The Witcher and the Bart (Part 3: Chapter 9-12 End)
เรื่องโดย Magdalena Kucenty, บรรณาธิการ Jason Slama, แปลไทยโดย อาอี๊จับจอย
📖 อ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษที่นี่
📜 อ่าน Part 1 (บทที่ 1-4) 📜 อ่าน Part 2 (บทที่ 5-8)
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
บทที่ 9
แดนดีไลออน |
เกรอลท์ |
---|---|
ด้วยความประหลาดใจ นอกจากแดนดีไลออนจะตื่นขึ้นมาบนเตียงแล้ว ยังมีสาวงามนอนแนบสนิทชิดกายเขาอยู่ด้วย ตามปกติสถานการณ์เช่นนี้คงทำให้เขาพึงพอใจ หากเขาไม่ปวดหัวขนาดหนักพอ ๆ กับเช้าเมื่อวาน เรื่องราวการหลบหนีเมื่อคืนกับสหายใหม่ที่เป็นวิทเชอร์ยังคงเรือนรางราวกับหมอก
ด้วยความตระหนก-ลูทของเขาไม่ปรากฏอยู่ในบรรดาข้าวของที่กระจัดกระจายบนพื้นห้อง ขณะที่เขาควานหามันอย่างลนลาน ดวงตาสีเขียวกลมโตของสาวน้อยก็จ้องเขม็งตรงมาเพื่อขัดจังหวะ คล้ายว่าเธอกำลังเพลิดเพลินกับอะไรสักอย่าง... อย่างมากเกินไป
แดนดีไลอ้อนขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็นึกถึงส่วนสำคัญจากการสนทนากับเกรอลท์ขึ้นมาได้ วิทเชอร์อธิบายคร่าว ๆ ว่าเหตุใดพวกเขาจึงถูกพวกนักเลงตามล่า จากมุมมองนี้เห็นได้ชัดว่าพวกเขาควรเดินทางไปจากเมืองนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่แทนที่จะได้ไปไกล ๆ จากประตูเมืองกัลเล็ต ตอนนี้เขากลับอยู่ในห้องนอนใหญ่ของบ้านท่านเทศมนตรี นอนกกสาวน้อยนัยน์ตาสีเขียวที่พอจ้องดูดี ๆ อีกครั้งก็ทำให้เขารู้สึกคุ้น ๆ ขึ้นมาอย่างประหลาด เขาคิดว่าคำตอบของเรื่องอันคลุมเครือทั้งหมดนี้ซ่อนอยู่เบื้องหลังสายตาของเธอ ซึ่งขณะนี้กำลังส่งยิ้มที่ชวนอึดอัดจนเขาเสียววาบไปทั่วทั้งสันหลัง
เมื่อไม่เห็นทางออกอย่างอื่น ท้ายที่สุดแดนดีไลออนจึงตัดสินใจถามถึงลูทของเขาและสาเหตุที่ทำให้เธอยิ้มออกมาแบบนั้น |
ด้วยความประหลาดใจ เกรอลท์ตื่นขึ้นกลางปลักโคลนในคอกม้าโดยมีเจ้าโร้ชคอยฝ้ามองอยู่ไม่ห่าง สถานการณ์เช่นนี้คงเป็นเรื่องปกติถ้าหากเขาไม่รู้สึกย่ำแย่จากการที่ร่างกายสูญเสียความต้านทานต่อสารพิษ เหตุการณ์เมื่อคืนพร่าเลือนจนต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อนึกให้ออก แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงอย่างที่สุดคือลูทของแดนดีไลออนมาโผล่อยู่ภายใต้วงแขนของเขา เมื่อวิทเชอร์พยายามเพ่งมองมันใกล้ ๆ สายตาไร้อารมณ์ของเจ้าโร้ชกลับเริ่มดูคล้ายจะมีแววตาของมนุษย์ที่มองอย่างตำหนิ คล้ายกับว่าเจ้าม้ากำลังค่อนแคะที่เขากลับมาจนดึกดื่น ซ้ำยังเมาแอ๋ และ… เกรอลท์ทำหน้าเหยเก จู่ ๆ ความทรงจำขณะย่ำราตรีกับแดนดีไลออนก็ผุดขึ้นมา โดยเฉพาะส่วนที่งี่เง่าที่สุดในการสนทนาของพวกเขา เจ้านักกวีเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างลื่นไหลจากหัวข้อที่น่าอึดอัดอย่างเรื่องพี่ชายขี้โมโหทั้งสี่ ไปเป็นเรื่องรักกันฉันพี่น้อง อย่างไรก็ตาม ณ จุดหนึ่งระหว่างที่พวกเขากำลังตบหลังตบไหล่ท่ามกลางมิตรภาพของชายหนุ่มที่ก่อตัวขึ้นจากเรื่องราวฉุกละหุก ทั้งคู่ก็ตกลงปลงใจว่าจะออกจากเมืองไปด้วยกัน ถึงกระนั้นกลับมีบางอย่างแปลก ๆ เกิดขึ้น บางอย่างที่เป็นเรื่องของความโชคร้าย เวรจริง ๆ... ความทรงจำพวกนี้ทำให้วิทเชอร์อยากจะออกเดินทางไปจากเมืองกัลเล็ตให้รู้แล้วรู้รอด เจ้าโร้ชไม่เพียงแต่จ้องมองไปที่เขาแต่ยังถอนหายใจออกมาอย่างเอือมระอา สุดท้ายเกรอลท์ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่และลุกขึ้นยืน ซุกเครื่องดนตรีไว้ในถุงสัมภาระบนหลังม้า แล้วกลับไปตามหาตัวเจ้านักดนตรีผู้ไม่รู้จักโต เจ้านักกวีจอมลวงโลก และเจ้างั่งที่มีแต่เรื่องโชคร้ายรออยู่ทุกทาง |
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
บทที่ 10
แดนดีไลออน |
เกรอลท์ |
---|---|
งานแต่ง กำลังจะมีงานแต่งงานของเจ้าบ่าวที่ชื่อว่าแดนดีไลออน นี่คือสิ่งที่เขารู้จากว่าที่ภรรยาในอนาคตอันใกล้ "คอร่า" ในที่สุดเขาก็รู้ชื่อของเธอเสียที อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่เขาควรรู้ก่อนที่ทั้งคู่จะเข้าพิธีแต่งงาน "คอร่า" นักกวีทบทวนซ้ำไปซ้ำมา "ก็ไม่เลวนี่" เขาคิดขณะที่พยายามปลอบใจตัวเอง รู้สึกถึงบ่วงแห่งการสมรสอันแสนสุขชั่วนิรันดร์กำลังรัดแน่นรอบลำคอ ที่น่ากลัวไปกว่านั้นมันเป็นงานแต่งที่จะจัดขึ้นภายในวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่สองของงานเทศกาล แน่นอนว่าจะต้องเป็นงานวิวาห์ที่ใหญ่โตเอิกเกริกน่าดู ที่จริงแล้วคอร่าจะต้องแต่งงานกับคนอื่น แต่ต่อให้เป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยก็คงเทียบอะไรไม่ได้กับขุนนางอย่างท่าน "จูเลียน อัลเฟรด แพนแครตซ์ ไวเคานท์แห่งเล็ทเทนฮูฟว์" หรือที่รู้จักกันดีว่า "แดนดีไลออน" เขาจำไม่ได้ว่าเคยไปเปิดเผยยศฐาบบรรดาศักดิ์ของตัวเองตั้งแต่ตอนไหน นักกวีผู้สูงศักดิ์ยังจำไม่ได้ว่าเขาเคยขอเธอแต่งงานด้วยหรือ ถึงแม้เขาจะประทับใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนก็ตาม
