Legend of Yennefer by Nimue
⚠ คำเตือน: มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของนิยาย The Witcher
"ตำนานของเยนเนเฟอร์ เล่าโดยนิมเวย์" (Legend of Yennefer by Nimue) เป็นภาพวาด 12 ภาพที่มีคำบรรยายสั้น ๆ เป็นตัวอักษรกลาโกลิติก (Glagolitic script) ทำหน้าที่เล่าเรื่องราวในโหมด journey ของเกม Gwent ทีมงานได้ดัดแปลงเรื่องราวให้เหมาะสมกับจักรวาลเกมของ CD Projekt Red จึงมีเนื้อหาบางจุดที่อาจขัดแย้งกับนิยายต้นฉบับของ Andrzej Sapkowski
ภาพประกอบโดย Katarzyna Bekus และ Sandra Chlewińska
คำบรรยายภาษาไทยโดย อาอี๊จับจอย
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
หน้า 1
เกิดในปี 1173 กำเนิดทารกน้อยยางก้า
ยางก้า (Janka) หรือ เยนเนเฟอร์ ถือกำเนิดขึ้นในครอบครัวที่ไม่พร้อมจะเลี้ยงดูเธอ แม่ของเยนเนเฟอร์เป็นลูกครึ่งเอลฟ์ ส่วนพ่อเป็นมนุษย์ธรรมดา เยนนิเฟอร์มีความพิการแต่กำเนิดหลายอย่าง ทำให้ผู้เป็นพ่อรู้สึกรังเกียจทารกน้อยตั้งแต่แรกเห็น และโทษว่ามันเป็นคำสาปจากสายเลือดเอลฟ์
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
หน้า 2
ปี 1180? เด็กคนอื่นรุมกลั่นแกล้ง วัยเด็กที่แสนยากลำบาก
ความพิการทำให้เด็กหญิงยางก้าถูกกลั่นแกล้งอยู่เป็นประจำ เธอเป็นเด็กอัปลักษณ์ที่ใคร ๆ ต่างพากันรังเกียจ แม้แต่พ่อแท้ ๆ ก็ยังใช้เธอเป็นที่ระบายโทสะ โดยที่ผู้เป็นแม่ไม่อาจปกป้องคุ้มครองได้ วัยเด็กของเยนเนเฟอร์จึงมีแต่ความทรงจำที่เลวร้าย
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
หน้า 3
ปี 1187 ถูกขายให้ทิสซายอา
ทิสซายอา เดอ วรีส์ (Tissai de Vries) อธิการโรงเรียนนักเวทหญิงอาเรทูซา (Aretuza) พบว่ายางก้าเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ ความสามารถพิเศษนี้คงจะสูญเปล่าหากเธอยังอาศัยอยู่กับครอบครัว ทิสซายอาจึงซื้อตัวเด็กสาวพิการและพาเธอไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในรั้วโรงเรียนเวทมนตร์บนเกาะธาเน็ดด์ (Thanedd)
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
หน้า 4
ปี 1187 ค่ำคืนที่โหดร้าย
แม้จะหลุดพ้นจากครอบครัวแย่ ๆ แต่จิตใจของยางก้าก็แหลกสลายไปหมดแล้ว เธอไม่คิดว่าจะถูกพ่อแม่แท้ ๆ ขายทิ้งราวกับสัตว์ตัวหนึ่งในคอก เด็กสาวพยายามฆ่าตัวตายแต่ทิสซายอาก็ช่วยเอาไว้ได้ทัน ผ้าพันแผลหนาเตอะพันอยู่รอบข้อมือทั้งสองข้าง
"ร้องออกมาเถอะสาวน้อย ร้องไห้เสียให้พอ ร้องมันออกมาให้หมด จะได้ไม่ต้องร้องไห้อีก ไม่มีสิ่งใดในโลกที่น่าสังเวชไปกว่านักเวทหญิงร่ำไห้อีกแล้ว" [1]
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
หน้า 5
ปี 1191 กำเนิดเยนเนเฟอร์
ยางก้าได้รับการแปลงโฉมเพื่อแก้ไขความพิการและเพื่อให้มีรูปร่างหน้าตาที่มีเสน่ห์ชวนหลงใหล เช่นเดียวกับนักเรียนคนอื่น ๆ ของโรงเรียนนักเวทหญิงอาเรทูซา แต่ถ้าเพ่งมองดูดี ๆ จะเห็นว่าบ่าซ้ายของเธอสูงกว่าข้างขวาเล็กน้อย จมูกดูยาวไปนิด คางดูสั้นไปหน่อย ริมฝีปากนั้นค่อนข้างบาง รูปทรงคิ้วก็แปลก ๆ ดวงตาเรียวยาวของเธอที่เป็นประกายสีม่วงช่างดูมืดมนและน่าหวาดกลัว แต่ก็งดงามจนยากที่จะละสายตา
