สรุปเนื้อเรื่อง The Witcher ซีซัน 2 ตอนที่ 8 Family
Season 2
Episode 8 ครอบครัว (Family)
เส้นเรื่องที่ปราสาทแคร์มอร์เฮน
ซีรีถูกโวเลธเมียร์ครอบงำ สติสัมปัชชัญญะของเธอถูกกดทับไว้ด้วยภาพมายาในจิตใต้สำนึก ซินทรายังคงงดงามสมบูรณ์ คนที่เธอรักล้วนยังมีชีวิตอยู่ แต่ในขณะเดียวกันโวเลธเมียร์ก็ควบคุมร่างของซีรีได้อย่างสมบูรณ์ มันเดินไปหยิบมีดโบราณในห้องเก็บอาวุธ มีดที่มันเคยใช้สังหารวิทเชอร์ก่อนที่จะถูกกักขังเอาไว้
เกรอลท์และเยนเนเฟอร์รีบควบม้ากลับไปยังปราสาทแคร์มอร์เฮน ไม่ว่าเยนเนเฟอร์จะขอโทษหรือพยายามอธิบายเหตุผลอย่างไร แต่วิทเชอร์ก็ไม่สามารถไว้ใจเธอได้อีก เยนเนเฟอร์บอกว่าเธอเปลี่ยนไปหลังจากที่ได้ใช้เวลาอยู่กับซีรี และเธอก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเด็กสาวจึงมีความสำคัญต่อเกรอลท์อย่างมาก แต่เกรอลท์ก็ไม่ยอมฟังและยืนกรานว่าเขาจะปกป้องซีรีด้วยตัวเอง
โวเลธเมียร์ในร่างซีรีใช้มีดโบราณสังหารพวกวิทเชอร์ที่กำลังนอนหลับสนิท เธอเดินเข้าไปในห้องของเวสิเมียร์ แต่เกรอลท์และเยนเนเฟอร์ก็เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน โวเลธเมียร์พยายามกลบเกลื่อน แต่เกรอลท์ก็จับพิรุธได้และเห็นรอยเลือดที่แก้มซีรี โวเลธเมียร์จึงใช้มีดทำร้ายเกรอลท์และวิ่งหนีออกไปจากห้อง
เวสิเมียร์ทั้งโศกเศร้าและโกรธเกรี้ยวที่โวเลธเมียร์ฆ่าวิทเชอร์ไปมากมาย เขาจึงสั่งให้ลูกศิษย์ดื่มยาเพิ่มพลังและเตรียมอาวุธ เขาคิดจะจัดการโวเลธเมียร์ไปพร้อม ๆ กับซีรี เช่นเดียวกับตอนที่เกรอลท์สังหารเลเชนกลายพันธุ์ที่อยู่ในร่างของเอสเกล เกรอลท์ขอร้องให้เวสิเมียร์ใช้วิธีขับไล่โวเลธเมียร์ออกจากร่างของซีรีก่อน แต่หมาป่าเฒ่าก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟังสิ่งที่เขาพูดเลย
เยนเนเฟอร์พยายามหาทางช่วยเหลือซีรี แม้ว่าเกรอลท์จะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเธอ จอมเวทหญิงไปปลุกยาสเกียร์ให้มาช่วยเธอที่ห้องทดลองใต้ดิน เยนเนเฟอร์พบหินแจสเปอร์ก้อนหนึ่งและคิดว่ามันจะช่วยให้เกรอลท์คิดหาวิธีที่ถูกต้องได้ เธอจึงขอให้นักกวีนำมันไปมอบให้กับเกรอลท์ ระหว่างนั้นเธอจะหาทางปรุงยาเพื่อแยกโวเลธเมียร์ที่เป็นเหมือนกับปรสิตออกมาจากร่างของซีรี