คู่หมั้นคนก่อนของคอร่าจะต้องเป็นชายแก่ที่น่ารังเกียจ เนื้อตัวเหม็นกลิ่นคาวปลาหรื่อไม่ก็กลิ่นของสินค้าอื่น ๆ ที่เขาเอามาค้าขาย และแน่นอนว่าเขาไม่ได้ใจป้ำเท่าใดนัก จากการเลือกเข้าพิธีสมรสหมู่แทนที่จะเป็นงานฉลองส่วนตัวตามประเพณีดั้งเดิม ไม่แปลกเลยที่สาวน้อยผู้น่าสงสารจะรีบเสาะหาคู่ครองที่คู่ควรและเหมาะสมกับเธอมากกว่า อย่างผู้ดีมีตระกูลแทนที่จะเป็นชายแก่โลภมาก พ่อแม่ของเธอคงยินดีไปถึงไหนต่อไหน เหล่าพี่ชายก็คงอยู่สุขกันเสียที พวกเขาคงหลีกทางให้กับว่าที่บ่าวสาวอย่างสุภาพและสงบปากสงบคำ ช่างเป็นงานแต่งงานที่แสนวิเศษ |
งานศพ กำลังจะมีงานศพแน่ ๆ เกรอลท์เชื่อว่าต้องเป็นเช่นนั้น โดยเฉพาะเมื่อเขาได้ฟังข่าวอันน่ายินดีมาจากตลาด ใครบางคนได้แพร่สะพัดข่าวลือการคลุมถุงชนระหว่างสาวน้อยนามว่าคอร่า กับท่านไวเคานท์แห่งเล็ทเทนฮูฟว์... เป็นผู้หญิงคนเดียวกันกับคนที่บังเอิญมาเจอพวกเขากลางดึกใช่ไหม? ที่ตวาดใส่แดนดีไลออนว่าเขาทำให้เธออับอายขายหน้า แน่นอนว่าเจ้านักกวีรับมือได้อย่างฉับไวด้วยคำโกหกชวนฝันหวาน รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะชดเชยในสิ่งที่ทำให้เธอต้องเสียหาย
แต่เมื่อเธอยังไม่ยอมหยุดอาละวาด เขาก็อวดโม้ว่าตัวเองเป็นขุนนาง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นคำโกหกอีกเช่นกัน ดังนั้นแม่สาวน้อยคอร่าจึงระริกระรี้ขึ้นมาทันใด เธอหยุดโวยวายและเริ่มขู่ว่าไม่เพียงแต่เธอจะเรียกพวกพี่ชายมาเท่านั้น แต่ยังจะเรียกพวกทหารยามมาด้วย เป็นคำขู่ตื้น ๆ แต่ตอนนั้นพวกเขากำลังเมาจนหัวสมองทึ่มทื่อ แดนดีไลออนจึงต้องไปกับเธอ ทิ้งลูทของเขาให้วิทเชอร์เก็บรักษาไว้และเพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะกลับมาเมื่อแม่สาวน้อยนอนหลับไปแล้ว ตอนนี้เกรอลท์สังหรณ์ใจอย่างมากว่าเธอน่าจะลุกออกมาจากเตียงเพื่อเที่ยวไปคุยอวดกับพวกพ่อค้าแม่ขายและคนอื่น ๆ ซึ่งมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ ครอบครัวของเธอเหมือนจะปรับเปลี่ยนแผนของพิธีแต่งงานที่เคยวางแผนเอาไว้แล้ว โดยไม่ระแคะระคายว่ากำลังเอาศิลปินไส้แห้งมาเป็นเจ้าบ่าวแทนพ่อค้าผู้มั่งมี กรอลท์มั่นใจว่าฐานะที่แท้จริงของเจ้าบ่าวจะต้องถูกเปิดเผยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ พวกพี่ชายของเธอคงจะตั้งเตาต้มน้ำมันดิน และว่าที่เจ้าบ่าวคงได้เจอกับเพชรฆาตอย่างแน่นอน ก็แค่งานศพแบบลวก ๆ |