และทิสซายอาได้มอบชื่อใหม่ให้เธอว่า "เยนเนเฟอร์"
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
หน้า 6
ปี 1245 คำอธิษฐานข้อสุดท้ายอันลือลั่น
เยนเนเฟอร์ไม่ยอมจ่ายภาษีรายได้จากการใช้เวทมนตร์ จึงโดนสั่งกักบริเวณในบ้านเทศมนตรีเมืองรินด์ (Rinde) วิทเชอร์คนหนึ่งได้มาขอความช่วยเหลือจากเยนเนเฟอร์ เพราะเพื่อนนักกวีของเขาถูกจินน์ (Djinn) ทำร้ายจนอาการแทบปางตาย เมื่อสบโอกาสเยนเนเฟอร์จึงพยายามจับจินน์ตนนี้ โดยที่ไม่รู้ว่าเกรอลท์คือเจ้านายคนปัจจุบันของมัน และเขายังเหลือพรข้อสุดท้ายที่ยังไม่ได้ขอ สุดท้ายวิทเชอร์ก็ใช้มันเพื่อช่วยชีวิตนักเวทหญิงที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น โดยการขอให้โชคชะตาของเธอผูกพันกับเขาตลอดไป
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
หน้า 7
ปี 1248 ล่ามังกร
เยนเนเฟอร์เข้าร่วมคณะล่ามังกรของราชานีดาเมียร์ (Neidamir) และได้พบหน้าเกรอลท์อีกครั้ง หลังจากที่เขาทิ้งเธอไปโดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลา เมื่อได้รู้ความจริงว่ามังกรทองวิลเลนเทรเทนเมิร์ธ (Villentretenmerth) กำลังปกป้องลูกน้อยของมัน เยนเนเฟอร์ก็เปลี่ยนใจหันมาช่วยพวกมังกรแทน เธอเสกคาถาใส่พวกม็อบชาวบ้านโดยการโบกขาไปในอากาศเพราะถูกมัดมือเอาไว้ ทำให้มังกรทองหลุดจากตาข่ายได้ในที่สุด วิทเชอร์ใช้โอกาสนี้ขอโทษเยนเนเฟอร์ นักเวทหญิงจึงยอมเปิดใจให้เกรอลท์กลับเข้ามาในชีวิตของเธออีกครั้ง
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
หน้า 8
ปี 1263 สมรภูมิเนินซ็อดเดน
เยนเนเฟอร์และนักเวทแดนเหนือทั้งหมด 22 คน เข้าร่วมต่อสู้ในสมรภูมิเนินซ็อดเดน (Battle of Sodden Hill) ภายใต้การนำของจอมเวทวิลเกฟอตซ์ (Vilgefortz) แดนเหนือจึงหยุดการรุกรานของจักรวรรดินิลฟ์การ์ดได้สำเร็จ ศึกนี้ได้คร่าชีวิตผู้คนของทั้งสองฝ่ายไปมากกว่า 30,000 ศพ
หลังจากสงครามแดนเหนือครั้งที่ 1 จบลง มีการสร้างอนุสาวรีย์เพื่อรำลึกถึงนักเวทแดนเหนือ 13 คนที่เสียชีวิตระหว่างการต่อสู้ ส่วนคนที่รอดมาได้ก็อาการสาหัสไม่น้อย เยนเนเฟอร์ตาบอดจากคาถาของฟรินจิลลา ส่วนทริสก็มีทั้งแผลลึกเต็มตัวและถูกไฟคลอกจนจำสภาพเดิมแทบไม่ได้
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
หน้า 9
ปี 1266 วิหารแห่งเทพีเมลิเทเล
เยนเนเฟอร์ได้รับจดหมายจากเกรอลท์ให้ช่วยดูแลและสอนหนูซีรี ระหว่างที่เธอถูกส่งไปเรียนที่อารามพระแม่เมลิเทเลในเมืองเอลลันเดอร์ นักเวทหญิงสอนเด็กสาวแทบทุกเรื่อง ตั้งแต่การใช้ลมหายใจอย่างถูกต้องระหว่างเคลื่อนไหวร่างกาย การร่ายเวทขั้นพื้นฐาน ไปจนถึงเรื่องการเป็นผู้หญิงอย่างเต็มตัว จากเด็กหัวรั้นที่ต่อต้านทุกอย่าง ซีรีเริ่มไว้ใจนักเวทหญิงและรู้สึกผูกพันกับเธอไม่ต่างจากตอนที่ได้พบกับเกรอลท์
"ท่านหญิงเยนเนเฟอร์"
"อะไรอีกล่ะ ยัยเด็กขี้เหร่"
"ท่านเป็นนักเวทตอนอายุเท่าไรเจ้าคะ?"
