Cursed Ones เหล่าผู้ถูกสาป

เมื่อมีผู้ถูกสาป ก็ย่อมมีเรื่องราวเบื้องหลัง เรื่องที่น่าเศร้าสลดซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ข้าเคยรักษาพวกมนุษย์หมาป่า ส่งบ็อทช์ลิงไปสู่สุคติ และกำจัดอาร์คีสปอร์มาแล้วทั่วทั้งมหาทวีป การออกล่าทุกครั้งเริ่มต้นด้วยการที่ใครบางคนก่อเรื่องน่าเศร้าขึ้นมา และจบลงเมื่อข้าได้คนพบความจริงที่แสนเจ็บปวด หากเจ้าอยากเห็นความเลวร้ายของมนุษย์ ก็จงมองหาเหล่าผู้ถูกสาป

– เออร์แลนด์แห่งลาร์วิค

คำสาป (curse) เป็นปรากฏการณ์เวทมนตร์ที่ผิดแผกไปจากเวทมนตร์ทั่ว ๆ ไป คนธรรมดา ๆ ที่ไม่ใช่จอมเวทหรือนักบวชก็สามารถสาปแช่งผู้อื่นได้ หลายครั้งคำสาปก็ถูกร่ายโดยคนที่ตายไปแล้ว แต่บางครั้งคนเป็นที่ถูกความเกลียดชังครอบงำก็สามารถร่ายคำสาปได้เช่นกัน ความเกลียดชังแปรเปลี่ยนเป็นเวทมนตร์ได้อย่างไรน่ะหรือ? นักวิชาการบางคนเชื่อว่าพลังอันเป็นบ่อเกิดของคำสาปนั้นไม่ได้มาจากมิติของธาตุทั้ง 4 แต่มาจากอำนาจชั่วร้ายของปีศาจที่อาศัยอยู่ในมิติอื่น มันจึงเป็นเวทมนตร์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้เช่นเดียวกับการอัญเชิญปีศาจ แต่ถึงกระนั้นภราดรจอมเวทก็ไม่ได้จัดให้การสาปแช่งหรือพิธีกรรมร่ายคำสาป (hex) เป็นเวทมนตร์ต้องห้ามแต่อย่างใด เนื่องจากมันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้คนเป็นวงกว้างแบบศาสตร์ต้องห้ามทั้ง 3 ประเภท

คำสาปที่พบได้บ่อยที่สุดคือการทำให้มนุษย์กลายร่างเป็นสัตว์ (therianthropy) ซึ่งไม่ใช่การกลายสภาพอย่างสมบูรณ์หรือถาวร ผู้ถูกสาปจะยังสามารถเปลี่ยนร่างกลับไปกลับมาระหว่างร่างคนกับร่างสัตว์ได้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หมาป่า (werewolf), มนุษย์แมว (werecat), มนุษย์หมี (werebear) หรือมนุษย์หนูยักษ์ (wererat) ส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดจากการถูกผู้อื่นสาปแช่ง และบางส่วนก็มาจากการทดลองของพวกจอมเวท ในขณะที่สาวกแห่งลัทธิสวาลบล็อด (Svalblod) ยอมสังเวยชีวิตตนเองเป็นอาหารของหมี เพื่อใช้เวลาห้วงสุดท้ายของชีวิตร่ายคำสาปผสานร่างเข้ากับสัตว์ร้าย โชคร้ายที่คำสาปประเภทนี้จะถูกส่งต่อไปยังทายาทของผู้ที่ถูกสาปด้วย แต่อาจปรากฏแค่บางคนในบางชั่วรุ่นหากเป็นทายาทที่เกิดกับมนุษย์ปกติ

บางครั้งคำสาปก็เกิดขึ้นจากการไม่ปฏิบัติตามจารีตประเพณีหรือละเลยในสิ่งที่ควรกระทำ เด็กที่ตายในครรภ์มารดามักไม่ได้รับการตั้งชื่อหรือถูกฝังอย่างเหมาะสม วันดีคืนดีซากของเด็กทารกเหล่านั้นก็จะกลายสภาพเป็นบ็อทช์ลิง (botchling) แล้วคืบคลานออกมาจากหลุมศพออกไปดื่มเลือดหญิงตั้งครรภ์หรือทารกที่กำลังนอนหลับอยู่ในเปล

