ทีเซอร์แรกของ The Witcher: Sirens of the Deep บอกอะไรเราบ้าง?

ในที่สุดอนิเมชันลำดับที่ 2 ของจักรวาลวิทเชอร์เน็ตฟลิกซ์อย่าง The Witcher: Sirens of the Deep ก็ถูกปล่อยมาให้แฟน ๆ ได้ยลโฉมกันเป็นครั้งแรกแล้ว โดยเนื้อเรื่องเป็นการดัดแปลงมาจากเรื่องสั้น A Little Sacrifice ในหนังสือรวมเรื่องสั้น Sword of Destiny (ชื่อเรื่องฉบับแปลไทยคือ "การเสียสละเล็ก ๆ น้อย ๆ" ในเล่มดาบแห่งโชคชะตา) ต่างจากอนิเมชันเรื่องแรกอย่าง The WItcher: Nightmare of the Wolf ที่เนื้อเรื่องเกือบทั้งหมดเป็นการแต่งขึ้นมาใหม่เพื่อเติมช่องว่างที่นิยายไม่ได้บอกเล่าเอาไว้

Sirens of the Deep ยังคงเป็นผลงานของ Studio Mir เจ้าเก่า แต่ครั้งนี้ Kang Hei Chul จะขยับจากงานควบคุมสตอรี่บอร์ดมานั่งแท่นเป็นผู้กำกับอย่างเต็มตัว ในส่วนของบทภาพยนตร์นั้นเขียนโดย Mike Ostrowski และ Rae Benjamin ซึ่งอยู่ในทีมเขียนบทซีรีส์หลัก และควบคุมการผลิตโดย Lauren Hissrich เหมือนเดิม โดยมีกำหนดฉายคร่าว ๆ ในช่วงปลายปี 2014

ส่วนนักแสดงที่จะมาให้เสียงตัวละครหลักในเรื่องก็เป็นที่คุ้นเคยของแฟน ๆ เป็นอย่างดี เริ่มจากตัวเอกของเรื่องอย่าง "เกรอลท์" ที่ได้เจ้าของเสียงเกรอลท์ในวิดีโอเกมอย่าง Doug Cockle มารับหน้าที่นี้อีกครั้ง ส่วนตัวละคร "ยาสเกียร์" และ "เยนเนเฟอร์" ก็จะได้นักแสดงจากซีรีส์อย่าง Joey Batey และ Anya Chalotra มาพากย์เสียงให้กับตัวละครของตัวเองด้วย ขณะที่ตัวละครใหม่อย่างนักกวีสาว "เอสซี่ ดาเวน" จะได้ Christina Wren มาเป็นผู้ถ่ายทอดตัวละครนี้

เอสซี่ ดาเวน ในอนิเมชันถูกปรับให้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น (ในเรื่องสั้นเธอเป็นเด็กสาวอายุ 16 ปี)

 

ดูทีเซอร์ The Witcher: Sirens of the Deep ได้ที่นี่

 

 

 

 

ต่อจากนี้ไปจะเป็นการวิเคราะห์เนื้อเรื่องจากทีเซอร์ The Witcher: Sirens of the Deep
ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของเรื่องสั้น A Little Sacrifice 

 

 

 

เรื่องสั้น A Little Sacrifice ของอันเชย์ ซัพคอฟสกี เป็นการหยิบเอานิทาน "The Little Mermaid" ของ ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน มาปรับเปลี่ยนให้เข้ากับโลกอันมืดมนที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด เมื่อความรักข้ามเผ่าพันธุ์กลายเป็นชนวนเหตุให้ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ผู้ครอบครองผืนดินกับเผ่าพันธุ์โบราณแห่งท้องทะเลต้องอุบัติขึ้นอีกครั้ง ดยุคแห่งเมืองชายฝั่งจึงจ้างวานเกรอลท์ให้มาคลี่คลายปัญหานี้ ด้วยความช่วยเหลือของเอสซี่ ดาเวน นักกวีสาวผู้เป็นเสมือนน้องบุญธรรมของแดนดีไลออน หนึ่งวิทเชอร์และสองนักกวีจะต้องช่วยกันหาทางยับยั้งสงครามที่อาจทำให้เมืองล่มสลายลงไปให้ได้