โวเลธเมียร์ในร่างซีรีสัมผัสได้ถึงสิ่งที่อยู่ในต้นไม้อนุสรณ์ของพวกวิทเชอร์ แผนการของมันใกล้จะสำเร็จเต็มที ในขณะที่ซีรียังหลงอยู่ในภาพมายาของงานเต้นรำ เธอโผกอดราชินีคาลันเธและพยายามวางตัวให้สมกับการเป็นเจ้าหญิงเพื่อทำให้ท่านยายภูมิใจ เวลาเดียวกันนั้นเองเกรอลท์และเหล่าวิทเชอร์ก็พบตัวโวเลธเมียร์อยู่ในห้องโถง เกรอลท์พยายามเจรจา เขายินดีจะแลกทุกอย่างเพื่อให้มันยอมออกจากร่างของซีรี แต่โวเลธเมียร์กลับใช้พลังของเด็กสาวทำให้ลำต้นของต้นไม้อนุสรณ์แตกออกจากกันและเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน นั่นคือเสาหินโมโนลิธที่ไม่มีใครรู้มาก่อนว่ามันซ่อนอยู่ในต้นไม้กลางห้องโถง
โวเลธเมียร์กรีดร้องอีกครั้ง หินโมโนลิธแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและพุ่งเข้าไปจู่โจมพวกวิทเชอร์ ก่อนจะพุ่งกลับมารวมกันอีกครั้งพร้อมกับก่อตัวเป็นประตูมิติ บาสิลิสก์กลายพันธุ์สองตัวเดินทะลุออกมาและพุ่งเข้าโจมตีพวกวิทเชอร์ทันที เวสิเมียร์เตรียมจู่โจมซีรี แต่เกรอลท์ขอให้อาจารย์ใช้คาถาเยอร์เดนขังซีรีและตัวเขาเอาไว้ด้วยกัน โวเลธเมียร์ต่อสู้กับเกรอลท์ในระหว่างที่เขาพยายามเรียกซีรีให้ตื่นขึ้นมา
ความโกรธแค้นของเวสิเมียร์ยิ่งทวีคูณเมื่อเขาเห็นลูกศิษย์ถูกฆ่าตาย ความโกรธของเขากลายเป็นอาหารหล่อเลี้ยงให้โวเลธเมียร์แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ในที่สุดเขาก็ต้องผละออกไปช่วยพวกวิทเชอร์ต่อสู้กับบาสิลิสก์ แต่แล้วเขาก็หันกลับมาจู่โจมซีรีอีกครั้งจนเกรอลท์ต้องยกดาบขึ้นมาป้องกันไม่ให้อาจารย์ทำร้ายเด็กสาว เสียงตะโกนของเกรอลท์เริ่มดังแทรกเข้าไปในจิตใต้สำนึกของซีรีและทำให้ภาพมายาเริ่มปั่นป่วน โวเลธเมียร์จึงเนรมิตภาพขององค์หญิงพาเว็ตตาและดูนี่ขึ้นมาเพื่อล่อลวงซีรีต่อไป
โวเลธเมียร์ใช้พลังของซีรีเปิดประตูมิติอีกครั้ง บาสิลิสก์กลายพันธุ์สีขาวพุ่งออกมาโจมตีเกรอลท์จนกระเด็นไปที่ระเบียง เวสิเมียร์ใช้จังหวะนี้ชักมีดสั้นออกมาแทงซีรี แต่บาดแผลที่เกิดขึ้นก็หายเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เยนเนเฟอร์และเกรอลท์ช่วยกันรั้งตัวเวสิเมียร์ออกมา เกรอลท์เหลือบไปเห็นหินแจสเปอร์ที่ยาสเกียร์ทำตกเอาไว้ เขาจึงนึกขึ้นได้ว่าโวเลธเมียร์นั้นกินความโกรธเกลียดและความเจ็บปวดเป็นอาหาร
เกรอลท์เตือนทุกคนว่าความเกลียดชังมีแต่จะทำให้โวเลธเมียร์แข็งแกร่งมากขึ้น เมื่อพวกวิทเชอร์เริ่มคุมสติอารมณ์ได้ โวเลธเมียร์ก็เริ่มลนลานจนเกิดช่องว่างให้เสียงของเกรอลท์แทรกเข้าไปในภาพมายาได้อีกครั้ง แม้ซีรีจะได้ยินเขาแต่เธอก็ไม่อยากแยกจากพ่อแม่ไปอีกแล้ว โวเลธเมียร์ประกาศกร้าวว่ามันจะอาศัยอยู่ในร่างของซีรีตลอดไป เกรอลท์เริ่มหมดหนทางเมื่อเขารู้ว่าโวเลธเมียร์คิดจะใช้ซีรีเป็นร่างภาชนะ เพื่อให้มันอาศัยอยู่ในมิตินี้ได้
