The Witcher and the Bard (Part 1: Chapter 1-4)

วิทเชอร์กับนักกวี (The Witcher and the Bard) เป็นเรื่องสั้น 12 บท ที่เล่าเรื่องราวการพบกันครั้งแรกของเกรอลท์และแดนดีไลออนในโหมด journey ของเกม Gwent แต่ละบทจะแยกเป็นสองส่วนตามมุมมองของตัวละครแต่ละตัว โดยเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นการต่อเติมมาจากตอนท้ายของเรื่องสั้น "เสียงของเหตุผล" ตอนที่ 5 (The Voice of Reason 5) ทีมงานได้มีการดัดแปลงเรื่องราวให้เหมาะสมกับจักรวาลเกมของ CD Projekt Red จึงอาจมีเนื้อหาบางจุดที่ขัดแย้งกับนิยายต้นฉบับของ Andrzej Sapkowski

 

เรื่องโดย Magdalena Kucenty, บรรณาธิการ Jason Slama, แปลไทยโดย อาอี๊จับจอย

📖 อ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษที่นี่

 

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

บทที่ 1

แดนดีไลออน

เกรอลท์

แดนดีไลออนกำลังต่อสู้

สุราที่เขาดื่มยังไหลแล่นตามชีพจรข้างในเส้นเลือด ทำให้ประสาทสัมผัสของเขาขมุกขมัว รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เต้นตุบ ๆ สะท้อนไปมาลึก ๆ อยู่ในกะโหลก ลมหายใจหอบลึกของเขาคือจังหวะของความทรมาน

นักกวีพ่นคำสบถออกมาพร้อมกับลมหายใจ อาการคลื่นเหียนแสดงให้เห็นว่าเหล้าว็อดก้าได้ออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว แม้พยายามกลั้นเต็มที่ แต่ผ้าปูเตียงก็ตกเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายให้เขาอาเจียนใส่อยู่ดี เขาสบถอีกรอบขณะหายใจหอบหนักขึ้นกว่าเดิม จนกระทั่งขาที่อ่อนปวกเปียกก้าวพ้นลงมาจากเตียง ส่วนขาอีกข้างเหมือนจะเต้นรำอยู่บนพื้นที่โคลงเคลง ความรู้สึกกระหายน้ำแล่นไปทั่วข้างในลำคอของเขา

เขาควานหาเหยือกใส่น้ำ ขณะพยายามนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

เทศกาลประจำฤดูใบไม้ผลิเป็นหนึ่งในประเพณีที่มนุษย์ขโมยมาจากพวกเอลฟ์เมื่อนมนานมาแล้ว มันดึงดูดผู้คนให้หลั่งไหลมายังเมืองกัลเล็ต งานฉลองที่อู้ฟู่เต็มไปด้วยอาหารเลิศรสและสุราแบบไม่อั้น แต่ถึงกระนั้นก็ยังขาดความบันเทิงเริงรมย์ จนกระทั่งท่านเทศมนตรีตัดสินใจจ้างนักกวีหนุ่มผู้มีชื่อเสียงอันลือลั่นจากฝีไม้ลายมือของเขา…

"ยังไม่พอ" แดนดีไลออนคิดในใจขณะเลียน้ำหยดสุดท้ายจากขอบเหยือก

แน่ล่ะ น้ำในเหยือกมันมีไม่มากพอ

เกรอลท์กำลังต่อสู้

ยาที่เขาดื่มยังไหลแล่นตามชีพจรข้างในเส้นเลือด ทำให้ประสาทสัมผัสของเขายิ่งเฉียบคม อากาศชื้น ๆ ของเมื่อคืนยังติดแน่นอยู่ในปอด ลมหายใจหอบลึกของเขาคือจังหวะของการจู่โจม

