สรุปเนื้อเรื่อง The Witcher ซีซัน 2 ตอนที่ 2 Kaer Morhen
Season 2
Episode 2 แคร์ มอร์เฮน (Kear Morhen)
เส้นเรื่องของเกรอลท์และซีรี
เกรอลท์พาซีรีเดินทางฝ่าหิมะมาจนถึงปราสาทแคร์มอร์เฮนซึ่งเป็นเหมือนบ้านของวิทเชอร์สำนักหมาป่า ป้อมปราการเก่าแก่แห่งนี้ซ่อนตัวอยู่ทางตอนเหนือของเทือกเขาสีน้ำเงินในอาณาจักรเคดเวน พวกวิทเชอร์จะออกไปรับงานล่าปีศาจในช่วงฤดูร้อน และกลับมาพักผ่อน เติมสเบียง รวมไปถึงซ่อมแซมอาวุธในช่วงฤดูหนาว ที่นี่เหลือวิทเชอร์อยู่ 20 คนเมื่อฤดูร้อนที่แล้ว
เหล่าพี่น้องวิทเชอร์ทักทายเกรอลท์อย่างอบอุ่น แต่ทุกคนก็แปลกใจที่เขาพาเด็กผู้หญิงกลับมาด้วย ระหว่างนั้นเอสเกลก็เดินทางกลับมาถึงสำนักเป็นคนสุดท้าย เขาได้รับบาดเจ็บและมีท่าทางฉุนเฉียวผิดปกติ และสิ่งที่เขาหอบกลับมาด้วยก็คือแขนข้างหนึ่งของเลเชน แต่มันมีบางอย่างที่แตกต่างไปจากเลเชนทั่ว ๆ ไป ยาเพิ่มพลังของเอสเกลหมดเกลี้ยงทำให้เขาไม่สามารถฆ่ามันได้ เลเชนยังใช้รากของมันแทงไหล่เอสเกล เขาจึงต้องหนีเอาตัวรอดไปให้ได้ก่อน
เมื่ออาจารย์เวสิเมียร์รู้ว่าเด็กสาวที่เกรอลท์พากลับมาคือองค์หญิงซีริลลาแห่งอาณาจักรซินทรา เขาก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เพราะตอนที่แคร์มอเฮนถูกถล่มเมื่อ 99 ปีก่อนก็มีสาเหตุมาจากการที่พวกวิทเชอร์ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง แต่เกรอลท์ก็ยังยืนยันว่าเขาต้องการปกป้องเธอ แม้ในตอนนี้เด็กสาวจะยังปิดบังความจริงบางอย่างเอาไว้
เกรอลท์ชำแหละซากแขนเลเชนที่เอสเกลนำกลับมาด้วย ซีรีแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอต้องการฝึกวิชาต่อสู้ เพราะเธออยากกลับไปแก้แค้นแม่ทัพนิลฟ์การ์ดที่พรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเธอ เกรอลท์จึงสอนเด็กสาวว่า วิทเชอร์ไม่ได้ฆ่าใครเพราะความหวาดกลัว แต่พวกเขาฆ่าเพื่อปกป้องชีวิตผู้อื่นเท่านั้น ระหว่างที่ชำแหละซากอยู่นั้นเอง เกรอลท์ก็พบคราบสีดำแทรกอยู่ในเนื้อไม้ของเลเชน แต่เขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงอึกทึกที่ดังมาจากห้องโถงจึงรีบออกไปดูและทิ้งซีรีไว้ในห้องแล็บตามลำพัง
