The Witcher ซีซัน 2: วันออกอากาศและรายละเอียดล่าสุดจากงาน WithcherCon
ซีรีส์ The Witcher ประกาศวันออกอากาศทาง Netflix แล้วเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งก็คือวันที่ 17 ธันวาคม 2021 นอกจากนี้ยังปล่อยทีเซอร์และภาพจากซีซัน 2 มาให้แฟน ๆ ไฮป์กันแบบชุดใหญ่ เริ่มกันที่รายชื่อ episode จำนวน 7 จาก 8 ตอน ได้แก่
- A Grain of Truth
- Kaer Morhen
- What Is Lost
- Redanian Intelligence
- Turn Your Back
- Dear Friend
- Voleth Meir
สำหรับนักแสดงนำอย่าง Frey Allan ผู้รับบทซีรี กล่าวว่าเธอประทับใจการถ่ายทำซีซันแรกมาก ๆ อย่างใน episode แรกที่เธอต้องถ่ายฉากวิ่งหนีเข้าไปในป่าทั้งวันทั้งคืน พอมาถึงซีซัน 2 ทุกคนจะได้เห็นซีรีเติบโตขึ้น และเธอก็ตื่นเต้นมาก ๆ ที่ผลงานจากความทุ่มเทอย่างหนักของทีมงานทุกคนกำลังจะปรากฏสู่สายตาของแฟน ๆ ส่วน Anya Chalotra ผู้รับบทเยนเนเฟอร์ก็บอกว่า การที่แฟน ๆ ให้การต้อนรับซีซันแรกแบบเกินคาดนั้นทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมาก ทีมงานทุกคนทำงานกันอย่างหนัก และเธอก็ดีใจมากที่ผู้ชมชื่นชอบ เธอมีฉากประทับใจจากซีซันแรกมากมายและเธอก็รักทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ได้แสดงเป็นเยนเนเฟอร์มาโดยตลอด พวกเราทุ่มเททุกอย่างเพื่อแฟนๆ และการที่แฟนเกมจำนวนมากก็ชอบซีรีส์พอ ๆ กับแฟนหน้าใหม่ที่เพิ่งรู้จักเดอะวิทเชอร์นั้นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก
ในช่วงการสนทนา Lauren Hissrich ผู้อำนวยการสร้าง ได้อธิบายแนวคิดที่เป็นหัวใจหลักของซีซัน 2 คือการถ่ายทอดประสบการณ์จากรุ่นสู่รุ่น สิ่งที่เกรอลท์สั่งสอนซีรีก็คือสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาจากเวสิเมียร์ และแนวคิดเกี่ยวกับวิทเชอร์ที่เธอมองว่าสังคมของพวกเขามีความผูกพันกันคล้าย ๆ กับพวกหน่วยรบพิเศษ พวกเขาแต่ละคนมีพื้นเพที่แตกต่างกัน แต่เมื่อมาใช้ชีวิตในแบบวิทเชอร์พวกเขาก็กลายเป็นเหมือนพี่น้องในครอบครัวเดียวกัน
สำหรับพัฒนาการของตัวละครหลักอย่างซีรีในซีซัน 2 นี้ Freya ได้พูดถึงตัวละครของเธอให้ฟังว่า ซีรีเริ่มรู้ตัวว่าเธอครอบครองพลังที่น่ากลัวและเธอก็ยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน แต่เมื่อเธอได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ เธอก็เริ่มเข้าใจถึงประโยชน์ของมันและพยายามควบคุมสิ่งที่ตัวเองเคยวิ่งหนีมาโดยตลอด แล้วทุกคนก็จะได้เห็นว่าจริง ๆ แล้วเธอมีศักยภาพมากมายขนาดไหน นอกจากนี้ Freya ยังบอกว่าเธอตื่นเต้นอย่างมากกับการถ่ายทำฉากการฝึกวิชาที่แคร์ มอร์เฮน เธอหลงรักฉากต่อสู้รวมไปถึงการทำงานร่วมกับทีมสตันท์ที่อยู่เบื้องหลังด้วย พวกเขาเป็นทีมที่เจ๋งมาก ๆ และช่วยให้นักแสดงเล่นออกมาได้อย่างดีที่สุด และเมื่อซีรีเริ่มฝึกวิชาแล้วเธอก็มุ่งมั่นที่จะเป็นยอดนักสู้และเป็นวิทเชอร์ให้ได้ แม้มันจะเป็นสิ่งที่ยากมาก ๆ สำหรับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็ตาม
