กริฟฟิน (Griffin)

กริฟฟิน หรือ กริฟฟอน (Griffon / Gryphon) เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทไฮบริดที่มีร่างกายท่อนบนเป็นนกอินทรี ส่วนร่างกายท่อนล่างเป็นสิงโต กริฟฟินมักทำรังอยู่บนภูเขาและมีความหวงแหนอาณาเขตมาก พวกพ่อค้าและนักเดินทางที่เฉียดเข้าใกล้พื้นที่ออกล่าของพวกมันจึงตกเป็นเป้าโจมตีอยู่เสมอ

กริฟฟินที่ปรากฏในวิดีโอเกม The Witcher 3 มีลักษณะแตกต่างไปจากกริฟฟินที่มีจุดกำเนิดมาจากอารยธรรมเมโสโปเตเมียและอียิปต์โบราณซึ่งมีส่วนหัวเป็นนกทรี มีเท้าคู่หน้าเหมือนขาของสัตว์ปีก มีปีกแบบปีกนกงอกออกมาจากแผ่นหลัง และครึ่งลำตัวท่อนล่างและเท้าหลังตลอดจนถึงปลายหางนั้นถอดแบบออกมาจากสิงโต แต่กริฟฟินที่ปรากฏในเกมมีใบหน้าเหมือนนกแต่มีขนแผงคอ รยางค์คู่หน้าเป็นปีกกรงเล็บ (wing claws) เหมือนนกไดโนเสาร์ (Archaeopteryx) รยางค์คู่หลังเหมือนสัตว์ตระกูลแมวแต่มีกรงเล็บ 3 นิ้วแบบสัตว์ปีก กริฟฟินในเกมจึงสามารถใช้เท้าหลังในการจับเหยื่อได้

 

กริฟฟินใน The Witcher: A Game of Imagination
และในคอมิกส์ The Witcher: Reasons of State มีลักษณะแตกต่างจากกริฟฟินในเกม

 

ในเกม The Witcher 3 มีกริฟฟินสายพันธุ์ย่อยอีก 2 ชนิด ได้แก่ รอยัลกริฟฟิน (royal griffin) และ อาร์ชกริฟฟิน (archgriffin) รอยัลกริฟฟินจะมีวงปีกกว้างและมีขนาดลำตัวใหญ่กว่ากริฟฟินชนิดอื่น ส่วนอาร์ชกริฟฟินสามารถพ่นกรดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนร้ายแรงใส่ศัตรูได้ นอกจากนี้ในเกม Gwent ยังมีอาร์ชกริฟฟินเผือก (albino) ที่มีขนสีขาวทั้งตัวอีกด้วย

ท่าโจมตีของกริฟฟินที่มีอานุภาพรุนแรงที่สุดคือการโฉบลงมาจากกลางอากาศ ซึ่งเป็นการโจมตีที่ไม่สามารถบล็อกได้และยังทำให้เกรอลท์ล้มลงอีกด้วย การยิงด้วยหน้าไม้หรือใช้คาถาอาร์ดจะทำให้กริฟฟินร่วงลงมาและเริ่มต่อสู้โดยใช้กรงเล็บบนปีก การจิก และการพุ่งชน ดังนั้นจุดอับที่เหมาะแก่การโจมตีด้วยดาบจะอยู่ตรงบริเวณสะโพกของมัน แต่ถ้าหากไม่ต้องการเข้าไปปะทะตรง ๆ ก็สามารถใช้ระเบิดเกรพช็อต (grapeshot) เป็นเครื่องทุ่นแรงได้ ส่วนอาร์ชกริฟฟินจะมีท่าโจมตีเฉพาะตัวเป็นการพ่นกรดลงมาเมื่อมันบินอยู่กลางอากาศ เมื่อพลังชีวิตลดลงเหลือ 1 ใน 3 กริฟฟินทุกชนิดอาจใช้การโจมตีด้วยคลื่นเสียงซึ่งมีรัศมีการโจมตีกว้างทั้งด้านหน้าและด้านข้าง ซึ่งเป็นท่าโจมตีที่จะทำให้ติดสถานะมึนงง (stun) ได้