"ก็เป็นตั้งแต่ข้าผ่านการสอบคัดเลือกนั่นแหละ ตอนสิบสาม"
"ฮ่า! เท่าอายุข้าตอนนี้เลย! แล้วท่าน... ท่านอายุเท่าไรตอนที่... ไม่ดีกว่า ข้าจะไม่ถามเรื่องแบบนั้น-"
"ตอนอายุสิบหก"
"อ่าฮะ..." ซีรีหน้าแดงเรื่อและแกล้งทำเป็นหันไปสนใจก้อนเมฆรูปร่างประหลาดที่ลอยเหนือหอคอยของวิหารแทน "แล้วท่านอายุเท่าไรตอนที่... ตอนที่ท่านเจอเกรอลท์?"
"ตอนที่ข้าแก่กว่านั้น... ยัยขี้เหร่ แก่กว่านั้นนิดหน่อย"
"ท่านเรียกข้าว่ายัยขี้เหร่ตลอดเลย! ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ชอบ แล้วทำไมยังเรียกอีกล่ะเจ้าคะ?"
"เพราะข้าเป็นนางมารร้ายไง แม่มดก็เป็นนางมารร้ายทั้งนั้นแหละ"
"แต่ข้าไม่อยากเป็น... ข้าไม่อยากเป็นยัยเด็กขี้เหร่ ข้าอยากสวย อยากสวยมาก ๆ แบบท่านเลย ท่านหญิงเยนเนเฟอร์ วันใดวันหนึ่งหากใช้เวทมนตร์แล้วข้าจะสวยเหมือนท่านได้มั้ยนะ?" [2]
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
หน้า 10
ปี 1267 เหตุกบฏบนเกาะธาเน็ดด์
เยนเนเฟอร์ตั้งใจจะพาซีรีไปสมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนนักเวทหญิงอาเรทูซาบนเกาะธาเน็ดด์ แต่ก็เกิดเหตุกบฏระหว่างงานชุมนุมของเหล่านักเวทแดนเหนือบนเกาะนั้น เธอจึงต้องพาเด็กสาวหนีตายออกมาจากสมรภูมิขนาดย่อมโดยไม่ใช้เวทมนตร์ เพราะถ้าเธอหรือซีรีร่ายคาถา ฝ่ายตรงข้ามก็จะรู้ตำแหน่งของพวกเธอทันที
เยนเนเฟอร์คิดว่าการแยกกันหนีน่าจะทำให้ซีรีมีโอกาสรอดมากกว่า เธอจึงสั่งให้เด็กสาวขี่ม้าลงไปขอความช่วยเหลือจากมาร์การิตา ลอซ์ อันติลล์ (Margarita Laux-Antille) ที่ด้านล่างของเกาะ แม้จะเจ็บปวดที่ต้องพลัดพรากจากกัน แต่มันก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ซีรีใช้ประตูมิติในหอคอยนางนวล (Tor Lara) หนีออกจากเกาะได้สำเร็จ ส่วนเยนเนเฟอร์ถูกฝ่ายกบฏจับตัวไว้ได้
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
หน้า 11
ปี 1268 ถูกวิลเกฟอตซ์จับไปทรมาน
เยนเนเฟอร์ถูกบังคับให้เข้าร่วมสมาคมลับจอมเวทหญิง (Lodge of Sorceresses) เธอพยายามรวบรวมเบาะแสที่อยู่ของซีรีจากนักเวทหญิงคนอื่น ๆ ก่อนที่จะใช้เปลือกหอยนางรมเป็นสื่อในการเปิดประตูมิติเพื่อหนีออกมาจากปราสาทมอนทีคาลโว (Montecalvo) และไปโผล่ที่ชายฝั่งของเกาะอาร์ด สเกลลิก (Ard Skellig)
ด้วยความช่วยเหลือจากครัค อัน ไครท์ (Crach an Craite) เธอจึงแล่นเรือเข้าสู่ร่องน้ำลึกเซ็ดนา (Sedna Abyss) สู่ใจกลางพายุที่มีประตูมิติเชื่อมไปยังปราสาทสติกกา (Stygga) สถานที่กบดานของวิลเกฟอตซ์