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
บทที่ 11
แดนดีไลออน |
เกรอลท์ |
---|---|
แดนดีไลออนหวังว่าข่าวการหมั้นหมายจะยังไม่แพร่กระจายออกไป ทำให้การยกเลิกเป็นเรื่องที่ง่ายดาย จนกระทั่งเขาเปิดประตูออกไปจากห้อง ท่านเทศมนตรีเมืองกัลเล็ตก็ปรากฏตัวขึ้นและประพรมคำอวยพรให้แก่คู่บ่าวสาว ทำให้ปณิธานของเขาถูกฝังไปในพริบตา พวกคนรับใช้ที่เดินผ่านไปผ่านมาแทบจะหุบรอยยิ้มไม่อยู่ขณะกำลังช่วยจัดแจงให้พวกเขาได้ออกจากบ้าน อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องอกสั่นขวัญแขวนเมื่อพวกพี่ชายทั้งสี่ของคอร่ามาชักแถวยืนต้อนรับอยู่ข้างนอกด้วยการคลึงกำปั้น พวกเขายอมตกลงด้วยความยินดีที่จะไม่จับท่านไวเคานท์ไปชุบน้ำมันดินและคลุกขี้เลื่อย เหมือนชิ้นเนื้อสเต๊กหมูชุปไข่แล้วคลุกแป้ง ตราบใดที่เขายังรักษาคำพูดและเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัวพวกเขา และยังเสนอตัวทำหน้าที่ปกป้องปราสาทหลังใหม่ของครอบครัว ซึ่งพวกเขาคาดว่าท่านไวเคานท์มีไว้ในครอบครอง แดนดีไลออนกลืนน้ำลายแทบไม่ลง เขาจะไปหาปราสาทมาจากไหนกันล่ะทีนี้? อันที่จริงแล้วสิ่งที่เจ้าสมองทึ่มพวกนี้คาดหวังไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เขาไม่คิดจะอยู่ที่นี่ไปจนกว่าเรื่องจะบานปลายอยู่แล้ว ปัญหาจริง ๆ ก็คือ: ลูทของเขาหายไปไหนกัน? ท่านเทศมนตรีภูมิใจเสนอโต๊ะอาหารที่มีจานชามวางจนแน่นขนัด รายล้อมไปด้วยนักดนตรีมือรองกำลังสีซออย่างไร้ความปรานี ตรงไกล ๆ โน้นคือซุ้มประตูวิวาห์ตกแต่งด้วยมวลดอกไม้และเถาไอวี่ ไว้ให้คู่บ่าวสาวใช้กล่าวคำปฏิญาณรัก เลยไปในตลาดใจกลางจตุรัสกำลังมีการตระเตรียมขบวนเต้นรำเฉลิมฉลองกันอยู่ แดนดีไลออนยืดตัวขึ้น อยู่ดี ๆ เขาก็สนใจคำประกาศขึ้นมาทันที พิธีกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว |
