สตริกา (Striga)
สตริกา เป็นอสุรกายประเภทผู้ถูกสาปที่พบเจอได้ค่อนข้างยาก แทบไม่มีใครรู้เกี่ยวกับกรรมวิธีร่ายคำสาปที่ทำให้สตรีปกติค่อย ๆ ตายลงอย่างช้า ๆ และฟื้นกลับมาในร่างอสุรกายกระหายเลือด เหตุการณ์เดียวที่พอจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับอสุรกายต้องสาปชนิดนี้ได้ คือ คำสาปสตริกาที่ร่ายใส่พระธิดาของเจ้าหญิงแอดด้าแห่งเทเมเรีย (Adda of Temeria)
เชื่อกันว่าสิ่งที่ทำให้คำสาปสตริกาสัมฤทธิ์ผลคือความเกลียดชังของผู้ร่ายคำสาป สตรีที่ถูกคำสาปสตริกาเล่นงานจะค่อย ๆ ซึมลงเหมือนคนป่วยและเสียชีวิตในเวลาต่อมา หากหญิงที่ถูกสาปกำลังตั้งครรภ์ คำสาปก็จะถูกส่งต่อไปยังทารกในครรภ์ด้วย หลังจากผู้ที่ถูกสาปเสียชีวิตลง ร่างกายจะเริ่มบิดเบี้ยวและเปลี่ยนสภาพ กรามจะขยายใหญ่ขึ้น ซี่ฟันจะเปลี่ยนรูปร่างไปจนดูเหมือนฟันจระเข้ ฟันแถวบนจะมีเขี้ยว 4 เขี้ยวงอกยาวออกมา เส้นผมและดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงสด ลำคอและลำตัวจะมีความหนายิ่งขึ้น และอาวุธที่น่ากลัวที่สุดคือกรงเล็บที่คมกริบราวกับใบมีดของศัลย์แพทย์
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเกิดขึ้นโดยใช้เวลาหลายปี ก่อนที่สตริกาจะออกมาจากหลุมศพและเริ่มออกอาละวาด สตริกาจะออกล่าในเวลากลางคืน เหยื่อของมันก็มีทั้งพวกปศุสัตว์และมนุษย์ สตริกาโปรดปรานอวัยวะภายในเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหัวใจและตับซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหาร เมื่อกินจนอิ่ม สตริกาก็จะกลับลงไปนอนในหลุมศพจนกว่าราตรีถัดไปจะมาถึง เป็นที่สังเกตว่าสตริกามักดุร้ายกว่าปกติในคืนที่พระจันทร์เต็มดวง แต่ก็ไม่คำอธิบายว่าเป็นเพราะเหตุใดกันแน่
คำสาปสตริกานั้นสามารถลบล้างได้ เพียงแต่วิธีการนั้นค่อนข้างยากเกินกว่าที่ใครจะทำได้สำเร็จ และเมื่อคำสาปสลายไป ผู้ที่ถูกสาปก็จะยังคงมีความผิดปกติบางอย่างหลงเหลืออยู่ เช่น มีสติปัญญาบกพร่องจนไม่สามรถช่วยเหลือตัวเองได้ และคำสาปยังสามารถกลับคืนมาครอบงำผู้ถูกสาปจนกลายร่างเป็นสตริกาได้อีกทุกเมื่อ ดังนั้นทางออกสำหรับผู้ที่ถูกคำสาปจึงมักจบลงด้วยความตายอีกครั้ง
โมเดล 3 มิติของสตริกาในเกม The Witcher: Monster Slayer (ศิลปิน Przemek Pulit ภาพจาก ArtStation) |
การถอนคำสาปสตริกาทำได้โดยการถ่วงเวลาไม่ให้มันกลับลงหลุมหรือโลงศพจนกว่าไก่จะขันครบสามครั้ง นั่นหมายความว่าจะต้องมีผู้กล้าเข้าไปปิดผนึกโลงหรือหลุมศพหลังจากที่สตริกาออกมาล่าเหยื่อ อาวุธที่ทำจากเหล็กไม่สามารถทำอันตรายสตริกาได้ การต่อสู้กับมันจึงต้องใช้อาวุธเคลือบโลหะเงินเท่านั้น และหลังจากถอนคำสาปสำเร็จ ผู้ดูแลจะต้องหาสร้อยเงินที่มีเม็ดแซฟไฟร์ขนาดใหญ่มาสวมให้กับผู้ถูกสาป โดยต้องสวมใส่ตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน นอกจากนี้ต้องคอยจุดไม้สนในเตาผิงทุกวันเพื่อเป็นการป้องกันสิ่งชั่วร้ายด้วย