โดยทั่วไปแล้วชาวมหาทวีปมักทำพิธีศพโดยการฝังหรือเก็บร่างไว้ในสุสานใต้ติน แต่ศพที่ตายจากโรคระบาดหรือสาเหตุเหนือธรรมชาติมักจะถูกนำไปเผาเพื่อป้องกันเรื่องร้าย ๆ ที่อาจเกิดตามมาภายหลัง กรณีนี้ก็รวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์ตายทั้งกลมหรือเสียชีวิตไปพร้อมกับทารกระหว่างคลอดด้วย เพราะมีโอกาสสูงที่เด็กในครรภ์อาจถูกสาปและกลายร่างเป็นสตริกา (striga) ดังเช่นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเจ้าหญิงแอดดาแห่งเทเมเรีย และถ้าหากไม่ได้ยอดฝีมืออย่างวิทเชอร์เกรอลท์แห่งริเวีย ชาวเมืองวิซิมาก็คงต้องตกเป็นเป็นอาหารมื้อค่ำของสตริกาไปอีกนาน

เกรอลท์ต่อสู้กับสตริกาในเกม The Witcher ภาคแรก

คำสาปบางอย่างก็มีต้นกำเนิดมาจากอสุรกาย ตำนานคนกินเนื้อคนที่ร่ำลือกันบนเทือกเขาทางตอนเหนือของมหาทวีป แท้จริงแล้วเกิดจากคำสาปของเวนดิโก (vendigo) นายพรานหรือนักเดินทางที่ไม่ยอมก่อกองไฟให้สว่างตลอดทั้งคืนมักถูกเวนดิโกร่ายคำสาปใส่ ทำให้คนผู้นั้นรู้สึกหิวโหยและไม่ปรารถนาจะกินสิ่งใดนอกจากเนื้อดิบ ๆ หรือเนื้อมนุษย์ และจะถูกเวนดิโกควบคุมอย่างสมบูรณ์หลังจากเวลาผ่านไปสามวัน

ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถก่อให้เกิดคำสาปได้โดยไม่ต้องมีผู้สาปแช่ง ซึ่งก็คือ “เลือด” ว่ากันว่าโลหิตของมนุษย์มีคุณสมบัติทางเวทมนตร์ที่สามารถลบล้างหรือก่อให้เกิดคำสาปได้ บริเวณที่มีเหตุนองเลือดมักเกิดอาถรรพ์ต่าง ๆ ตามมา หากพื้นดินตรงไหนได้ดื่มเลือดอยู่เนือง ๆ ก็จะมีต้นอาร์คีสปอร์ (archespore) งอกขึ้นมา พืชชนิดนี้มีซี่ฟันแหลมคมซ่อนอยู่ในกลีบดอก และมันก็มีขนาดใหญ่พอที่จะเขมือบคนได้ทั้งตัวเสียด้วย

เมื่อหมู่บ้านหรือชุมชนเผชิญปัญหาอันเนื่องมาจากผู้ถูกสาป พวกเขามักแก้ปัญญาด้วยการสังหารมากกว่าการถอนคำสาป เพราะวิธีหลังเป็นเรื่องยุ่งยากที่ต้องสืบหาต้นตอคำสาปให้เจอและแก้ไขอย่างถูกวิธี และการที่ถูกสาปเป็นเวลานานก็ยิ่งทำให้ความเป็นมนุษย์ของผู้ถูกสาปลดน้อยถอยลงไปเรื่อย ๆ บ่อยครั้งเหล่าผู้ถูกสาปก็ยอมถูกสังหารเพื่อให้ความทุกข์ทรมานสิ้นสุดลง

 

เรียบเรียงจาก The Witcher Role-Playing Game (2018) และ A Witcher’s Journal (2020) โดย R. Talsorian Games

 

 

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.