The Witcher and the Bart (Part 2: Chapter 5-8)
เรื่องโดย Magdalena Kucenty, บรรณาธิการ Jason Slama, แปลไทยโดย อาอี๊จับจอย
📖 อ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษที่นี่
📜 อ่าน Part 1 (บทที่ 1-4) 📜 อ่าน Part 2 (บทที่ 5-8)
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
บทที่ 5
แดนดีไลออน |
เกรอลท์ |
---|---|
เมื่อควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว แดนดีไลออนก็จุมพิตอำลาแม่สาวน้อยที่เขาปกป้องไว้ และเดินหายเข้าไปในหมู่ฝูงชนที่กำลังเฉลิมฉลองกัน เขาไม่ได้กล่าวอำลาวิทเชอร์ตามประสาของชายชาตรีที่ไม่ต้องการคำพูดใด ๆ ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่แล้วนักกวีก็สังเกตเห็นว่ามีคนกำลังติดตามเขาอยู่ จึงหันหลังกลับไปอย่างรู้ทันพร้อมกับยื่นมือไปหาชายที่เดินตามเขามา
วิทเชอร์ทักทายกลับด้วยท่าทางประหลาดโดยการจับแขนเสื้อแทนที่จะจับมือ เขาได้แต่ตกตะลึงกับไหวพริบของนักกวีจนพูดอะไรไม่ออก แต่ก็แสดงท่าทีว่าอยากจะสนทนาด้วย หลังจากตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งเขาก็แนะนำตัวว่า "เกรอลท์แห่งริเวีย" และสิ่งที่เขารู้สึกเจ็บปวดจนไม่สามารถพูดออกมาได้อย่างเต็มปากก็คือ เขาอยากมีเพื่อน งานของวิทเชอร์ทำให้เขาต้องเดินทางอย่างโดดเดี่ยวโดยมีสหายเพียงแค่ตัวเดียวเป็นม้าที่เขาขี่มา
แดนดีไลออนจึงชวนเขาไปเสวนาต่อในสถานที่ที่เป็นส่วนตัวกว่านี้ เช่นที่หอนางโลมแห่งหนึ่งซึ่งขึ้นชื่อเรื่องอาหารเลิศรส ดูเหมือนว่าเขาพยายามหาข้ออ้างที่ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ เพื่อไปเที่ยวที่นั่น แต่ในความเป็นจริงเขาแค่อยากแสดงความโอบอ้อมอารีต่อเพื่อนมนุษย์เท่านั้น พวกเขาจึงเดินทางไปด้วยกันทันที ทั้งนักกวีและวิทเชอร์ |
เมื่อเหล่านักเลงโตลงไปนอนกับพื้นและแม่สาวน้อยจัดแจงผ้าผ่อนจนมิดชิด เกรอลท์ก็รู้สึกว่ามันขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง เจ้านักกวีหายตัวไปแล้ว "มันน่าสงสัยนัก" วิทเชอร์คิดในใจ เจ้าคนที่เรียกตัวเองว่าเป็น "ฑูตวัฒนธรรมอันดีงาม" ได้หลบหนีไปอย่างลุกลี้ลุกลน ถ้าหากเขาไปทำผิดอะไรมาล่ะ? หรือจะมีเรื่องอื้อฉาวบางอย่างที่ทำให้สถานการณ์ทั้งหมดกลับตาลปัตรไปเลยก็ได้
