มังกรที่แท้จริง (True Dragon)

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

บทนำ

มังกรที่แท้จริง เป็นสิ่งมีชีวิตโบราณที่มีลักษณะแตกต่างจากพวกดราโคนิด โดยมังกรจะมีระดับสติปัญญาเทียบเท่าหรือสูงกว่ามนุษย์ ในขณะที่พวกดราโคนิดมีความฉลาดพอ ๆ กับสุนัขเท่านั้น มังกรที่แท้จริงมีพละกำลังและมีขนาดลำตัวใหญ่โตกว่าดราโคนิดหลายเท่า มีขา 2 คู่ พร้อมกับปีกขนาดใหญ่และหางยาวทรงพลัง จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดพวกมังกรจึงมีความหมกมุ่นกับสิ่งของมีค่าอย่างทองคำและอัญมณีต่าง ๆ ความลึกลับของเผ่าพันธุ์มังกรยังทำให้เกิดตำนานที่ถูกเล่าขานกันอย่างไม่รู้จบ พวกอัศวินมักออกล่ามังกรเพราะเชื่อว่าพวกมันชอบลักพาตัวหญิงสาวพรหมจรรย์ไปจากครอบครัว ส่วนพวกนักล่ามังกรก็มักอ้างว่าพวกเขาต้องการกำจัดภัยคุกคามของชุมชน แต่เหตุผลที่แท้จริงคงหนีไม่พ้นความโลภในสมบัติที่พวกมังกรเก็บสะสมเอาไว้

เชื่อกันว่ามังกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาการและอาศัยอยู่บนมหาทวีปมาตั้งแต่ยุคโบราณ ด้วยความเฉลียวฉลาดและอายุขัยที่ยืนยาวเป็นพันปีทำให้มังกรครองมหาทวีปมาโดยตลอด จนกระทั่งเผ่าพันธุ์คนแคระอพยพมายังมหาทวีป ตามมาด้วยเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ข้ามมิติมาพร้อมกับปรากฏการณ์ conjunction of the spheres ทั้งสองเผ่าพันธุ์นี้ล้วนเห็นมังกรเป็นภัยคุกคามและมีความละโมบเป็นแรงผลักดัน มังกรจึงกลายเป็นฝ่ายถูกล่าอย่างหนักจนอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์เต็มที

แต่ใช่ว่าความสัมพันธุ์ระหว่างมังกรกับมนุษย์จะย่ำแย่เสมอไป แม้ผู้คนทางฝั่งตะวันตกของมหาทวีปจะหวาดกลัวและเกลียดชังมังกร แต่ชาวตะวันออกไกลกลับบูชามังกรดุจเทพเจ้า มีตำนานปรัมปราที่เล่าขานถึงมังกรสีทองนามว่า “เซอร์ริคานเทอร์เมนต์” (Zerrikanterment) ที่เป็นดังเทพผู้พิทักษ์ของชาวตะวันออก เซอร์ริคานเทอร์เมนต์ได้พ่นไฟเผาผลาญป่าดงดิบจนกลายสภาพเป็นทะเลทรายเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูเดินทางเข้ามายังดินแดนตะวันออกได้ ด้วยเหตุนี้เองพื้นที่ละแวกนั้นจึงมีสภาพเป็นโอเอซิสที่มีผืนป่าในร่องหุบผาแห้งแล้งที่ล้อมรอบไปด้วยทะเลทราย ชาวตะวันออกได้ตั้งชื่อดินแดนของพวกเขาว่า “เซอร์ริเคเนีย” (Zerrikania) ตามชื่อของมังกรทองผู้พิทักษ์ มีการสร้างแท่นบูชารูปมังกรจนกลายเป็นศาสนาประจำอาณาจักร ว่ากันว่าในช่วงที่มังกรทองเซอร์ริคานเทอร์เมนต์ยังมีชีวิตอยู่ มันจะคอยบินลาดตระเวนเหนือท้องฟ้าและพ่นไฟแผดเผาทุกชีวิตที่รุกล้ำเข้ามาในอาณาจักรเซอร์ริเคเนีย จวบจนกระทั่งมันสิ้นอายุขัย ชาวตะวันตกจึงสามารถเดินทางข้ามทะเลทรายโครัทไปยังดินแดนฝั่งตะวันออกได้


มังกรที่แท้จริงไม่สามารถเปล่งเสียงพูดเป็นภาษาได้ เนื่องจากพวกมันไม่มีริมฝีปากที่อ่อนนุ่มเหมือนมนุษย์ ทั้งยังมีเขี้ยวแหลมเต็มปากและลิ้นสองแฉกที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการพูด แต่ถึงกระนั้นพวกมันก็สามารถสื่อสารผ่านทางโทรจิตได้ เป็นการสื่อความหมายโดยตรงที่กำแพงทางภาษาไม่อาจขวางกั้นได้ และยังสามารถสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ได้คราวละหลายตัวหรือหลายคนเช่นเดียวกับการสื่อสารด้วยวาจา

มังกรยังมีพฤติกรรมชอบนอนงีบหลับในบริเวณที่มีพลังงานเวทมนตร์เข้มข้นเช่นเดียวกับแมว จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าพวกมันดูดซับพลังงานเวทมนตร์ไปเพื่ออะไร จอมเวทบางคนเชื่อว่ามังกรดูดซับพลังงานเคออสสำรองไว้ในยามที่ต้องใช้เวทมนตร์ เช่น การใช้โทรจิตหรือแปลงร่าง แต่ก็ไม่เคยมีจอมเวทคนใดที่สามารถหว่านล้อมมังกรให้มาเข้าร่วมการทดลองเพื่อทดสอบสมมติฐานนี้ได้ แม้มังกรจะชื่นชอบพลังงานเคออส แต่พวกมันกลับไม่ทำรังในบริเวณที่มีพลังงานเวทมนตร์สูง นักวิชาการบางคนจึงสรุปว่าพวกมันอาจแค่ชื่นชอบหรือรู้สึกสบายที่ได้สัมผัสพลังงานเวทมนตร์ เหมือนมนุษย์ที่ชอบนั่งหน้าเตาผิงอุ่น ๆ ท่ามกลางฤดูหนาวก็เป็นได้