ส่วนกริฟฟินในจักรวาลวิทเชอร์ของ Netflix ที่ปรากฏตัวในอนิเมชัน Nightmare of the Wolf นั้นมีขนาดลำตัวใหญ่โตที่สุดในบรรดามอนสเตอร์ที่มีการเผยโฉมออกมา มันมีวงปีกกว้างถึง 40 ฟุต แต่เดินสี่ขาเหมือนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและมีหางแบบสิงโต 3 หาง เวสิเมียร์เป็นผู้สังหารกริฟฟินตัวนี้และโครงกระดูกของมันก็ยังคงถูกทิ้งปล่อยไว้หน้าปราสาทแคร์มอร์เฮนดังที่ปรากฏในซีรีส์ The Witcher ซีซัน 2

 

The Witcher 3 Wild Hunt

กริฟฟิน (Griffin)

ช่าย…ไอ้ตัวครึ่งอินทรีครึ่งแมวแบบที่อยู่บนตราของพวกขุนนางนั่นแหละ แต่ไอ้ตัวนี้มันไม่ได้ถือคทา มันหิ้วซากวัวตายมาต่างหาก

– พยานไม่ทราบชื่อ ผู้พบเห็นการโจมตีของกริฟฟิน

ครั้งหนึ่งพวกกริฟฟินมักอาศัยอยู่เฉพาะในเขตภูเขาซึ่งมีมาร์ม็อตและแพะป่าให้พวกมันล่ามากินเป็นอาหาร หลังจากถูกมนุษย์บุกรุกถิ่นที่อยู่ ไม่นานพวกกริฟฟินก็ค้นพบแหล่งอาหารใหม่ที่อุดมสมบูรณ์และจับกินได้ง่ายกว่า เช่น ฝูงวัว ฝูงแกะ รวมไปถึงคนเลี้ยงแกะด้วย แม้กริฟฟินจะหลีกเลี่ยงการออกล่าตามถนนสายหลักและภายในเมือง (ซึ่งเป็นอยู่ของพวกชาวบ้านที่สามารถจ้างวานวิทเชอร์ได้) แต่สัตว์ประหลาดครึ่งนกอินทรีครึ่งแมวป่าชนิดนี้ก็ยังออกอาละวาดถี่ขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นปัญหาหลักของแดนเหนือ โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่น่ารังเกียจอย่าง “รอยัลกริฟฟิน” และ “อาร์ชกริฟฟิน”

กริฟฟินจะจับคู่กันไปตลอดอายุขัย และเมื่อคู่ครองถูกทำร้าย มันก็จะเข้าไปปกป้องด้วยชีวิต ด้วยเหตุนี้เองกริฟฟินจึงถูกนำมาเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ และจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ข้อหลังสุดนี้คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ เพราะเมื่อใดที่กริฟฟินถูกยั่วยุ พวกมันจะโจมตีแบบไม่ยั้งจนกว่าคู่ต่อสู้จะถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ

กริฟฟินค้นหาเหยื่อโดยการใช้ประสาทรับกลิ่นที่มีความไวเป็นพิเศษ เมื่อเหยื่ออยู่ในระยะที่ใกล้พอ มันจะบินโฉบลงมาโจมตีจากกลางอากาศ พลังจากมวลกล้ามเนื้อบวกกับความเร็วก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เหยื่อตายในทันที แต่ถ้าเหยื่อยังรอดชีวิตจากการจู่โจมทางอากาศ กริฟฟินก็จะเปลี่ยนไปต่อสู้แบบประจันหน้า โดยมีกรงเล็บอันทรงพลังและจงอยปากโค้งที่คมกริบเป็นอาวุธ

การโจมตีของกริฟฟินจะทำให้เกิดแผลลึกและเสียเลือดมาก ซ้ำร้ายไปกว่านั้นพวกกริฟฟินยังแทบไม่มีจุดอ่อนใด ๆ นอกเหนือจากน้ำมันไฮบริดและระเบิดเกรพช็อตเท่านั้น

จุดอ่อน : Grapeshot / Hybrid oil / Aard

 

โอพินิคัส (Opinicus)

