เผยความรู้สึกฝ่าย VFX ซีรีส์ The Witcher หลังภาคแยกโดนถล่มย้บ
Screen Rant มีโอกาสได้สัมภาษณ์ “เกรม มาร์แชลล์” (Greame Marshall) โปรดิวเซอร์ด้านวิชวลเอฟเฟกต์ของซีรีส์ The Witcher และ “เซบาสเตียน ฟรองคีเออร์” (Sébastien Francoeur) หัวหน้าทีมวิชวลเอฟเฟกต์แห่ง RodeoFX สตูดิโอชื่อดังจากแคนาดาที่อยู่เบื้องหลังการเนรมิตเวทมนตร์และสัตว์ประหลาดแห่งมหาทวีปมาตั้งแต่ซีซันแรก โดยทั้งคู่ได้เผยถึงเบื้องหลังการทำงาน รวมไปถึงอนาคตของซีรีส์ และความรู้สึกหลังจากที่ภาคแยกอย่าง Blood Origin ถูกวิจารณ์อย่างหนาหู
มาร์แชลเผยว่าในการทำงานนั้น ทางฝ่ายวิชวลเอฟเฟกต์จะทำหน้าที่เหมือนเป็นที่ปรึกษาของทีมเขียนบทมากกว่าการออกไอเดียโดยตรง
“มันออกแนวปรึกษากันมากกว่า ผมคงพูดได้ไม่เต็มปากว่าเราเข้าไปมีส่วนอย่างมากในขั้นตอนการเขียนบทหรือขั้นตอนการสร้างสรรค์อะไรทำนองนั้น มันเป็นแบบ เวลาพวกเขามีไอเดียมาเสนอเรา ก็จะเข้ามาถามว่า “เฮ้ ถ้าเราอยากทำแบบนี้ มันจะต้องใช้อะไรบ้าง?” โดยเฉพาะในอีพีต่อ ๆ ไปในอนาคต มีการพูดคุยให้เซบาสเตียนเข้าไปมีบทบาทมากกว่าการให้คำปรึกษา แม้กระทั่งการได้เข้าไปดูในเซ็ตว่าจะเกิดอะไรขึ้นและช่วยเรื่องงานสร้างสัตว์ประหลาด เรื่องจุดอ้างอิงอะไรแบบนั้น ดังนั้นบทบาทของเราจึงเป็นไปในทำนองนั้นมากกว่าการป้อนวัตถุดิบโดยตรง แน่นอนว่ามันมากกว่าการให้คำปรึกษาเฉย ๆ ในแง่ของกระบวนการทำงาน”
เมื่อพูดถึงการเปรียบเทียบกับเกมและนิยาย โดยเฉพาะในเรื่องของการอ้างอิงจากต้นฉบับ ทั้งสองคนก็ยืนยันว่าซีรีส์มีแนวทางเป็นของตัวเองและไม่สามารถเดินตามแนวทางของจักรวาลเกมได้ ส่วนนิยายต้นฉบับนั้นพวกเขามองว่าเป็น “ไกด์บุ๊ค” มากกว่าเป็น “ไบเบิล” ที่ต้องทำตามอย่างเคร่งครัด
มาร์แชลกล่าวว่า “เราเคยอ้างอิงเวทมนตร์บางอย่างจากสื่ออื่น (เกมและนิยาย) ค่อนข้างมาก แต่พวกเขาก็แบบ “ไม่ เราทำแบบนั้นไม่ได้ เราไม่ต้องการเดินตามเส้นทางนั้น” ผมคิดว่ามีแฟนเกมหรือแฟนนิยายอยู่เป็นจำนวนมาก และคุณไม่สามารถทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพอใจได้โดยที่อีกฝ่ายไม่ผิดหวัง ดังนั้นเราจึงระมัดระวังอย่างมากที่จะทำให้มันซื่อตรงกับเนื้อเรื่อง ซื่อตรงกับจักรวาล และซื่อตรงกับเดอะวิทเชอร์”
ฟรองคีเออร์เสริมว่า “เราไม่สามารถทำในสิ่งที่วิดีโอเกมทำเอาไว้ได้ มันเป็นกฎข้อแรกที่เราได้เรียนรู้ตั้งแต่เริ่มงาน เพราะในซีซัน 2 นั้นมีรากฐานมาจากนิยาย มันเป็นสิ่งที่ถูกเขียนขึ้นมา มันไม่ใช่วิดีโอเกม คุณไม่สามารถเอาข้อมูลมาจากเกมและเริ่มต้นจากจุดนั้นได้ มันมีที่มาจากแหล่งเดียวกัน แต่ก็เป็นสื่อคนละแขนง”