 

กลับขึ้นไปเลือกหัวข้อ

 

ความแตกต่างของมังกรในนิยายและเกม

มังกรที่แท้จริงในนิยายต้นฉบับของ Andrzej Sapkowski มีลักษณะคล้ายกิ้งก่ายักษ์ที่มีลำตัวค่อนข้างผอมเพรียว ลำคอยาวระหง มีขา 4 ข้าง บริเวณกลางหลังมีปีกแบบแผ่นหนัง 1 คู่ และมีหางเรียวยาวคล้ายงู ในเรื่องสั้น The Bounds of Reason (ขีดจำกัดของความเป็นไปได้) มีการกล่าวถึงมังกรที่แท้จริงไว้ 5 ชนิด ได้แก่ มังกรขาว, มังกรเขียว, มังกรแดง, มังกรดำ และ มังกรทอง แต่น่าแปลกที่มังกรหินซึ่งถูกกล่าวถึงในเรื่องสั้น A Grain of Truth (เศษเสี้ยวแห่งความจริง) กลับไม่ถูกนับรวมเป็นมังกรที่แท้จริงไปด้วย

‘อ่าฮะ พูดถึงเรื่องสี มันก็เป็นวิธีที่ใช้จำแนกมังกรที่แท้จริงนั่นแหละ แม้ว่ามันอาจไม่ใช่คำนิยามที่ตรงนัก มังกรเขียวที่พบเจอได้บ่อยที่สุด จริง ๆ แล้วมีสีออกเทา ๆ คล้ายกับพวกดราโคลิซาร์ด อันที่จริงแล้วมังกรแดงก็มีทั้งสีแดงสดและสีแดงอิฐ มังกรขนาดใหญ่ที่มีสีน้ำตาลเข้มมักถูกเรียกว่า “มังกรดำ” ส่วนมังกรขาวนั้นหายากที่สุด ข้าเองก็ไม่เคยพบเจอมาก่อน ว่ากันว่าพวกมันอาศัยอยู่ทางเหนือสุดโน่น’
‘น่าสนใจจริง ๆ แล้วเจ้ารู้เรื่องมังกรชนิดที่ข้ารู้จักบ้างหรือเปล่า?’
‘ข้ารู้’ เกรอลท์จิบเบียร์ ‘เป็นชนิดเดียวกับที่ข้าเคยได้ยินมา มังกรสีทองน่ะ มันไม่มีจริงหรอก’

— แปลจาก Granica możliwości (ต้นฉบับภาษาโปแลนด์ของ The Bounds of Reason)

 

Golden dragon - The Witcher fanart by Wieszcza

ต่อมาเมื่อมีการดัดแปลงเดอะวิทเชอร์เป็น tabletop RPG โดยสำนักพิมพ์ MAG publishing house ก็มีการแก้ไขให้มังกรหินเป็นมังกรที่แท้จริงด้วย นอกจากนี้ลักษณะและคุณสมบัติของมังกรชนิดต่าง ๆ ยังค่อนข้างคล้ายกับมังกรสี (chromatic dragon) ในเกม Dungeons & Dragons อีกด้วย (อ่านเนื้อหาจาก The Witcher: A Game of Imagination ได้ในภาคผนวก)

มังกรในจักรวาลเกมของ CDPR ที่ปรากฏในเกมต่าง ๆ นั้นมีลักษณะของขาและปีกที่แตกต่างกัน ในเกม The Witcher 2: Assassins of Kings มังกรพันธุ์ผสมอย่าง “เซเซนเธสสิส” (Saesenthessis) มีขา 4 ข้างและปีก 1 คู่ ส่วนมังกรที่ปรากฏในเกม Gwent ได้มีการปรับเปลี่ยนให้มังกร 3 ชนิดมีรยางค์คู่หน้าเป็นปีกแบบเดียวกับไวเวิร์น ได้แก่ มังกรเขียว, มังกรขาว และมังกรแดง ในขณะที่มังกรทอง “วิลเลนเทรเทนเมิร์ธ” (Villentretenmerth) กลับมีขา 4 ข้างและปีก 1 คู่ ในขณะที่คำบรรยายในคู่มือ tabletop RPG เล่ม A Witcher’s Journal ยังคงระบุว่ามังกรมีขา 4 ข้างและปีก 1 คู่ จึงเป็นเรื่องที่ชวนสับสนว่ามังกรที่แท้จริงในจักรวาลเกมนั้นมีรยางค์กี่คู่กันแน่

 

กลับขึ้นไปเลือกหัวข้อ

 

สังคมของมังกรและการล่มสลาย

โดยทั่วไปแล้วมังกรจะใช้ชีวิตอย่างอิสรเสรี พวกมันอาจพบปะกับมังกรตัวอื่นเพื่อมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมหรือเพื่อจับคู่ผสมพันธุ์ แต่มังกรมักใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในรังตามลำพัง เป็นไปได้ว่าพฤติกรรมของพวกมันเปลี่ยนไปหลังจากถูกมนุษย์ไล่ล่าจนแทบสูญพันธุ์ มังกรเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่และอันตราย มันจึงครอบครองมหาทวีปมาอย่างยาวนาน ไม่มีใครรู้ว่ามังกรสร้างอาณาจักรเหมือนมนุษย์และเผ่าพันธุ์โบราณอื่น ๆ หรือไม่ แต่เท่าที่รู้คือมังกรแต่ละตัวมีทัศนคติต่อการเข้าสังคมที่แตกต่างกัน

มังกรมักมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะครอบครองสิ่งของล้ำค่า พวกมันจึงใช้เวลาตลอดชีวิตเพื่อเก็บสะสมอัญมณี ทองคำ และของมีค่าอื่น ๆ ไว้ในรัง คลังสมบัติคือความภาคภูมิใจและความสุขของมังกร พวกมันจึงทุ่มเทพละกำลังทั้งหมดเพื่อทำให้กองสมบัติเพิ่มพูนยิ่งขึ้น และคอยปกป้องไม่ให้ใครก็ตามช่วงชิงไปได้ โดยเฉพาะพวกมังกรตัวอื่น

เมื่อพหุจักรวาลเกิดเชื่อมต่อกัน มังกรก็ปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อพลังงานเวทมนตร์และสิ่งมีชีวิตจากมิติอื่น โชคร้ายที่เผ่าพันธุ์มนุษย์เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วจนสามารถร่วมมือกันออกล่ามังกรได้ พวกเขาเชื่อว่ามังกรคือภยันตรายใหญ่หลวงที่สามารถทำลายอารยธรรมมนุษย์ได้ในชั่วพริบตา นักประวัติศาสตร์ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า แม้การล่ามังกรจะมีเหตุผลทางศีลธรรม แต่แทบทุกครั้งก็ล้วนแต่ได้รับการสนับสนุนจากสมาคมพ่อค้าอัญมณี การล่ามังกรจึงเป็นธุรกิจที่สร้างความร่ำรวยอย่างมหาศาลให้กับพวกพ่อค้า

สมบัติล้ำค้าจากการล่ามังกรไม่ได้มีแต่กองเพชรนิลจินดาเท่านั้น ส่วนต่าง ๆ ของมังกรยังมีสรรพคุณทางยาและเป็นวัตถุดิบสำคัญในการสร้างชุดเกราะหรืออาวุธชั้นเลิศ มีการใช้เขี้ยวและน้ำตาของมังกรในตำรับยารักษาโรคและยาวิเศษอย่างแพร่หลาย เลือดมังกรคือส่วนประกอบหายากสำหรับการทำเครื่องสำอาง และหากปรุงเนื้อส่วนหางของพวกมันอย่างถูกวิธีก็จะได้เมนูเลิศรสอีกด้วย

กลุ่มนักล่ามังกรครินฟริดรีฟเวอร์ (Crinfrid Reavers) กำลังซุ่มดูมังกรเขียวที่กำลังกกไข่

กลับขึ้นไปเลือกหัวข้อ

 

การต่อสู้กับมังกร

หากใครหวังว่าจะต่อสู้กับมังกรที่แท้จริงแล้วรอดชีวิตไปได้ เขาผู้นั้นก็ต้องใช้เวลาเตรียมตัวอยู่หลายวันทีเดียว มังกรที่แท้จริงคือเจ้าแห่งสัตว์ร้ายที่น่าเกรงขาม เป็นส่วนผสมของความว่องไวและพละกำลังที่สมบูรณ์แบบ หากเจ้าสามารถรอดพ้นจากกรงเล็บและคมเขี้ยวมาได้ เจ้าก็ยังต้องหาทางป้องกันตัวจากเปลวไฟมังกรอีกด้วย ถ้าเป็นไปได้ ควรเลือกเจรจากับพวกมันจะเป็นการดีที่สุด

– เออร์แลนด์แห่งลาร์วิค

การตั้งคณะล่ามังกรจะต้องมีสมาชิกอย่างน้อย 20 คน และอุปกรณ์ที่จำเป็นทุกชนิด เช่น ตาข่าย ยาพิษ และกับดัก โดยทั่วไปแล้วกลยุทธ์ที่นิยมใช้ล่ามังกร คือ การวางยาพิษให้มังกรตายไปเอง หรือหาทางตรึงร่างของมันไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

ในกรณีที่มังกรเข้าโจมตีชุมชนมนุษย์หรือเผ่าพันธุ์โบราณอื่น ๆ ผู้ที่จะรับมือกับมันเป็นคนแรกคือพวกจอมเวท กำแพงเมืองไม่สามารถป้องกันการโจมตีของมังกรได้ ส่วนพวกทหารนั้นทำได้อย่างมากก็แค่โจมตีพวกมันด้วยธนูหรือเครื่องยิงกระสุน ซึ่งมีโอกาสเข้าเป้าน้อยมากหากมังกรยังบินวนอยู่กลางอากาศ ในขณะที่จอมเวทสามารถสร้างเกราะเวทมนตร์เป็นแนวป้องกันใช้หรือคาถาโจมตีขั้นสูงเพื่อสังหารมังกรได้ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วพวกเขามักจะขับไล่มังกรออกไปจากเมืองเท่านั้น

เมื่อต้องต่อสู้กับมังกร สิ่งแรกที่ต้องระวังก็คือลมหายใจของพวกมัน ลมหายใจของมังกรแต่ละชนิดมีรูปแบบและสร้างความเสียหายแตกต่างกัน แต่ถึงกระนั้นก็ล้วนเป็นอันตรายถึงชีวิตหากสัมผัสเข้าตรง ๆ โชคดีที่มังกรไม่สามารถพ่นลมหายใจอย่างต่อเนื่องได้ ในแต่ละครั้งพวกมันจะต้องหยุดพักครู่หนึ่งและเปลี่ยนไปโจมตีด้วยวิธีอื่นแทน นักล่ามังกรจะใช้จังหวะนี้วิ่งออกจากที่กำบังและหาทางโจมตีมังกร แม้กรงเล็บและคมเขี้ยวของมันจะเป็นอาวุธที่อันตรายมาก แต่ก็ยังสร้างอันตรายได้น้อยกว่าลมหายใจของมัน การตะบบเพียงครั้งเดียวก็รุนแรงพอที่จะทำให้ศีรษะของคู่ต่อสู้หลายคนขาดกระเด็นได้ ดังนั้นจงสวมชุดเกราะที่ป้องกันร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า การปล่อยให้มังกรจู่โจมจากกลางอากาศจะทำให้มันได้เปรียบอย่างมาก และการโจมตีให้มันร่วงลงมาสู่พื้นก็ทำได้ยากยิ่งกว่าพวกสัตว์ประหลาดบินได้ชนิดอื่น ๆ วิธีที่ดีที่สุดคือการล่อให้มันเข้าไปต่อสู้ในถ้ำหรือในพื้นที่จำกัด