โชคดีที่เขายังไปได้ไม่ถึงไหน เกรอลท์เห็นผู้หลบหนียังอยู่ในกลุ่มฝูงชนใกล้ ๆ เวที ต่อจากพวกนักเลงก็เป็นวิทเชอร์ที่คว้าเสื้อสีสันฉูดฉาดของเขาเอาไว้ นักกวีหนุ่มแสดงอาการตื่นกลัวในตอนแรก แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว เขาถือหมวกติดขนนกกระสาไว้แล้วโค้งคำนับอย่างสุภาพ และแนะนำตัวว่าเขาคือ "แดนดีไลออน"
เขาสาบานว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดและยินดีตอบคำถามทุกอย่างในสถานที่ที่เป็นกันเองกว่านี้ อันที่จริงแล้วเขารู้จักสถานที่ที่เหมาะเจาะอย่างหอนางโลมแห่งหนึ่ง ซึ่งข้าวของส่วนใหญ่ของเขายังอยู่ที่นั่นตั้งแต่คืนก่อน เสียงตะโกนอย่างโกรธแค้นดังโหวกเหวกมาจากทางเวที เห็นได้ชัดว่าเขากำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน พวกเขาจึงเดินทางไปด้วยกันทันที ทั้งวิทเชอร์และนักกวี |
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
บทที่ 6
แดนดีไลออน |
เกรอลท์ |
---|---|
เมื่อถึงประตูของหอนางโลม "เดอะ ลิตเติล ฟลาเวอร์" แดนดีไลออนก็ได้ข้อสรุปว่าคนที่ส่งพวกอันธพาลมาจะต้องเป็นคู่แข่งที่อิจฉาเขาอยู่แน่ ๆ เขาขุดลึกลงไปในความทรงจำและนึกถึงชายผู้มาจากซิดาริสที่อิจฉาในพรสวรรค์ของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย เจ้าคนตาขาวที่ไม่มีดีเลยสักอย่าง! จะต้องเป็นเจ้าสารเลวนั่นที่จ้างพวกนักเลงมาสังหารนักกวีที่ฝีมือดีกว่าตัวเอง แดนดีไลออนอดรนทนไม่ได้หากเรื่องนี้ยังไร้ซึ่งคำตอบ เขาอยากไปทวงคืนความยุติธรรมเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาแก้แค้น เพราะนักกวียังมีวิทเชอร์ที่ต้องมอบความบันเทิงให้ เกรอลท์ไม่ถือสาที่เขาเสียมารยาท ดูเหมือนวิทเชอร์ถูกขังเอาไว้ในอารมณ์ที่ว่างเปล่า แดนดีไลออนสงสัยว่านานเท่าไรแล้วที่มนุษย์กลายพันธุ์ผู้นี้ไม่ได้รู้สึกถึงความยินดีปรีดา... แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้สืบเสาะลึกลงไปขนาดนั้น ด้วยความตั้งใจให้บรรยากาศรื่นเริงมากที่สุด เขาได้สั่งให้พวกสาวน้อยทั้งหลายเสิร์ฟอาหารอันโอชะซึ่งเป็นของขึ้นชื่อประจำถิ่นมาสองสามอย่าง นักกวียอมจ่ายไม่อั้นเพื่อเพื่อนใหม่ของเขาด้วยการสั่งเหล้าว็อดก้าชั้นเลิศมาให้ หวังเพียงแค่ว่ามันจะทำให้วิทเชอร์ยอมเปิดใจและพูดคุยกับเขามากขึ้น ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ยอมพูดอยู่ดี เวลาผ่านไปพอสมควร นักกวีก็ต้องยอมรับว่าเกรอลท์เป็นเพื่อนคุยที่ตลกดี โดยเฉพาะหลังจากที่เขากระดกเหล้าเข้าไปสองสามแก้ว แดนดีไลออนยังได้รู้ชื่อเต็ม ๆ ของวิทเชอร์อีกด้วย ซึ่งก็คือ "เกรอลท์ โรเจอร์ เอริค ดู อูต-เบลเลการ์ด" ไม่ผิดอย่างแน่นอน |