ในห้องโถงพวกวิทเชอร์กำลังสนุกสุดเหวี่ยงกับเหล่านางโลมที่เอสเกลบังเอิญเจอระหว่างทางกลับสำนัก พวกเขาผสมต้นลำโพง (stramonium) ลงไปในเครื่องดื่มเพื่อให้สาว ๆ เหล่านั้นลืมสิ่งเกิดขึ้นเมื่อถึงรุ่งเช้า แต่ดูเหมือนว่าเกรอลท์จะไม่พอใจเรื่องนี้อยู่คนเดียว เขาจึงเดินไปคุยกับเอสเกลตรง ๆ ว่าไม่ควรทำแบบนี้ แต่เอสเกลยิ่งโมโหจนจะเกือบจะวางมวยกับเกรอลท์ ดูเหมือนเขาจะโกรธที่เกรอลท์กลับมาพร้อมกับภาระในขณะที่เหล่าพี่น้องวิทเชอร์คนอื่น ๆ ออกไปล่าสัตว์ประหลาดจนบาดเจ็บกลับมา
ซีรีเดินสำรวจคลังเก็บอาวุธและเวสิเมียร์ก็ตามมาสมทบ เขาเล่าเรื่องมีดโบราณที่ปีศาจตนหนึ่งใช้สังหารวิทเชอร์กลุ่มแรก ก่อนที่มันจะถูกกักขังเอาไว้ในป่าลึก แม้ซีรีจะสนใจเรื่องราวของพวกวิทเชอร์ แต่หมาป่าเฒ่ายังไม่ไว้ใจเด็กสาวจนกว่าเขาจะได้รู้ความจริงว่าเธอหนีรอดออกมาจากสงครามได้อย่างไรและกำลังหลบหนีจากอะไร
เอสเกลพานางโลมคนหนึ่งลงไปหาความสุขในห้องแล็บใต้ดิน ตอนนั้นเองที่กิ่งก้านของเลเชนงอกออกมาจากบาดแผลของเขา มันกลืนกินร่างของเอสเกลและสังหารนางโลมอย่างน่าสยดสยอง เหรียญประจำสำนักสั่นสะเทือนจากการปรากฏตัวของเลเชน เวสิเมียร์จึงสั่งให้เหล่าวิทเชอร์ไปดื่มยาเพิ่มพลังและเตรียมอาวุธให้พร้อม แลมเบิร์ทพาพวกสาว ๆ ไปหลบในห้องนอนของซีรี ส่วนเกรอลท์ลงไปดูในห้องแล็บใต้ดิน
เลเชนแผ่รากของมันไปทั่วทั้งห้อง มันโจมตีใส่เกรอลท์แต่เขาก็ใช้ไฟเผารากไม้จนรอดตัวไปได้ แต่พอรู้ว่าเลเชนตนนี้คือเอสเกล เขาก็ยั้งมือและพยายามเจรจาด้วย แต่ก็ไม่เป็นผล มันใช้รากบีบรัดเวสิเมียร์ที่ตามมาช่วยเกรอลท์ ทำให้เขาต้องจำใจสังหารเพื่อนเพื่อปกป้องเวสิเมียร์และคนอื่น ๆ เหล่าวิทเชอร์สำนักหมาป่าทำพิธีไว้อาลัยให้กับเอสเกล เหรียญของเขาถูกนำไปแขวนไว้ที่ต้นไม้ในโถงกลางปราสาท เกรอลท์ระลึกถึงคำพูดของเวสิเมียร์ หมาป่าเฒ่าไม่ได้ปกป้องพวกเขา แต่สอนให้พวกเขาปกป้องตัวเอง และนั่นทำให้เขาตัดสินใจสอนวิชาดาบให้กับซีรี เพื่อให้เธอสามารถปกป้องตัวเองได้
“Nowhere save now. You can’t run from the world. You can’t hide from it. But you can find the power and purpose. A chance to survive the horror.”