การเผามังกรด้วยไฟเป็นวิธีที่เปล่าประโยชน์ เกล็ดหนา ๆ ทำให้มันทนทนต่อความร้อนและการโจมตีด้วยอาวุธหรือเวทมนตร์ทั่ว ๆ ไป ทางที่ดีควรใช้คาถาหรือระเบิดแช่แข็งเพื่อทำให้มันเคลื่อนไหวช้าลง แต่อาวุธที่ดีที่สุดคือการเจรจากับมัน

 

กลับขึ้นไปเลือกหัวข้อ

 

ชนิดของมังกร

มังกรที่แท้จริงแบ่งออกเป็น 5 สายพันธุ์ย่อย ได้แก่ มังกรน้ำตาล, มังกรดำ, มังกรเขียว, มังกรแดง และ มังกรขาว ส่วนมังกรสีทองนั้น แม้แต่พวกวิทเชอร์ก็เชื่อกันว่าพวกมันไม่มีตัวตนอยู่จริง นอกจากสีสันที่แตกต่างกันแล้ว มังการแต่ละชนิดยังมีขนาดลำตัว รูปร่าง ลมหายใจ พฤติกรรม และถิ่นอาศัยที่แตกต่างกันไปด้วย

มังกรน้ำตาล (Brown Dragons)

มังกรน้ำตาลมักถูกเรียกอีกอย่างว่า “มังกรหิน” (Rock Dragons) เป็นสายพันธุ์ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก อาจเป็นเพราะว่าพวกมันมีรูปร่างหน้าตาไม่สง่างามเหมือนกับมังกรสายพันธุ์อื่น ๆ มังกรน้ำตาลมีความยาวเฉลี่ยประมาณ 10 เมตร มีลำตัวค่อนข้างยาวและผอม ปีกของมันยังมีขนาดเล็กกว่ามังกรชนิดอื่นและพับแนบสนิทไปกับลำตัว ส่วนหัวมีเกล็ดตะปุ่มตะป่ำเป็นเกราะป้องกัน ลำคอค่อนข้างสั้น ส่วนขาทั้งสี่นั้นมีพละกำลังมหาศาลและมีกรงเล็บรูปร่างคล้ายพลั่ว เกล็ดของมังกรชนิดนี้มีสีน้ำตาลโทนอุ่นและมีเกล็ดแข็งสีเทาเรียงตัวตลอดแนวสันหลัง มังกรส่วนใหญ่มักเดินทางด้วยการบิน แต่มังกรน้ำตาลกลับชอบการมุดลงไปใต้ดินมากกว่า พวกมันจึงเผชิญหน้ากับพวกคนแคระและพวกโนมอยู่บ่อย ๆ เนื่องจากทั้งสองเผ่าพันธุ์นี้เลี้ยงชีพด้วยการทำเหมือง จะว่าไปพวกคนแคระก็หัวแข็งพอ ๆ กับมังกรน้ำตาลจอมดื้อรั้น แน่นอนว่าความขัดแย้งและการปะทะย่อมเกิดขึ้นตามมาเสมอ

มังกรหินถูกกล่าวถึงในเรื่องสั้น A Grain of Truth (เศษเสี้ยวแห่งความจริง) มันถูกล่าโดยปู่ของนิเวลเลนและถูกตัดหัวมาสตัฟฟ์ไว้เป็นที่ระลึก นิเวลเลนคิดว่ามันอาจเป็นมังกรหินตัวสุดท้าย มังกรหินอีกตัวถูกกล่าวถึงใน A Witcher’s Jounal มีชื่อว่า “เฟตานาฮูร์” (Fetanahuir) อาศัยอยู่บนภูเขาเคสเทรลบริเวณเมืองเกลิโบลในอาณาจักเรเดเนีย ซึ่งมีเส้นทางการค้าตัดผ่านในภายหลัง วิทเชอร์เออร์แลนด์แห่งลาร์วิคถูกจ้างวานให้ไปสังหารมังกรตัวนี้ เขาใช้เวลานานถึงสองสัปดาห์ศึกษาพฤติกรรมของมัน และพบจุดอ่อนว่ามันเกลียดพวกเนโครเฟจอย่างมาก จุดอ่อนนี้ทำให้เขาสามารถขับไล่มันออกไปจากพื้นที่ได้

มังกรหิน (ศิลปิน Klaher Baklaher ภาพจาก ArtStation)

กลับขึ้นไปเลือกหัวข้อ

 

มังกรดำ (Black Dragons)

มังกรดำเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ย่อยที่พบเจอได้ยาก ถิ่นอาศัยของมันอยู่ในแดนใต้แถบอาณาจักรเจมเมราและนิลฟ์การ์ด มังกรดำมีขนาดลำตัวใหญ่ที่สุดในบรรดามังกรที่แท้จริงทุกชนิด มีความยาวเฉลี่ย 15 - 20 เมตร มีปีกขนาดใหญ่กับขาสี่ข้างที่ทรงพลังและกรงเล็บคมกริบ มังกรดำได้ชื่อมาจากเกล็ดของมันที่มีสีน้ำตาลเข้มจนถึงสีดำ ว่ากันว่าเกล็ดของมันแข็งพอ ๆ กับเหล็กกล้าจากเทือกเขามาฮาคาม มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ออกล่ามังกรดำโดยใช้อาวุธที่มีอานุภาพน้อยกว่าเครื่องยิงลูกศรยักษ์ เพราะลูกศรธรรมดาหรืออาวุธอื่น ๆ มีแต่จะกระเด้งกระดอนออกมาเมื่อปะทะเข้ากับเกล็ดของมังกรดำ ไม่ต่างอะไรกับเม็ดฝนกระทบหลังคา เมื่อโมโหจนถึงขีดสุด มังกรดำจะพ่นกรดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงออกมาจากต่อมบริเวณขากรรไกร ไอกรดนี้สามารถละลายได้กระทั่งชุดเกราะที่แข็งแรงที่สุดและพื้นที่โดยรอบได้ในพริบตา โชคดีที่มังกรดำมีนิสัยขี้เกียจและเป็นการยากที่ยั่วยุให้มันโมโหได้

