ลัทธิอัคคีนิรันดร์ (Cult of the Eternal Fire)

ลัทธิอัคคีนิรันดร์ หรือ ลัทธิเปลวไฟนิรันดร์ เป็นลัทธิทางศาสนาที่มีศูนย์กลางอยู่ในเมืองโนวิกราดและเป็นศาสนาหลักของอาณาจักรเรเดเนีย มีความเชื่อแบบอเทวนิยมแต่เคารพบูชาเปลวไฟนิรันดร์ในฐานะพลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่ผลักดันให้มนุษย์ทำความดีและละเว้นความชั่ว ในช่วงแรกมีการตีความว่าเปลวไฟเป็นสัญลักษณ์ของแสงสว่าง ปัญญา และความศรัทธา ที่จะนำทางไปสู่อนาคตอันรุ่งโรจน์ แต่หลังจากถูกแทรกแซงด้วยอำนาจทางการเมือง ลัทธิอัคคีนิรันดร์ก็ได้ถูกบิดเบือนและนำไปใช้เป็นเครื่องมือสร้างความเกลียดชังเพื่อกำจัดพวกจอมเวทและเผ่าพันธุ์อมนุษย์

 

ไทม์ไลน์ของลัทธิ Eternal Fire

ศตวรรษที่ 8 กลุ่มผู้อพยพเดินทางมาถึงเมืองโนวิกราด (ซึ่งในขณะนั้นยังคงเป็นเมืองร้างของพวกเอลฟ์) และได้เห็นเหตุอัศจรรย์ของผู้ปกป้องเปลวไฟนิรันดร์ จึงเริ่มบูชาไฟศักดิ์สิทธิ์ตามคำทำนายของผู้ปกป้องเปลวไฟ
ราว ๆ ปี 950 เกิดทุพภิกขภัยในเมืองโนวิกราด พ่อค้าเกรกอรี (Gregory) ที่เป็นผู้ศรัทธาเปลวไฟนิรันดร์ได้บริจาคมหาทาน ทำให้ชาวเมืองรอดพ้นจากวิกฤตไปได้ เขาจึงได้รับการยกย่องให้เป็นนักบุญคนแรกของลัทธิ และชื่อของเขายังถูกนำไปใช้เป็นชื่อสะพาน St.Gregory ที่เชื่อมเกาะมหาวิหารกับเมืองโนวิกราดด้วย
ต้นศตวรรษที่ 12 ลัทธิได้รับอิทธิพลจากคำสอนของศาสดาพยากรณ์เลบิโอดา (Prophet Lebioda) หลังจากเลบิโอดาเสียชีวิตก็มีการนำสรีระสังขารมาเก็บรักษาไว้ที่มหาวิหารในเมืองโนวิกราดด้วย
ราว ๆ ปี 1250 สาธุคุณเฮมเมลฟาร์ท (Cyrus Engelkind Hemmelfart) ได้รับเลือกให้เป็นประมุขของศาสนจักร มีการร่วมมือกับฝ่ายปกครองประกาศให้ลัทธิอัคคีนิรันดร์เป็นศาสนาประจำเมืองโนวิกราด และเฮมเมลฟาร์ทก็กลายเป็นผู้ปกครองสูงสุดของนครรัฐอิสระแห่งนี้
ปี 1268 แจ็ค เดอ อัลเดอร์สเบิร์ก (Jacques de Aldersberg) ปฏิรูปภาคีกุหลาบขาว (Order of the White Rose) เป็นภาคีกุหลาบเพลิง (Order of the Flaming Rose) และเข้าร่วมเป็นกองกำลังทางศาสนาให้กับลัทธิอัคคีนิรันดร์
ปี 1270 เกิดเหตุจลาจลในเมืองวิซิมา ภาคีกุหลาบเพลิงถูกริบทรัพย์สินและถูกขับไล่ไปยังเรเดเนียและเอเดิร์น กษัตริย์ราโดวิดที่ 5 ทรงรับภาคีไว้ในพระราชูปถัมป์ และประกาศให้ลัทธิอัคคีนิรันดร์เป็นศาสนาประจำอาณาจักรเรเดเนีย
ปี 1271 การเจรจาสันติภาพที่ล็อคมูอีน (Loc Muine) ล้มเหลว จอมเวทที่ไปเข้าร่วมประชุมถูกสังหารหมู่ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการล่าแม่มดที่เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับสงครามแดนเหนือครั้งที่ 3 ภาคีกุหลาบเพลิงถูกราโดวิดสั่งยุบและก่อตั้งหน่วยล่าแม่มดขึ้นมา