ก้านขนเรียวบาง ตรงโคนมีเส้นขนห่าง… มันเป็นอาร์ชกริฟฟิน

– เกรอลท์แห่งริเวีย

มือสังหารจากสังกัดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพวกทหารรับจ้าง เหล่าอัศวิน หรือพวกเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่มีความทะเยอทะยาน ล้วนแต่พยายามทำตัวเป็นนักล่าอสุรกายแข่งกับพวกวิทเชอร์ เรื่องราวมักลงเอยด้วยการสังหารหมู่ที่นอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหาใด ๆ แล้วยังทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้เป็นฝ่ายมีชัยในการต่อสู้แบบไร้รอยขีดข่วน พร้อมกับโทสะและความอาฆาตแค้นที่พลุ่งพล่าน ดังเช่นกรณีที่เกิดขึ้นบนภูเขานอกเมืองอ็อกเซนเฟิร์ต อันเป็นนิวาสสถานของอาร์ชกริฟฟินตัวฉกาจ

เป็นอีกครั้งที่วิทเชอร์ต้องลงมือเก็บกวาดผลงานของพวกมือสมัครเล่น เขารู้ดีว่าไฟจากคาถาอิกนีหรือระเบิดชนิดต่าง ๆ ไม่สามารถทำอันตรายต่อเจ้าสัตว์ประหลาดที่ชื่นชอบไฟชนิดนี้ได้ นอกจากนี้เขายังต้องการน้ำกรดของมันด้วย น้ำกรดของอาร์ชกริฟฟินมีฤทธิ์กัดกร่อนได้แม้กระทั่งเกราะที่หนาที่สุด เปิดทางให้กรงเล็บคมกริบดุจใบมีดโจมตีเข้าเป้าอย่างง่ายดาย

หลังการต่อสู้อันยาวนาน วิทเชอร์ก็สังหารอาร์ชกริฟฟินลงได้ นักวิชาการแถบอ็อกเซนเฟิร์ตคงกล่าวโทษเขาว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้สายพันธุ์หายากต้องลดจำนวนลงและส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ในละแวกนั้น อย่างไรก็ตามวิทเชอร์ไม่คิดที่จะเก็บเรื่องเช่นนี้มาใคร่ครวญให้รกสมองอยู่แล้ว

จุดอ่อน : Grapeshot / Hybrid oil / Aard

 

 

Gwent: The Witcher Card Game

Season of the Griffin Reward Tree

บันทึกม้วนที่ 1 :ในอดีตเป็นที่รู้กันดีว่าพวกกริฟฟินมีอาณาเขตอยู่บนภูเขาสูงเท่านั้น เนื่องจากภูเขาเป็นถิ่นที่อยู่ของมาร์ม็อตและแพะป่าที่พวกมันจะจับกินเป็นอาหาร อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้เจ้าสัตว์ประหลาดพันธุ์ผสมได้ขยายเขตแดนลงมายังที่ราบ เนื่องจากพวกมันได้พบเจอกับฝูงแกะอันเป็นเหยื่อที่ปราดเปรียวน้อยกว่า และเหยื่อที่ปราดเปรียวน้อยที่สุดอย่างพวกคนเลี้ยงแกะ…

บันทึกม้วนที่ 2 : ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่ากริฟฟินจะจับคู่กันไปตลอดชีวิต และจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องคู่ของมัน ด้วยเหตุนี้เองพวกมันจึงถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของความองอาจ ความซื่อสัตย์ และความกล้าหาญ

บันทึกม้วนที่ 3 : ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงไม่แปลกเลยที่กริฟฟินมักปรากฏอยู่บนตราสัญลักษณ์ต่าง ๆ ทั่วทั้งมหาทวีป อาทิ ตราแผ่นดินของราชอาณาจักรเคนกอร์น และตราประจำตระกูลพาเพบร็อค (Papebrock) แห่งเทเมเรีย ความจริงแล้วคุณลักษณะที่น่าชื่นชมของสัตว์ประหลาดชนิดนี้ยังได้รับการยกย่องอย่างมาก กระทั่งเหล่านักล่าอสุรกายยังนำพวกมันมาใช้เป็นสัญลักษณ์ประจำสำนัก…

บันทึกม้วนที่ 4 : แทบไม่มีผู้ใดที่รู้เรื่องราวของสำนักกริฟฟิน ตำแหน่งที่ตั้งของสำนักแห่งนี้ยังคงเป็นปริศนา และมีวิทเชอร์จากสำนักกริฟฟินเพียง 3 คนที่ถูกจารึกชื่อลงในประวัติศาสตร์ของมหาทวีป ได้แก่ จอร์จแห่งเคเกน (George of Kagen) , เจอโรม โมโรว (Jerome Moreau) และวิทเชอร์ไร้นามผู้ตกเป็นเหยื่อคมดาบของเลโอ บอนฮาร์ท