จนถึงตอนนี้ยังไม่มีตัวละครที่เป็นมังกรดำปรากฏในจักรวาลวิทเชอร์ มีเพียงข้อสันนิษฐานใน tabletop RPG ภาษาโปแลนด์ (The Eye of Yrrhedes และ The Witcher: A Game of Imagination) ว่าร่างอวตารของเทพเจ้าบาอัลเซบัธ (Baal-Zebuth: เทพเจ้าแห่งท้องฟ้าที่มืดมิด) คือมังกรดำเพศเมีย

กลุ่มครินฟริดรีฟเวอร์สังหารมังกรดำ (ศิลปิน Bartłomiej Gaweł ภาพจาก ArtStation)

กลับขึ้นไปเลือกหัวข้อ

 

มังกรเขียว (Green Dragons)

มังกรเขียวเป็นสายพันธุ์ย่อยที่พบได้บ่อยที่สุดและมีขนาดเล็กที่สุดในบรรดามังกรที่แท้จริง ความยาวเฉลี่ยของมันอยู่ที่ราว ๆ 5 เมตรเท่านั้น เกล็ดสีเขียวคล้ายลายพรางทำให้มันดูกลมกลืนไปกับผืนป่าซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของมัน และมังกรเขียวยังชอบทำรังอยู่ใกล้ ๆ กับแหล่งน้ำพุร้อนอีกด้วย มังกรเขียวมีขาหนึ่งชุดและมีปีกหนึ่งคู่ การบินจึงเป็นวิธีเดินทางที่สะดวกสบายที่สุดสำหรับพวกมัน อย่างไรก็ตามมังกรเขียวสามารถซุ่มและสะกดรอยเหยื่อบนพื้นดินได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย การกัดของมังกรเขียวมักเป็นอันตรายถึงชีวิต เพราะไม่มียาชนิดใดที่สามารถรักษาพิษจากคมเขี้ยวของมันได้ ผู้ที่พยายามต่อสู้กับมังกรเขียวจึงมักลงเอยด้วยความตาย เมื่อมังกรเขียวถูกจู่โจม มันจะพ่นไอน้ำที่มีความร้อนสูงออกมาจากปาก ซึ่งร้อนพอที่จะทำให้เนื้อหนังของศัตรูสุกอยู่ภายใต้ชุดเกราะ โดยทั่วไปแล้วมังกรเขียวมีนิสัยค่อนข้างเป็นมิตร แต่ถ้ามันถูกคุกคามหรือถูกปฏิเสธ มังกรเขียวก็จะเปลี่ยนไปใช้ความรุนแรงทันที

แม้จะถูกพบเจอได้ง่ายที่สุด แต่ในจักรวาลวิทเชอร์กลับมีการกล่าวถึงมังกรเขียวเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือ “เมียร์กทาเบร็กเกะ” (Myrgtabrakke) คู่ครองของมังกรทองวิลเลนเทรเทนเมิร์ธ เมียร์กทาเบร็กเกะวางไข่ในถ้ำแห่งหนึ่งใกล้ ๆ กับเมืองแบร์ฟิลด์ สัญชาตญาณความเป็นแม่ทำให้มันก้าวร้าวและออกล่าสัตว์เลี้ยงของชาวเมือง ความหิวทำให้มันกินซากแกะยัดไส้ยาพิษซึ่งเป็นฝีมือของช่างทำรองเท้าผู้มีฉายาว่า “นักยัดไส้แกะ” แต่ถึงกระนั้นเมียร์กทาเบร็กเกะก็ยังรอดตายมาได้ แต่มันก็ไม่แข็งแรงพอที่จะเลี้ยงดูลูกน้อยที่เพิ่งฟักออกมาจากไข่ มังกรทองจึงเป็นฝ่ายชุบเลี้ยงลูกมังกรและตั้งชื่อให้มันว่า “เซเซนเธสสิส” (อ่านเรื่องราวของเซเซนเธสสิสได้ในคอมิคส์ The Witcher: Matters of Conscience)

มังกรเขียวเมียร์กทาเบร็กเกะ (ศิลปิน Marek Madej ภาพจาก gwent.one)

กลับขึ้นไปเลือกหัวข้อ

 

มังกรแดง (Red Dragons)

มังกรแดงเป็นสายพันธุ์ย่อยที่ชาวมหาทวีปหวาดกลัวมากที่สุด นอกจากพวกมันจะมีนิสัยก้าวร้าวและความอดทนต่ำแล้ว ลมหายใจของมังกรแแดงยังมีอานุภาพไม่ต่างอะไรกับไฟบรรลัยกัลป์ ไฟที่มันพ่นออกมาสามารถละลายก้อนหินหรือกำแพงอิฐได้ในพริบตา มีเมืองมากมายที่ถูกเผาจนราบเป็นหน้ากลองด้วยการพ่นไฟเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้มังกรแดงยังมีขนาดลำตัวใหญ่โตน่าเกรงขาม มีความยาวเฉลี่ยอยู่ที่ 12 - 15 เมตร มังกรแดงมีเกล็ดสีแดงอิฐและหนามแหลมเรียงรายทั่วร่าง มักอาศัยอยู่ตามถ้ำใจกลางหุบเขา พวกมันจะออกจากถ้ำเพื่อล่าเหยื่อและเก็บสะสมของมีค่าเท่านั้น พวกชาวบ้านมักพบเห็นมังกรแแดงออกมากินฝูงม้าหรือบินจากไปพร้อมกับเทวรูปหรือของมีค่าอื่น ๆ มังกรแดงจึงมีชื่อเสียงค่อนข้างแย่ ทั้ง ๆ ที่มันชื่นชอบการสนทนาและการแข่งโต้วาทีเป็นที่สุด