 

The Witcher: A Game of Imagination

ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 1

ตามที่ตำนานได้เล่าขานไว้ เมื่อผู้อพยพที่เป็นมนุษย์กลุ่มแรกได้เดินทางมาถึงเมืองร้าง พวกเขาก็เห็นแสงประหลาดเรืองรองออกมาจากวังแห่งหนึ่ง ในวังนั้นพวกเขาได้พบกับคนผู้หนึ่งที่นั่งอยู่เคียงข้างกระถางเพลิงใบใหญ่ เมื่อถูกถามไถ่ว่าเป็นใคร คนผู้นั้นก็ตอบว่า “ข้าปกป้องเปลวไฟนิรันดร์ เมืองนี้และหมู่วงศ์พงศาของพวกเจ้าจะอยู่ยง ตราบใดที่เปลวไฟยังลุกโชติช่วงอยู่ในสถานที่แห่งนี้” เมื่อพูดจบเขาก็หายตัวไป

เหล่ามนุษย์ล้วนอัศจรรย์ใจกับสิ่งที่ได้เห็น นี่คือสัญญาณศักดิ์สิทธิ์โดยแท้ พวกเขาจึงตัดสินใจมอบหมายหน้าที่ให้คนกลุ่มหนึ่งคอยดูแลกระถางไฟไม่ให้มอดดับ ต่อมาเหล่ามิชชันนารีแห่งลัทธิครีฟว์ได้ล่วงรู้ว่าเมืองแห่งนี้ได้รับพรจากการที่เทพเจ้าของพวกเขาปรากฏกายขึ้น เหล่ามิชชันนารีจึงเข้ามาช่วยเหลือในการวางรากฐานศาสนาโดยใช้ลัทธิของตัวเองเป็นแบบอย่าง

โนวิกราดเป็นเมืองแห่งเดียวในละแวกนี้ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยอิฐ ดังนั้นจึงมีผู้คนมากมายเดินทางเข้ามาเพื่อตั้งรกราก บ้างก็เข้ามาค้าขาย บ้างก็เข้ามารับจ้างทำงานฝีมือ ต่อมาพวกอมนุษย์ก็เริ่มเข้ามาในเมือง ซึ่งก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่พวกนักบวชแต่อย่างใด เนื่องจากพวกเขาไม่เคยก่อเรื่องเดือดร้อนและยังจ่ายภาษีให้ นอกจากนี้อมนุษย์บางตนยังนับถือเปลวไฟนิรันดร์อีกด้วย มีแต่พวกดรูอิดเท่านั้นที่ไม่ชอบเมืองแห่งนี้ พวกเขาพากันกล่าวโทษว่าเมืองโนวิกราดเป็นต้นเหตุที่ทำให้แม่น้ำสกปรก

นักบวชลัทธินี้ต่อต้านการใช้เวทมนตร์อย่างมาก เพราะพวกเขาไม่ต้องการให้สถานที่สถิตย์ของเปลวไฟนิรันดร์อันศักดิ์สิทธิ์ต้องแปดเปื้อนมลทิน การใช้เวทมนตร์ทุกชนิดจึงถือว่าเป็นการลบหลู่ศาสนา เว้นแต่เป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตจากทางการ หรือเป็นการค้าวัตถุเวทมนตร์ที่นำเข้ามาจากต่างแดน

ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2

เปลวไฟนิรันดร์คือสัญลักษณ์แห่งความหวัง ความอดทนต่อโชคร้าย และแสงสว่างที่ช่วยนำทางในความมืดมิด แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองและวันพรุ่งนี้ที่ดียิ่งขึ้น เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ปกป้องเมืองจากอำนาจของสิ่งชั่วร้ายที่จะเข้ามาคุกคามชาวเมือง ทุกคนต่างเชื่อว่าไม่มีอสุรกายตนใดที่สามารถบุกรุกเข้ามาในกำแพงเมืองได้ และการบ่อนทำลายความเชื่อนี้จะถือเป็นการหมิ่นศาสนา เพราะมันแสดงถึงความเคลือบแคลงสงสัยในฤทธานุภาพของเปลวไฟนิรันดร์ ใคร ๆ ต่างก็ต้องยอมรับว่าเมืองนี้ได้รับการปกป้องอย่างแท้จริง เพราะไม่มีผู้ใดกล้าโต้แย้งอีกหลังจากที่เหล่านักบวชแห่งโนวิกราดล้วนกระตือรือร้นกับการกำจัดสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่พวกเขาลงความเห็นว่าเป็น “สัตว์ประหลาด”

 

 

The World of The Witcher


ในตอนแรกลัทธิอัคคีนิรันดร์เป็นเพียงความเชื่อในระดับท้องถิ่นซึ่งจำกัดอยู่ในเมืองโนวิกราดและพื้นที่รอบ ๆ เท่านั้น แต่ในทุกวันนี้มันได้แพร่หลายไปจนเกือบทั่วทั้งอาณาจักรเรเดเนีย และผลักดันลัทธิครีฟให้ออกไปจากพื้นที่อย่างช้า ๆ ลัทธิอัคคีนิรันดร์มีกองกำลังทหารจากภาคีกุหลาบเพลิง ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องท่าทีที่เกลียดชังเหล่าอมนุษย์และการใช้เวทมนตร์ทั้งหลาย

แม้จะมีลักณะที่ร่วมสมัย แต่เมื่อเกือบศตวรรษที่ผ่านมาลัทธิอัคคีนิรันดร์ก็เป็นเพียงความเชื่ออย่างหนึ่งที่ยังมีการประนีประนอมกับความเชื่ออื่น ๆ นักบวชของลัทธิอัคคีนิรันดร์เชื่อว่าเปลวไฟที่เป็นจุดศูนย์กลางแห่งความศรัทธานั้นเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญก้าวหน้า เป็นแสงสว่างที่ช่วยขจัดความมืด และเป็นความหวังสำหรับอนาคตที่ดีขึ้น ความเชื่อทางศาสนาอื่นนั้นยังเป็นที่ยอมรับได้ในเมืองโนวิกราด เว้นแต่ว่ามันจะเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นลัทธิอัคคีนิรันดร์ หรือพยายามบ่อนทำลายอิทธิพลของลัทธิ ผู้ที่ถูกตัดสินว่าเป็นพวกดูหมิ่นศาสนา เช่น ผู้ที่ใช้ไสยเวททำอันตรายต่อผู้อื่น จะต้องถูกลงโทษโดยการนำไปเผาทั้งเป็นบนกองฟืน และหน่วยองค์รักษ์แห่งวิหารก็ได้รับมอบหมายให้มีอำนาจสืบสวนและลงโทษผู้ที่กระทำผิดข้อหานี้

สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลงไปเมื่ออิทธิพลของลัทธิแผ่ขยายออกไปมากขึ้น ประมุขของลัทธิอัคคีนิรันดร์ที่ได้รับเลือกโดยคณะเลือกตั้ง ได้กลายมาเป็นผู้ปกครองโดยพฤตินัยของนครรัฐโนวิกราด เหล่าองครักษ์แห่งวิหารกลายเป็นหน่วยงานที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของรัฐ ซึ่งการใช้อำนาจของพวกเขาก็ไม่เคยถูกตรวจสอบโดยสังฆมณฑลเลย คดีกล่าวหาเท็จที่เห็นเห็นอยู่ทนโท่ การไต่สวนต่อหน้าสาธารณชนที่จบลงด้วยการประหารชีวิต และการริบทรัพย์สินโดยคนของลัทธิกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างดาษดื่น ความหวาดกลัว “เวทมนตร์ดำ” ได้ทวีขึ้นเป็นเป็นความเกลียดชังต่อเวทมนตร์ทุกชนิด ไปจนถึงพวกอมนุษย์และเหล่าจอมเวท ทำให้เกิดการกวาดล้างพวกอมนุษย์และผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ใช้เวมนตร์ จนกลายเป็นเหตุการณ์ “ล่าแม่มด” อันโด่งดัง และมีการประหารผู้บริสุทธิ์ไปมากมายหลายร้อยชีวิต ประวัติศาสตร์ของลัทธิอัคคีนิรันดร์คือตัวอย่างอันชัดเจนที่แสดงให้เห็นว่า ศาสนานั้นสามารถถูกบิดเบือนไปได้มากขนาดไหนเมื่อตกอยู่ในมือของเหล่าคนคลั่งที่พยายามบีบบังคับให้ผู้อื่นยอมทำตามลัทธิของตน