ไม่มีที่ไหนปลอดภัยอีกแล้ว เจ้าไม่สามารถหนีไปจากโลกนี้ได้ จะหลบซ่อนอย่างไรก็ไม่พ้น แต่เจ้าสามารถค้นพบพลังและเป้าหมาย… โอกาสที่จะรอดพ้นจากสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว
เส้นเรื่องของเยนเนเฟอร์
เยนเนเฟอร์ฝันไปว่าเธอได้สร้างครอบครัวกับเกรอลท์และใช้ชีวิตแบบชาวบ้านธรรมดา แต่แล้วกลับมีเปลวไฟลุกโชนขึ้นในเปลเด็ก ใครบางคนที่สวมผ้าคลุมสีแดงกำลังอุ้มลูกสาวของเธอไป ทารกน้อยมีดวงตาสีม่วงเหมือนเยนเนเฟอร์ แต่กลับมีใบหูยาวแหลมเหมือนพวกเอลฟ์ แล้วห้องนอนของเธอก็กลายสภาพเป็นกระท่อมในป่า เยนเนเฟอร์สะดุ้งตื่นขึ้นและพบว่าเธอกับฟรินจิลลาถูกพวกเอลฟ์จับตัวมา ซึ่งผู้นำของเอลฟ์กลุ่มนั้นก็คือ ฟิลาวันเดรล เอน ฟิเดล ราชาเอลฟ์แห่งเทือกเขาสีน้ำเงิน
พวกเอลฟ์กำลังเดินทางกลับที่พักแรมกลางป่า ใกล้ ๆ กันนั้นมีซากโบราณสถานของพวกเอลฟ์ที่มีโครงสร้างแบบเดียวกับอาเรทูซา พวกเขาชิงลงมือทำลายมันเสียเองในช่วงที่เกิดสงครามกวาดล้าง เพราะไม่อยากให้มันล่มสลายด้วยฝีมือมนุษย์ ฟิลาวันเดรลพาตัวเยนเนเฟอร์และฟรินจิลลาไปพบกับ ฟรานเชสกา ฟินดาแบร์ เอลฟ์จอมเวทหญิงที่เป็นผู้นำสูงสุดของกลุ่ม ราชินีของเอลฟ์เสรีชนกลุ่มสุดท้าย
ฟิลาวันเดรลคิดจะใช้จอมเวทหญิงทั้งสองเป็นเครื่องต่อรองกับพวกมนุษย์ แต่ฟรานเชสกาคิดว่ามันไร้ประโยชน์ เยนเนเฟอร์ได้ยินเอลฟ์ทั้งสองคุยกันเรื่องความฝันที่คล้ายคลึงกับฝันของเธอ แต่คนในฝันของราชินีเอลฟ์นั้นสวมผ้าคลุมสีขาว เยนเนเฟอร์จึงคุยเรื่องนี้กับฟรินจิลลา จอมเวทหญิงแห่งนิลฟ์การ์ดก็ฝันในทำนองนั้นเหมือนกัน แต่เธอฝันเห็นคนสวมผ้าคลุมสีดำ ความฝันลักษณะนี้มักเป็นลางบอกเหตุบางอย่าง จอมเวทหญิงทั้งสองจึงบอกเรื่องนี้กับฟิลาวันเดรล แต่ก็ถูกขัดจังหวะเมื่อพวกเอลฟ์พบอะไรบางอย่างที่ซากโบราณสถาน
เกจ ซึ่งเป็นน้องชายของฟรานเชสกา พาตัวเยนเนเฟอร์และฟรินจิลลาเข้าไปในโบราณสถาน พวกเอลฟ์พบแท่นบูชาทวยเทพองค์เก่าของบรรพบุรุษ เยนเนเฟอร์สังเกตเห็นว่ามันมีอักขระจารึกอยู่ด้วย มันกล่าวถึงเทวีผู้เป็นอมตะ (Deathless Mother หรือ Voleth Meir) ที่อยู่ในความฝัน ส่วนที่เหลือเป็นคาถาเกี่ยวกับกระท่อมที่ไร้ประตู ทันใดนั้นเองแท่นบูชาก็เลื่อนออก เผยให้เห็นบันไดที่ทอดยาวลงสู่ความมืดมิดเบื้องล่าง ฟรานเชสกาตัดสินใจเดินลงไปสำรวจโดยพาเยนเนเฟอร์กับฟรินจิลลาไปด้วย
เส้นทางนั้นพาจอมเวทหญิงทั้งสามเข้าไปในป่าที่มืดมิดและมีกระท่อมไร้ประตูตั้งอยู่เหมือนในคำจารึกบนแท่นบูชา ฟรานเชสกาเชื่อว่ามันจะช่วยเผ่าพันธุ์ของเธอได้จึงท่องคาถาตามคำจารึก เยนเนเฟอร์พยายามห้ามปรามแต่ก็ไม่เป็นผล
ขอสยบต่อเทวีแห่งพงไพร เทวีผู้เป็นอมตะ ผู้อาศัยอยู่ในความฝัน
กระท่อมเอ๋ย… กระท่อม จงหันหลังให้ป่า
กระท่อมเอ๋ย… กระท่อม จงหันหน้ามาหาข้า