“ประมาณว่านิยายเป็นไกด์บุ๊ค แต่ไม่ได้เป็นไบเบิลอย่างแน่นอน” มาร์แชลสรุป
Screen Rant ยังถามถึงซีรีส์ซีซัน 3 ที่กำลังอยู่ในช่วง post-production มาร์แชลล์ก็อัพเดทความคืบหน้าว่าพวกเขากำลังทุ่มเทอย่างหนักในช่วงโค้งสุดท้าย และมันเป็นอะไรที่แปลกใหม่ไปจากนิยายและเกม
“ผมคิดว่าการที่พวกเขาแยกตัวออกมาจากวิดีโอเกมหรือนิยายมันทำให้มีพื้นที่ในการสำรวจเส้นเรื่องและสถานที่อื่น ๆ ผมคิดว่ามันก็ออกมาดีในสายตายของพวกเขา มันไม่เหมือนกับการดูโชว์อย่าง The Last of Us ที่เอพิโสดแรกนั้นเริ่มต้นเหมือนในวิดีโอเกม ในขณะที่เรื่องนี้ ผมคิดว่ามันมีอิสระในการใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปมากมาย โดยที่ยังคงความใกล้เคียงและซื่อตรงต่อบางจุด และเปิดโอกาสให้พวกเขาได้สำรวจเรื่องราวส่วนอื่นไปด้วย”
“สำหรับซีซัน 4 ตอนนี้ยังไม่ถึงช่วงเวลาที่พวกเราจะเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ แต่กับซีซัน 3 ตอนนี้พวกเรากำลังทุ่มเทอย่างหนักเพื่อทำให้ 2-3 ตอนสุดท้ายเสร็จสมบูรณ์ และมันก็เจ๋งมาก ๆ ด้วย ผมไม่คิดว่ามันเป็นอะไรที่มีใครเคยได้อ่านหรือเคยพบเห็นมาก่อนในตำนานเดอะวิทเชอร์ ผมเลยคิดว่ามันน่าตื่นเต้นมาก ๆ”
สำหรับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของซีรีส์ภาคแยกอย่าง The Witcher: Blood Origin ฟรองคีเออร์ในฐานะสตูดิโอที่รับช่วงงานมาอีกทีก็ยอมรับว่ามันน่าเศร้าใจอยู่บ้างที่พวกเขาทุ่มเทอย่างมาก แต่ผลงานที่ออกมาก็พลอยถูกเกลียดไปด้วย ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่ความผิดของพวกเขาเลย
“ผมคิดว่าเราต้องแยกแยะนะ เรารับงานมา เราก็มีงานที่ต้องทำ เราทำงานกันอย่างสุดความสามารถเสมอภายใต้กรอบของงานเหล่านั้น เราไม่ได้เป็นตัดสินใจในตอนท้าย ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องสนุกเลย (ที่มีคนเกลียด)”
“มันต้องยอดเยี่ยมแน่นอนถ้าคุณพยายามอย่างหนักและได้เสียงตอบรับที่ดีในตอนท้าย มันค่อนข้างน่าเศร้าเมื่อไม่มีใครชอบมันเลย แต่ผมก็พยายามไม่เก็บมาเป็นเรื่องส่วนตัว สิ่งที่เราต้องทำคือการทำให้คนที่เราทำงานด้วยรู้สึกพึงพอใจ เราทำงานกันแบบนั้น ผมคิดว่าบางทีคนเราก็ชักจะเลยเถิดเกินไปหน่อย ผมเคยเจอรีวิวหนึ่งบอกว่ามันแย่ยิ่งกว่า The Rings of Power แต่ The Rings of Power น่ะยอดเยี่ยมจะตาย ผมเลยไม่คิดจะฟังคำวิจารณ์ของเขาอีก”
ไม่มีความคิดเห็น