สรุปเนื้อเรื่องคอมิกส์ The Witcher: Matters of Conscience (part 1/2)
เนื้อหานี้ทำขึ้นเพื่อสรุปเรื่องราวให้กับผู้ที่สนใจคอมิกส์ Matters of Conscience สามารถอ่านคอมิกส์เล่มนี้ในรูปแบบ PDF หากซื้อ DLC Hearts of Stone (ดาวน์โหลดได้ที่หน้า Extra บน GOG)
คอมิกส์ The Witcher: Matters of Conscience เป็นการสานต่อเรื่องราวของหลังจากเหตุการณ์ในเกม The Witcher 2: Assassins of Kings “ซัสเกีย” หรือ “เซเซนเธสสิส” เป็นมังกรพันธุ์ผสมที่สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ พ่อแม่ของเธอคือมังกรทอง “วิลเลนเทรเทนเมิร์ธ” และมังกรเขียว “เมียร์กทาเบร็กเกะ” เธอเติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูของมังกรทองผูเป็นพ่อ และออกเผชิญโลกกว้างตามลำพังเมื่อถึงวัย เซเซนเธสสิสได้พบกับพวกสกอยาเทล พวกเข้าให้เธอใช้ชื่อปลอมว่า “ซัสเกีย” พร้อมกับสร้างตัวตนปลอม ๆ ว่าเธอเป็นนักล่ามังกรชาวเอเดิร์น ซัสเกียได้ช่วยเหลือพวกเอลฟ์และคนแคระฟื้นฟูเมืองเวอร์เกนจนได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำ แต่เมื่อราชาเดมาเวนด์แห่งเอเดิร์นถูกสังหาร กองทัพของราชาเฮนเซลท์ก็ยกทัพมาเปิดศึกชิงเมืองเวอร์เกนทันที
ในเกม The Witcher 2 จะมีเนื้อเรื่องและตอนจบหลายแบบ ขึ้นอยู่กับผู้เล่นจะเลือกเข้าร่วมกับฝ่ายใด คอมมิกส์ชุดนี้คือเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากเกรอลท์เลือกเข้าร่วมกับโยร์เว็ธ (Iorveth’s Path) และไม่ได้สังหารซัสเกียในร่างมังกร ซัสเกียจึงเดินทางกลับไปยังเมืองเวอร์เกนเพื่อฟื้นฟูเมืองจากสงคราม และเรื่องราวต่อจากนั้นก็ถูกเล่าขานสู่ผู้อ่านโดยแดนดีไลออน
การเล่าเรื่องของคอมิกส์ชุดนี้จะเป็นการตัดสลับเหตุการณ์ปัจจุบันกับอดีต แต่บทสรุปนี้จะเป็นการเรียบเรียงเนื้อเรื่องตามไทม์ไลน์เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ
The Witcher: Matters of Conscience
เผยแพร่ครั้งแรก: ปี 2015 โดย CD Projekt S.A.