เกรอลท์หวังว่าคงไม่มีงานศพหากเขาช่วยให้นักกวีหลบหนีไปได้ วิทเชอร์รู้ว่าแดนดีไลออนกำลังพยายามหลบหนีจากงานสมรสที่จะจัดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เขาจึงไปที่บ้านของเทศมนตรีโดยหวังว่าจะเจอตัวเจ้านักกวีเมาค้างกับว่าที่เจ้าสาวแก้มแดง อย่างไรก็ตามเขามองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่ตรงประตูคฤหาสน์: เป็นพิธีสมรสของจริงที่ท่านเทศมนตรีเป็นผู้จัดให้ ดูเหมือนว่าเจ้าสาววัยเยาว์จะทำให้พวกพี่ชายสมหวังแล้ว เกรอลท์ไม่อยากคิดเลยว่าเธอสัญญาอะไรกับพวกเขาไว้ เขาพยายามอยู่ห่างจากคนอื่น ๆ ให้มากที่สุด เตือนตัวเองว่ามิตรภาพจากการร่ำสุราเพียงคืนเดียวไม่สามารถทำให้เขาต้องลงมือช่วยเจ้านักกวีได้ "ในสภาพแบบนั้น คำพูดใด ๆ ก็ล้วนแต่ไม่มีผลผูกมัด" เขาทบทวนซ้ำ ๆ ระหว่างก้าวเท้าออกเดินไปยังคอกม้า แต่แล้วเกรอลท์ก็จำได้ว่าลูทของนักกวียังซุกอยู่ในถุงสัมภาระบนหลังม้า เขาถอนหายใจแรง ๆ แล้วหันหลังกลับ วิทเชอร์ไม่อย่างเสี่ยงจะโดนจับจากการเปิดศึกต่อสู้เพื่อช่วยเหลือแดนดีไลออน การรอหาจังหวะเหมาะ ๆ จะช่วยเขาอยู่แถว ๆ นั้นคงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรอยู่แล้ว... ใช่ไหม? โชคร้ายที่ทั้งตัวเจ้าสาวเองและบรรดาพี่ชายของเธอไม่ยอมปล่อยแดนดีไลออนไปจากสายตาแม้แต่แวบเดียว ขณะที่ท่านเทศมนตรีก็ทำหน้าที่เจ้าภาพได้อย่างยอดเยี่ยม โดยการพาแขกเหรื่อชมงานเทศกาลและอธิบายถึงประเพณีท้องถิ่น ไม่ได้รู้สึกถึงสถานการณ์ที่กำลังตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ เกรอลท์ตามพวกเขาไปห่าง ๆ แอบฟังจนแน่ใจว่าเจ้านักกวีกำลังจะเริ่มลงมือแล้ว |
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
บทที่ 12
แดนดีไลออน |
เกรอลท์ |
---|---|
แดนดีไลออนเต้นรำ เขาเต้นอย่างสุดกำลัง ตามธรรมเนียมของเมืองกัลเล็ต เจ้าบ่าวมีหน้าที่ฝ่าฝูงชนที่เต้นรำเบียดเสียดกันอย่างแน่นขนัดเข้าไปรับตัวเจ้าสาวแก้มแดงออกมาให้ได้เสียก่อน พิธีวิวาห์จึงจะเริ่มต้นขึ้น นักกวีจึงเห็นโอกาสสุดท้ายที่จะหลบหนีจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจนี้ แต่โชคร้ายหน่อยที่เหล่าว่าที่พี่เขยของเขาก็มองเห็นแบบเดียวกัน พวกเขาปิดเส้นทางหลบหนีที่เป็นไปได้เอาไว้แล้ว และกำลังเริ่มบีบให้เขามุ่งหน้าเข้าไปหา "คอร่า" น้องสาวของพวกเขา
ไม่มีสิ่งใดจะขัดขวางแดนดีไลออนได้ง่าย ๆ ผู้ร่วมงานทั้งหมดกำลังง่วนอยู่กับการเต้นรำและหัวเราะโดยไม่สนว่าจะเต้นไปชนเข้ากับคนอื่น ๆ ถือเป็นข้อดีที่ช่วยขวางกั้นเขาไว้ไม่ให้ไปถึงตัวเจ้าสาว เสียงดนตรีอันมีชีวิตชีวาดังลั่นอยู่ในหูของเขาขณะที่โลกเริ่มหมุนไปรอบ ๆ อย่างไรก็ตามนักกวีสามารถจับจังหวะที่บ้าคลั่งนี้ได้และเริ่มเต้นรำเพื่อหาทางออกไป