ในโลกแห่งความจริง สตริกาเป็นอสุรกายตามความเชื่อของชาวสลาฟ ความเชื่อนี้มีมาตั้งแต่สมัยที่โปแลนด์ยังเป็นอาณาจักรซีเลเซีย (Silesia) เชื่อว่าได้รับอิทธิพลมาจาก “สตริกซ์” (strix) ในอารยธรรมกรีกโบราณ ซึ่งเป็นสัตว์ประหลาดครึ่งนกฮูกครึ่งหญิงสาวที่จะนำพาความโชคร้ายมาให้ เมื่อความเชื่อนี้เดินทางมาถึงภูมิภาคนี้ เจ้าอสุรกายก็ถูกปรุงแต่งให้กลายเป็นผีดิบที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากหลุมศพ คาดว่าที่มาที่ไปของความเชื่อนี้มาจากการฝังคนป่วยที่ยังไม่เสียชีวิต เมื่อพวกเขาพยายามตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดออกมาจากหลุมศพด้วยมือเปล่า จึงเกิดบาดแผลตามร่างกายโดยเฉพาะเล็บมือที่ฉีกขาด ทำให้ดูเหมือนผีดิบที่ฟื้นขึ้นมาจากความตาย
โดยทั่วไปแล้วสตริกามักเป็นเพศหญิง ส่วนเพศชายที่พบได้น้อยกว่าจะเรียกว่า “สตริกอน” (strzygoń) เชื่อกันว่าสตริกาเกิดจากเด็กทารกที่มีหัวใจ 2 ดวง หรือมี 2 วิญญาณในร่างเดียว ทารกเหล่านี้จะมีฟัน 2 ชุดตั้งแต่แรกเกิด และจะกลายร่างเป็นสตริกาเมื่อพวกเขาเสียชีวิตลง สตริกาจะออกอาละวาดในยามค่ำคืนโดยการดูดเลือดผู้คนและกัดกินเหยื่อจากภายใน ส่วนวิธีจัดการกับสตริกานั้นค่อนข้างคลายกับความเชื่อเรื่องการกำจัดแวมไพร์ ได้แก่ การเผาร่าง การตอกลิ่มไปตามจุดสำคัญของร่างกาย รวมไปถึงการฝังศพอีกครั้งแล้วใช้ก้อนหินขนาดใหญ่ทับปากหลุมเอาไว้
ฉากย้อนอดีตตอนที่เกรอลท์เผชิญหน้ากับสตริกาในคอมิกส์ The Wicher: Curse of Crows |
Original Novel (The Last Wish)
สตริกาเป็นมอนสเตอร์ตัวแรกที่ผู้อ่านพบเจอในเรื่องสั้น The Witcher ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของมหากาพย์การผจญภัยของเกรอลท์แห่งริเวีย ผู้ที่ถูกสาปพระธิดาของราชาโฟลเทสท์แห่งเทเมเรียที่เกิดในครรภ์ของเจ้าหญิงแอดด้าซึ่งเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของพระองค์เอง คำสาปทำให้เจ้าหญิงแอดด้าตายระหว่างคลอด ส่วนทารกที่ออกมาจากครรภ์ก็มีรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัวราวกับปีศาจ ศพของทั้งสองถูกบรรจุลงในโลงหินใบเดียวกันและถูกเก็บรักษาไว้ในสุสานราชวงศ์ใต้ปราสาทในเมืองวิซิมา
กว่าที่จะมีใครรู้ว่าพระธิดาน้อยถูกสาป เวลาก็ผ่านไปนานถึง 7 ปี เมื่อสตริกาที่เติบโตอยู่ในโลงหินเริ่มออกอาละวาด แต่ราชาโฟลเทสท์ก็ไม่ต้องการสังหารพระธิดาของตัวเอง พระองค์จึงพยายามหาทางถอนคำสาปวิธีแล้ววิธีเล่า แต่ก็ไม่มีผู้ใดทำสำเร็จ ในที่สุดพระองค์ก็ต้องแก้ปัญหาโดยการสร้างปราสาทหลังใหม่และอพยพชาวเมืองออกไปอยู่อีกฝั่งของทะเลสาบแทน