วิทเชอร์ตะโกนคำสบถออกมาขณะที่เขาพยายามฟาดฟันเนื้อหนังหุ้มเกล็ดของเจ้าสัตว์ประหลาดอย่างทุลักทุเล พอโจมตีเข้าเป้า เจ้าสัตว์เลื้อยคลานที่เจ็บหนักก็มุดลงไปใต้ผิวน้ำ ถึงตัวมันจะใหญ่โตแต่กลับอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาจึงสบถออกมาอีกครั้งขณะหายใจหอบหนักยิ่งหว่าเดิม จนกระทั่งขาที่อ่อนปวกเปียกก้าวออกไปข้างหน้า ส่วนขาอีกข้างติดแน่นอยู่ในขี้โคลน บางสิ่งคืบคลานเข้ามาในรองเท้าบูทของเขา ทำเอาสันหลังเย็นวาบ

เขาหันกลับไปแทบไม่ทันในตอนที่กระแสน้ำดำทะมึนพวยพุ่งขึ้นมาจากทางด้านหลัง

วิปเปอร์ตัวใหญ่ยักษ์มีอายุมากพอ ๆ กับหนองน้ำละแวกนี้ มันออกล่ารอบ ๆ เมืองกัลเล็ตมานานหลายปี ยิ่งนานวันมันยิ่งเติบโตและมีเกล็ดที่แข็งยิ่งขึ้น จนกระทั่งท่านเทศมนตรีตัดสินใจจ้างวิทเชอร์มาจัดการให้มันหยุดอาละวาด...

"ยังไม่พอ" เกรอลท์คิดในใจขณะหลบหลีกพิษร้ายที่พุ่งออกมา

แน่ล่ะ เขายังโจมตีใส่มันไม่มากพอ

 

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

บทที่ 2

แดนดีไลออน

เกรอลท์

ลูกสาวของท่านเทศมนตรีถึงกับผงะด้วยความรังเกียจเมื่อเห็นสภาพห้องที่ยุ่งเหยิง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เดินลึกเข้าไปในห้องนอนใหญ่ที่ท่านพ่อใช้รับรองแขกผู้นี้ เธอหยุดอยู่ข้างเตียงและชำเลืองมองแดนดีไลออนด้วยสายตาที่แฝงนัยยะบางอย่าง

 

เขาคุ้ยเคยกับการถูกผู้อื่นสบประมาทตั้งแต่แรกเห็นจากเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่สิ่งนี้ก็ไม่ทำให้เขาเลิกโปรยยิ้มหว่านเสน่ห์ได้ จริง ๆ แล้วเป็นการยากที่จะหารอยยิ้มใดที่ทรงเสน่ห์เกินกว่ารอยยิ้มของแดนดีไลออน

แต่ลูกสาวเทศมนตรีกลับถอนหายใจด้วยความระอา

 

ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังทำให้เขาประหลาดใจกับอารมณ์ที่แสนเย็นชา พลันพูดถึงเรื่องการแสดงของเขาบนเวทีเทศกาลฤดูใบไม้ผลิโดยไม่อ้อมค้อม เธอประกาศว่างานนี้ต้องมีเพลงกวีอันไพเราะและบทลำนำขับกล่อมออกมาอย่างต่อเนื่อง และต่อให้เขาเป็นนักกวีอายุน้อย (เท่าที่สายตาเธอประเมิน) ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะเอามาอ้างได้หากการแสดงเกิดติดขัดขึ้นมา

แดนดีไลออนเหลือบมองเนินอกของเธอ มันไม่น่าประทับใจเท่าใดนัก ในตอนนี้เขาได้เริ่มแต่งเพลงกวีแห่งความอาฆาตมาดร้ายขึ้นมาแล้ว

แล้วเขาก็โปรยยิ้มอีกครั้ง

ท่านเทศมนตรีถึงกับผงะด้วยความรังเกียจเมื่อเห็นซากศีรษะที่ใหญ่โตของเจ้าสัตว์ประหลาด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังสอดสายตาผ่านกรามที่อ้าค้างเพื่อนับจำนวนฟันของวิปเปอร์ เขายอมแพ้หลังจากนับถึงซี่ที่สามสิบกว่า ๆ และชำเลืองมองเกรอลท์ด้วยสายตาที่แฝงนัยยะบางอย่าง