ในเกม Thronebreaker มีตัวละครที่เป็นมังกรแดงเพศเมียตัวสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่บนมหาทวีปนามว่า “เคลทูลลิส” (Keltullis) อาศัยอยู่ในถ้ำบนเทือกเขามาฮาคามใกล้กับเมืองของพวกคนแคระ ทั้งสองฝ่ายต่อสู้แย่งชิงพื้นที่กันมานานนับศตวรรษ จนในที่สุดเคลทูลลิสก็ยอมทำข้อตกลงกับพวกคนแคระว่าจะไม่รุกล้ำเข้ามาในเขตเมืองอีก ตราบใดที่พวกเขาส่งแก้วแหวนเงินทองและอาหารเป็นบรรณาการให้มันทุกสัปดาห์ เมื่อเคลทูลลิสออกไข่ พวกคนแคระก็กลัวว่าจะต้องส่งบรรณาการมากขึ้นไปอีกเมื่อลูก ๆ ของมันฟักออกมา พวกเขาจึงแอบใส่ยาพิษลงไปในถังอาหารของมัน และฉวยโอกาสทุบทำลายไข่มังกรจนหมดรัง เคลทูลลิสจึงตามไปล้างแค้นพวกคนแคระโดยการเผาเมือง

มังกรแดงที่ถูกกล่าวถึงอีกตัวเป็นมังกรแดงเผือกเพศผู้นามว่า “อ็อควิสท์” (Ocvist) ว่ากันว่ามันเป็นมังกรโบราณที่มีชีวิตอยู่มาไม่ต่ำกว่าล้านปี และเก็บสะสมเพชรนิลจินดามากมายไว้ในรังบนภูเขาควอตซ์ อ็อควิสท์มีจิตใจที่งดงาม ออกจะขี้เหงาและชื่นชอบการสนทนาอย่างมาก มันยินดีที่จะแบ่งสมบัติให้กับคนแปลกหน้าที่คุยด้วยอย่างถูกคอ งานอดิเรกของออควิสท์คือการออกไปนอนอาบแดดและเลี้ยงหนูฝูงใหญ่เอาไว้เป็นเพื่อนคุย ด้วยอายุที่มากทำให้มันเริ่มมีอาการหลง ๆ ลืม ๆ และถูกพิชิตโดยพลพรรคคนแคระของยาร์เพน ซิกริน

(ซ้าย) มังกรแดงเผือกออควิสท์  (ขวา) มังกรแดงเคลทูลลิส

กลับขึ้นไปเลือกหัวข้อ

 

มังกรขาว (White Dragons)

มีผู้คนไม่น้อยที่คิดว่ามังกรขาวไม่มีอยู่จริง พวกเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกเสริมแต่งโดยพวกนักสำรวจที่เดินทางขึ้นเหนือไปยังหุบเขามังกรเท่านั้น ว่ากันว่ามันมี 4 ขาและมีปีกกลางหลัง ทั้งร่างปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีขาวอมฟ้าหรือสีเทาอ่อน ลำตัวเรียวยาว ส่วนหัวประดับดาไปด้วยแผงหนาม มังกรขาวอาศัยอยู่ในป่าที่เต็มไปด้วยหิมะบริเวณหุบเขาทางเหนือสุดของมหาทวีป และเป็นที่เคารพบูชาของชาวพื้นเมืองในละแวกนั้น ความยาวโดยเฉลี่ยของมังกรขาวอยู่ที่ราว ๆ 12 เมตร และลมหายใจของมันคือไอเย็นยิ่งยวดที่ทำให้เป้าหมายแข็งตายอยู่ภายใต้ผลึกน้ำแข็งหนา มีรายงานการพบเห็นมังกรขาวบนเทือกเขามังกรเท่านั้น ส่วนบริเวณที่อยู่ทางใต้ลงมาอย่างอาณาจักรต่าง ๆ ในแดนเหนือนั้นไม่มีผู้ใดเคยพบเห็นมังกรขาวเลย คงเป็นเพราะพวกมันไม่สามารถทนต่ออากาศที่อบอุ่นกว่าในอาณาจักรเรเดเนียหรือสภาพอากาศร้อนชื้นของนิลฟ์การ์ดได้

ใน The Witcher: A Game of Imagination มีมังกรขาวชื่อ “เจอร์มินัส” (Germinus) บินมาโฉบรถม้าขององค์หญิงฟริซานนาแห่งมาริบอร์ ส่วนในเกม Gwent: Rogue Mage จอมเวทอัลซูร์จะต้องเดินทางไปสังหารมังกรขาว “อัลบาสทรา” (Albastra) เพื่อนำสารก่อการกลายพันธุ์มาทำการทดลองสร้างวิทเชอร์ อย่างไรก็ตามไม่มีการกล่าวถึงประวัติของมังกรขาวทั้งสองตัวเลย

มังกรขาวอัลบาสทรา

กลับขึ้นไปเลือกหัวข้อ

 

มังกรทอง (Golden Dragons)