แต่แล้วเยนเนเฟอร์ก็ทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด เธอใช้เศษขวดแก้วเฉือนข้อมือตัวเองเพื่อทำพิธีอัญเชิญให้ปีศาจเข้ามาสิงร่าง จอมเวทหญิงอยากแก้ไขความผิดที่เธอทำลงไปจึงคิดจะเสียสละตัวเองเพื่อช่วยซีรีให้หลุดพ้นจากการครอบงำ โวเลธเมียร์ถูกดึงดูดเข้าไปหาเยนเนเฟอร์ ภาพมายาเริ่มสลายเป็นเถ้าถ่าน ซีรีตระหนักแล้วว่าเธอไม่อาจจมอยู่กับครอบครัวที่เธอสูญเสียไปแล้ว ถึงกระนั้นก็ยังมีอีกครอบครัวหนึ่งที่กำลังรอคอยเธออยู่ ครอบครัววิทเชอร์แห่งปราสาทแคร์มอร์เฮน
ซีรีหลุดจากการควบคุมในจังหวะที่โวเลธเมียร์ถูกดึงเข้าไปอยู่ในร่างของเยนเนเฟอร์อย่างสมบูรณ์ เกรอลท์บอกให้ซีรีเปิดประตูมิติเพื่อส่งโวเลธเมียร์กลับไปยังมิติเดิมของมัน แม้จะไม่มั่นใจแต่ซีรีก็นึกถึงบทเรียนที่เยนเนเฟอร์เคยสอนไว้ ฟอนดาเกวติล! ประตูมิติเปิดขึ้นและดึงร่างเยนเนเฟอร์เข้าไปหาทันที เกรอลท์คว้าตัวเธอไว้พร้อมกับซีรี แต่ทั้งสามก็ถูกดึงเข้าประตูมิติไปด้วยกัน
ปลายทางนั้นคือมิติอันเปลี่ยวร้างและแห้งแล้งจากดวงอาทิตย์ทั้งสาม เสียงฝีเท้าม้าดังกึกก้องไปทั่ว โวเลธเมียร์ออกจากร่างของเยนเนเฟอร์แล้วล่องลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าสีแดงฉาน เหล่าภูตแห่งมอร์ฮอกก์ควบม้าทะยานเข้ามาหาซีรี ในขณะที่โวเลธเมียร์กลับคืนสู่ร่างที่แท้จริงของมัน ภูตมรณะในชุดเกราะอันน่าสยดสยอง เหล่าไวลด์ฮันต์ผู้นำความวิบัติไปสู่ทุกดินแดนที่พวกมันควบม้าข้ามผ่าน
“Child of Elder Blood, starry-eyed daughter of Chaos, join our Hunt. Your place is among us. You are ours.”
ทายาทแห่งสายเลือดโบราณ บุตรีแห่งพลังโกลาหลผู้ไร้เดียงสา จงมาออกล่ากับเรา ที่ของเจ้าอยู่ท่ามกลางหมู่พวกเรา เจ้าเป็นของเรา
ซีรีใช้พลังลึกลับพาตัวเยนเนเฟอร์และเกรอลท์ข้ามมิติกลับมายังแคร์มอร์เฮน เยนเนเฟอร์รู้สึกถึงพลังเคออสในตัวของเธอออกครั้ง เธอจึงใช้พลังรักษาบาดแผลให้กับโคเอน เกรอลท์บอกเวสิเมียร์ว่าเขาได้เผชิญหน้ากับพวกไวลด์ฮันต์ และการอยู่ที่แคร์มอร์เฮนต่อไปก็มีแต่จะนำอันตรายมาให้ เขาจำเป็นต้องพาซีรีเดินทางไปที่อื่นเพื่อความปลอดภัยของทุกคน