เยนเนเฟอร์ที่เนื้อตัวสะบักสะบอมถูกลูกสมุนของจอมเวทลากตัวเข้าปราสาทไปให้จอมเวททรมานทันที จริง ๆ แล้วเขายังคงคว้าน้ำเหลวในการจับตัวซีรีมาโดยตลอด จอมเวทจึงจับเยนเนเฟอร์เข้าเครื่องสแกนเวทมนตร์ แต่ข้อมูลที่ได้ก็มีแค่ตำแหน่งของเกรอลท์เท่านั้น
ตลอดเวลาเกือบครึ่งปี เยนเนเฟอร์ถูกขังไว้ในคุกใต้ดินที่ทั้งสกปรก หนาวเย็น และเฉอะแฉะ เธอถูกวิลเกฟอตซ์ปั่นหัวครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยข่าวปลอม ๆ ว่าคนรักและลูกสาวบุญธรรมของเธอได้ตายจากไปแล้ว แม้เยนเนเฟอร์จะรู้ดีว่ามันเป็นแผนของจอมเวท แต่เธอก็อดหวั่นใจไม่ได้ว่ามันอาจจะเป็นจริงขึ้นมาสักวัน
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
หน้า 12
เดือนมิถุนายน ปี 1268 สู่เกาะมาลัส
เกรอลท์และพรรคพวกรวมไปถึงซีรีบุกเข้ารังของจอมเวทวิลเกฟอตซ์ เพื่อช่วยเหลือเยนเนเฟอร์ แต่หลังจากเด็ดหัวจอมเวทสำเร็จ พวกเขาก็ถูกปิดล้อมโดยกองพลรักษาพระองค์ (Impera Brigade) ของจักรพรรดิเอเมียร์ (Emhyr) แต่สุดท้ายพระองค์กลับยอมล้มเลิกภารกิจ และคืนอิสรภาพให้กับครอบครัวนี้
ระหว่างที่เยนเนเฟอร์กับซีรีไปสะสางเรื่องราวกับ The Lodge เกรอลท์กับแดนดีไลออนก็เดินทางไปรอที่เมืองริเวีย ความตึงเครียดระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ทำให้เกิดเหตุจลาจลกลางเมือง ระหว่างช่วยพวกคนแคระเกรอลท์ก็ถูกชาวบ้านเอาส้อมตักฟางแทงทะลุท้องจนนอนจมกองเลือด เยนเนเฟอร์ที่ตามมาสมทบพยายามใช้เวทมนตร์ยื้อชีวิตเกรอลท์ไว้จนหมดสติไปอีกคน ส่วนซีรีก็ได้แต่ร้องไห้อย่างสิ้นหวัง
นาทีนั้นเอง... ยูนิคอร์นอิฮัวร์ราแคว็กซ์ (Ihuarraquax) ก็ปรากฏตัวขึ้น มันได้มอบพลังให้ซีรีใช้รักษาเกรอลท์กับเยนเนเฟอร์ ร่างของทั้งคู่ถูกวางลงใส่เรือ และลอยหายไปท่ามกลางหมอกในทะเลสาบล็อค เอสคาลอตต์ (Loch Eskalott) ไปพร้อม ๆ กับซีรีและม้ายูนิคอร์น
ใต้ร่มเงาของต้นแอ็ปเปิลบนเกาะแห่งหนึ่ง เกรอลท์รู้สึกตัวบนตักของเยนเนเฟอร์ เธอค่อย ๆ เคลื่อนกลายลงมานอนข้าง ๆ เขา ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดก็ตาม ณ ห้วงเวลานี้ทั้งคู่จะไม่พรากจากกันอีกต่อไป
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
ที่มาของบทสนทนา
[1] บทที่ 12 เล่ม The Lady of the Lake
[2] บทที่ 7 เล่ม Blood of Elves
ไม่มีความคิดเห็น