เกรอลท์ต่อสู้กับสตริกา ภาพปกหนังสือ El último deseo (The Last Wish ฉบับภาษาสเปน) ศิลปิน Víctor Manuel Leza Moreno |
ชาวเมืองวิซิมาต้องอยู่อย่างหวาดผวานานถึง 7 ปี จนกระทั่งเกรอลท์ตามประกาศจ้างวานมาถึงที่นี่ เขาสืบจนรู้เรื่องราวที่แท้จริงว่า “ลอร์ดออสตริท” (Ostrit) ขุนนางในราชสำนักที่แอบหลงรักเจ้าหญิงแอดด้าเป็นผู้ร่ายคำสาปนี้ วิทเชอร์จึงใช้ขุนนางผู้นี้เป็นเหยื่อล่อสตริกา ในขณะที่เขาลงไปนอนในโลงหินและผนึกมันไว้ด้วยคาถาเยอร์เดน เพื่อป้องกันไม่ให้สตริกากลับเข้าโลงได้ แต่เกรอลท์ออกจากโลงศพเร็วเกินไปเพียงนิดเดียว องค์หญิงน้อยที่กำลังคืนร่างกลับเป็นมนุษย์จึงตะปบเข้าที่ลำคอวิทเชอร์จนเป็นแผลฉกรรจ์ เคราะห์ดีที่ขณะนั้นก็มีเสียงไก่ขันดังขึ้นครบสามครั้งพอดี พวกข้าราชพริพารจึงสามารถนำตัวเกรอลท์ออกไปรักษาได้ทันเวลา
องค์หญิงน้อยถูกตั้งชื่อว่า “แอดด้า” ตามชื่อของพระมารดา แม้ร่างกายของเธอจะกลับมาเป็นมนุษย์ แต่การติดอยู่ในร่างสัตว์ประหลาดนานเกินไปก็ทำให้เธอมีสติปัญญาบกพร่อง ซัฟคอฟสกีได้อธิบายเพิ่มเติมในภายหลังว่า เส้นผมของเจ้าหญิงน้อยเปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งศีรษะ ผู้คนจึงเรียกเธอว่า “แอดด้าผมขาว” (Adda the White) เพื่อไม่ให้สับสนกับพระมารดาที่มีชื่อเดียวกัน
CD Projekt Red
ในเนื้อเรื่องของเกม The Witcher ภาคแรก มีการดัดแปลงให้เจ้าหญิงแอดด้ากลับมาเป็นปกติโดยที่สติปัญญาของเธอไม่ได้บกพร่องแต่อย่างใด โชคร้ายที่ลอร์ดออสตริทจดบันทึกขั้นตอนการร่ายคำสาปไว้ในไดอารี่ “โรเดอริก เดอ เวตต์” (Roderick de Wett) ค้นพบไดอารี่เล่มนี้และทำให้เจ้าหญิงแอดด้าเปลี่ยนร่างกลับไปเป็นสตริกาอีกครั้ง โรเดอริกนั้นเป็นอัศวินภาคีกุหลาบเพลิงที่ร่วมมือกับพวกซาลาแมนดรา (Salamandra) เช่นเดียวกับเจ้าหญิงแอดด้า เมื่อเจ้าหญิงหมดประโยชน์ โรเดอริกและพวกซาลาแมนดราจึงคิดจะกำจัดเธอทิ้ง
ในเควสท์ Her Highness the Striga เกรอลท์สามารถเลือกได้ว่าจะถอนคำสาปเป็นครั้งที่ 2 หรือจะสังหารสตริกาไปพร้อมกับเจ้าหญิงแอดด้า หากเลือกถอนคำสาป ผู้เล่นจะต้องคอยหลบหลีกการโจมตีของสตริกาจนกว่าเกมจะตัดเข้าคัทซีนสุดท้ายที่คำสาปสลายไป วิธีที่ง่ายที่สุดคือการวิ่งวนไปรอบ ๆ โลงศพกลางห้อง การสังหารสตริกาไม่จำเป็นต้องใช้ไอเทมพิเศษอย่างอื่น ใช้เพียงแค่ดาบเงินและท่าโจมตีหนักก็เพียงพอแล้ว ที่เหลือก็แค่กระโดดหลบการพุ่งโจมตีของสตริกาให้ทันเท่านั้น
บทบาทของเจ้าหญิงแอดด้าจบลงที่เกมภาคแรก มีการกล่าวถึงชื่อของเธอในเกมภาคต่อ ๆ มาอยู่บ้าง โดยปรากฏในไอเทมเอกสารในเกม ทั้ง ๆ ที่เธอควรจะได้แต่งงานกับราโดวิดและกลายเป็นราชินีของเรเดเนียหากผู้เล่นเลือกที่จะไว้ชีวิตเธอในเกมภาคแรก แต่ในเกมภาค 3 กลับไม่มีการกล่าวถึงเรื่องนี้แต่อย่างใด
Netflix