เขาผ่านเจ้าพี่ชายคนแรกไปด้วยจังหวะหมุนตัวหักหลบแค่ไม่กี่ครั้ง เขายิ้มเยาะและย่ำเท้าใส่พี่ชายอีกคนที่โผล่เข้ามาอย่างเงอะงะ ใช้มือจับพี่ชายคนที่สามแล้วหมุนเป็นลูกข่าง ก่อนจะปล่อยมือในจังหวะที่ศัตรูของเขากำลังเสียสมดุล ส่วนเจ้าพี่ชายคนที่สี่นั้นรับมือได้ยากที่สุด แดนดีไลออนกระโดดซ้ายทีขวาทีแต่เจ้าสมองกล้ามก็เคลื่อนไหวตามเขาราวกับเป็นภาพสะท้อนในกระจก นักกวีเริ่มจนแต้มจึงตัดสินใจใช้อุบายตื้น ๆ ด้วยการถอยหลังหนึ่งก้าว และเจ้างั่งนั่นก็ถอยตาม แดนดีไลออนจึงถอยต่อไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็หันหลังไปอีกทางแล้วออกวิ่ง เขาหายวับไปหลังแผงสินค้าที่อยู่ใกล้ที่สุด พลันได้ยินเสียงคอร่าร้องไห้อย่างหมดหวังแต่ก็ไม่กล้าเสี่ยงเหลียวหลังกลับไปมอง
ตอนนี้เขามีโอกาสเป็นอิสระแล้ว แต่สิ่งแรกที่ต้องหาให้เจอคือลูทอันล้ำค่าของเขา เขาจึงตระเวนไปตามตรอกซอกซอยในเมืองกัลเล็ตเพื่อหาตัววิทเชอร์ด้วยความขุ่นเคืองและเดียวดาย เขาเดินอย่างห่อเหี่ยวไปที่คอกม้าโดยหวังว่าเกรอลท์จะยังไม่จากเมืองเน่า ๆ แห่งนี้ไป แต่ก็ต้องคร่ำครวญออกมาอย่างน่าเวทนาเมื่อไม่มีม้าอยู่ในนั้น นักกวีทิ้งตัวคุกเข่าคอตก ทั้งวิทเชอร์และลูทของเขาคงไปจากที่นี่นานแล้ว แดนดีไลออนต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกครั้ง ไร้ซึ่งสมบัติติดตัว และถูกโชคชะตาลงโทษอย่างไม่ยุติธรรม ขณะถูกความสิ้นหวังถาโถมเข้าใส่ เบื้องหลังของเขาก็มีเงาปรากฏขึ้น เงานั้นถือลูทไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างกุมสายบังเหียนเอาไว้ เงาของชายผู้มีเสียงแหบพร่าด้วยฤทธิ์เหล้าว็อดก้าบอกให้นักกวีลุกขึ้นเสียที แดนดีไลออนหันหลังกลับไป หัวใจเขาพองโตกับโชคดีที่อยู่ตรงหน้า สัมผัสได้ถึงจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่ไปด้วยกันของพวกเขา |
เกรอลท์ไม่เต้นรำ อย่างน้อยเขาก็พยายามหลีกเลี่ยงเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะการจะผ่านฝูงชนที่นำหน้าเขาอยู่นั้นต้องกระโดดให้ตรงจังหวะหรือไม่ก็ต้องผลักพวกเขาออกไป วิทเชอร์มองหาแดนดีไลออนผู้ถูกกลืนเข้าไปในหมู่มวลชนตั้งแต่งานประเพณีงี่เง่านี้ได้เริ่มต้นขึ้น ในทางตรงกันข้ามเขากลับมองเห็นพ่อค้าท่าทางเหมือนคนแก่กำลังเศร้าสร้อยที่ต้องมองดูอดีตคู่หมั้นอยู่ไกล ๆ มีแต่ปีศาจเท่านั้นที่รู้ว่าเธอได้บอกเรื่องเจ้าบ่าวคนใหม่ให้เขารู้บ้างหรือเปล่า