 

 

The Witcher Role-Playing Game (A Tome of Chaos)


เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เทพเจ้า คัมภีร์ต่าง ๆ ได้บรรยายไว้ว่าสิ่งนี้คือพลังศักดิ์สิทธิ์ที่คอยหล่อเลี้ยงหัวใจของเหล่าทวยเทพและมนุษย์ให้ต่อสู้กับความชั่วร้ายไปตลอดชั่วกาลนาน ศาสนจักรได้ยืนหยัดเป็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิดในโลก เป็นแสงนำทางของจิตวิญญาณ การพิพัฒน์วัฒนา และความเจริญก้าวหน้า โดยมุ่งเน้นไปที่การปกป้องผู้ศรัทธาจากสิ่งชั่วร้าย ทั้งที่เกิดขึ้นภายในจิตใจและจากอำนาจภายนอกที่จะเข้ามาบ่อนทำลายและทำร้ายพวกเขา

ผู้ที่นับถือศรัทธาลัทธิอัคคีนิรันดร์มีอยู่ทั่วทุกที่ ทั้งตามหัวเมืองใหญ่ ๆ และหมู่บ้านในแดนเหนือ ศาสนจักรมีศูนย์กลางอยู่ที่นครรัฐอิสระแห่งโนวิกราดอันเป็นที่ตั้งของวิหาร 19 แห่งสำหรับผู้ที่เลื่อมใสศรัทธา โดยวิหารที่มีขนาดใหญ่โตตระการตามากที่สุด คือ มหาวิหารแห่งอัคคีนิรันดร์ ซึ่งเป็นที่พำนักของไฮร์อาร์คแห่งโนวิกราด ตำแหน่งนี้จะถูกคัดเลือกและลงมติเห็นชอบโดยคณะเลือกตั้งแห่งโนวิกราด องค์คณะมาจากบรรดานักบวชและเหล่าผู้ทรงคุณวุฒิในท้องถิ่นอันเป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่พลเมือง อำนาจของศาสนจักรเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นสาเหตุสำคัญที่คอยบ่อนทำลายระบบการปกครองของเมืองด้วย

ในเมืองและหมู่บ้านต่าง ๆ ของอาณาจักรทางเหนือ ลัทธิอัคคีนิรันดร์ได้มอบความรู้สึกปลอดภัยให้แก่อาณาประชาราษฎร์ พวกเขามีแนวทางศีลธรรมที่เคร่งครัดและจะไม่ยอมปล่อยให้เหล่าสาวกต้องตกอยู่ภายใต้พลังแห่งความมืด มีการจัดหาความช่วยเหลือและรวบรวมเงินบริจาคไปมอบให้แก่ผู้ศรัทธาในยามทุกข์ยาก แต่เมื่อใดที่มิอาจบอกได้ว่าศัตรูของพวกเขาคือใคร เหล่าผู้ศรัทธาก็อาจก้มลงมองกระเป๋าเงินของตัวเองและสงสัยว่าศาสนจักรนั้นทำสิ่งใดให้พวกเขากันแน่ จุดนี้เองพวกนักบวชจึงจำเป็นต้องขยายขอบเขตนิยามของคำว่า “สิ่งชั่วร้าย” พระพิโรธแห่งการชำระล้างจึงตกไปอยู่กับพวกอมนุษย์ เหล่าผู้ใช้เวทมนตร์ และผู้ใดก็ตามที่เป็นภัยต่อชาวลัทธิ แนวทางที่โหดเหี้ยมและเด็ดขาดของศาสนจักรจึงเป็นที่ดึงดูดความสนใจจากพวกคลั่งศาสนาที่ตีความคำสอนตามอำเภอใจเพื่อสร้างความชอบธรรมให้การกระทำของตัวเอง