หีบใบที่ 1 : ตำนานเล่าไว้ว่า “วาเลอเรียน พาเพบร็อค” (Valerian Papebrock) แห่งเทเมเรีย ผู้มีชีวิตอยู่ในรัชสมัยของราชาเดสมอนด์ เคยพยายามนำกริฟฟินมาเลี้ยง เขาใฝ่ฝันว่าวันหนึ่งจะพุ่งทะยานขึ้นไปชมสรวงสวรรค์บนหลังของเจ้าสัตว์ร้ายแสนสง่าที่ประดับอยู่บนตราประจำตระกูลของเขา กระทั่งวันหนึ่งชายลึกลับก็ปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่วาเลอเรียนประกาศว่าจะมอบรางวัลอย่างงามให้ ชายผู้นั้นเข้ามาในวังของตระกูลพาเพบร็อค พร้อมกับไข่ฟองโตที่หนักเกือบห้าปอนด์ เขาอ้างว่าเป็นผู้นำไข่ฟองนี้ออกมาจากรังของกริฟฟินด้วยตัวเอง สามสัปดาห์ต่อมา เจ้าสิ่งมีชีวิตหน้าตาประหลาดก็โผล่ออกมาจากเปลือกไข่ แต่ทว่ามันไม่ใช่กริฟฟินอย่างแน่นอน มันมีลักษณะคล้ายห่านยักษ์ที่มีขาไร้ขนอันทรงพลังและมีลำคอเรียวยาวอ้อนแอ้น มันไม่เคยยอมให้วาเลอเรียนขึ้นขี่หลังเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่เนื้อที่ชุ่มฉ่ำของมันก็กลายเป็นหัวข้อสนทนาอันยอดเยี่ยมและนำความภาคภูมิใจมาสู่ตระกูลพาเพบร็อคในงานเลี้ยงครั้งถัดไป

 

หมายเหตุ : ข้อมูลชุดนี้ถูกปล่อยออกมาก่อนที่เรื่องราวของเออร์แลนด์แห่งลาร์วิกและสำนักกริฟฟินจะถูกแต่งขึ้น ส่วนไข่ปริศนาที่วาเลอเรียนได้รับมาอาจเป็นไข่นกกระจอกเทศ

 

 

The Witcher Role-Playing Game

ความเชื่อของคนทั่วไป

ลองนึกดูสิว่ามีตัวอะไรที่ดูน่าเกรงขามยิ่งกว่ากริฟฟินบ้าง? ถ้าหากข้าได้พบเจอพวกมันล่ะก็…แค่คิดก็เสียวไส้แล้ว พวกขุนนางส่วนใหญ่เห็นว่ากริฟฟินและญาติของมันที่เรียกว่า กริฟฟอน ล้วนเป็นสัตว์ที่น่าเกรงขาม เหมาะสำหรับเอามาใส่บนเสื้อแท็บบาร์ด*และตราประจำตระกูลอะไรเทือกนั้น ตรงกันข้าม พวกชาวบ้านกลับหวาดกลัวพวกมันแทบตาย จะมีปัญญาทำอะไรกับไอ้ก้อนขนติดกรงเล็บหนักเก้าร้อยกิโลฯที่โฉบลงมาในไร่แล้วจับวัวของเจ้าไปกินได้ล่ะ? ไม่มีใครทำอะไรมันได้ทั้งนั้น พวกชาวบ้านไม่ค่อยพูดอะไรเกี่ยวกับกริฟฟินหรอก แค่อย่าไปเจอพวกมันก็พอ

หมายเหตุ: แท็บบาร์ด (tabard) เสื้อคลุมตัวโคร่งที่ไม่มีแขนเสื้อ ชายเสื้อยาวระดับสะโพกหรือยาวคลุมเข่า พวกอัศวินจะสวมแท็บบาร์ดเป็นชั้นนอกสุดเพื่อบ่งบอกสังกัดของตัวเอง