เนื้อเรื่อง Michał Gałek | ภาพ Arkadiusz Klimek | ลงสี Nicodem Cabała | อักษร Karolina Oksiędzka
บทนำ
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เมืองเวอร์เกน ในปี 1271 สถานการณ์กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ การปิดล้อมเมืองโดยกองทัพของราชาเฮนเซลท์ที่ยืดเยื้อยาวนานได้สิ้นสุดลง วิถีชีวิตของชาวเมืองเริ่มกลับสู่ภาวะปกติอย่างช้า ๆ หรืออย่างน้อยก็ปกติเท่าที่มันจะเป็นไปได้ ในเมืองที่มนุษย์ คนแคระ และเอลฟ์อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว บรรยากาศตึงเครียดได้ก่อตัวขึ้นเพราะสาวงามคนหนึ่ง… และนางก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากวีรสตรีผู้เลอโฉมอย่าง “ซัสเกีย” แต่ก่อนนางมีชื่อเสียงเป็นนักล่ามังกรฝีมือฉกาจ แต่ต่อมาความจริงก็ถูกเปิดเผยว่านางเป็นมังกรเสียเอง ชื่อจริงอันแสนไพเราะของนางคือ “เซเซนเธสสิส” ส่วนร่างที่แท้จริงของนางนั้น… อย่าได้พูดถึงเลย เพราะนางเป็นมังกรสายพันธุ์หายากที่แปลงร่างได้ และยังเปลี่ยนโฉมได้รวดเร็วราวกับหญิงสาวเปลี่ยนถุงน่อง
เป็นไปตามคาด ชาวเมืองเวอร์เกนที่ได้รู้ความจริงต่างมีท่าทีแตกต่างกันไป แน่นอนว่าพวกเขาเป็นหนี้บุญคุณต่อโฉมงามแห่งเอเดิร์น แต่จะให้พวกเขายอมสาบานตนต่อมังกรอย่างนั้นหรือ? ชาวเมืองจำนวนมากย้ายออกไปจากเมือง ส่วนที่ยังคงอาศัยอยู่ก็จับตามองซัสเกียราวกับแกะที่จดจ้องหมาป่าห่มหนังแกะ
ปัญหาใหญ่ได้ผุดขึ้นจากหนองบึงใกล้ ๆ เมืองเวอร์เกน ราวกับฟองอากาศผุดขึ้นจากหม้อสตูเดือดพล่าน เป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องให้วิทเชอร์ช่วยจัดการ เกรอลท์จึงหวนคืนสู่ตอนบนของเอเดิร์นอีกครั้ง หลังจากเผชิญหน้ากับ “เลโธแห่งกูเลต” มือสังหารเล่าราชาเป็นครั้งสุดท้าย งานของวิทเชอร์คือการสังหาร เอ่อ…เจ้าสัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่ในบึง มันถูกเรียกขานด้วยสารพัดชื่อ วิทเชอร์เรียกมันว่า “เคโลโนเดรก” ชาวบ้านทั่วไปเรียกมันว่า “เต่ามังกร” ส่วนพวกคนแคระนั้นเรียกว่า “ไอ้หน้าตัวเมียหุ้มเกราะลูกหมาขี้เรื้อน” ไม่ว่ามันจะชื่ออะไรก็ตาม เรื่องราวก็ที่เกิดขึ้นก็มีดังต่อไปนี้…
1 เดือนก่อน
หลังจากสงครามปิดล้อมเมืองเวอร์เกนจบลงได้ไม่นาน พวกคนแคระได้ออกไปสำรวจเหมืองแร่เงินที่ถูกทิ้งร้างซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองนัก หากพวกเขาเปิดเหมืองแร่แห่งนี้ขึ้นมาใหม่ เมืองเวอร์เกนก็จะร่ำรวยขึ้นมาทันที ซัสเกียนำคณะสำรวจไปด้วยตัวเอง โดยมีคนแคระนักผจญภัยอย่าง “ยาร์เพน ซิกริน” ร่วมคณะไปกับคนแคระและเอลฟ์อีกจำนวนหนึ่ง