เกรอลท์เบียดตัวไปข้างหน้า ชาวเมืองที่กำลังเต้นรำกลุ่มหนึ่งพยายามหยุดเขา แต่ก็ไม่เป็นผลเท่าใดนัก เสียงเพลงดังกึกก้องขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้ยินเสียงสนทนา ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ วิทเชอร์ก็พบหมวกประดับขนนกกระสาที่แทรกอยู่ในฝูงชนจนได้ วิทเชอร์ไม่ปลกใจเลยที่เจ้าของหมวกกำลังถูกล้อมหน้าล้อมหลังด้วยพวกนักเลงโตเจ้าเก่าทั้งสี่คน
เกรอลท์ไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ เขาจึงซัดกำปั้นใส่เจ้าพี่ชายคนแรกอย่างเต็มเหนี่ยวจนถลาเข้าไปในฝูงชนห่างออกไปจากแดนดีไลออน แล้วก็อัดเจ้าพี่ชายอีกคนลงไปนอนกับพื้นตรงใต้เท้าของเจ้านักกวีพอดิบพอดี เขาจับข้อมือของเจ้าคนที่สามเอาไว้ขณะที่นักกวีกำลังหมุนตัวอย่างงี่เง่าและไร้จุดหมาย วิทเชอร์จบการแสดงนี้ด้วยการเตะตัดขาเจ้าอันธพาลจนหงายหลัง ส่วนคนที่สี่นั้นเหมือนต้องรอชั่วกัปชั่วกัลป์ หลัก ๆ ก็เป็นเพราะแดนดีไลออน เจ้านักกวีทำท่าเหมือนตัวตลกที่พยายามล่อหลอกคู่ต่อสู้ให้หลงทางก่อนจะวิ่งหนีไป ตอนแรกเจ้าพี่ชายคนนั้นพยายามจะวิ่งไล่ตามแต่แล้วก็ต้องหันกลับไปเพราะเสียงกรีดร้องของคอร่า คู่หมั้นคนก่อนของเธอกำลังกอดหญิงสาวผู้น่าสงสาร ใบหน้าจิ้มลิ้มเต็มไปด้วยความหม่นหมองขณะพยายามมองเข้าไปในหมู่ผู้คนมากมายเพื่อหาตัวนักกวีเพียงคนเดียว ซึ่งแน่นอนว่าเขาได้หายตัวไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อวิทเชอร์เสร็จธุระจากการยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่น เขาก็ออกจากงานแล้วมุ่งหน้าไปยังคอกม้า
เขายิ้มกับตัวเองเมื่อได้เห็นเจ้านักกวีนั่งอยู่บนพื้นดิน แดนดีไลออนกำลังคุกเข่าราวกับฉากในละคร เขาไม่รู้ตัวเลยว่าถ้าหันไปทางซ้ายอีกนิดก็จะเห็นลูทของตนโผล่ออกมาจากถุงสัมภาระของเจ้าโร้ช เกรอลท์ยิ้มแล้วหยิบเครื่องดนตรีออกมา เขาบอกเจ้างั่งหน้างอให้ลุกขึ้นแล้วจบการแสดงแสนโศกนี้เสียที ในเวลาต่อมา เมื่อเขานั่งอยู่บนหลังม้าและผ่านพ้นไปจากประตูเมืองกัลเล็ต เกรอลท์เหลียวหลังเหลือบมองเจ้านักกวีที่ตามติดมาต้อย ๆ ดูเหมือนว่าแดนดีไลออนปรารถนาจะเดินทางไปกับวิทเชอร์ แม้จะต้องเดินทางไปจนถึงสุดขอบโลกก็ตาม |
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
จบบริบูรณ์
ไม่มีความคิดเห็น