กระท่อมไร้ประตูหันหน้ามาหาจอมเวทหญิง ทั้งสามฟื้นขึ้นมาและเห็นภาพนิมิตที่แตกต่างกันออกไป ฟรานเชสกาเห็นอิธลินน์ในเสื้อคลุมสีขาว เธอคือเอลฟ์ผู้พยากรณ์ที่เคยมีชีวิตอยู่เมื่อเนิ่นนานมาแล้ว อิธลินน์กล่าวคำพยากรณ์ถึงวันสิ้นโลกและสัญญาณเตือนของเหตุการณ์นี้
“พิภพนี้จะตายในมหันตภัยเยือกแข็งและจะกำเนิดอีกครั้งภายใต้ตะวันดวงใหม่ แต่ก่อนหน้านั้น… เลือดของเหล่าเอลฟ์จะไหลนองทั่วแผ่นดิน”
ความจริงแล้วฟรานเชสกากำลังตั้งครรภ์อ่อน ๆ ทารกเอลฟ์มีสายเลือดบริสุทธิ์จากเธอและฟิลาวันเดรล สิ่งเดียวที่ทำให้ฟรานเชสกาเป็นกังวลคือเธอไม่เคยตั้งครรภ์จนครบกำหนดได้เลยสักครั้ง เธอจึงกลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีก หลายปีมานี้ไม่มีเอลฟ์เลือดบริสุทธิ์กำเนิดขึ้นเลย อิธลินน์จึงออกปากว่าจะช่วยเหลือหากฟรานเชสกาขอร้อง แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าคนที่เธอเห็นไม่ใช่อิธลินน์ตัวจริง แต่ความหวาดวิตกก็ทำให้ราชินีเอลฟ์ขอทางรอดให้กับลูกของเธอ อิธลินน์จึงบอกให้ฟรานเชสกาไปใช้ชีวิตอยู่กับพวกมนุษย์ที่อาณาจักรซินทรา แล้วลูกของเธอจะคลอดออกมาอย่างปลอดภัย
ส่วนนิมิตของฟรินจิลลา ผู้ที่สวมเสื้อคลุมสีดำได้จำแลงกายเป็นจักรพรรดิเอเมียร์แห่งนิลฟ์การ์ด จอมเวทหญิงพยายามหาทางชดเชยความผิดพลาดที่กองทัพนิลฟ์การ์ดพ่ายแพ้ในศึกซ็อดเดน เธอจึงอยากสร้างกองทัพขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เอเมียร์จึงสั่งให้เธอไปเป็นพันธมิตรกับพวกเอลฟ์ แล้วเธอจะสร้างอำนาจขึ้นมาได้ด้วยมือของตัวเอง แต่ถ้าหากเธอต้องการจะไถ่โทษ เธอก็พาเอลฟ์มาผิดตัวแล้ว
ในขณะที่นิมิตของเยนเนเฟอร์เป็นเด็กหญิงท่าทางร้ายกาจที่พูดจาแทงใจดำเธอทุกอย่าง เด็กสาวบอกใบ้ว่าเยนเนเฟอร์ไม่สามารถเข้าถึงพลังโกลาหลได้ เนื่องจากเธอละเมิดกฎด้วยการใช้เวทไฟในสนามรบ เยนเนเฟอร์ทั้งโมโหและสิ้นหวัง ทำให้เด็กหญิงหัวเราะชอบใจและคืนร่างกลับไปเป็นหญิงชรา เทวีผู้เป็นอมตะบอกเยนเนเฟอร์ว่า
“ข้าจะให้เวลาเจ้าอบต่ออีกนิด ข้าอยากให้ความสิ้นหวังของเจ้ากรอบได้ที่ เจ้าจะอ้อนวอนให้ข้ารับมันไปจากเจ้า และข้าจะยอมรับมัน”
เยนเนเฟอร์เห็นเลือดทะลักออกมาจากบาดแผลที่ข้อมือทั้งสองข้าง แต่แล้วเธอก็ฟื้นขึ้นมาในป่าไม่ไกลจากที่พักแรมของพวกเอลฟ์ ฟรินจิลลาบอกว่าเทพเจ้าโบราณทำให้พวกเอลฟ์ยอมเป็นพันธมิตรกับนิลฟ์การ์ดและพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรซินทรา เยนเนเฟอร์บอกว่ามันเป็นความคิดที่โง่มากที่ทั้งสองยอมทำตามทั้ง ๆ ที่รู้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นไม่ใช่เทพเจ้าแต่เป็นแม่มดชั่วร้าย เธอจึงแยกตัวออกมาจากขบวนเพราะไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่เธอรู้เห็นมาจากนิมิตจะเป็นจริง เยนเนเฟอร์พยายามร่ายคาถาแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอกรีดร้องอย่างสิ้นหวังเพราะไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้อีกแล้ว