เหตุการณ์ในเรื่องสั้น A Little Sacrifice เกิดขึ้นหลังจากที่เกรอลท์แยกทางกับเยนเนเฟอร์ที่เมืองเอดกินเวลด์ในอาณาจักรโคเวียร์ (แต่ในจักรวาลซีรีส์เหตุการณ์ใน Sisens of the Deep จะเกิดขึ้นก่อนการล่ามังกรในตอนที่ 6 ของซีซันแรก) แต่แล้วเกรอลท์ก็ตัดสินใจออกไปจากชีวิตของเยนเนเฟอร์เพราะอึดอัดกับความเจ้าอารมณ์ของจอมเวทหญิง วิทเชอร์กลับไปร่วมเดินทางกับยาสเกียร์อีกครั้ง และได้พบกับเอสซี่ ดาเวน ที่เมืองเบรเมอร์วูด ซึ่งดยุคผู้ครองเมืองไปตกหลุมรักกับเงือกสาวตนหนึ่ง ขณะเดียวกันก็เกิดเหตุฆาตกรรมนักงมไข่มุกตามแนวชายฝั่งอย่างต่อเนื่อง เกรอลท์จึงถูกจ้างวานให้ไปคลี่คลายปัญหานี้ แต่แล้ววิทเชอร์ก็พบว่ามือสังหารในคดีนี้ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็น "ว็อดยานอย" (Vodyanoy) หรือมนุษย์ปลาแห่งอารยธรรมอีส (Ys) ใต้ท้องทะเล ซึ่งชนวนเหตุก็มาจากการที่มนุษย์รุกล้ำน่านน้ำและช่วงชิงทรัพยากรไปจากทะเลมากขึ้นทุกที และดยุคแห่งเบรเมอร์วูดยังคิดจะทำสงครามกับชาวสมุทรอีกด้วย

จากทีเซอร์ที่ปล่อยออกมา จะเห็นว่ามีการปรับให้ชาวเงือก (ซึ่งในจักรวาลซีรีส์จะเรียกว่า "ไซเรน") เป็นผู้นำสงครามของชาวสมุทร ขณะที่ในเรื่องสั้นต้นฉบับชาวเงือกจะเป็นพวกรักสันติและไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกมนุษย์ปลาที่กระหายเลือด นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าจะมีการปรับให้เงือกสาวเป็นลูกของเจ้าสมุทรคล้ายกับ The Little Mermaid ของค่ายดีสนีย์อีกด้วย

ในฉากที่เกรอลท์ถูกมนุษย์ปลาจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวระหว่างนอนหลับ จะเห็นว่ามนุษย์ปลานั้นมีพละกำลังและความว่องไวเหนือกว่ามนุษย์อยู่หลายขุม แม้แต่วิทเชอร์อย่างเกรอลท์ก็ยังต้องใช้โพชั่นเป็นตัวช่วยในการต่อสู้ นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าพวกมันสามารถพ่นน้ำปริมาณมหาศาลออกมาโจมตีศัตรูได้ด้วย

ส่วนฉากที่พวกทหารถูกมนุษย์ปลาบุกขึ้นเรือ จะเห็นว่าเกรอลท์ยิงคาถาอาร์ดใส่ตัวละครที่เป็นมนุษย์ นั่นเป็นเพราะว่าชายสูงศักดิ์ผู้นี้กำลังดึงเชือกที่มัด "ตัวอะไรบางอย่าง" เอาไว้ และนี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เรือของเขาถูกพวกมนุษย์ปลาจู่โจม เกรอลท์จึงต้องทำให้เขาปล่อยมือจากเชือกเพื่อยุติการนองเลือด

ปิดท้ายด้วยทีเซอร์เปิดตัวผู้ให้เสียงเกรอลท์ จะเห็นว่าวิทเชอร์ของเรายืนอยู่ท่ามกลางแถวรูปปั้นขนาดใหญ่ที่แสดงถึงการเผชิญหน้ากันระหว่างมนุษย์และชาวสมุทรซึ่งเกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน แต่การที่เกรอลท์เลือกใช้ดาบเหล็กในฉากนี้ก็แสดงให้ว่าศัตรูของเขาไม่ใช่พวกมอนสเตอร์ และสถานที่แห่งนี้อาจเป็นภาพที่เกิดจากเวทมนตร์ก็เป็นได้

 

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.