แม้ชาวมหาทวีปจะเชื่อว่ามังกรทองมีตัวตนอยู่แต่ในเทพนิยาย แต่การปรากฏตัวของมังกรทองวิลเลนเทรเทนเมิร์ธก็ช่วยยืนยันว่าพวกมันมีตัวตนอยู่จริง ในทางทฤษฎีมังกรทองคือมังกรที่กลายพันธุ์มาจากสายพันธุ์อื่น ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นค่อนข้างน้อย ทำให้พวกมันมีประชากรน้อยเกินกว่าที่จะจับคู่กันเองได้ และสิ่งมีชีวิตที่เกิดการกลายพันธุ์มักมีแนวโน้มที่จะเป็นหมันอีกด้วย นอกจากนี้มังกรทองยังสามารถใช้เวทมนตร์แปลงร่างเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใดก็ได้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แทบไม่เคยมีใครพบเห็นมังกรทองเลย

มังกรทองมีส่วนหัวแหลมเรียวและลำคอยาว บริเวณอกโค้งนูนเป็นรูปโดม ปีก เกล็ด กรงเล็บ และดวงตาของมันเป็นสีทองอร่าม เมื่อรวมกับการเคลือนไหวที่รวดเร็วจนแทบมองไม่ทันทำให้มันดูคล้ายกับแถบริบบิ้นสีทองที่โบกสะบัดไปในอากาศ ลมหายใจของมังกรทองมีลักษณะเป็นเปลวไฟเช่นเดียวกับมังกรแดง

มังกรทองวิลเลนเทรเทนเมิร์ธ (ศิลปิน Anna Podedworna ภาพจาก gwent.one)

กลับขึ้นไปเลือกหัวข้อ

 

ภาคผนวก

ข้อมูลมังกรจาก The Witcher: A Game of Imagination

แม้ทีมงาน CDPR มักจะนำข้อมูลจาก tabletop RPG เล่มนี้มาต่อยอดเป็นเนื้อหาในจักรวาลเกม แต่การดัดแปลงก็ทำให้ข้อมูลทั้งสองชุดมีรายละเอียดหลาย ๆ อย่างที่แตกต่างกัน เพื่อป้องกันความสับสนจึงขอแยกข้อมูลจาก The Witcher: A Game of Imagination ไว้ในภาคผนวกสำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม

มังกรที่แท้จริง (Smok właściwy)

มังกรที่แท้จริงเป็นเผ่าพันธุ์สัตว์เลื้อยคลานที่มีสติปัญญาสูง พวกมันถูกมนุษย์และคนแคระตามล่าจนแทบจะสูญพันธุ์ นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้า เนื่องจากตำนานเล่าไว้ว่าพวกมันคือสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาเผ่าพันธุ์แรกที่ครอบครองมหาทวีปมานานหลายศตวรรษ

ผู้คนมักสับสนระหว่างมังกรที่แท้จริงกับสไลซาร์ดหรือฟอร์กเทล เนื่องจากพวกมันมีลักษณะเป็นสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ (ยาวหลายเมตร) ที่มีรูปร่างผอมเพรียวเหมือนกัน แม้พวกมังกรจะเติบโตค่อนข้างช้า แต่จะมีการโตบโตอย่างต่อเนื่องไปตลอดอายุขัยนับพันปี มังกรโบราณจึงอาจมีขนาดใหญ่พอ ๆ กับเนินเขาลูกหนึ่งเลยทีเดียว

สิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์นี้มีลำคอเรียวระหง หางยาว ส่วนหัวมีรูปร่างคล้ายสามเหลี่ยม มีเขี้ยวแหลมเต็มปาก ลำตัวปกคลุมไปด้วยเกล็ดแข็ง (ยกเว้นบริเวณท้อง) เดินด้วยขาสี่ข้างที่มีกรงเล็บแหลม และมีปีกหนึ่งคู่ที่มีลักษณะคล้ายปีกค้างคาว เขี้ยวมังกรนั้นทั้งยาวและคมกริบ บริเวณด้านหลังลำคอมีแผ่นเกล็ดสามเหลี่ยมเรียงเป็นแถวตลอดความยาว ดวงตามังกรมีลักษณะเหมือนดวงตาสัตว์เลื้อยคลานที่มีรูม่านตาเป็นขีดในแนวตั้ง มีหนามแหลมบนเปลือกตา จุดอ่อนของมังกรคือช่วงท้องที่ไม่มีเกล็ดแข็งปกคลุม แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะพวกมันมักชอบนอนทับกองสมบัติเป็นประจำ ทำให้อัญมณีและเหรียญเงินเหรียญทองหลอมละลายและผสานเข้ากับผนังท้องของมังกร เกิดเป็นเกราะที่มีสีสันงดงามและยังเจาะทะลุได้ยากอีกด้วย

เผ่าพันธุ์มังกรไม่มีการสร้างระบบสังคม พวกมันจะใช้ชีวิตตามลำพังหรืออยู่กับคู่ครอง สืบเผ่าพันธุ์โดยการฟักออกจากไข่ อันที่จริงแล้วมังกรไม่ได้เป็นศัตรูตามธรรมชาติของมนุษย์หรือเผ่าพันธุ์ทรงปัญญาอื่น ๆ แต่เป็นศัตรูของเผ่าพันธุ์ตัวเองเพราะความคลั่งไคล้สมบัติจนควบคุมไม่ได้ มังกรสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินทองและอัญมณี ไม่ว่าจะเป็นการทำลายทั้งเมืองจนราบ บุกปล้นหมู่บ้าน หรือสังหารคนในกองคาราวานของพวกพ่อค้า ที่แย่ไปกว่านั้น พวกมันไม่ได้ทำไปเพราะเหตุผลด้านการเงิน แต่เป็นเพราะสัญชาตญาณดิบที่ต้องการครอบครองอย่างไม่รู้จบ ของมีค่าและสมบัติจำนวนมากถูกกองทิ้งไว้อย่างเปล่าประโยชน์ในรังของมังกร และสมบัติเหล่านี้ก็คือเหตุผลหลักที่ทำให้พวกมันถูกล่า นอกจากนี้เขี้ยวและน้ำตามังกรยังเป็นส่วนผสมของยาวิเศษหลายขนาน เครื่องสำอางเวทมนตร์ก็ใช้เลือดมังกรเป็นส่วนประกอบ และหางมังกรอบร้อน ๆ ก็นับว่าเป็นอาหารจานเลิศเสียด้วย