วิทเชอร์ยักไหล่ เจ้าหน้าที่ทางการอย่างท่านเทศมนตรีมักจะหาข้ออ้างมาบ่ายเบี่ยงการจ่ายค่าจ้าง อย่างไรก็ตามคงยากที่จะหาทางเลี่ยงได้ เมื่อหัวของวิปเปอร์ถูกโยนลงมากลางโต๊ะทำงานตรงหน้า

เทศมนตรีแห่งเมืองกัลเล็ตจึงจ่ายค่าจ้างอย่างไม่ลังเลใด ๆ

อันที่จริงแล้วเขายังมีนำใจไมตรีต่อวิทเชอร์เกินไปกว่าปกติ สร้างภาพลักษณ์ที่น่าดึงดูดใจให้กับเทศกาลฤดูใบไม้ผลิของที่นี่ ท้องถนนเต็มไปด้วยสุราไม่อั้นและเนื้อฉ่ำ ๆ ให้เอื้อมถึงได้จากทุกที่ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการแสดงของนักกวีหนุ่มมากความสามารถอีกต่างหาก ท่านเทศมนตรีย้ำ "ไปผ่อนคลายเถิด เชิญท่านเพลิดเพลินกับงานประเพณีของเรา"

เกรอลท์เหลือบมองหัวที่โชกเลือดของสัตว์ประหลาดอยู่นาน ในตอนนี้มันเริ่มส่งกลิ่นเหม็นชวนสะอิดสะเอียนคับห้องทำงานแล้ว

แล้ววิทเชอร์ก็ยักไหล่อีกครั้ง

 

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

บทที่ 3

แดนดีไลออน

เกรอลท์

หลังจากเดินทางมาถึงตลาดกลางจตุรัส แดนดีไลออนก็พยายามหาทางตรงไปยังเวทีเพื่อเตรียมการแสดง ระหว่างที่กำลังแหวกฝูงชนไปได้ทีละนิด เขาก็หยิบลูทขึ้นมาตั้งสายอย่างทุลักทุเล แทรกตัวผ่านแม่ค้าร่างท้วมที่เมินเฉิยต่อเสน่ห์ของเขาโดยไม่หันกลับมามองแม้แต่น้อย

 

ที่ขาดไปเสียไม่ได้คือฝูงชนที่คลาคล่ำมารอชมการแสดงอยู่รอบ ๆ เวที

เสียงกระซิบกระซาบด้วยความตื่นเต้นทำให้ผู้คนเริ่มแหวกทางให้ แม้แต่สหายผมขาวที่ดูผ่าน ๆ ก็รู้ว่าเป็นวิทเชอร์ยังหลีกทางให้เขาอย่างเคารพ ดูเหมือนว่าชาวเมืองกัลเล็ตจะจดจำนักกวีผู้นี้ได้โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องร้องเพลงเลยด้วยซ้ำ! เยี่ยมไปเลย! แดนดีไลออนโค้งตัวต่ำเพื่อคำนับจนขนนกกระสาบนหมวกระลงกับพื้นหิน

แล้วเขาก็เติมเต็มความเงียบงันของฝูงชน

เขากรีดนิ้วผ่านสายลูทอย่างราดเปรียว ทั้งการก้าวย่างและท่วงทำนองของนักกวีช่างตราตรึงใจผู้ชมยิ่งนัก ชัดเจนว่าเสียงร้องอันไพเราะก้องกังวานของเขาสามารถพิชิตใจชาวเมืองได้ และในตอนท้ายเขายังบรรลุเป้าหมายที่ดูเป็นไปไม่ได้อีกด้วย

 