วิธีที่มีประสิทธิภาพและเป็นที่นิยมในการกำจัดพวกคนชั่วก็คือการชำระล้างด้วยพลานุภาพของเปลวไฟ โดยเฉพาะการจับมัดกับท่อนเสาและเผาบนกองฟืน ซึ่งแล้วแต่โอกาสจะอำนวย การเผาพวกแม่มดหมอผีในจตุรัสใจกลางเมืองเป็นดั่งคำประกาศที่ทำให้ผู้คนได้ไตร่ตรองความเชื่อของตัวเอง และทำให้พวกเขาเข้าหาลัทธิได้ดีกว่าการประกาศด้วยคำพูด เพราะไม่ว่าใครก็คงไม่อยากถูกตัดสินว่าเป็น “สิ่งชั่วร้าย” ลัทธิอัคคีนิรันดร์มีคณะผู้ไต่สวนเป็นของตัวเอง ซึ่งจะทำหน้าที่ซักไซ้และสอบสวนผู้ต้องสงสัยผ่านการทรมานด้วยเปลวไฟและตีตราประทับด้วยเหล็กแดงร้อน เหล่านักบวชจะแต่งกายด้วยเสื้อคลุมยาวสีแดงและสีขาวที่มีการปักลวดลายเป็นรูปกางเขนดำประดับดิ้นทอง ลัทธิมักดึงดูดเหล่าบุรุษเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีสตรีที่เข้ามาเป็นสาวกของเหล่านักบวชอยู่บ้าง ศาสนจักรยังอุปถัมภ์สมาชิกที่ไม่ใช่นักบวชด้วย ได้แก่ หน่วยล่าแม่มด และหน่วยองครักษ์แห่งวิหารในเมืองโนวิกราด

ภาคีกุหลาบเพลิง

ก่อตั้งขึ้นในปี 1268 ภาคีกุหลาบเพลิงได้รับมอบหมายให้เผยแผ่ความศรัทธาต่อเปลวไฟนิรันดร์และทำหน้าที่ปกป้องเหล่าผู้ตกทุกข์ได้ยาก ภาคีกุหลาบเพลิงถือกำเนิดมาจากเศษซากของภาคีกุหลาบขาว ซึ่งพวกขุนนางและสมาชิกส่วนใหญ่นับถือและรับใช้ลัทธิครีฟว์อย่างเคร่งครัด เมื่อแกรนด์มาสเตอร์คนก่อนเสียชีวิตลง ผู้นำคนใหม่อย่าง “แจ็ค เดอ อัลเดอร์สเบิร์ก” ได้นำวิสัยทัศน์อันแข็งกร้าวมาเป็นแนวทางของภาคีและออกปฏิบัติการเชิงรุกมากขึ้น ทำให้เหล่าอมนุษย์และพวกจอมเวทล้วนตกเป็นเหยื่อการประหัตประหารด้วยน้ำมือของภาคีกุหลาบเพลิง