เกรอลท์ไม่แปลกใจเลยที่มาดามร่างอวบอัดผู้เป็นเจ้าของหอนางโลม "เดอะ ลิตเติล ฟลาเวอร์" จะเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี ข่าวลือและเรื่องฉาวโฉ่ต่าง ๆ มักจะแพร่สะพัดอย่างรวดเร็วในสถานที่แบบนี้ เธออธิบายให้เขาฟังว่าแม่สาวน้อยที่แดนดีไลออนพาไปเสียความบริสุทธิ์นั้น เป็นน้องสาวคนเล็กของพวกพี่ชายขี้หวงทั้งสี่คน ที่เลวร้ายไปกว่านั้น เธอถูกหมั้นหมายกับพ่อค้าผู้มีฐานะร่ำรวย แม้เขาจะมีหน้าตาอัปลักษณ์มากก็ตาม เป็นการหมั้นหมายที่ครอบครัวของเธอหลีกเลี่ยงไม่ได้ มาดามยืนยันกับเขา "ปิดคดี" เกรอลท์คิด ตอนนี้เขาสามารถไปจากที่นี่โดยไม่มีสิ่งใดค้างคาใจอีกแล้ว อย่างไรก็ตาม แดนดีไลออนผู้ร่าเริงและไร้ซึ่งความกังวลนั้นดูเหมือนจะไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองเลยสักนิด กระนั้นแล้ว เจ้านักกวีที่เหมือนเพิ่งจะตื่นจากฝันกลางวันได้สั่งธัญพืชอบหัวหอมมาสองที่ และเหล้ามูนไชน์ถูก ๆ แต่ดีกรีแรงมาหนึ่งขวด "เอาอย่างถูกที่สุดนะ" เจ้านักกวีพึมพำขณะควักเงินเหรียญสุดท้ายออกมาจากกระเป๋า แต่อย่างไรเสียเกรอลท์ก็พึงพอใจกับอาหารมื้อนี้และรู้สึกสดชื่นขึ้นกว่าเดิม สิ่งเดียวที่เขาปรารถนาจากแดนดีไลออนคือการหยุดพูดพล่ามสักที อย่างน้อยก็ตอนที่กำลังกินมื้อเย็น
ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่หยุดพูดอยู่ดี เวลาผ่านไปพอสมควร เกรอลท์ก็ต้องยอมรับว่าเขาไม่ค่อยรำคาญเจ้าหนุ่มปากมากคนนี้เหมือนในตอนแรก โดยเฉพาะหลังจากที่เขากระดกเหล้าเข้าไปสองสามแก้ว เจ้านักกวีก็สอนเขาร้องเพลงเกี่ยวกับสาวงามจากเมือง… เมืองวิโควาโรใช่ไหม? หรือว่าเมืองวิโคโวโรกันแน่? อะไรทำนองนั้นแหละ |
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
บทที่ 7
แดนดีไลออน |
เกรอลท์ |
---|---|