พล็อตเรื่องที่แตกต่างระหว่างซีรีส์และนิยาย
- ในนิยายพวกวิทเชอร์จะปกปิดที่ตั้งของแคร์มอร์เฮนไว้เป็นความลับ นอกจากนี้เส้นทางที่จะขึ้นไปยังตัวปราสาทยังเดินทางได้อย่างยากลำบากและเต็มไปด้วยอันตราย พวกเขาจึงไม่สามารถพาคนนอกเข้ามาที่ปราสาทได้ง่าย ๆ และในนิยายก็ไม่เคยมีเหตุการณ์ที่พวกสัตว์ประหลาดบุกเข้ามาในปราสาท
- สำนักหมาป่ามีวิทเชอร์เหลือเพียง 4 คน คือ เวสิเมียร์ เกรอลท์ เอสเกล และแลมเบิร์ท ส่วนโคเอนเป็นวิทเชอร์ต่างสำนักที่มาขออาศัยอยู่ด้วยในช่วงฤดูหนาว หลังสงครามแดนเหนือครั้งที่ 2 จบลง เอสเกลยังคงมีชีวิตอยู่เช่นเดียวกับแลมเบิร์ทและอาจารย์เวสิเมียร์
- ฟรานเชสกาไม่มีลูกและไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ เพราะเธอมีอายุเลยวัยเจริญพันธุ์ไปแล้ว เธอไม่มีน้องชาย และฟิลาวันเดรลก็เป็นเพียงที่ปรึกษาของเธอเท่านั้น ไม่ได้มีความสัมพันธ์พิเศษอย่างอื่น
- การที่พวกเอลฟ์เป็นพันธมิตรกับนิลฟ์การ์ดมาจากการเจรจากับจักรพรรดิเอเมียร์โดยตรง พระองค์สัญญาว่าจะมอบดินแดนโดลบลาธานนาให้พวกเอลฟ์ปกครองตัวเอง
- ในนิยายไม่มีตัวละครโวเลธเมียร์
- เยนเนเฟอร์ไม่เคยสูญเสียพลังเวทมนตร์ การใช้เวทไฟไม่ใช่สิ่งต้องห้ามในนิยาย
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- เอพิโสดนี้มี easter egg จากจักรวาลเกมของ CDPR คือดาบในห้องเก็บอาวุธที่สร้างมาจากดาบของเกรอลท์ในโปสเตอร์เกม The Witcher 3, ตราประจำสำนักหมาป่าแบบในเกม, ดาบของพวกเอลฟ์ที่มีครอสการ์ดแบบเดียวกับดาบสกอยาเทล และธงแบนเนอร์ของพวกเอลฟ์ก็ดูคล้ายกับสัญลักษณ์ลูกศร 3 ดอกของกำลังสกอยาเทลอีกด้วย
- เด็กหญิงที่ปรากฏในภาพนิมิตของเยนเนเฟอร์คือตัวเธอเองในบุคลิกอื่น เด็กหญิงมีตาสีม่วงเหมือนเยนเนเฟอร์ และชื่อของตัวละครนี้ในเครดิตคือ ไวโอเล็ต (Violet)
- ภาพนิมิตที่เยนเนเฟอร์เห็นเลือดไหลออกมาจากข้อมือ เป็นการบอกใบ้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเธอ (foreshadowing) ในเอพิโสดสุดท้าย
- คำพูดของเอเมียร์ในนิมิตของฟรินจิลลาที่บอกว่าเธอพาเอลฟ์มาให้ผิดคนแล้ว (Do you want salvation? Then you’re bringing back the wrong elf.) หมายถึง จริง ๆ แล้วเธอต้องพาตัวซีรีไปให้องค์จักรพรรดิ คำว่า “เอลฟ์” ในที่นี้ หมายถึงสายเลือดเอลฟ์โบราณ (elder blood) ในตัวของซีรี
แผนที่
ที่ตั้งของป้อมปราการแคร์มอร์เฮน ที่มา witchernetflix.com |
ตำแหน่งกระท่อมของโวเลธเมียร์ ที่มา witchernetflix.com |
📜 อ่าน ⏪สรุปเนื้อเรื่องซีซัน 2 ตอนที่ 1 | สรุปเนื้อเรื่องซีซัน 2 ตอนที่ 3⏩
ไม่มีความคิดเห็น