ส่วน Joey Batey ผู้รับบทเป็นยาสเกียร์ (แดนดีไลออน) แม้ไม่ได้มานั่งร่วมวงสนทนาด้วยแต่ก็โผล่มาปล่อยมุกผ่านการตอบคำถามจากแฟน ๆ เช่นเรื่องหมวกที่ถูกทวงถามมาตั้งแต่ซีซันแรก เขาก็บอกว่าซีซันนี้จะได้เห็นยาสเกียร์ใส่หมวกแล้วนะ แต่อาจจะได้เห็นแค่ 47 วินาที และเรายังได้เห็นภาพแรกของนักกวีที่กำลังเปิดการแสดงอย่างมันหยดราวกับเป็นร็อคสตาร์
ทางด้าน Henry Cavill ก็บอกว่าการได้มาแสดงในซีรีส์หลังจากที่ได้เล่นเกมและอ่านนิยายมาแล้วนั้น มันมีความหมายต่อเขามาก ๆ ในฐานะที่เป็นแฟนคนหนึ่ง เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อแสดงความเป็นเกรอลท์ออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
อย่างที่หลาย ๆ คนรู้ว่าเขามีงานอดิเรกเป็นการเล่นวิดีโอเกมและชอบอ่านนิยายแฟนตาซี และสุดท้ายเขาก็ได้รับโอกาสให้มาแสดงในบทบาทนั้นหลังจากที่พยายามอย่างหนัก พอรู้ว่า Netflix กำลังจะสร้างซีรีส์ The Witcher ทีมผู้จัดการของเขาก็รีบติดต่อเข้าไปทันทีตั้งแต่พวกเขายังไม่ได้กำหนดตัวผู้อำนวยการสร้างเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดก็ได้ Luaren มารับหน้าที่นี้ เขาก็โทรติดต่อเธอและนัดคุยกันซึ่งคำตอบแรกที่ได้รับมาคือการปฏิเสธเพราะทีมงานต้องการคัดเลือกนักแสดงตามกระบวนการจริง ๆ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ทบทวนการตัดสินใจอีกครั้ง ทำให้ Henry ได้แสดงเป็นเกรอลท์ในที่สุด ระหว่างการถ่ายทำเขาจะมีไอเดียว่าฉากนี้เกรอลท์น่าจะแสดงสีหน้าแบบไหน หรือใช้น้ำเสียงอย่างไร ซึ่งทีมงานก็เปิดโอกาสให้เขาได้ลองแสดงในแบบของตัวเองเสมอแม้ว่าต้องถ่ายทำเพิ่มอีกหลายเทคก็ตาม
สำหรับสิ่งที่เขาคิดว่าสำคัญที่สุดในซีซันสองนี้คือการทำให้บทบาทของเกรอลท์ออกมาใกล้เคียงกับนิยายมากที่สุดเท่าที่พล็อตเรื่องจะอำนวย เขาอยากให้เกรอลท์พูดเยอะขึ้นอีกนิดและดูมีประสบการณ์เหมือนคนที่อยู่มานาน 70 ปีจริง ๆ เกรอลท์เป็นตัวละครที่ต้องเจอกับโศกนาฏกรรมหลายอย่าง ทำให้เขาสามารถอินไปกับบททุกครั้งที่แสดง แล้วยังมีอารมณ์ขันในแบบ “เจ้ามนุษย์หิมะหน้าหงิก” (หมายถึงตอน Four Mark ในซีซันแรกที่เขาสู้กับตัวซิลแวน) ที่ต้องถ่ายทอดออกมาด้วย และจริง ๆ แล้วเกรอลท์ก็เป็นคนฉลาดที่มีความคิดในเชิงปรัชญามาก ๆ ไม่ได้เป็นแค่คนแก่ผมขาวตัวใหญ่ที่ดูป่าเถื่อนเท่านั้น ก่อนจะปิดท้ายการสัมภาษณ์ด้วยเทรลเลอร์ตัวแรกของซีซัน 2
ส่วนอีกหนึ่งโปรเจ็คท์ spin-off ทาง Netflix ที่พลาดไม่ได้คือ อนิเมชัน The Witcher: Nightmare of the Wolf ที่จะเล่าเรื่องราวในวัยหนุ่มของเวสิเมียร์ ก็ได้กำหนดลงจอแล้วเช่นกัน คือวันที่ 23 สิงหาคมนี้ สามารถดูตัวอย่างแรกได้ที่นี่
ไม่มีความคิดเห็น