ทั้งคู่พรวดพราดออกไปจากโต๊ะ พลันแนบหลังลงกับผนังห้อง บรรยากาศกำลังเริงรมย์ได้ที่จนกระทั่งพวกสาว ๆ พากันหายวับไป ทิ้งให้พวกเขาอยู่กันอย่างโดดเดี่ยวในห้องมืด ๆ แดนดีไลออนรอจนสายตาของเขาพอจะมองเห็นราง ๆ และพื้นห้องหยุดโคลงเคลง พวกผู้หญิงช่างใจร้ายกันเสียจริง อยู่ดี ๆ ก็ทิ้งพวกเขาไปได้อย่างไรกัน? หลังจากโอบกอดและหัวเราะต่อกระซิกกันถึงขนาดนั้นเนี่ยนะ? เขาเอาลูทเป็นเดิมพันเลยว่าโสเภณีพวกนี้ต้องมีแผนเก็บค่าบริการที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงแน่ ๆ ... แต่เอาเถอะ อย่างน้อยพวกเธอก็ยังเหลือเหล้าไว้ให้ดื่มบ้าง แดนดีไลออนยกขวดขึ้นราวกับว่ามันหล่นมาอยู่ในมือเขาเอง ขณะเดียวกันเกรอลท์ก็บ่นพึมพำอยู่ในลมหายใจ อย่างแรกเกี่ยวกับเสียงตะโกนโหวกเหวก อย่างที่สองคือเรื่องค่าไวน์ขวดที่นักกวีเพิ่งจะหยิบมา บางทีมันอาจเป็นนิสัยแบบมืออาชีพที่ต้องมองหาปัญหาอยู่เสมอ แม้จะอยู่ในที่ลับตาคนก็ตาม แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนกันนะ...? ช่างมันเถอะ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สำหรับแดนดีไลออน การคุยเรื่องไร้สาระพวกนี้มีแต่จะเสียเวลาเปล่า เขาเป็นนักกวีด้วยการกระทำหาใช่เพียงแต่คำพูด ดังนั้นเขาจึงชวนเกรอลท์ไปทำอะไรที่มีประโยชน์กันดีกว่า! อย่างการออกไปจากสถานที่เวรตะไลนี่หรืออย่างน้อยก็ไปหาเหล้ามาดื่มอีก แต่วิทเชอร์เจ้าระเบียบกลับบ่นหนักยิ่งกว่าเดิม ใครจะไปคิดว่าวิทเชอร์จะมีศีลธรรมประจำใจที่เข้มงวดปานนั้น สุดท้ายแล้ว แดนดีไลออนก็ไม่ต้องการจะต่อปากต่อคำกับวิทเชอร์ ฤทธิ์สุราทำให้เขาเฉื่อยชาเกินกว่าจะโต้เถียงเรื่องศีลธรรมที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของตัวเขาเอง เขาจึงยอมแพ้และเตรียมตัวชำระค่าบริการต่าง ๆ ให้หอนางโลม "เดอะ ลิตเติล ฟลาเวอร์" อย่างเต็มที่ |
พวกพี่ชายขี้หวงสองคนโวยวายอยู่ตรงประตูหน้าของหอนางโลม ส่วนอีกสองคนเข้ามาทางประตูหลัง มีเพียงห้องใต้ดินเท่านั้นที่ปลอดภัยพอจะซ่อนตัวได้ และด้วยความช่วยเหลือจากสาว ๆ พวกเขาก็หลบเร้นสายตาไปจากเหล่าชายร่างยักษ์ที่ตามมาเอาเรื่องอย่างไม่ลดละ เกรอลท์เงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าสี่คู่ยำไปมาบนพื้นเหนือศีรษะ สุ้มเสียงที่โกรธแค้นของพวกพี่ชายทั้งสี่ที่กำลังค้นหาอย่างเอาเป็นเอาตายดังลอดลงมาถึงห้องใต้ดิน วิทเชอร์ไม่ต้องการจะมีเรื่องวิวาทอีก ส่วนแดนดีไลออน... แดนดีไลออนน่ะหรือ ก็กำลังสำรวจชั้นวางของที่เรียงรายไปด้วยขวดไวน์อยู่น่ะสิ