ความรู้ของวิทเชอร์

อันที่จริงแล้วกริฟฟินเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้มีความซับซ้อนเลย พวกมันก็มีลักษณะเหมือนสัตว์ร้ายสองชนิดที่ประกอบร่างกันขึ้นมา คือ สิงโตกับนกอินทรี โชคร้ายที่ส่วนผสมของสิงโตและนกอินทรีได้สร้างสุดยอดสัตว์นักล่าขึ้นมา กริฟฟินจึงมีความว่องไวทั้งบนพื้นดินและบนท้องฟ้า พวกมันสามารถบินข้ามภูมิประเทศขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและค้นหาเหยื่อที่ซ่อนตัวอยู่ด้วยสายตาพญานก นั่นยังไม่รวมถึงการที่พวกมันสามารถจับเหยื่อที่มีขนาดลำตัวเท่าม้าแล้วปล่อยให้ร่วงลงมากระแทกพื้นจากความสูง 100 เมตร 

นับว่าเป็นโชคดีที่กริฟฟินมักจู่โจมเฉพาะผู้ที่บุกรุกเข้าไปในอาณาเขตของมันก่อน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมาจากสงคราม ทำให้มีซากศพจำนวนมากกระจายเกลื่อนไปทั่วท้องทุ่งและหุบเขา กริฟฟินจึงย้ายเขตล่าจากบนยอดเขาสูงลงมายังยอดเขาที่ต่ำกว่าไปจนถึงบริเวณเชิงเขา ทันใดนั้นบรรดาหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ตามเชิงเขาก็ตกอยู่ในเขตล่าของกริฟฟินโดยไม่ทันได้รู้ตัว

หากเจ้าต้องต่อสู้กับกริฟฟิน จงใช้วิธีที่ถนัดและตุนลูกศรสำหรับอาวุธระยะไกลพร้อมกับเตรียมน้ำมันไฮบริดเอาไว้ด้วย เจ้าจำเป็นต้องใช้ลูกศรเนื่องจากพวกกริฟฟินชอบโจมตีจากกลางอากาศโดยการบินโฉบเข้าใส่คู่ต่อสู้ หากถูกโจมตีด้วยลูกศรหน้าไม้ ลูกศรธนู หอกซัด หรืออาวุธระยะไกลชนิดใดก็ตาม จะทำให้กริฟฟินต้องปรับสมดุลท่าทางการบินกลางอากาศ หากทำไม่สำเร็จ พวกมันก็จะร่วงลงมากระแทกพื้นจนบาดเจ็บและถูกโจมตีได้ง่ายขึ้น การต่อสู้บนพื้นจะต้องระวังกรงเล็บอันคมกริบของกริฟฟินที่สามารถสร้างบาดแผลลึกและทำให้เสียเลือดในปริมาณมากได้ หากเจ้าอยู่ในระยะที่ไกลเกินไป กริฟฟินจะย่นระยะทางด้วยการพุ่งเข้าชน แม้จะเป็นการโจมตีที่มีพลังรุนแรงมหาศาลแต่ก็สามารถหลบหลีกได้ง่ายกว่าการโจมตีด้วยกรงเล็บ แต่ถ้าเป็นคนธรรมดา ๆ โดนเข้าไปก็คงใกล้ถึงคราวชะตาขาด สิ่งสุดท้ายที่พึงระวังก็คือการโจมตีด้วยคลื่นเสียงของกริฟฟิน หากพลาดท่าถูกโจมตีใส่ เจ้าก็จะกลายเป็นเป้านิ่งทันที

ข้อมูลทั่วไป

  • ระดับสติปัญญา ใกล้เคียงกับสุนัข
  • ความสูงจากพื้นถึงไหล่ ประมาณ 2 เมตร
  • น้ำหนัก ประมาณ 907 กิโลกรัม
  • ถิ่นอาศัย บริเวณภูเขาสูง
  • ขนาดฝูง ตัวเดียวหรืออยู่กันเป็นคู่

ความสามารถในการต่อสู้

- แผดเสียงร้อง (sonic screech) กริฟฟินสามารถโจมตีด้วยเสียงกรีดร้องอันทรงพลัง คู่ต่อสู้ที่อยู่ใกล้กว่า 10 เมตรจะติดสถานะมึนงงทันที