วิทเชอร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขามีน้ำตาคลอเบ้า บทเพลงได้สั่นสะเทือนจิตใจของเขาอย่างแน่นอน

หลังจากเดินทางมาถึงตลาดกลางจตุรัส เกรอลท์ไม่ได้ตั้งใจจะมองหาเวทีการแสดงเลยแม้แต่น้อย เพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศ สิ่งแรกที่เขาคว้ามาคือเหล้าว็อดก้าหนึ่งขวดและไส้กรอกอีกหนึ่งพวง แม้ค้าร่างท้วมที่กำลังขายสินค้าไม่คิดจะกวนใจเขา ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองเขาอีกเป็นครั้งที่สอง

ก็แน่ล่ะ เขาเป็นตัวประหลาด

เสียงกระซิบเริ่มดังขึ้นในกลุ่มฝูงชนและทุกคนก็พร้อมใจกันหลีกทางให้ไกลจากเขา สายตาหลายคู่ไม่อาจซ่อนความกลัวเอาไว้ได้ บางคนถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นวิทเชอร์ผมขาว เกรอลท์ไม่แยแสคนพวกนั้น เขาจิบว็อดก้าอย่างเงียบ ๆ แล้วแทะกินไส้กรอกมันเยิ้ม

เสียงบรรเลงลูทหันเหความสนใจของผู้คนไปจากเขา

บทเพลงลอยเลื่อนมาจากทางศาลากลางของเมือง และใครก็ตามที่บรรเลงเพลงนี้อยู่ต้องกำลังเมาค้างอย่างแน่นอน ทั้งการก้าวย่างและท่วงทำนองของเขาไม่ค่อยจะเป็นจังหวะสม่ำเสมอนัก แต่เมื่อเขาเริ่มเปล่งเสียงร้องเพลง ก็ปรากฏว่ามันไพเราะใช้ได้ เพลงที่เขาร้องมีชื่อว่า "เพลงกวีแห่งสองนมนางน้อย ๆ" ออกจะหยาบ ๆ แต่ก็บันเทิงอยู่ใช่ย่อย

ในตอนท้ายเมื่อการแสดงจบลง เกรอลท์ก็ตัดสินได้ว่าเทศกาลนี้มีดีที่อาหารและเครื่องดื่มมากกว่าการแสดง

ความแรงของว็อดก้าอึกสุดท้ายทำเขาน้ำตาคลอเบ้า

 

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

บทที่ 4

แดนดีไลออน

เกรอลท์

สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือเสียงเพลงนั้นสามารถปลุกเร้าประสาทสัมผัสได้ นักกวีนั้นเชี่ยวชาญเรื่องจังหวะ รู้วิธีเปล่งเสียงร้องเพลง และช่ำชองเรื่องการพาอิสตรีไปสู่สวรรค์ เช่นนี้แล้ว... เขาต้องทำตัวเป็นชายแบบที่หญิงทุกคนล้วนปรารถนา โอ้... เหล่าสาวน้อยพากันเผยเนื้อนวล ๆ ต่อหน้าเขา ยิ่งทำให้บรรยากาศร้อนรุ่มจนแม้แต่ฤทธิ์ของว็อดก้าก็ไม่อาจเทียบได้

ยามที่แดนดีไลออนไม่ได้ขึ้นแสดงในงานเทศกาล เขาก็อ้อยอิ่งอยู่ในละแวกนั้น เพื่อหาผู้หญิงสักคนที่ร้อนรักกว่าสตรีคนใดในเมืองกัลเล็ต ในที่สุดเขาก็รู้สึกถึงความอภิรมย์ที่เฝ้าโหยหามาตั้งแต่เมื่อเช้า

 

ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคำรามด้วยความโกรธ ส่งความอภิรมย์ทั้งหมดทั้งมวลของเขากลับลงขุมนรกไปในบัดดล

 