แม้เยนเนเฟอร์จะยอมเสียสละตัวเองเพื่อช่วยซีรี แต่เกรอลท์ก็ยังคงไม่สามารถให้อภัยจอมเวทหญิงได้ ถึงกระนั้นเขาก็ยังให้โอกาสเยนเนเฟอร์ได้พิสูจน์ตัวเองด้วยการสอนเวทมตร์ให้ซีรี วิทเชอร์นึกถึงคำพูดของมังกรทองวิลเลเทรเทนเมิร์ธที่บอกว่าเขาและเยนเนเฟอร์ถูกสร้างมาเพื่อกันและกัน แต่ลำพังแค่โชคชะตาอย่างเดียวนั้นยังไม่พอ ทั้งคู่ยังต้องการ “บางสิ่ง” ที่มากกว่านั้น... “บางสิ่ง” ที่มังกรทองบอกไว้ก็คือซีรีนั่นเอง
ทั้งสองคนเดินไปสมทบกับซีรี เด็กสาวรู้สึกเหนื่อยล้ากับชีวิตที่ถูกดึงเข้าสู่วังวนแห่งความทุกข์และความสูญเสียอีกครั้ง เกรอลท์ปลอบเธอว่าแม้จะเหนื่อยแต่ชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อไป ตอนนี้เขาเข้าใจถึงสาเหตุที่โวเลธเมียร์ต้องการพลังของซีรีแล้ว แต่สิ่งที่ยังคิดไม่ตกก็คือเหตุใดพวกนิลฟ์การ์ดจึงรู้เรื่องพลังของเธอก่อนที่ทุกคนจะรู้เสียอีก
เส้นเรื่องของพวกเอลฟ์
ฟรานเชสกาหัวใจแตกสลายที่ลูกสาวของเธอถูกสังหารอย่างเลือดเย็น ดาร่าสารภาพเรื่องที่เขาแอบเป็นสายข่าวให้กับดีคสตรา ทำให้ฟิลาวันเดรลคิดว่าอาณาจักรเรเดเนียเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ บางทีอาจเป็นการตอบโต้ที่พวกเอลฟ์ไปเข้าร่วมกับจักรวรรดินิลฟ์การ์ด แม้จะยังไม่รู้ว่าฝ่ายไหนกันแน่ที่พรากชีวิตลูกของเธอไป แต่ฟรานเชสกาก็มั่นใจว่ามันต้องเป็นฝีมือของพวกมนุษย์ เธอให้อภัยดาร่าเพราะเข้าใจว่าเขาต้องยอมเป็นสายลับเพื่อรักษาชีวิตตัวเอง แต่เธอจะไม่มีวันให้อภัยพวกมนุษย์อย่างเด็ดขาด
ฟรานเชสกานำขบวนพวกเอลฟ์เดินไปตามบ้านเรือนในเมืองอ็อกเซนเฟิร์ต เธอเสกตราพิฆาตไว้บนประตูบ้านที่มีเด็กทารก เด็กน้อยส่งเสียงร้องระงมเมื่อสัญลักษณ์เวทปรากฏขึ้นกลางอก เกจพยายามห้ามปรามพี่สาว แต่ฟรานเชสกายังคงเสกตราพิฆาตต่อไปเรื่อย ๆ เมื่อเธอวาดมือให้เวทมนตร์ทำงาน เสียงร้องไห้ของเด็ก ๆ ทั้งเมืองก็เงียบลงทันที ก่อนจะตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของเหล่ามารดาที่ต้องสูญเสียลูกน้อยไปอย่างไม่คาดคิด
พวกเอลฟ์กลับไปตั้งแคมป์ในป่าอีกครั้ง เกจเสนอให้กลับไปยังซินทราเพราะไม่อยากให้พวกนิลฟ์การ์ดเห็นเอลฟ์เป็นศัตรู แต่จิตใจของฟรานเชสกานั้นยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกเกลียดชังมนุษย์ เอลฟ์กลุ่มหนึ่งลากตัวชเลยเข้ามากลางวง อิสเทรดด์ถูกจับตัวเพราะท่าทางที่มีพิรุธของเขา ฟิลาวันเดรลออกคำสั่งให้พาเขาไปฆ่าทิ้ง จอมเวทจึงต้องเอาตัวรอดโดยการเผยความลับที่ว่าองค์หญิงของซินทราคือ “เฮน อิแคร์” หรือผู้มีสายเลือดเอลฟ์โบราณ ซึ่งเชื่อกันว่าจะมาช่วยให้เผ่าพันธุ์เอลฟ์กลับมารุ่งเรืองอีกครั้งตามคำทำนายของอิธลินน์ ในคืนนั้นไม่มีใครรู้ว่ามีนกฮูกตัวหนึ่งกำลังแอบดูแอบฟังพวกเขาอยู่ด้วย