แต่อุปสรรคสำคัญคือพวกเขาต้องเดินตัดผ่านหนองน้ำขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด ไม่ว่าจะเป็นฝูงดราวเนอร์ เน็กเกอร์ เอนเดรกา และไวเวิร์น แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดคือเต่ามังกรตัวใหญ่ยักษ์ที่มีเกล็ดและกระดองแข็งยิ่งกว่าแผ่นเกราะ
แม้เหล่าคนแคระจะระดมพลต่อสู้ด้วยอาวุธเหล็กชั้นดีทุกชนิดที่มีอยู่ แต่มันกลับไม่ระคายผิวเต่ามังกรแม้แต่น้อย ซัสเกียจึงตัดสินใจคืนร่างมังกรและช่วยจู่โจมจากทางอากาศ แต่เขี้ยวเล็บของมังกรก็ยังไม่สามารถชำแรกผ่านเกราะหนาของเต่ามังกรไปได้ ถึงกระนั้นเจ้าสัตว์ร้ายก็ยอมรามือและหนีกลับไปซ่อนตัวในบึง ส่วนพวกคนแคระยังคงต่อสู้ติดพันกับดราวเนอร์ฝูงใหญ่ แต่จู่ ๆ ซัสเกียก็พ่นไฟลงมากลางวง แม้มันจะทำให้พวกดราวเนอร์กลายเป็นจุลในพริบตา แต่เปลวไฟของเธอก็คร่าชีวิตสมาชิกคณะสำรวจไปด้วยถึง 12 ราย
คณะสำรวจเดินทางกลับเมืองเวอร์เกนด้วยความสูญเสียครั้งใหญ่ ซัสเกียอธิบายว่าเธอตั้งใจจะช่วยทุกคน แต่เมื่ออยู่ในร่างมังกร เธอก็เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ชาวเมืองเชื่อว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายใคร แต่ก็อดระแวงไม่ได้ว่าสองจอมเวทหญิงอย่าง “ฟิลิปปา ไอล์ฮาร์ท” และ “ชีลา เดอ ทานซาร์วิลล์” ยังคงสามารถใช้เวทมนตร์ควบคุมร่างมังกรของซัสเกียได้ทุกเมื่อ และโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นอาจเป็นฝีมือของพวกเธอที่ต้องการล้างแค้นก็เป็นได้ ในวันรุ่งขึ้นซัสเกียในร่างมนุษย์ก็กลับเข้าเมืองและเรียกชาวเมืองให้มารวมตัวกันที่จตุรัสรูนดูริน และเธอก็ให้คำปฏิญาณต่อหน้าทุกคนว่าจะไม่แปลงร่างเป็นมังกรอีกเด็ดขาด
2 สัปดาห์ก่อน
ความล้มเหลวของคณะสำรวจทำให้บรรยากาศในเมืองเวอร์เกนดูสิ้นหวัง แต่แล้วพวกเขาก็ต้องประหลาดใจ เมื่อวีรบุรุษสงครามอย่าง “บาร์เคลย์ เอลส์” ได้เดินทางมาเยือนเวอร์เกนโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า บาร์เคลย์นั้นมีชื่อเสียงจากการการนำกองพลอาสาแห่งมาฮาคามเข้าร่วมรบในสมรภูมิเบรนนา พวกคนแคระจึงกลับมาฮึกเหิมอีกครั้งจากการปรากฏตัวของตำนานที่ยังมีชีวิต ชาวเมืองเวอร์เกนต่างยินยอมพร้อมใจกันมอบตำแหน่งผู้นำคนใหม่โดยไม่มีการคัดค้านแม้แต่เสียงเดียว
วันรุ่งขึ้นยาร์เพนก็พาบาเคลย์ไปเดินดูเมือง เขารายงานเรื่องแผนสำรวจเหมืองและโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นให้ผู้อาวุโสฟัง บาเคลย์สั่งยกเลิกแผนสำรวจเหมืองทันที เขาไม่พอใจที่ระบอบประชาธิปไตยของคนแคระถูกสั่นคลอนเพราะบุญคุณและบารมีของมังกรสาว และไม่อยากให้ชาวเมืองต้องมาบาดเจ็บล้มตายจากการฝ่าดงสัตว์ประหลาดเพียงเพราะก้อนแร่พวกนั้น แต่ยาร์เพนก็เตรียมทางออกเอาไว้แล้ว พวกสัตว์ประหลาดนั้นต้องให้มืออาชีพจัดการ และมืออาชีพคนเดียวที่เขาไว้ใจก็คือ “เกรอลท์แห่งริเวีย”