มังกรเป็นสัตว์กินเนื้อ อาหารหลักของพวกมันมักเป็นฝูงปศุศัตว์ของพวกชาวบ้าน เนื่องจากล่าได้ง่ายกว่าพวกสัตว์ป่า มังกรจะจู่โจมมนุษย์เมื่อไม่เหลือทางเลือกอื่น โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่เคารพบูชาพวกมัน นอกจากนี้มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่ชวนให้รู้สึกขยะแขยงในสายตาของพวกมังกร และกระตุ้นความกลัวบางอย่างที่แฝงอยู่ในสัญชาตญาณของพวกมัน (คล้ายกับความรู้สึกที่มนุษย์มีต่อพวกแมงมุมหรือคางคก)

มังกรมักจู่โจมจากกลางอากาศ โฉบลงมาฝังกรงเล็บลงในร่างเหยื่อและหิ้วไปกินในที่ที่เงียบสงบ เมื่อถูกสถานการณ์บังคับให้ต่อสู้บนพื้นดิน มังกรจะโจมตีด้วยหางที่ยืดหยุ่นและปราดเปรียวเหมือนงู ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งที่ต่างจากตำนานคือมังกรในร่างดั้งเดิมนั้นไม่สามารถพูดได้ แต่พวกมันจะสื่อสารผ่านทางโทรจิต ส่วนสาเหตุที่พวกมันสามารถสื่อสารได้ทุกภาษาบนโลกนั้นยังคงเป็นปริศนา

มังกรที่แท้จริงแบ่งออกเป็นหลายชนิด “ตัวอย่าง” ที่ยกมาบรรยายนั้นคือค่าเฉลี่ยและลักษณะที่พบได้ทั่วไปของมังกรชนิดนั้น ๆ

 

มังกรขาว (SMOKI BIAŁE)

หนึ่งในชนิดที่พบเจอได้ยากที่สุด พวกมันอาศัยอยู่ทางตอนเหนือสุดของมหาทวีปเท่านั้น ชื่อของพวกมันมาจากเกล็ดที่มีสีเทาอ่อน ลมหายใจของมังกรขาวนั้นมีความเย็นยะเยือกอย่างน่ากลัวและสามารถแช่แข็งทุกสิ่งได้ไกลเป็นสิบเมตร ความยาวเฉลี่ยของมังกรขาวอยู่ที่ราว ๆ 10 เมตร


มังกรดำ (SMOKI CZARNE)

มังกรชนิดนี้ถูกเรียกว่ามังกรดำเนื่องจากพวกมันมีเกล็ดสีน้ำตาลเข้ม ถิ่นอาศัยคือบริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำและตามหนองบึงเฉอะแฉะที่พวกมันจะใช้เวลาทั้งวันไปกับการนอนแช่ปลักโคลน ลมหายใจของมังกรดำคือไอกรดเข้มข้นที่สามารถทำลายชุดเกราะได้อย่างง่ายดาย พวกมันมีความยาวเฉลี่ยประมาณ 10 เมตร



มังกรแดง (SMOKI CZERWONE)

เกล็ดของพวกมันมีสีแดงหรือสีแดงอิฐ มีกอาศัยอยู่ในถ้ำบนภูเขา มังกรแดงสามารถพ่นเปลวไฟที่มีความร้อนสูงจนหลอมละลายโลหะได้ทุกชนิด โดยเฉลี่ยแล้วพวกมันมีความยาว 15 เมตร



มังกรหิน (SMOKI SKALNE)

จัดว่าเป็นมังกรที่พบเห็นได้ไม่บ่อยนัก พวกมันจะอาศัยอยู่ตามทุ่งหินหรือบริเวณที่มีสภาพอากาศแห้งแล้ง เกล็ดของมังกรหินมีสีใกล้เคียงกับมังกรดำ แต่มีขนาดลำตัวและโครงสร้างที่เล็กกว่ากันมาก น่าแปลกที่พวกมันไม่สามารถพ่นอะไรออกมากับลมหายใจได้เลยสักอย่าง การต่อสู้กับมังกรหินจึงกลายเป็น “ธรรมเนียม” ที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้กล้า ความยาวของมังกรหินโดยเฉลี่ยอยู่ที่ราว ๆ 5 เมตร



มังกรเขียว (SMOKI ZIELONE)

เป็นมังกรที่พบเจอได้บ่อยที่สุด เกล็ดของมันมีสีเขียวอมเทาและอาศัยอยู่ในฝืนป่า มังกรเขียวมักวางไข่และเลี้ยงลูกในป่าที่มีขนาดใหญ่ ลมหายใจของมันมีก๊าซคลอรีนที่มีพิษสูง แต่อย่างน้อยก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับอาวุธยุทโธปกรณ์ได้ โดยเฉลี่ยแล้วมังกรเขียวมีความยาวประมาณ 5 เมตร



มังกรทอง (SMOKI ZŁOTE)

เป็นชนิดที่พบเจอได้ยากที่สุด ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เชื่อว่ามันเป็นเพียงตำนาน แต่อันที่จริงแล้วมังกรทองนั้นมีตัวตนอยู่จริง ๆ ทั่วโลกมีมังกรชนิดนี้อยู่เพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น ตำนานเล่าว่าพวกมันมีเวทมนตร์วิเศษมากมาย แต่ส่วนที่ตรงกับความเป็นจริงคือเรื่องที่มังกรทองสามารถแปลงกายเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นได้อย่างไร้ข้อจำกัด มังกรทองสามารถพ่นไฟและไอร้อนที่ทำลายได้เกือบทุกสิ่ง โดยเฉลี่ยแล้วพวกมันมีความยาวได้ถึง 20 เมตร



 

กลับขึ้นไปเลือกหัวข้อ

 

 

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.