- พุ่งชน (charge) กริฟฟินสามารถพุ่งชนศัตรูและสิ่งของต่าง ๆ ที่อยู่ในระยะ 10 เมตร นอกจากจะสร้างความเสียหายแล้วยังทำให้กระเด็นถอยหลังราวกับถูกม้าที่วิ่งเต็มฝีเท้าพุ่งเข้าชน

- สัญชาตญาณสัตว์ป่า (feral) กริฟฟินมีประสาทสัมผัสและสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดสูงมาก การซุ่มโจมตีพวกมันจึงทำได้ยาก

- บิน (flight) กริฟฟินสามารถบินขึ้นไปในอากาศได้อย่างอิสระ การจะทำให้มันตกลงมาจากกลางอากาศได้ ต้องใช้การโจมตีระยะไกลที่รุนแรงมากพอ หรือทำให้มันติดสถานะมึนงง ยิ่งกริฟฟินตกลงมาจากความสูงมาก ๆ ก็จะยิ่งทำให้มันบาดเจ็บจากแรงกระแทกมากขึ้น

- มองเห็นในที่มืด (night vision) กริฟฟินสามารถมองเห็นในเวลากลางคืนได้อย่างชัดเจน

จุดอ่อน : Hybrid Oil

 


The Witcher: Nightmare of the Wolf

ทิวทัศน์หนึ่งที่หาดูได้ยากยิ่ง คือซากผุพังของสัตว์ประหลาดยักษ์ที่ล้มตายลงหลังจากเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ปราสาทแคร์มอร์เฮน

– อ็อกเซนเฟิร์ต ตำราอสุรกาย

เคราะห์ดีที่กริฟฟินนั้นไม่ได้มีอยู่ดาษดื่นทั่วไปในมหาทวีป ดังนั้นหากเจ้าได้พบเห็นเข้าสักครั้งก็คงยากที่จะลืมเลือนได้ ยกตัวอย่างเช่น วงปีกมหึมาของมันที่กว้างถึงสี่สิบฟุต เงาที่เกิดจากขนของมันแค่เพียงเส้นเดียวก็ใหญ่พอที่จะให้ฮาล์ฟลิ่งหนึ่งตนไปยืนอยู่ข้างในนั้นได้

ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของกริฟฟินมีส่วนประกอบของสัตว์หลายชนิด มีขาสี่ข้างที่แข็งแรงแบบสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีจงอยปากงุ้มแหลมเหมือนนกอินทรี และปลายหางมีขนเป็นพู่ไม่ต่างจากหางสิงโต กริฟฟินจะต่อสู้อย่างป่าเถื่อนและไม่ค่อยตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เนื่องจากขนาดลำตัวที่ใหญ่โตทำให้การโจมตีผ่านหนังหนา ๆ จนเกิดบาดแผลฉกรรจ์กลายเป็นเรื่องที่ทำได้ยากยิ่ง

ถิ่นอาศัย

ตามถ้ำและภูเขาสูง

วิธีสังหาร

ต้องใช้อาวุธที่ทำจากโลหะเงินเพื่อสังหารกริฟฟิน ผนวกเข้ากับพละกำลังมหาศาลเพื่อโจมตีเข้าไปยังจุดสำคัญบริเวณศีรษะหรือหัวใจ

ทักษะ

- ร่างมโหฬาร : เมื่อร่างกายที่ใหญ่โตเช่นนี้อยู่เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้า กริฟฟินก็แทบไม่มีปัญหาเรื่องขนาดร่างกายอีกต่อไป พวกมันตัวเล็กกว่ามังกรที่โตเต็มวัยเท่านั้น เงาของมันสร้างความสับสนให้ชวนเข้าใจผิดว่าเป็นเงาก้อนเมฆที่เคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากวงปีกของมันมีความกว้างนับสิบเมตร พวกมันใช้ขนาดลำตัวข่มคู่แข่งยามออกล่า และใช้มันบดขยี้ศัตรูในยามที่ต้องต่อสู้เช่นกัน

- โหดร้ายไร้ปรานี : กริฟฟินไม่ได้สังหารเพื่อยังชีพเพียงอย่างเดียว พวกมันยังชอบเข่นฆ่าเพื่อความสำราญอีกด้วย พวกมันจะฉีกร่างเหยื่ออย่างพิรี้พิไรโดยไม่ฆ่าให้ตายสนิทเสียก่อน

 

ที่มา : witchernetflix.com

 

 

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.