1 สัปดาห์ก่อน
ยาร์เพนและซัสเกียนั่งดื่มกับเกรอลท์ที่โรงเหล้าในเมือง ตอนแรกวิทเชอร์ทำท่าจะปฏิเสธงานนี้เพราะสัตว์ประหลาดที่ว่ามันตัวใหญ่เกินกว่าที่เขาจะรับมือได้ แต่ยาร์เพนก็บอกว่าเขามีทั้งอาสาสมัครและรู้สภาพพื้นที่รอบ ๆ บึงเป็นอย่างดีจากมุมมองของซัสเกียที่เคยบินสำรวจมาแล้ว
ทั้งสามคนกลับมาวางแผนกันต่อที่ปราสาทสามบิดาโดยมี “เมวาเรียนน์” มาร่วมวงด้วยอีกคน เมวาเรียนน์เคยสังกัดอยู่ในกองกำลังของโยเว็ธ ดังนั้นเขาจึงพอมีประสบการณ์อยู่บ้าง เขามีเชือกเวทมนตร์ที่ควบคุมให้มันเคลื่อนไหวได้ดังใจนึก และยังเหนียวพอที่จะรับมือกับสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ได้สบาย ๆ เอลฟ์หนุ่มจึงเสนอให้ใช้เชือกมัดขาและคอของเต่ามังกรเอาไว้ เกรอลท์เตือนทุกคนไม่ให้ประมาท เพราะเต่ามังกรตัวนี้น่าจะเกิดจากการกลายพันธุ์ ทำให้มันมีแผ่นเกราะติดหนามที่ลำคอ มิหนำซ้ำยังมีความหนาไม่ต่ำกว่าครึ่งเอลล์* จึงไม่มีดาบเล่มใดในโลกที่สามารถตัดคอมันได้ วิทเชอร์จึงเสนอว่าควรจะหาอาวุธอย่างอื่นที่สามารถจัดการกับเกราะหนา ๆ ของมันได้อย่างรวดเร็ว
หมายเหตุ: 1 เอลล์ (ell) ยาวประมาณ 114.3 เซนติเมตร
2 วันก่อน
ซัสเกีย ยาร์เพน และเมวาเรียนน์ ออกไปทดสอบระเบิดกับ “เอ็กการ์” นายช่างคนแคระ ระเบิดที่เขาเลือกมาสามารถสร้างหลุมตื้น ๆ บนหินแกรนิตเอเดิร์นที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งและทนทานได้ เอ็กกาคิดว่ามันน่าจะแรงพอสำหรับการทำลายเกราะหนา ๆ ของเต่ามังกร แต่เพื่อความมั่นใจ เกรอลท์จึงแยกตัวออกไปหาวัตถุดิบมาทำสารเซอริเคเนียนมิกซ์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการทำระเบิดอานุภาพสูง
1 วันก่อน
เกรอลท์ซักซ้อมแผนการกับซัสเกีย ยาร์เพน เมวาเรียนน์ และเอ็กการ์ เอลฟ์หนุ่มได้เต่าตัวหนึ่งมาจากการเล่นไพ่เกวนท์ เขาจึงนำมันมาในห้องประชุมเพื่อให้เกรอลท์ใช้เป็นอุปกรณ์สาธิต ขั้นแรก เอ็กกาจะใช้ระเบิดลูกเล็กปาลงไปในบึงเพื่อล่อให้เต่ามังกรโผล่ขึ้นมาตรงเขตน้ำตื้น จากนั้นยาร์เพนกับเมวาเรียนน์จะใช้เชือกเวทมนตร์มัดคอมันให้อยู่นิ่ง ๆ ปิดท้ายด้วยการโยนระเบิดถุงใหญ่ลงไปบนกระดองตรงตำแหน่งหัวใจของเจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์เพื่อเปิดทางให้เกรอลท์แทงหัวใจของมันได้ พวกเขานัดแนะกันเป็นอย่างดีว่าจะออกเดินทางกันตั้งแต่รุ่งสาง แต่แล้วก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