นักกวีนอนอยู่ใต้เวที และอยู่ใต้เรือนร่างของแม่สาวน้อยอีกที โดยที่ "ดาบ" ประจำกายของเขายังโด่เด่อยู่ เคราะห์ดีที่เขาเก็บมันเข้าฝักได้ทันก่อนที่พวกคนร้ายถืออาวุธจะตามมาถึงที่ซ่อนของเขา เมื่อเหล่าอันธพาลพุ่งตรงเข้ามา แดนดีไลออนก็ไม่ถอยหนีไปไหนและปกป้องหญิงสาวเอาไว้ได้ นอกจากนี้เขายังแกล้งทำเป็นอ่อนข้อให้ เพื่อให้พวกนักเลงย่ามใจจนลืมป้องกันตัว แล้วจึงฉวยโอกาสโต้กลับ วิทเชอร์คนเมื่อครู่ก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือมาช่วยนักกวีคนโปรด วีรบุรุษผู้ปราศจากความกลัวสองคนกำลังต่อสู้กับพวกโจรกระจอกที่ไม่เอาไหน

แดนดีไลออนชอบแต้มต่อนี้

สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือเสียงเพลงนั้นสามารถปลอบโยนแม้กระทั่งสัตว์ที่ดุร้ายได้ พวกคนที่มองเขาด้วยสายตาเกรี้ยวกราดเมื่อสักครู่ ตอนนี้กำลังร่วมวงดี่มว็อดก้าและกินไส้กรอกกับเขาอย่างสรวลเสเฮฮา เสียงดนตรีที่มีชีวิตชีวาและการเต้นรำช่วยยกระดับจิตวิญญาณของพวกเขา เช่นนี้แล้ว... เขาจึงต้องทำตัวดี ๆ เข้าไว้

ถึงอย่างนั้น เกรอลท์ก็ไม่ได้มีส่วนร่วมกับเทศกาลมากนัก แต่เขาก็ปักหลักอยู่ในละแวกนั้น เพื่อดูผู้คนรื่นเริงตามประสาชาวเมืองกัลเล็ต เขารู้สึกมีความสุข เป็นความสุขในแบบที่เขาไม่เคยรู้สึกมานานแล้ว

ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง แล้วความสุขของเขาก็มุดกลับไปในนรก

ประสาทสัมผัสของวิทเชอร์บ่งบอกว่าใต้เวทีกำลังมีคนตะลุมบอนกันอยู่ เขาตรงเข้าไปพร้อมกับดาบในมือ แต่แล้วก็ต้องเก็บมันเข้าฝักทันทีหลังจากได้เห็นภาพตรงเบื้องหน้า กลุ่มคนที่เข้ามาหาเรื่องไม่ได้มีอาวุธติดตัว พวกเขาแค่จับตัวเหยื่อที่กลัวจนตัวสั่นไว้เฉย ๆ เป็นเจ้านักกวีหนุ่มที่เขาเห็นเมื่อครู่นั่นเอง และดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะสร่างเมาเรียบร้อยแล้ว คนพวกนั้นใช้มือเปล่า ๆ เขย่าตัวเจ้าหนุ่มน้อยอย่างเกรี้ยวกราด ทำท่าเหมือนจะซัดกำปั้นใส่

ข้างหลังพวกเขาคือสาวน้อยเปลือยกายครึ่งท่อนกำลังกรีดร้องอย่างสุดเสียง เธอพยายามเอาตัวเข้าไปขวางระหว่างพวกนักเลงกับนักกวีที่ยืนตัวสั่นเทา แต่ก็ไม่เป็นผล สมการอย่างง่ายในตอนนี้คือ นักเลงโตสี่คนกำลังจะรุมยำหนุ่มน้อยขี้ขลาดที่ป้องกันตัวเองแทบไม่ได้เลย

เกรอลท์จึงตัดสินใจพลิกแต้มต่อนี้

 

⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞

 

📜 อ่าน Part 2 (บทที่ 5-8) ที่นี่

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.