การตอบแทนผู้มีพระคุณด้วยการขโมยของช่างเป็นวิธีที่น่าเอน็จอนาถจนเกรอลท์ยอมปล่อยให้เขาทำไม่ได้ แดนดีไลออนพึมพำอย่างกระฟัดกระเฟียดว่าเขาจะซื้อมัน ไม่ได้จะขโมยสักหน่อย การที่เขายังไม่มีปัญญาหาเงินมาจ่ายได้ในตอนนี้มันไม่ใช่ความผิดของเขาเลย! ดังนั้นนักกวีจึงวางขวดลงและหยิบเครื่องเขียนออกมาจากกระเป๋า เกรอลท์นั่งมองอย่างเงียบ ๆ นักกวีกำลังเขียนจดหมายที่ระบุว่าให้ไปเก็บค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้กับเทศมนตรีเมืองกัลเล็ต เขาอ้างว่ายังไม่ได้รับเงินก้อนสุดท้ายที่ท่านเทศมนตรีจ้างวานให้มาเปิดการแสดง และเขาก็ไม่สะดวกที่จะไปรับเงินค่าจ้างในตอนนี้ด้วย จริงไหมล่ะ? ทางที่ดีที่สุดคือใช้เงินส่วนนี้ไปกับไวน์ที่วางอยู่ตรงหน้าพวกเขา
วิทเชอร์ไม่สามารถหาเหตุผลมาโต้แย้งตรรกะนี้ได้ สาเหตุหลักมาจากฤทธิ์ของสุราที่ทำให้สติกระเจิดกระเจิง เขาจึงยอมเห็นพ้องต้องกันกับนักกวี และหยิบไวน์อีกขวดออกมาจากชั้นวาง |
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
บทที่ 8
แดนดีไลออน |
เกรอลท์ |
---|---|
"ฮ่า!" แดนดีไลออนเปล่งเสียงออกมาอย่างครื้นเครง มองเห็นแสงสลัว ๆ จากก้นบึ้งของ... เดี๋ยวนะ พวกเขาอยู่ที่ไหนกันแน่? แต่ช่างเถอะ วิทเชอร์กำลังหาทางออกไปจากที่นี่ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังมองข้ามสิ่งที่สำคัญกว่า นั่นคือพวกเขาต้องการไวน์เพิ่ม สรุปแล้วแสงสลัว ๆ นั่นคือทางออกใช่ไหม? แปลกชะมัด ข้างบนนั้นไม่เห็นมีบันได... แล้วทำไมถึงมีลูกกรงแทนที่จะเป็นประตู?
ให้ตายเถอะ... เหล่าทวยเทพกับพระมารดาผู้วิสุทธิ์ มันอะไรกันวะ?! นักกวีกุมหัวตัวเองก่อนที่แรงกระแทกจะซัดร่างของเขากระเด็นออกจากพื้น ที่แย่กว่านั้น มันยังทำให้เขามึนหัวหนักไปกว่าเดิม วินาทีต่อมาพื้นกับเพดานก็สลับที่กันอีกรอบ ใครบางคน... หรือจะเป็นเกรอลท์? โยนนักกวีออกมาราวกับเป็นกระสอบข้าว "โอ้ย!" เขาร้องครวญครางตอนร่วงลงไปกระแทกกับพื้นหินแข็ง ๆ นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วมองลงเบื้องล่าง มันช่าง... เยี่ยม! ไวน์ขวดสุดท้ายยังอยู่ดีในเสื้อตัวนอกของเขา เขารักษามันไว้ได้! โอ้... ช่างเก่งกาจอะไรเยี่ยงนี้! และยังเป็นเรื่องราวชั้นดีสำหรับเอาไปแต่งเป็นเพลงกวีอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเขาตั้งใจจะเขียนมันขึ้นมาบทขยี้เจ้าคนสารเลวจากเมืองซิดาริสด้วยมือของเขาเอง! ฮ่า!