บาร์เคลย์เข้ามาแจ้งข่าวที่ทำให้ทุกคนในห้องตกตะลึง กองทัพนิลฟ์การ์ดได้ยกพลขึ้นเหนือและมีแนวโน้มว่าจะเกิดมหาสงครามครั้งที่ 3 ในฐานะผู้นำ บาร์เคลย์ได้ใช้อำนาจตัดสินใจว่าเมืองเวอร์เกนจะวางตัวเป็นกลางในสงครามครั้งนี้ เขาจึงไปเจรจากับทูตนิลฟ์การ์ด และฝ่ายนั้นก็สัญญาว่าจะเดินทัพผ่านเมืองเวอร์เกนไปอย่างสันติ ยาร์เพนโมโหเป็นฟืนเป็นไฟที่สหายร่วมรบกลับเมินเฉยต่อชะตากรรมของแดนเหนือและไม่คิดว่าพวกนิลฟ์การ์ดจะทำตามที่พูดไว้
บาร์เคลย์อธิบายว่า พวกคนแคระล้มตายในศึกของคนอื่นมากมากพอแล้ว แม้เป็นทางเลือกที่ดูไร้ศักดิ์ศรี แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นวิธีเดียวที่จะรักษาชีวิตชาวเมืองไว้ได้ ซัสเกียบอกว่าเธอเองก็ไม่ต้องการให้เกิดสงคราม แต่เธออยากให้พวกคนแคระได้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี หรืออย่างน้อยก็ได้ตายอย่างมีเกียรติเพื่อปกป้องอุดมการณ์ของตนเอง แม้แต่เกรอลท์ที่เป็นวิทเชอร์ยังบอกกับบาร์เคลย์ว่า
“การวางตัวเป็นกลางคือทางเลือกที่ปลอดภัย แต่ความปลอดภัยนั้นจะไม่มีวันคงอยู่ไปได้ตลอดกาล”
ซัสเกียบอกกับทุกคนว่า มังกรทองพ่อของเธอสอนให้สู้เพื่ออุดมการณ์ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ปลูกฝังความรักที่มีต่อสิ่งมีชิวิตทุกเผ่าพันธุ์ให้เธอด้วย เธอรักผู้คนที่นี่และพร้อมที่จะตายเพื่อปกป้องเมืองนี้ ดีกว่าต้องอยู่อย่างไร้อิสรภาพ
ส่วนยาร์เพนที่โมโหสุดขีดก็ชี้หน้าและตะคอกใส่บาร์เคลย์ เขาบอกว่าพรุ่งนี้จะออกไปตัดหัวเต่ามังกรแล้วเอามาเสียบไว้หน้าประตูเมือง เพื่อบอกให้โลกรู้ว่าคนแคระได้ตินใจแล้ว จะดีจะร้ายยังไงไม่รู้ แต่อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่พวกเขาตัดสินใจเลือกเอง
แม้จุดยืนจะต่างกัน แต่บาร์เคลย์ก็รับฟังความคิดเห็นของทุกคน เรื่องนี้ควรให้ชาวเมืองตัดสินใจเอง แน่นอนว่าภารกิจล่าเต่ามังกรในวันพรุ่งนี้จะเรียกความศรัทธาให้กับคนที่สังหารมันได้ เขาจึงตัดสินใจว่าจะออกไปล่าเต่ามังกรด้วย
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ชื่อเฉพาะภาษาไทยเทียบกับต้นฉบับ
Barclay Els = บาร์เคลย์ เอลส์
Castle of the Three Fathers = ปราสาทสามบิดา
Chelonodrake = เคโลโนเดรก
Eggar = เอ็กการ์
Geralt of Rivia = เกรอลท์แห่งริเวีย
King Henselt = ราชาเฮนเซลท์
Maevarienn = เมวาเรียนน์
Philippa Eilhart = ฟิลิปปา ไอล์ฮาร์ท
Rhundurin Square = จตุรัสรูนดูริน
Saskia = ซัสเกีย
Saesenthessis = เซเซนเธสสิส
Síle de Tansarville = ชีลา เดอ ทานซาร์วิลล์
the minge-mawed, armor-plated son of a scabby bitch = ไอ้หน้าตัวเมียหุ้มเกราะลูกหมาขี้เรื้อน
Tortodragon = เต่ามังกร
Vergen = เมืองเวอร์เกน
Yarpen Zigrin = ยาร์เพน ซิกริน
ไม่มีความคิดเห็น