ้าสุดหัวใจ

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

ไดอารี่เปื้อนคราบ (stained diary)

ข้ามีอาการวิงเวียนมาได้สองสามวันแล้ว ข้าไม่เคยพบเจออะไรเช่นนี้มาก่อน และถ้ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไป ข้าคงต้องหันไปพึ่งหมอสมุนไพรแล้ว ถึงข้าจะรังเกียจพวกเครื่องรางและคาถาอาคมแค่ไหนก็ตาม

ข้ารู้สึกวิงเวียนตลอดเวลา ที่แย่ไปกว่านั้น ข้าเริ่มปวดหัวอย่างหนักด้วย มันปวดจนข้ามองอะไรไม่เห็นเลย

ข้าไปหาหมอสมุนไพรมาแล้ว นางแม่มดเฒ่าที่น่ารังเกียจจ้องมองข้าราวกับเห็นสัตว์ประหลาด นางปลุกเสกยาให้ข้านำมาดื่มวันละสองครั้ง มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด

วันนี้ก็เหมือนกับวันอื่น ๆ ที่ข้าจะส่องกระจกและพูดอะไรไม่ออก ปกติแล้วข้าจะส่องดูเพื่อให้มั่นใจว่าข้ายังไม่มีรอยเหี่ยวย่นหรือถุงใต้ตา แต่วันนี้… ข้าไม่เห็นรอยเหี่ยวย่นใด ๆ แต่กลับมีสิ่งอื่นแทน มีขนงอกขึ้นมาบนหน้าอกข้า มันน่าขยะแขยงมาก ต้องเป็นเพราะยาสมุนไพรบ้าบอนั่นแน่ ๆ …

ข้าจะไปตบหน้านางแม่หมอสมุนไพรนั่น แต่ห้องของนางกลับว่างเปล่า นางคงรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับข้าจึงชิงหนีไปเสียก่อน

ครอบครัวของข้าชักจะเริ่มสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ว่าข้าจะตัดขนพวกนั้นทิ้งไปเท่าไร แต่มันก็ยิ่งยาวเร็วขึ้น เร็วขึ้นทุกที…

ข้าพยายามเลิกคิดถึงมัน แต่ข้าทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว บางทีมันอาจไม่ได้เกิดขึ้นเพราะฤทธิ์ยาสมุนไพรแต่อาจเป็นเพราะคำสาป เจ้าขอทานที่ข้าไล่ไปในวันนั้นมันสาปแช่งข้าไว้ ข้าคงต้องพิสูจน์ดู ข้าต้องจ้างใครสักคนเพื่อหาตัวหมอสมุนไพรคนนี้กลับมาให้ได้

ข้าคิดอะไรไม่ออกเลย จะเขียนอะไรก็ลำบากเหลือเกิน

โดดเดี่ยว ไร้ครอบครัว…

กิน ข้าต้องกิน คำนี้ไม่อร่อยเลย ช้อนมันว่างเปล่าอีกแล้ว

ไม่มีอะไรเลย กิน เจ็บปวดเหลือเกิน…

กระจก โกหกน่า ไม่!

อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา



ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.