เส้นเรื่องฝั่งนิลฟ์การ์ด
คาเฮียร์กำลังตรวจตราความเรียบร้อยของท้องพระโรงเพื่อเตรียมรับเสด็จองค์จักรพรรดิ ฟรินจิลลาขอคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวเพื่อแจ้งข่าวเรื่องที่มีเอลฟ์กลุ่มหนึ่งขโมยม้าหนีขึ้นไปทางเหนือ ฟรานเชสกากับฟิลาวันเดรลก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย พวกเอลฟ์เข้าใจว่าอาณาจักรเรเดเนียคือผู้บงการแผนสังหารทารกจึงมุ่งหน้าตามไปล้างแค้น ตอนนี้จึงเท่ากับว่าแผนการเสริมกำลังพลของฟรินจิลลาล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
แต่คาเฮียร์ยังมองเห็นทางพลิกวิกฤตให้กลายเป็นโอกาส เขามองว่าการที่พวกเอลฟ์เปิดฉากโจมตีเรเดเนียน่าจะเป็นเรื่องที่ส่งผลดีต่อนิลฟ์การ์ด และให้ฟรินจิลลาอ้างว่าทั้งหมดคือแผนการที่เธอวางเอาไว้ ตั้งแต่การพาพวกเอลฟ์มาที่ซินทรา และการสังหารลูกของฟรานเชสกาโดยป้ายสีว่าเป็นฝีมือของพวกเรเดเนีย หากเธอและเขาอ้างผลงานนี้ต่อองค์จักรพรรดิ นอกจากจะไม่ถูกลงโทษแล้วก็ยังมีผลงานไปสร้างความดีความชอบได้อีกด้วย
จักรพรรดิเอเมียร์ วาร์ เอมรีส เสด็จออก ณ ท้องพระโรงพระราชวังซินทรา คาเฮียร์และฟรินจิลลาเดินตามเสด็จพร้อมกับรายงานเรื่องพวกเอลฟ์ตามที่นัดแนะกันเอาไว้ โดยหารู้ไม่ว่าผู้ที่ออกคำสั่งให้สังหารทารกเอลฟ์ก็คือองค์จักรพรรดิเอง ฟรินจิลลาและคาเฮียร์ตกตะลึงที่ถูกจับโกหกได้คาหนังคาเขา องค์จักรพรรดิไม่ไว้วางใจพวกเขาอีกต่อไป อันที่จริงแล้วองค์จักรพรรดิแห่งนิลฟ์การ์ดก็คือ “ดูนี่” บิดาบังเกิดเกล้าขององค์หญิงซีริลลา พระองค์จึงยอมทำทุกวิถีทางเพื่อตามหาตัวพระธิดากลับคืนมาให้ได้
เส้นเรื่องฝั่งแดนเหนือ
ทิสซายอาเข้าหารือกับเหล่าราชาแดนเหนือ เธอยืนยันว่าองค์หญิงซีริลลาแห่งซินทรายังคงมีชีวิตอยู่ และดูเหมือนว่าหัวหน้าสายลับแห่งเรเดเนียก็กำลังตามหาตัวองค์หญิงอยู่เช่นกัน ราชาโฟลเทสท์สรุปว่าดีคสตรามีแผนจะให้ราชาวิซิเมียร์แต่งงานกับองค์หญิงเพื่ออ้างสิทธิ์ในบัลลังก์ซินทรา ซึ่งถ้าหากมันเกิดขึ้นจริง ๆ แดนเหนือทั้งหมดคงไม่อาจต้านทานอิทธิพลและอำนาจของเรเดเนียได้ ราชินีมีฟเสนอให้ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมโดยการสังหารองค์หญิง ที่ประชุมเห็นด้วยและลงมติว่าจะประกาศตั้งค่าหัวองค์หญิงซีริลลาและใครก็ตามที่ปกป้องเธอ