หลังจากเกิดเหตุจลาจลในเมืองวิซิมาและการเสียชีวิตของแกรนด์มาสเตอร์เพียงไม่กี่เดือน ก็ตามมาด้วยหายนะในการเจรจารสันติภาพที่ล็อคมูอีน ด้วยชัยชนะของเครื่องจักรสงครามแห่งจักรวรรดินิลฟ์การ์ด ทำให้ภาคีถูกกุหลาบเพลิงถูกทำลายล้างจนย่อยยับ กษัตริย์ราโดวิดที่ 5 ได้ริบป้อมปราการและทรัพย์สินต่าง ๆ กลับคืนมาเพื่อนำไปขาย ซึ่งเป็นการสลายภาคีอย่างเบ็ดเสร็จในสายตาของศาสนจักร สมาชิกภาคีที่ยังเหลือรอดก็กระจัดกระจายกันไปตามทางของตัวเอง แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่เข้าร่วมกับหน่วยล่าแม่มดของราโดวิด และบางส่วนก็ผันตัวไปทำธุรกิจค้ายาเพื่อหาเลี้ยงชีพ ถึงกระนั้นก็ยังมีอัศวินจำนวนน้อยนิดที่ยังคงไม่ละทิ้งภาคีและออกเดินทางไปทั่วแดนเพื่อสืบทอดเป้าหมายของแจ็ค เดอ อัลเดอร์สเบิร์ก ต่อไป

 

บทสวดภาวนาของ Eternal Fire

(เอกสารในเกม The Witcher 3)

คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์แห่งอัคคีนิรันดร์

เปลวไฟจะปกป้อง
ผู้ใดก็ตามที่ยืนหยัดอยู่ภายใต้แสงจากเปลวไฟจะปลอดภัยจากความชั่วร้ายทั้งปวง

เปลวไฟจะชำระล้าง
บาดแผลพุพองขึ้นเพราะสิ่งสกปรกและน้ำหนองฉันใด จิตวิญญาณที่รุ่มร้อนไปด้วยบาปและการกระทำอันต่ำทรามก็จะต้องถูกแผดเผาให้หมดจดฉันนั้น

เปลวไฟมิอาจถูกขัดขวางได้
สิ่งใดก็ตามที่กีดขวาง สิ่งนั้นจะมอดไหม้ ผู้ใดก็ตามที่ยกมือขึ้นสู้ ผู้นั้นก็จะกลายเป็นเถ้าถ่าน

เปลวไฟส่องสว่าง
สิ่งชั่วร้ายที่ซุ่มซ่อนอยู่ในเงามืดจะถูกเปิดเผยภายใต้แสงเจิดจรัส และมอดไหม้ดุจถ่านคุกรุ่นจนมลายสิ้น ผู้ใดที่ซ่อนเร้นความผิดและกามตัณหาไว้ในความมืดจะต้องยืนเปลือยร่างต่อหน้าเปลวไฟเผาผลาญ

จงสวดภาวนาเถิด เหล่าพี่น้องชายหญิงทั้งหลาย
เปลวไฟจะส่องสว่าง จะลุกไหม้และชำระล้าง
เปลวไฟจะปกป้อง จะมอบความอบอุ่นและช่วยชี้ทางสว่างให้
เปลวไฟจะเปิดเผย จะแผดเผาและทำลายล้างความชั่วทั้งหลาย

 

บทสวดของทามาร่า

เปลวไฟนิรันดร์ที่ส่องประกายอยู่ในจิตใจและมอบแสงสว่างให้แก่เรา
ได้โปรดประทานความอบอุ่น
ดลบันดาลให้หยดน้ำตาของเราเหือดแห้ง
และแผดเผาเหล่าศัตรูทั้งผอง
โปรดปกป้องเหล่ามิตรสหาย
ประทานพรให้มารดาของข้าแข็งแรง และลงโทษบิดาข้าด้วย
ได้โปรดช่วยเติมเต็มโชคชะตาของข้าเทอญ

 

คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของเมงเก้

สมบัติส่วนตัวของคาเลบ เมงเก้

ขอให้เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างความคิดข้า
ขอเปลวไฟบันดาลให้จิตใจข้าสงบลง
ขอให้สิ่งชั่วร้ายทั้งปวงมอดไหม้และมลายกลายเป็นควัน
ขอให้สิ่งดีงามได้รับความอบอุ่นจากเปลวไฟอันศักดิ์สิทธิ์
ขอให้ผู้ใฝ่ธรรมมุ่งสู่แสงสว่างดุจฝูงผีเสื้อกลางคืน
ขอให้ผู้ใฝ่ต่ำเตลิดหนีดุจสัตว์ร้ายหลีกลี้จากไฟป่า

 

พ็อดแคสต์ Eternal Fire


 

 

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.