เขาเล่าความคิดที่เพิ่งผุดขึ้นมาในหัวให้เกรอลท์ฟัง แล้ววิทเชอร์ก็ระเบิดหัวเราะ! แดนดีไลออนไม่อยากเชื่อหูตัวเอง นี่มันเป็นเรื่องสำคัญนะ สำคัญมาก ๆ ด้วย แต่เจ้าตูดหมึกนี่กลับทำเสียงเหมือนกับพวกสาวน้อยตอนกำลังเสียความบริสุทธิ์... เดี๋ยวก่อนนะ เจ้านักกวีเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาเริ่มฮัมท่วงทำนองบทเพลงที่เขาร้องข้างล่างเวทีเมื่อตอนกลางวัน ข้างล่างเวทีรึ...? "วิทเชอร์ มาร้องเพลงกัน! มันน่าจะช่วยให้เราจำอะไรได้บ้าง" เขาชักชวนออกมาดัง ๆ “เป็นไปไม่ได้น่า!? ไม่มีทาง? เกรอลท์ ทำไมเจ้าถึงพูดแบบนี้? นี่มันหยามกันชัด ๆ... ข้าแบ่งไวน์ให้เจ้าดื่ม ข้ายอมบอกความลับให้เจ้ารู้ เวรเอ๊ย... นี่ข้าอุตส่าห์รักเจ้าเหมือนเป็นพี่น้องกันเลยนะ!” |
"ชู่วววว..." เขาพึมพำใส่แดนดีไลออน ขณะพยายามเพ่งมองสิ่งที่อยู่ข้างบน... เดี๋ยวนะ พวกเขาอยู่ที่ไหนกันแน่? เกรอลท์จำไม่ได้เลยสักนิด "อืม... ช่างเหอะ" เขาคิดในใจ พวกนั้นไปกันหมดแล้วใช่ไหม? คิดว่าอย่างนั้นนะ แต่จะขึ้นไปเสี่ยงทำไม? ในเมื่อห้องใต้ดินมีหน้าต่างเล็ก ๆ ที่พอจะแทรกตัวผ่านไปได้ ถึงมันจะติดลูกกรงเอาไว้ แต่ไม่มีอะไรที่คาถาอาร์ดจะพังไม่ได้ แค่ต้องระวังหน่อย... เงียบ ๆ ไว้...
“เวรเอ๊ย! ห่าอะไรเนี่ย?!” เกรอลท์สะบัดหัวอย่างแรงด้วยความมึนงง ขณะเดียวกันแดนดีไลออนก็พยายามลุกขึ้นมาจากพื้นที่เอียงกะเท่เร่ ย่ำเท้าลงบนขาตัวเองอีกข้าง ที่ตรงนั้นไม่มีหน้าต่างแล้ว มีแค่รูโหว่ขนาดใหญ่เท่านั้น เกรอลท์หันกลับไปดูผนังที่ยับเยินของหอนางโลม "เดอะ ลิตเติล ฟลาเวอร์" จากที่นั่งใหม่ของเขากลางถนนที่มืดมิดข้างนอก "ข้ามาอยู่ตรงนี้ได้ไง?" วิทเชอร์ถามตัวเอง สงสัยจะเป็นฝีมือของแดนดีไลออน เจ้างั่งนั่นชอบก่อเรื่องอยู่เรื่อย... โอ๊ะ เขาเอาไวน์ติดมาด้วย เจ้าหนุ่มนี่มันเยี่ยมจริง ๆ
เกรอลท์รับขวดมาแล้วยกขึ้นจิบระหว่างฟังเจ้านักกวีพูดพล่ามไปเรื่อย เพ้อเจ้ออะไรของมันวะ? นักกวีจากซิดาริสรึ? โอ้... ไอ้เจ้างั่งแดนดีไลออนเอ๊ย กะโหลกเจ้าคงหนากว่าหินแน่ ๆ ไม่มีนักกวีคนไหนวางแผนจะฆ่าเจ้าหรอก มีแต่ผลกรรมจากความเสเพลเท่านั้นแหละ แล้วห้วงเวลาก็หายไปอีกเป็นรอบที่สาม จริง ๆ แล้วพวกเขาอยู่ที่ไหนกันแน่...? เกรอลท์รวบรวมสมาธิไม่ได้เลยเพราะเจ้านักกวีเอาแต่โวยวายไม่ยอมหยุด “เฮ้ เจ้านักกวี! ขอพักหูหน่อยได้ไหม! แล้วก็ไวน์! เอาไวน์มาอีก! “ก็ได้… ก็ได้” เกรอลท์โบกมือ “อย่างี่เง่าน่า ข้ายอมรับในตัวเจ้า โถ่! ข้าก็รักเจ้าเหมือนพี่เหมือนน้องเลยล่ะ!” |
⤝⭑⭑⭑⭑⭑⭑✡✪✡⭑⭑⭑⭑⭑⭑⤞
ไม่มีความคิดเห็น