เรียนซ์ได้พบกับเจ้านายของลีเดียในที่สุด เขารายงานเรื่องที่พวกเอลฟ์เริ่มผนึกกำลังกันหลังจากที่ทารกเอลฟ์ถูกลอบสังหาร ฝ่ายนิลฟ์การ์ดก็ตั้งตารอที่จะก่อสงครามขึ้นมาอีก ซึ่งแดนเหนือก็คงตอบโต้แบบทันควันแน่นอน ท่านเจ้านายบอกให้เรียนซ์และลีเดียสนใจเฉพาะเรื่องการตามหาตัวซีรีเท่านั้น ลีเดียรับปากว่าจะไม่ทำให้เขาต้องผิดหวังอีก แต่คราวนี้เธอต้องสื่อสารผ่านทางโทรจิต เพราะหลังจากทำการทดสอบตัวอย่างเลือดของซีรี ปากและลำคอของเธอก็ถูกทำลายจนใช้การไม่ได้อีกต่อไป
นกฮูกบินกลับมาหาดีคสตราและกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ เธอคือ ฟิลิปปา ไอล์ฮารท์ จอมเวทหญิงที่ร่วมมือกับดีคสตราและคอยชักใยอยู่เบื้องหลังบัลลังก์แห่งเรเดเนีย เธอรายงานสิ่งที่ได้ยินมาจากแคมป์ของพวกเอลฟ์ ดีคสตราจึงบอกให้เธอพาตัวยาสเกียร์มาให้ เพราะถึงเวลาที่เจ้านักกวีต้องตอบแทนบุญคุณผู้อุปถัมภ์ของเขาแล้ว
พล็อตเรื่องที่แตกต่างระหว่างซีรีส์และนิยาย
- เหตุการณ์ในเอพิโสดนี้เกือบทั้งหมดแตกต่างไปจากนิยายต้นฉบับ มีเพียงพล็อตเรื่องที่จักรพรรดิเอเมียร์คือดูนี่เท่านั้นที่ตรงกับเรื่องราวในนิยาย แต่ก็ยังมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน คือ ในนิยายจะมีแค่ไม่กี่คนที่รู้ความจริงเรื่องนี้ และกว่าจะมีการเฉลยตัวตนของจักรพรรดิเอเมียร์เรื่องราวก็ดำเนินไปจนเกือบจะจบแล้ว
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- ฉากน้ำในชามสั่นสะเทือนก่อนที่บาสิลิสก์จะเดินออกมาจากประตูมิติ เป็น easter egg ที่อุทิศให้แก่ภาพยนตร์เรื่อง Jurassic Park (1993) ก่อนที่ที่ทีเร็กซ์จะปรากฏตัวขึ้น น้ำในแก้วน้ำบนรถของด็อกเตอร์มัลคอล์มก็สั่นกระเพื่อมตามจังหวะฝีเท้าของทีเร็กซ์
- คำพูดที่พวกไวลด์ฮันต์ชักชวนซีรีมาอยู่ด้วย มาจากคำพูดของเอเรดินในตอนที่เขาพบตัวซีรีเป็นครั้งแรก เหตุการณ์นี้อยู่ในเล่ม Time of Contempt
- ภาษาเอลฟ์ที่โวเลธเมียร์กล่าวออกมาระหว่างสิงร่างซีรี คือ “Va’esse deireádh aep eigean, va’esse eigh faidh'ar.” เป็นประโยคเดียวกับที่องค์หญิงพาเว็ตตาพูดออกมาระหว่างใช้พลังปกป้องดูนี่ และยังเป็นที่มาของคาถาที่ทริสใช้เสกสารก่อการกลายพันธุ์จากเลือดของซีรี (Veise deireid eip eigein, veise eig faidar.) ความหมายของมันก็คือ “Something ends, something begins.” (บางสิ่งจบลง บางอย่างเริ่มต้นขึ้น) ซึ่งเป็นชื่อของเรื่องสั้นในเล่ม Sword of Destiny (ดาบแห่งโชคชะตา)
แผนที่
ตำแหน่งของตัวละครสำคัญเมื่อจบซีซัน 2 (คลิกเพื่อขยายภาพ) |
📜 อ่าน ⏪สรุปเนื้อเรื่องซีซัน 2 ตอนที่ 7
ไม่มีความคิดเห็น