ซีรีส์ได้นำเรื่องราวคำสาปสตริกาของเจ้าหญิงแอดด้ามาดัดแปลงและถ่ายทอดไว้ในตอนที่ 3 ของซีซันแรก (Betrayer Moon; จันทร์เต็มดวงและคนทรยศ) เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 1243 เมื่อเกรอลท์ขัดสนเงินทองจนต้องไปรับงานในเมืองวิซิมา จอมเวทหญิงทริส เมริโกลด์ ที่ปรึกษาของราชาโฟลเทสท์ได้จ้างวานเขาให้ช่วยชีวิตเจ้าหญิงแห่งเทเมเรียด้วยการถอนคำสาปสตริกา
รูปร่างของสตริกาในซีรีส์มีความแตกต่างจากนิยายและเกม มันถูกออกแบบให้ดูสูงเก้งก้าง แต่ยังคงมีพละกำลังและความรวดเร็วเช่นเดิม บริเวณหน้าท้องยังคงมีสายสะดือห้อยยาวลากพื้น สื่อให้เห็นว่ามันกลายร่างมาจากทารกที่ตายตั้งแต่แรกคลอด และเพื่อให้ดูน่ากลัวอย่างสมจริง ทีมงานได้เลือกใช้การแต่งหน้าให้กับนักแสดงสตันท์และเอฟเฟ็กต์ทำมือในการสร้างปีศาจสตริกาขึ้นมา จากนั้นจึงเก็บรายละเอียดด้วย CGI อีกที
สิ่งมีชีวิตต้องคำสาปที่แหวกมดลูกของมารดาออกมาสู่โลกภายนอก สตริกาสังหารทุกสิ่งที่ขวางทางมัน…
— อ็อกเซนเฟิร์ต ตำราอสุรกาย
อสุรกายเพศเมียที่ดุร้ายอย่างยิ่ง ความเกลียดชังอย่างแรงกล้าที่มีต่อทุกชีวิตบนโลกใบนี้ล้วนอัดแน่นอยู่ในตัวของมัน ตำนานเล่าไว้ว่าพวกสตริกาจะออกล่าในคืนพระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น แต่เมื่อมันออกล่า มันจะหน้ามืดตามัวด้วยโทสะและโจมตีโดยไม่ลังเล พวกมันยังเป็นนักกินช่างเลือก แม้จะโจมตีเหยื่อด้วยกรงเล็บยาวคมกริบเพื่อสังหารหรือทำให้บาดเจ็บ แต่พวกมันกลับไม่เคยกินเหยื่อจนหมดทุกส่วน มื้ออาหารอันโอชะของมันประกอบด้วยอวัยวะภายในที่มันโปรดปรานในยามนั้น เรื่องราวของสตริกาที่โด่งดังที่สุด คือคำสาปที่เกิดขึ้นกับเจ้าหญิงอดาเลด*แห่งเทเมเรีย
หมายเหตุ: ชื่อของเจ้าหญิงแอดด้าผมขาวในเวอร์ชันซีรีส์ คือ อดาเลด (Adalaide)
ถิ่นอาศัย
สุสานหรือคุกใต้ดินอันมืดมิด สถานที่ที่ปกคลุมด้วยเงามืดซึ่งสามารถปกป้องพวกมันจากแสงแดดที่เป็นอันตรายได้
ทักษะ
- กระโดด: อย่าให้รูปร่างที่ดูอ่อนแอของมันหลอกตาเจ้าได้ สตริกานั้นมีพละกำลังเหลือเชื่อ มันสามารถกระโดดได้ไกลและว่องไวเสียด้วย
- กรีดร้อง: เสียงคำรามดังบาดหูที่ฟังแล้วชวนให้นึกถึงเสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่กำลังจะขาดใจตาย
- กินคน: สตริกากินเนื้อและเลือดของมนุษย์เป็นอาหารเพื่อดำรงชีวิต
- จับคว้าและกรีดเฉือน: แขนที่ยาวผิดปกติทำให้มันเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว จับยึดสิ่งของได้อย่างแน่นหนา และยังช่วนให้มันใช้กรงเล็บกรีดเฉือนได้ลึกยึ่งขึ้น
วิธีสังหาร
ดาบเงินคืออาวุธสำหรับสังหารสตริกา แต่จำเป็นต้องฆ่าด้วยหรือ? ในเมื่อมันสามารถรักษาให้หายได้ จงถ่วงเวลาไม่ให้สตริกากลับเข้าที่ซ่อนจนกว่ามันจะเห็นแสงแดด แล้วคำสาปจะสลายไป
ไม่มีความคิดเห็น